วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 403

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 403 ทำลายหัวใจ

“จักรพรรดิมาร!”

สามอาวุโสใหญ่ตะโกนนามนี้ทันทีที่เขาปรากฎตัว หัวใจของทั้งสามเย็นเยียบในฉับพลัน

เหตุใดบุคคลดุจปีศาจผู้นี้ ถึงมาปรากฎกายอยู่ที่นี่ได้!

อากาศเย็นเสียดเข้าไปถึงหัวใจ ทั้งสามเริ่มสงสัยทันที หรือว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะสำนักมาร?

ดวงตาของเฮยเซียงฉายแววตื่นเต้นทันที เขาเคลื่อนกายไปอยู่ด้านข้างหลงหยิน เอามือทาบลงบนแผ่นหลัง

สามอาวุโสตกใจทันที พวกเขาไม่ไต่ถามจักรพรรดิมารอีก พุ่งร่างไปยังเฮยเซียงด้วยความเร็วสูงสุด ทว่าเพียงเพิ่งขยับร่าง เงาสีเงินก็วาบผ่านตรงหน้า มองเห็นเป็นรอยเหยียดยิ้มของจักรพรรดิมาร

ตูม!

กำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ไม่ทราบมาจากไหน ฉับพลันก็กางกั้นอยู่เบื้องหน้า สามอาวุโสใหญ่ปะทะเข้าใส่กำแพงน้ำแข็งโดยตรง.... อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของพวกเขา กำแพงน้ำแข็งที่ดูคล้ายธรรมดากลับไร้ร่องรอยเสียหาย คนทั้งสามรู้สึกราวกับถูกเหล็กหนาฟาด จุกแน่นและกระเด็นลงสู่พื้น

เฮยเซียงยังคงวางมือบนแผ่นหลังของหลงหยิน แผ่ไอปราณอบอุ่นเข้าไปในร่างกาย สติเลือนรางของหลงหยินเริ่มแจ่มชัดขึ้น ความเจ็บจากบาดแผลยังคลายลงอย่างรวดเร็ว

“จักรพรรดิมาร นี่มิใช่สถานที่ที่ท่านสมควรมา!” อาวุโสหลี่กุมอกด้วยความเจ็บปวด ตะโกนออกไปเสียงเย็นเชียบ หัวใจลอบตื่นตระหนกกับกำแพงน้ำแข็งที่ปรากฎ.... จากที่เล่าลือกัน การโจมตีของจักรพรรดิมารทำให้บุคคลสลายเป็นเศษซาก แล้วน้ำแข็งนี่มันคืออะไร?

ฟู่ม.....

จักรพรรดิมารยื่นมือขวาออก วายุหมุนวนออกจากมือ พุ่งไปยังคนทั้งสาม นี่มิใช่วายุบริสุทธิ์ แต่เป็นธาตุวายุผสมธาตุวารี.... ด้วยความเร็วของวายุอันเย็นเยือก ทำให้สามอาวุโสใหญ่ไร้เวลาที่จะหลบทัน วายุเย็นเยือกดุจน้ำแข็งหมุนม้วน แกรก แกรก แกรก.... หลังสิ้นเสียงแข็งตัวของน้ำ เท้าของสามอาวุโสใหญ่ก็ถูกแช่อยู่ในผืนน้ำแข็งหนา ทำให้ส่วนล่างของพวกเขาไม่อาจขยับ

จักรพรรดิมารถอนมือกลับและกล่าวตอบไม่ใส่ใจ “จักรพรรดิผู้นี้อยากไปแห่งใดก็ต้องไปได้ ใต้ฟ้าไม่มีที่แห่งใด ที่จักรพรรดิผู้นี้จะไปไม่ได้!”

“อั่กก!” ความหนาวเย็นเสียดหัวใจและปอด แผ่ลามจากส่วนล่างขึ้นสู่ส่วนด้วยความเร็ว สามอาวุโสใหญ่เปลี่ยนจากสีหน้าย็นชาเป็นขาวซีด ฟันสั่นอย่างไม่อาจควบคุม อาวุโสหลี่ที่อยู่ตรงกลางโคครลมปราณอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนออกไปเพียงเพื่อได้ยินเสียงหนักทึบ ทั่วท้องพระโรงสั่นสะเทือน พื้นใต้เท้าแตกลามออก ทว่าเท้าที่จมอยู่ในน้ำแข็งกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

เรื่องนี้ทำให้สามอาวุโสใหญ่ตกตะลึงไร้ที่เปรียบ อาวุโสหลี่เมื่อตรวจสอบแล้วก็เลิกดิ้นรน เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “จักรพรรดิแห่งสำนักมาร นับว่าคู่ควรแล้วกับชื่อเสียง.... แต่ท่านมาในวันนี้ต้องการสิ่งใด!”

