วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 435

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 435 เถ้ากระจายสลายเป็นควัน

“ดูเหมือนระเบิดที่เผื่อเกินไปเยอะนี้จะทำให้เกิดภาพน่าดูจริงๆ ฮี่ ฮี่” จักรพรรดิมารยิ้มปลอดโปร่ง เหยียนเทียนเว่ยที่อยู่ใกล้ๆร่างแข็งทื่อ เหยียนกงลั่วใบหน้าซีดเผือด หากอยู่ใกล้ๆจะได้ยินเสียงหลุดออกจากปาก “แม่เจ้า แม่เจ้า แม่เจ้าโว้ย.... เมียมันเถอะ น่ากลัวเกินไปแล้ว.... นี่หรือคือสิ่งที่เจ้านายบอกให้ข้าทำในตอนนั้น ‘ระเบิด’....”

การสร้างระเบิดนั้นเรียบง่ายมาก วัสดุที่จำเป็นสามารถหาได้ในทุกที่ แต่โลกนี้ไม่รู้จักของอย่างระเบิด สำหรับคนของโลกนี้ ระเบิดน่าหวาดหวั่นล้วนไม่ต่างจากพลังเหนือธรรมชาติ ที่ต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์

หนึ่งปีก่อน หลังจากที่เย่หวูเฉินออกมาจากหุบเหวปลิดวิญญาณ พวกตระกูลเหยียนก็จัดการขนสมบัติจักรพรรดิบรรพชนเทียนหลง หากไม่ใช่เพราะความมั่งคั่งมหาศาล ไหนเลยพวกเขาจะสร้างขุมกำลังและเครือข่ายข่าวสารได้ปานนี้ สมบัติจักรพรรดิบรรพชนเทียนหลงไม่ได้ตกเป็นของผู้ใด หากแต่เป็นสำนักมาร

ในขณะเดียวกัน แผนล้างบางสำนักจักรพรรดิเหนือก็ผุดขึ้นในสมองของเย่หวูเฉิน ปรากฎขึ้นมาไม่กี่คำว่า เถ้ากระจายสลายเป็นควัน!

สำนักจักรพรรดิเหนือในตอนนี้ เปลี่ยนเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน อาจมีหลายคนที่เคราะห์ดีรอดชีวิต ซึ่งไม่ทราบว่ามีเท่าใด แต่อย่างน้อยที่มีโอกาสคือเหล่าคนที่แข็งแกร่งสูงสุดในสำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนต้วนหุน , เหยียนเทียนอ้าว และ เหยียนเทียนสง ส่วนผู้คนที่เหลือส่วนมาก ย่อมไม่มีหวังรอดชีวิตเลย

หนึ่งปีก่อนพลังของเย่หวูเฉินยังอ่อนแอนัก หากตอนนั้นหวังเอาชนะสำนักจักรพรรดิเหนือด้วยพลังของสำนักมาร ต่อให้สุดท้ายเอาชนะได้ก็ต้องเสียหายอย่างหนัก ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังมีสายเลือดจักรพรรดิเหนือร่วมกัน ย่อมไม่สมควรเข่นฆ่ากันและกัน ดังนั้นเขาจึงหันเหความสนใจไปทางอื่น เช่นการกำจัดสำนักจักรพรรดิใต้

สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือเป็นขุมกำลังแกร่งกล้าสูงสุดในทวีปเทียนเฉิน พันๆปีไม่เคยมีใครทำให้สั่นคลอน ไม่เคยมีใครกล้ายั่วยุ ทว่านับแต่เย่หวูเฉินตัดสินใจทำลายพวกมัน ความคิดของเขานับว่าบ้าคลั่ง.... คิดหวังกำจัดพวกมันโดยไม่เปลืองกระสุนแม้แต่นัดเดียว!

