วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 432

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 432 ที่ตั้งคลังสมบัติ

ในอีกสถานที่หนึ่ง

“ใช่แล้ว ที่นี่แหละ”

ที่นี่คือบริเวณขอบชายแดนระหว่างอาณาณาจักรคุยชุยและอาณาจักรเทียนหลง มีป่าปกคลุมหนาแน่น ไม่มีมนุษย์ธรรมดาคนใดกล้าเข้ามา ถึงแม้ว่าอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ที่นี่อากาศอบอุ่น ตลอดปีไม่ปรากฎความหนาวเย็น ต้นไม้พืชพันธุ์เจริญเติบโตเขียวชอุ่มปกคลุม

กลุ่มคณะหนึ่งติดตามกันมาหกคน มุ่งมาถึงที่นี่อย่างเร็วรุด ป่าแห่งนี้มีสัตว์อสูรเดินเพ่นพ่านคำราม แมลงส่งเสียงร้องระงม ที่น่ากลัวสุดก็คือใจกลางของป่าแห่งนี้ เนื่องจากมีสัตว์อสูรทรงพลังหลากชนิด แมลง อสรพิษ และพืชพิษต่างๆ รวมถึงกับดักธรรมชาติมากมายที่แม้กระทั่งสัตว์อสูรร้ายกาจยังตกเป็นเหยื่อ แม้ที่นี่มิได้น่ากลัวเท่าดินแดนสาบสูญ หากยังคงทำให้กลุ่มคณะแกร่งกล้าที่เดินทางมาต้องระวังตัวสูงสุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อพันปีก่อน ป่าแห่งนี้เป็นเพียงป่าธรรมดา ในสมัยก่อตั้งอาณาจักรเทียนหลง เวลานั้นอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรคุยชุยมีมิตรไมตรีต่อกัน จักรพรรดิบรรพชนแห่งเทียนหลงครั้งหนึ่งเคยรับสั่งเด็ดขาดห้ามเก็บสมุนไพรและล่าสัตว์ในป่าแห่งนี้ ข้อห้ามประหลาดถูกรักษามาตลอด ดินแดนที่ไร้มนุษย์ล่วงล้ำ ปัจจุบันจึงกลายเป็นที่อยู่ของฝูงสัตว์อสูร ยิ่งนานยิ่งน่าหวาดกลัว ตอนนี้หากมนุษย์คิดหวังเข้าไปเยือนย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

ตอนนี้ ดูเหมือนข้อห้ามเคร่งครัดที่จักรพรรดิบรรพชนรับสั่งไว้แท้จริงแล้วมีความหมาย

กลุ่มคณะหกคนตามกันเป็นขบวน หัวหน้ากลุ่มคือเหยียนเทียนอ้าว อีกห้าคนล้วนเป็นตัวตนทรงพลังในสำนักจักรพรรดิเหนือ เป้าหมายของพวกมันในครั้งนี้ แน่นอนว่าคือตามหาขุมทรัพย์ที่จักรพรรดิบรรพชนเทียนหลงทิ้งไว้เบื้องหลัง หลังจากที่เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวทำลายแผนที่คลังสมบัติไป ย่อมไร้บุคคลที่สามที่รู้เห็นอีก พวกมันซ่อนแผนที่อันล้ำค่าไว้ในความทรงจำ ไม่เปิดเผยอธิบายต่อผู้ใด เวลานี้ เหยียนเทียนอ้าวติดตามเส้นทางจากแผนที่ในความทรงจำ ผ่านไปเนิ่นนานในที่สุดมันก็หยุดลงในสถานที่แห่งหนึ่ง

พืชพันธุ์ในที่นี้หนาแน่นผิดธรรมดา มีหลากชนิดหลายขนาด ส่วนใหญ่เป็นพืชมีพิษ ซึ่งคนธรรมดาไม่อาจแตะต้องพวกมัน ที่เบื้องหน้ามีหน้าผาเล็กๆสูงราว 10 เมตรยกขึ้นจากผืนดิน ราวกับเป็นหน้าผาธรรมชาติที่หาได้ไม่ยากในป่า เมื่อมองดูจากภายนอก หน้าผานี้ถูกปกคลุมด้วยพืชพันธุ์หลากสีสันจนหมดสิ้น

เหยียนเทียนอ้าวจ้องตรงไปตรงหน้า ยื่นฝ่ามือออกมา เคลื่อนพลังเพลิงวิญญาณวาดมือจากด้านซ้ายมาด้านขวาช้าๆ