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหลงหยินตอนนี้เริ่มดีขึ้น ทำให้สามอาวุโสใหญ่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลงหยินหันศีรษะมาช้าๆ มองเฮยเซียงผู้มีสีหน้าเย็นชา เอ่ยถามน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้า....ไม่เคยตระหนี่ต่อเจ้า เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้า....”

“เพราะนายท่านให้ข้าคอยจับตาเจ้าอยู่ใกล้ๆ คำตอบนี้ เจ้าพอใจหรือยัง?” เฮยเซียงกล่าวตอบไม่แยแส จากนั้นหันไปยิ้มให้จักรพรรดิมาร ทั้งคำตอบและสีหน้า ทำให้หลงหยินและสามอาวุโสใหญ่เข้าใจเรื่องราวในทันที

หลงหยินเคลื่อนสายตามองไปยังจักรพรรดิมารช้าๆ กล่าวคำไม่ออกเป็นเวลานาน ความเจ็บเสียดแทงหายไปแล้ว สติยิ่งมายิ่งแจ่มชัด แต่เขากลับรู้สึกว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามา ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยได้ยินชื่อจักรพรรดิมารและสำนักมาร แต่เขาไม่เคยข้องแวะกับสำนักมารแม้แต่น้อย ทั้งจักรพรรดิมารก็ยังเพิ่งเคยเห็น เขาคิดเพียงใดก็ไม่อาจเข้าใจ ว่าเหตุใดจักรพรรดิมารจึงวางหมากกระดานนี้กับเขา.... หรือสำนักมารกำลังจะเริ่มลงมือกับอาณาจักรเทียนหลง

เขาเข้าใจทันทีว่าเหตุใดหลินขวงจึงปรากฎตัวขึ้นที่นี่อย่างประหลาด จากนั้นนำกริชเสียบร่างของเขา.... เห็นได้ชัดว่าหลินขวงเป็นเบี้ยหมากตัวหนึ่งในแผนการของสำนักมาร

“เจ้าอยากรู้หรือไม่ ว่าเหตุใดเราจักรพรรดิถึงลงมือกับเจ้า?” เสียงเหยียดหยันแต่ละคำเย็นเยียบ บาดจิตใจผู้คนดุจคมมีด เมื่อสิ้นเสียงลง จักรพรรดิมารก็ยกมือขึ้นช้าๆ จับลงบนหน้ากากเงินต่อหน้าสายตาที่สั่นไหว จากนั้นเคลื่อนมือถอดหน้ากากออก

ย่อมไม่มีใครกล้าแอบอ้างเป็นจักรพรรดิมาร ทั้งไม่เคยได้ยินว่าผู้ใดเคยเห็นใบหน้าของจักรพรรดิมาร พอเห็นจักรพรรดิมารถอดหน้ากากออกตรงหน้า หลงหยินและหลินขวง รวมถึงสามอาวุโสต่างดวงตาเบิกโพลง ความไม่สบายใจลึกล้ำผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจ

เย่หวูเฉิน.... เมื่อหน้ากากถูกถอดออก กลับปรากฎใบหน้าที่พวกเขารู้จักดี เป็นใบหน้าที่พวกเขาไม่มีวันนึกถึง ทันใดนั้น ความมึนงงก็ท่วมท้น

“เจ้า.... เจ้า....”

หลงหยิน จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเทียนหลง ผู้สง่าเลิศล้ำในเมือง ลักษณะราศีโอ่อ่า รับมือสถานการณ์ด้วยความสุขุม ยามนี้กลับไร้วี่แววดังกล่าวแม้แต่น้อย เมื่อเผชิญกับรอยยิ้มเหยียดหยันเต็มใบหน้าของเย่หวูเฉิน เขาทำได้เพียงชี้นิ้วอันสั่นเทา กล่าววาจาได้เพียงคำเดียวว่า “เจ้า” จากนั้นราวกับถูกบางอย่างจุกลำคอไว้ ไม่อาจกล่าวคำได้อีก

“เย่หวูเฉิน.... เป็นเจ้า เหตุใดถึงเป็นเจ้า!!” หลินขวงหน้าชาวูบ ไม่อาจทำใจเชื่อสายตาตัวเองได้ เขาสงสัยว่าเรื่องทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา หรือไม่ก็เป็นความฝันน่าหัวร่อ สามอาวุโสที่ถูกแช่แข็งต่างตะลึงลาน นามแห่งปีศาจ จักรพรรดิมารผู้สร้างความหวั่นสะพรึงต่อสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ กลับเป็นคนที่ทั่วโลกรู้กันว่าร่างกายพิการ รวมถึงเพิ่งจะตาบอด บุตรแห่งตระกูลเย่!!

“ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?” เย่หวูเฉินกลับมาใช้น้ำเสียงปกติของตัวเอง หากยังคงแฝงแววเหยียดหยันอยู่เล็กน้อย

น้ำเสียงที่เหมือนตัวจริง ทำลายภาพลวงตาสุดท้ายของหลงหยิน จิตใจแทบไม่อาจทนรับแรงกระทบนี้ได้ ปราการสุดท้ายในหัวใจใกล้พังทลายลง เข้าใจ? เวลานี้เขาดูคล้ายเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง และยังดูเหมือนไม่เข้าใจอะไรเลย.... ราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน

“ถ้ายังไม่เข้าใจ งั้นข้าจะบอกเจ้าทีละเรื่อง” เย่หวูเฉินค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาเนิบนาบ “เจ้าคงเดาบางเรื่องออกแล้ว.... ถูกต้อง หลินเสี่ยวที่ไปอยู่บนเตียงของจักรพรรดินี นั่นเป็นฝีมือจากคนของข้า ฮี่ ฮี่ หลงหยิน เจ้าคงรู้สึกดีที่ถูกสวมเขา ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้าดำเนินเรื่องต่อจากนั้นตามที่ข้าคิดไว้พอดิบพอดี ดังนั้น ข้าจึงยืมมือเจ้าเพื่อสังหารหลินเสี่ยว ให้คนลักพาหลินเสี่ยวออกไปและจงใจทิ้งร่องรอยไว้.... ใช่แล้ว หลินเสี่ยวไม่ได้ถูกคนของหลินซานพาตัวออกไป แต่เป็นคนของข้า! จดหมายที่เขียนนั่นก็เป็นฝีมือข้า เงินจำนวนมหาศาลที่ถูกโอนออกไปก็เป็นฝีมือข้าเช่นเดียวกัน หลินซานเป็นเพียงเหยื่อที่น่าสงสาร ถูกเจ้ากระทำอย่างไม่ยุติธรรมด้วยความโง่เง่า”

ม่านตาของหลงหยินและหลินขวงหดวูบตามกัน ทั่วร่างสั่นสะท้าน เย่หวูเฉินกล่าวต่อ “ข้าอยากให้หลินเสี่ยวตาย แต่ข้าก็เป็นคนช่วยเขาแหกคุกออกมา.... ตอนนี้เจ้าคงเดาได้แล้ว.... คนที่ยิงธนูปลิดชีพหลินเสี่ยว คือคนของข้าที่ซุ่มลงมือ ส่วนหลินซานที่ตายอยู่ในคุก....”

“เป็นข้าที่รับคำสั่งจากนายท่าน มอบผงผนึกหัวใจโดยอ้างชื่อของจักรพรรดิ” เฮยเซียงฉีกยิ้มกล่าวอย่างพึงพอใจ

ราวกับได้ยินทัณฑ์อัสนีฟาดจากสวรรค์ หลงหยินและหลินขวงร่างแข็งค้างอยู่ตรงนั้น

“เป็นเจ้า.... เป็นเจ้า.... เป็นเจ้าที่ฆ่าเสี่ยวเอ๋อร์กับซานเอ๋อร์ เป็นเจ้า!!” หลินขวงราวกับตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้นยืนจากพื้น พุ่งเข้าหาเย่หวูเฉินอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องเดียวดายสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ถ้อยคำสั้นๆของเย่หวูเฉินเป็นดั่งกระบี่นับไม่ถ้วนเสียบแทงหัวใจ ทำให้การหลุดพ้นที่เพิ่งได้รับมาอย่างยากเย็น พลิกผันเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมนับสิบๆเท่า.... กลายเป็นว่าเขาเกลียดชังผิดคน ที่แท้ทุกอย่างเป็นแผนต่อเนื่อง และเขาเดินตามเส้นทางของแผนการนั้น