สถานที่อันเป็นรากฐานสำนักจักรพรรดิใต้ถูกทำลายโดยฝีมือเจวี๋ยเทียน โดยมีเขาเป็นผู้ชักใย ขณะที่สำนักมารไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังพลแม้แต่คนเดียว

ตอนนี้ สถานที่อันเป็นรากฐานสำนักจักรพรรดิเหนือถูกทำลาย แรงระเบิดสะเทือนฟ้าเปลี่ยนพวกมันเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน ยากที่จะหาเศษซากที่สมบูรณ์ เป็นอีกครั้งที่สำนักมารไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังคน สำนักจักรพรรดิเหนือถูกล่อลวงด้วยแผนการต่อเนื่องของเย่หวูเฉิน กระทั่งขนวัตถุล้างบางตนเข้าสู่รังด้วยความยินดี

ในหีบทองคำมากกว่า 1,000 ใบ มีเพียงไม่กี่ใบที่บรรจุทองคำและอัญมณี ที่เหลือล้วนอัดแน่นด้วยระเบิดมหากาฬ แรงระเบิดจากหีบมากกว่า 1,000 ใบน่ากลัวแค่ไหน เกรงว่ากระทั่งเจวี๋ยเทียนในสภาพสมบูรณ์ยังต้องบาดเจ็บหนัก แม้มีหีบบรรจุสมบัติจริงอยู่ไม่มาก แต่ตำแหน่งการจัดวางเย่หวูเฉินล้วนคำนวณมาอย่างดี ทุกจุดคือตำแหน่งอันยอดเยี่ยม หีบหลายใบที่สำนักจักรพรรดิเหนือเปิดตรวจสอบล้วนเป็นหีบเหล่านั้น ด้วยกลัวว่าความลับจะรั่วไหล พวกมันย่อมขนกลับไปด้วยความเร็วสูงสุด ไม่มีทางเปิดตรวจดูหีบทุกใบ

แม้ว่าเย่หวูเฉินมีพลังแกร่งกล้าจากมุกจิตวารี ทว่าเขายังคงตัดสินใจทำลายสำนักจักรพรรดิเหนือด้วยวิธีนี้ ถึงแม้พลังไม่มีวันแห้งเหือด แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะไร้เทียมทาน นอกจากค่ายกลของสำนักจักรพรรดิเหนือแล้ว พวกมันย่อมมีไพ่ตายอื่นในมือเช่นเดียวกับสำนักจักรพรรดิใต้ ทว่าจะเป็นสิ่งใดเขาไม่มีทางรู้ เหยียนเทียนเว่ยเองก็ไม่รู้เช่นกัน พวกเขาถูกโดดเดี่ยวจากโลกภายนอกกว่าร้อยปี เหล่าผู้อาวุโสที่จากโลกนี้ไปแล้วล้วนไม่เคยพูดถึง ดังนั้นเมื่อไม่มีข้อมูล เขาจึงไม่เสี่ยงอันตราย อาศัยแผนการต่อเนื่อง ค่อยๆล่อลวงสำนักจักรพรรดิเหนือ

แผนทำลายสำนักจักรพรรดิเหนือถูกวางไว้แล้วตั้งแต่เนิ่นๆ แต่เนื่องจากเขากังวลเรื่องของเหยียนจื่อเมิ่งจึงชะลอเรื่องสำนักจักรพรรดิเหนือไว้ก่อน หลังจากกลับมาจากวังสตรีหิมะ เขาก็ไม่อาจทนรอได้อีก ปรารถนาทำลายสำนักจักรพรรดิเหนือในทันที เนื่องจากความชิงชังจากเรื่องของซือเฉิน จึงต้องให้พวกมันมีสภาพ ‘เถ้ากระจายสลายเป็นควัน’ โดยไม่รั้งรออีก

“เหยียนต้วนหุน ไปสู่ปรโลกจงอย่าได้โทษข้า เพราะผู้ที่สังหารเจ้า ก็คือตัวเจ้าเอง” เย่หวูเฉินยิ้มเย็น

ขุมกำลังสำนักจักรพรรดิเหนือที่ยังคงกระจายอยู่ทั่วโลก ยามนี้ย่อมอยู่ในสถานการณ์ระส่ำระสาย เรื่องจัดการย่อมง่ายเหมือนปอกกล้วย