ทันใดนั้น ในทิศที่มือวาดผ่าน พืชพันธุ์หนาแน่นตรงจุดหนึ่งสั่นไหวเล็กน้อย เหยียนเทียนอ้าวเคลื่อนเท้า ผลักมือส่งพลังทำลายพืชพันธุ์เหล่านั้นทันที แผนที่คลังสมบัติระบุรายละเอียดไว้ครบถ้วน เหยียนเทียนอ้าวเดินไปทางขวาสิบเมตร จากนั้นหยุดเท้าลง หันกายอีกครั้ง ดวงตาทอประกายและเดินตรงไปข้างหน้า

เบื้องหน้าเป็นกลุ่มพืชขนาดใหญ่ เลื้อยลงมาจากหน้าผาหินด้านบน ปกคลุมหนาแน่นด้วยเถาวัลย์สีเขียว แต่ละต้นมีลำหนาและหนามแหลมคม อย่าว่าแต่คนเลย กระทั่งสัตว์อสูรไม่กล้าสัมผัส เหยียนเทียนอ้าวยืนพิเคราะห์อยู่นาน เมื่อไม่พบร่องรอยซ่อนเร้นใดๆ สายตาก็ตวัดวาบ ผลักฝ่ามือออกทันที

กลุ่มพลังร้อนแรงพวยพุ่ง เถาวัลย์หนาแน่นเบื้องหน้ากลายเป็นเศษผงทันที ทว่าเศษผงเหล่านี้ไม่ได้ร่วงตกลงมา แต่มันกลับปลิวเข้าไปในหน้าผา ปรากฎพื้นที่ด้านหลังที่ถูกบดบังไว้ เผยให้เห็นแผ่นผืนมืดดำ กลายเป็นว่าด้านหลังคือช่องว่าง!

“นี่มัน? หรือว่าถ้ำนี้จะเป็น....” คนทั้งห้าตรงมาหาเหยียนเทียนอ้าวอย่างรวดเร็ว

“ถูกต้อง เป็นที่นี่ ดูจากสภาพร่องรอยแล้ว สมควรไม่เคยมีใครมายังที่แห่งนี้” เหยียนเทียนอ้าวกล่าว ขณะเดียวกันก็ลอบถอนใจ นี่เป็นที่ซ่อนธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบ ทรงประสิทธิภาพด้วยกับดักหลากชนิด หากไม่ใช่เพราะรายละเอียดในแผนที่คลังสมบัติ ต่อให้มันผ่านมาที่นี่ก็ย่อมไม่อาจสังเกตเห็นสิ่งใด ย่อมไม่แตะต้องของอันตรายพรรค์นี้โดยไร้เหตุผล ไม่แปลกใจที่ไม่เคยมีใครค้นพบขุมทรัพย์จักรพรรดิบรรพชนแห่งเทียนหลงมาก่อน

ดูเหมือนที่นี่จะไร้สิ่งแอบแฝงใดๆ ความสงสัยในใจของเหยียนเทียนอ้าวจึงสลายในทันที

นี่เป็นถ้ำที่ไม่ใหญ่หรือลึกมากนัก มีขนาดเพียงไม่กี่สิบเมตร มันเป็นเพียงถ้ำธรรมดา ดำรงมานานจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นถ้ำธรรมชาติหรือสร้างขึ้น นอกจากหนูประหลาดที่วิ่งหนีแตกตื่น บริเวณโดยรอบล้วนแต่ว่างเปล่า ไร้สิ่งใดสะดุดความสนใจ ชายกลางคนใบหน้าหยาบกร้านและหมองคล้ำกล่าวออกมา “ผู้อาวุโสเจ็ด หรือว่าไม่ใช่ที่นี่?”

เหยียนเทียนอ้าวชี้นิ้วออกไป “ขุมทรัพย์มหาศาลย่อมถูกซ่อนไว้ ถ้ำแห่งนี้ลำพังทางเข้ายังไม่มีคนธรรมดาใดหาพบ และต่อให้บังเอิญเข้ามาได้ คนย่อมนึกว่านี่เป็นเพียงถ้ำธรรมดา ที่ตั้งแท้จริงของคลังสมบัติ....อยู่ข้างใต้นี้”

“ข้างใต้?” หลายคนร้องออกมาพร้อมกัน ขณะมองไปที่ใต้เท้าตัวเอง ที่พื้นเป็นผืนดินและก้อนกรวด ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ

“แผนที่คลังสมบัติมีคำอธิบายระบุไว้ ขุมทรัพย์จักรพรรดิบรรพชนแห่งเทียนหลงตั้งอยู่ใต้พื้นดินแห่งนี้ลึกลงไปสิบจั้ง” (ประมาณ 33.3 เมตร)

เหยียนเทียนอ้าวยกมือขึ้นช้าๆ โคจรพลังที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ก่อเกิดคลื่นอากาศปั่นป่วน ผลักคนทั้งห้าให้ล่าถอยออกไป

“ช้าก่อนผู้อาวุโสเจ็ด!” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา “หากมันตั้งอยู่ใต้ผืนดินนี้จริงๆ เช่นนั้นเราควรส่งคนมาทำการขุดค้นอย่างระวัง เหนือศีรษะเป็นผาสูง หากควบคุมพลังได้ไม่ดี เกรงว่าหน้าผาอาจถล่มลง....”

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะตัดสินใจเอง!” เหยียนเทียนอ้าวกล่าวคำโดยไม่หันมา

คนทั้งห้าลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นถอยออกไปจากถ้ำ ยืนอยู่ห่างปากถ้ำเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นปนกังวล จากคำพูดของเหยียนเทียนอ้าว นี่คือตำแหน่งที่แผนที่ระบุไว้ ทั้งยังบอกว่าเป็นถ้ำที่ถูกปกคลุม พวกมันได้พบสถานที่แห่งนี้จริงๆ.... เป็นข้อยืนยันหนักแน่นว่าแผนที่คลังสมบัติมิได้หลอกลวง!

ตูม!

เสียงดังสนั่นลอยมาจากปากถ้ำ ผืนดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย หน้าผาสูงตรงหน้ายังสั่นสะเทือน ก้อนกรวดร่วงลงมาเล็กน้อยก่อนจะสงบลง

คนทั้งห้าถอนหายใจโล่งอก รีบกลับเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง ทันทีที่พวกมันย่างเท้าเข้าไปถึงก็ต้องตกใจตามๆกัน

มีหลุมกว้างไม่กี่เมตรปรากฎอยู่ตรงหน้า ปราดตาแรกเป็นหลุมลึกดำมองไม่เห็นก้น เหยียนเทียนอ้าวลอยตัวอยู่เหนือปากหลุมและมองลงไปใต้ฝ่าเท้า ทั้งความลึกและความแคบของปากหลุม ทั้งการสั่นสะเทือนของแผ่นดิน เห็นได้ชัดว่าพลังถูกบีบให้พุ่งลงด้านล่างโดยแทบไม่รั่วไหลขึ้นด้านบน ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำได้ยากยิ่ง ทว่าทุกสิ่งสำเร็จอย่างสมบูรณ์!

สมแล้วที่เป็นอาวุโสเจ็ดแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนเทียนอ้าวผู้แกร่งกล้า ครอบครองพลังเทวะขั้นกลาง!

“ลงมา!”

เหยียนเทียนอ้าวกล่าวจบก็ดิ่งร่างลงไปทันที คนทั้งห้ากระโดดตามลงไปโดยไร้ความลังเล

เพียงไม่นานก็เหยียบเท้าถึงพื้น พวกมันอยู่ใต้ดินนับสิบๆเมตร ทว่าพื้นดินไม่ได้ชื้นแฉะเหมือนอย่างที่คาด ตรงกันข้ามมันกลับแข็งและราบเรียบ ทันใดนั้นแสงกลุ่มหนึ่งส่องสว่าง บริเวณโดยรอบราวกับภาพกลางวัน ที่เท้าไม่ใช่ดินโคลน แต่เป็นกระเบื้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสอันปราณีต ล้อมรอบด้วยผนังสามด้าน อีกด้านหนึ่งเป็นผืนมืดดำไม่อาจมองเห็นจนจุดปลาย....

อุโมงค์ใต้ดิน!