หลินขวงขยับร่างได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็เหมือนกระแทกใส่บางอย่าง หลังจากเจ็บแปลบก็ตะกายไปข้างหน้าแม้ไม่อาจทำได้ จ้องมองเย่หวูเฉินด้วยความชิงชัง


“เย่หวูเฉิน.... ฝ่าบาททรงเมตตาต่อเจ้า เจ้ากลับคิดชั่วช้าก่อกบฎ ตระกูลเย่ซื่อสัตย์ภักดีมาหลายชั่วรุ่น เจ้าไม่รู้สึกละอายบ้างหรือยังไง?” อาวุโสหลี่ชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉิน ตะโกนลั่นทั้งยังตะลึง

เย่หวูเฉินหันศีรษะมองด้วยหางตา แววตาเย็นเยียบทำหัวใจคนหดวูบ อาวุโสหลี่ไม่กล่าวอีกแม้ครึ่งคำ เย่หวูเฉินจึงแค่นเสียงกล่าว “ทำไมข้าต้องทำเรื่องเช่นนี้? หลงหยินและใต้เท้าหลี่สมควรทราบดี ท่านรู้อยู่เต็มอก แต่กลับทำเป็นไม่รู้เห็นเรื่องราวเหมือนคนนอก”

อาวุโสหลี่ “.....”

“หลงหยิน การถูกคนที่ภักดีและเชื่อใจมากที่สุดแทงกระบี่ใส่ รสชาติของมันยอดเยี่ยมไปเลยใช่หรือไม่?” เย่หวูเฉินกดหัวคิ้วลง น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างน่ากลัว “เจ้าลองคิดดูว่าตระกูลเย่ของข้าภักดีมาทุกชั่วรุ่น สร้างผลงานไว้นับไม่ถ้วน! เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าหากไร้ตระกูลเย่ ตระกูลหลงของเจ้าจะดำรงอยู่ได้? เจ้ากลับคิดร้ายวางแผนต่อตระกูลเย่ตั้งแต่ 20 ปีก่อน หยุดยั้งการเติบโตของพวกเราตระกูลเย่ กระทั่งไม่ลังเลทำลายสายเลือดของพวกเรา ลงมือซ้ำซากไม่เลิกรา.... เจ้าคิดว่าพวกเราตระกูลเย่จะรู้สึกยังไง!!”

หลงหยิน “.......”

“ปู่ของข้าไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ต่อให้รู้เขาก็ย่อมทำเป็นไม่รู้เห็น เพราะในกระดูกฝังประทับด้วยความภักดีต่ออาณาจักรเทียนหลง เขาย่อมไม่มีวันยอมรับความจริงพรรค์นี้ แต่พ่อของข้า เขาทราบเรื่องนี้มานานมากแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวด มากกว่าเจ้าหลงหยินไม่รู้กี่เท่า!”

“ฝ่าบาท.... บ่าวชราผิดต่อท่านนัก ผิดต่อท่านนัก....” หลินขวงใบหน้าซีดขาว กล่าวคำพึมพำกับหลงหยิน ทรวงอกของหลงหยินถูกแทงด้วยกริชยาว ปักอกทะลุออกแผ่นหลัง และนั่นเป็นฝีมือของเขา โลหิตยังคงไหลออกมาจากบาดแผล หมากกระดานตัวโง่เง่า.... ยามนี้ เขาพบว่าตนเองไม่ต่างจากเบี้ยหมากที่ชื่อตัวโง่เง่า ตั้งแต่หลินเสี่ยวถูกจัดฉากในวันนั้น เขาก็กลายเป็นเบี้ยหมากบนกระดานแล้ว

“ใต้เท้าหลิน การภักดีเป็นหน้าที่ของขุนนาง และการภักดีไม่ลืมหูลืมตาก็ไม่ได้แย่นัก แต่ร้อยพันเหตุผลเจ้าก็ไม่ควรช่วยจักรพรรดิทำร้ายผู้สัตย์ซื่อภักดี ในเมื่อเจ้าช่วยจักรพรรดิทำร้ายผู้ภักดีก่อน ข้าจึงเริ่มลงมือกับทายาทเจ้า บุตรและหลานชายที่เจ้ารักมากที่สุดได้ตกตาย เจ้าคงรู้ซึ้งแล้วสินะ ว่าผู้อื่นต้องเจ็บปวดทรมานเพียงใด.... บุคคลที่สังหารคนในครอบครัวของเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นตัวเจ้าเอง”



<<<PREV    .    NEXT>>>