“จอมราชัน.... นายท่าน ‘ระเบิด’ นี้สร้างยังไงเหรอ? ข.... ข้าลืมวิธีทำไปแล้ว” สีหน้าของเหยียนกงลั่วแปลกพิกล กล่าวคำด้วยความคาดหวัง เขาจำได้คร่าวๆว่าต้องใช้กำมะถัน , ดินประสิว และบางอย่างอีกจำนวนมาก จากนั้นผสมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเจ้าสิ่งนี้ ตอนนั้นพวกเขาไม่ทราบว่ามันจะน่ากลัวถึงปานนี้ได้ บ่อยครั้งยังโยนพวกมันอย่างไม่ใส่ใจ ยามนี้พอนึกย้อนกลับไป เขาก็อดตัวสั่นไม่ได้

“ของพรรค์นี้ ยิ่งใช้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีที่สุด หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่าได้ใช้มัน” เย่หวูเฉินกล่าว

เหยียนกงลั่วปิดปากตัวเองทันที

ในสถานที่ไกล กลุ่มควันรูปเห็ดเริ่มกระจายตัวช้าๆ แผ่ออกเป็นผืนควันมหึมา ผู้คนในเมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของดินแดนสาบสูญล้วนจ้องมองโง่งมเป็นเวลานาน หากใครไปยังสถานที่ตั้งสำนักจักรพรรดิเหนือในเวลานี้ จะพบว่าควันกลุ่มนี้พวยพุ่งขึ้นมาจากใจกลาง สภาพใจกลางน่ากลัวอย่างมาก นอกจากสภาพพินาศยับเยิน ต้นไม้โดยรอบยังราบทลาย เหนือผืนดินไร้เศษซากใดที่ครบสมบูรณ์

“นายท่าน ท่านต้องการยืนยันหรือไม่?” เหยียนกงลั่วค่อยๆถามอย่างระวัง

“ไม่จำเป็น ต่อให้มีคนรอดชีวิต พวกเราก็สามารถหาตัวพวกมันได้โดยง่าย” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะตอบ เขารู้ดีว่าระเบิดนี้ทรงอานุภาพเพียงใด ปริมาณที่ใช้กับสำนักจักรพรรดิเหนือค่อนข้างมากเกินไปด้วยซ้ำ

“ขุมกำลังของสำนักจักรพรรดิเหนือยังเหลืออยู่อีกเท่าใด?” เย่หวูเฉินถาม

“เก้าหรือสิบกลุ่ม” เหยียนเทียนเว่ยตอบ

“หากท่านยอมรับได้ ท่านสามารถลบล้างพลังเพลิงวิญญาณของพวกมัน และไม่จำเป็นต้องคร่าชีวิต” เย่หวูเฉินกล่าวราบเรียบ เห็นได้ชัดว่า  เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจขุมกำลังอื่นที่เหลืออยู่ ดังนั้น เขาจึงหมุนตัวและหายไปในแสงขาว

วินาทีที่เขาจากไป เขาได้ยินเสียงสัตว์อสูรคำรามมาจากที่ไกล.... เสียงนี้ลอยมาไกลมาก ด้วยประสาทการได้ยินของเขา สามารถได้ยินเพียงบางเบาเท่านั้น

หลังจากที่พลังหวูเฉินบรรลุถึงขั้นที่ห้า พลังของเซียงเซียงก็พุ่งทะยานขึ้นทันที น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในร่างของจักรพรรดิมารมีอสูรเทวะแห่งมิติซ่อนอยู่ เซียงเซียงในยามนี้สามารถเคลื่อนตัดมิติได้ในระยะไกลเป็นพิเศษ แต่ด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณน้ำหนักที่นางสามารถพาไปได้ในแต่ละครั้ง  ทำให้เขาไม่อาจขนระเบิดมากมายเข้าไปยังสำนักจักรพรรดิเหนือได้โดยตรง แหวนเทพกระบี่ในมือก็ไม่อาจบรรจุระเบิดทั้งหมดได้ในรอบเดียว แม้จะมีพลังเพิ่มขึ้นมาก แต่การเคลื่อนตัดมิติระยะไกลของเซียงเซียงยังคงต้องใช้เวลาพัก ดังนั้นต่อให้เขาขนระเบิดเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือได้ด้วยแหวนเทพกระบี่ แต่ยามที่มันระเบิดออกเขาย่อมได้รับผลกระทบเพราะกลับออกมาไม่ทัน

ดังนั้น เย่หวูเฉินจึงต้องทุ่มเทสมองสักเล็กน้อย คิดหาวิธีให้ระเบิดเหล่านี้ไปปรากฎอยู่ในสำนักจักรพรรดิเหนือ และในที่สุด เขาก็เลือกใช้วิธีโหดร้าย ให้พวกมันขนระเบิดกลับสู่รังของตัวเอง เริ่มจากการปล้นสุสานจักรพรรดิบรรพชน จากนั้นปล่อยข่าวลือ จนกระทั่งถึงงานประมูล.... ทุกอย่างล้วนเป็นแผนต่อเนื่อง

เหยียนเทียนเว่ยสีหน้าซับซ้อนมองไปเบื้องหน้า ยังคงยืนนิ่งงันอยู่ตรงจุดเดิม สำนักจักรพรรดิใต้กลายสภาพเป็นซากพังทลายในเวลาเพียงหนึ่งวันเพราะเขา ตอนนี้ถึงคราวของสำนักจักรพรรดิเหนือ อีกไม่ช้าโลกจะรับรู้ว่ารากฐานสำนักจักรพรรดิเหนือถูกทำลายตามสำนักจักรพรรดิใต้ไปแล้ว อีกทั้งจะไม่มีผู้ใดทราบว่ามันถูกทำลายได้อย่างไร....

เผชิญรับทัณฑ์สวรรค์.... ทัณฑ์สวรรค์.... เทพ....

ตำนานแห่งบรรพชน ถ้อยคำที่พร่ำสอนล้วนไม่มีผิดพลาด แต่ทว่า สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือที่ทอดทิ้งภารกิจมิได้ถูกลงทัณฑ์โดยเทพ แต่เป็นโดยคนผู้หนึ่ง....

หรือว่า....

คนผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นเทพ....

โฮก!!

เสียงคำรามดังมาจากที่ไกลในทางทิศใต้ แม้เสียงจะบางเบามากแต่กลับเขย่าหัวใจของเหยียนเทียนเว่ย เขาไม่เคยได้ยินเสียงคำรามปานนี้มาก่อน มันย่อมไม่ใช่สัตว์อสูรใดๆที่เขาเคยรู้จัก

โฮก!!

โฮก ~~~~

เสียงคำรามยังคงดังอยู่ไกล หากไม่ใช่เพราะเหยียนเทียนเว่ยมีพลังยุทธสูงส่ง เขาย่อมไม่ได้ยินเสียงนี้ที่อยู่ห่างไกลอย่างยิ่ง เหยียนเทียนเว่ยมุ่นคิ้วลง รวบรวมสมาธิ มุ่งจิตสัมผัสตรวจสอบแหล่งที่มาของเสียง เพียงไม่นาน เขาค่อยๆสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเกรี้ยวกราดจากทิศใต้อันห่างไกล.... สัมผัสได้รางๆว่า กลิ่นอายนี้กำลังตรงมายังทิศทางของพวกเขา....

เป็นกลิ่นอายที่รู้สึกค่อนข้างคุ้น เขาเคยพบมันที่ไหนมาก่อน....

ทางใต้?

ดินแดนสาบสูญ.... ทางใต้?

เหยียนเทียนเว่ยสีหน้ากลับกลายด้วยความตกใจ เขานึกได้ในที่สุดว่าเคยพบกลิ่นอายนี้ที่ไหน.... ครั้งแรกที่เขาเหยียบเท้าเข้าสู่ทางใต้ของดินแดนสาบสูญ เขาถูกกดดันให้ล่าถอยออกมาด้วยกลิ่นอายนี้ ไม่กล้าคิดล่วงล้ำเข้าไป เนื่องจากแรงกดดันมหาศาลในครั้งนั้นทำให้เขาไม่อาจขัดขืน มันเหนี่ยวนำให้ผุดคำว่า ‘ขอบเขตเหนือเทพ’ ขึ้นมาในสมอง

เป็นมัน! การระเบิดครั้งใหญ่ได้ปลุกกระตุ้นโทสะของสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนสาบสูญ อสูรเหนือเทพ!

.....................

.....................

ทางด้านตะวันตกของอาณาจักรเทียนหลง

“เย่หนู่ เย่เว่ย ในที่สุดพวกเจ้าก็มา” หลังจากได้รับข่าว แววตาของเยว่หานตงก็สาดประกาย กระทั่งความเหนื่อยล้าและกดดันในใจยังถูกแทนที่ด้วยความคลั่งไคล้ นามของเย่หนู่เป็นที่เกรงขามทั้งทวีป ขุนพลเว่ยหลงมีชื่อเสียงดังสะท้านในหลายปีนี้ ตระกูลเย่ทุกชั่วรุ่นไม่เคยมีคนธรรมดา เขาหวังมาตลอดว่าวันหนึ่งจะได้รบกับตระกูลเย่

ลูกสาวสุดที่รักเยว่ซือฉีถูกลักพาตัวไปใกล้จะครบสองเดือน เยว่หานตงกุมความหวังอันเลือนลางเสาะหาอยู่เนิ่นนานก็ไม่อาจบรรลุสิ่งใด ทุกวันได้แต่ถอนหายใจ ดื่มสุราเพื่อประโลมความเศร้า แม้ว่าเขาไม่กล้านึกถึงมัน แต่เบื้องลึกในใจล้วนรู้ว่าย่อมมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับลูกสาว ต่อให้นางยังคงอยู่บนโลก ก็ย่อมต้องถูกรังแก เนื่องจากสูญเสียลูกสาวของตัวเองไป ทำให้เขารู้ว่าหัวใจที่แตกสลายเพราะสูญเสียคนในครอบครัวนั้นเจ็บปวดปานใด

หลังจากที่ฟงเลี่ยประกาศสงคราม เขาก็รับคำสั่งอย่างกล้าหาญ กลายเป็นผู้บัญชาทัพนำทหารจำนวนมากเข้าสู่สมรภูมิ หวังปลดปล่อยอารมณ์ทุกอย่างในสงคราม บรรเทาความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกสาว

“เรียนขุนพลเยว่ จากข่าวที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เมื่อวานนี้เย่หนู่ได้นำทัพมาถึงเมืองซีหลู จากนั้นแบ่งกำลังทัพ 50,000 นายส่งไปที่เมืองอวิ๋นหัว ผู้ที่นำทัพไปเป็นสตรี ดูแล้วอายุไม่น่าเกิน 20 ปี” ผู้อยู่ใต้บัญชาของเยว่หานตงกล่าวรายงาน

“สตรี?” เยว่หานตงตะลึงเล็กน้อย หัวคิ้วมุ่นลง “ด้วยไหวพริบของเย่หนู่ การส่งสตรีไปเมืองนั้นเพื่อรับมือกับเรื่องหนัก ย่อมมิไช่เพราะเขาอ่อนด้วยประสบการณ์.... สตรีผู้นี้ สมควรไม่ธรรมดา ไปเร่งสืบหาข้อมูลของนางให้มากที่สุด ตอนนี้คอยจับตาดูเมืองอวิ๋นหัวไว้ชั่วคราว บอกพวกนั้นว่าอย่าประมาทเหมือนครั้งอดีต อย่าลืมว่าครั้งหนึ่งกองทัพอาณาจักรต้าฟงหนึ่งจำนวนหนึ่งล้าน ได้เคยพ่ายแพ้อัปยศต่อกองทัพอาณาจักรเทียนหลงเพียง 300,000 นาย!”

จบเล่มที่เจ็ด.



<<<PREV    .    NEXT>>>