“ไป”

เหยียนเทียนอ้าวกล่าวคำโดยไม่ต้องยั้งคิด มันไม่ปล่อยให้คนทั้งห้าสงสัยหรือไต่ถาม เริ่มเดินนำเข้าไปในความมืด นี่เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่ลึกอย่างมาก ระหว่างที่เดินเข้าไปไม่พบสมบัติใดๆ จากคำอธิบายในแผนที่ เส้นทางที่รออยู่เบื้องหน้าอันตรายอย่างมาก แทบทุกก้าวมีกับดักร้ายกาจซ่อนอยู่ ไม่มีกับดักใดซ้ำกัน หากไม่มีแผนที่ในมือ ต่อให้ลงมาที่นี่ได้ ก็แทบไม่มีหวังเข้าไปในสภาพครบร่าง แน่นอนว่านั่นสำหรับคนธรรมดา กับยอดฝีมือระดับสูงสุดอย่างเหยียนเทียนอ้าว ต่อให้มันไม่เคยเห็นแผนที่ กับดักเหล่านี้ล้วนไม่มีอันใดทำอันตรายมันได้

อย่างที่คาดไว้ เพียงเดินเข้าไปได้ไม่นาน พื้นใต้เท้าของเหยียนเทียนอ้าวก็ยุบลงเป็นหลุมฉับพลัน ลึกลงไปหลายเมตรมีแท่งแหลมคมจำนวนมาก หากร่วงลงไปย่อมถูกเสียบอย่างไม่ต้องสงสัย เหยียนเทียนอ้าวเหยียบอากาศมุ่งหน้าต่อโดยไม่หันมอง ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น อีกห้าคนด้านหลังชูตะเกียงเวทย์แล้วกระโดดข้ามตามกัน ไม่อาจห้ามสายตาให้มองลงไป หัวใจมีความกลัววาบผ่าน เหยียนเทียนอ้าวเดินต่อได้อีกไม่กี่ก้าว ลูกศรมากมายก็พุ่งมาจากทางขวา เหยียนเทียนอ้าวไม่แลตามอง เหยียดมือออกเกิดเสียงดังปังหนึ่ง ลูกศรทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยงกระจัดกระจาย

หากนี่เป็นเพียงการเริ่มต้น

ยิ่งตรงเข้าไปลึกเพียงใด ความน่ากลัวก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

เป้าหมายของพวกมันในเที่ยวนี้ไม่ใช่ขนสมบัติกลับไป แต่เป็นสำรวจให้รู้แน่ชัด เพื่อความมั่นใจสูงสุดจึงส่งบุคคลแข็งแกร่งที่สุดมา คนทั้งห้าที่ติดตามเหยียนเทียนอ้าวล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ ทว่าตลอดเส้นทาง กระทั่งพวกมันยังต้องหวาดกลัวเป็นระยะๆ ด้วยพลังของพวกมันยังต้องระวังตัว หากไม่ใช่เพราะเหยียนเทียนอ้าวนำหน้า พวกมันคงไปเยี่ยมความตายมาแล้วหลายครั้ง ต่อให้มีเก้าชีวิตก็ยังนับว่ายากที่จะเข้าไปถึงด้านใน

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างกับดักน่ากลัวมากมายเพียงนี้ย่อมต้องใช้เงินจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน สถานที่ปานนี้ไร้ข้อสงสัยเลยว่ามีไว้เพื่อการใด ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับคำว่า ‘ขุมทรัพย์มหาศาล’ หากสามารถหาพบได้ง่ายๆ ตรงกันข้ามพวกมันคงรู้สึกไม่สบายใจ

ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเพียงใด ภายใต้บรรยากาศตึงเครียดย่อมไม่อาจคำนวณเวลาได้ถูกต้อง พวกมันไม่ทราบว่าเข้าไปลึกเพียงใด พบกับดักมาแล้วกี่ครั้ง ทันใดนั้น มีแสงสว่างริบหรี่ที่ตรงหน้า แม้นั่นเป็นเพียงแสงสว่างอ่อนจาง แต่ใต้ผืนดินมืดมิดมันสะดุดตาอย่างยิ่ง

ตะเกียงเวทย์ถูกดับลงทันที แสงสว่างริบหรี่เบื้องหน้ายังคงสว่าง ทั้งหกคนลดฝีเท้าลง ค่อยๆตรงไปเบื้องหน้า แสงนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา สามารถส่องสว่างได้นานกว่าพันปีในความมืด.... ยังไม่ต้องคิดถึงสิ่งอื่น เฉพาะวัตถุที่สามารถเปล่งแสงได้นานกว่าพันปี เท่านี้ก็ไม่อาจประเมินค่าแล้ว

จะใช่ขุมทรัพย์หรือไม่?

หัวใจของพวกมันเริ่มเต้นกระหน่ำ พวกมันทราบดีว่าหากนั่นเป็นขุมทรัพย์ในตำนานจริงๆ นั่นจะหมายถึงสิ่งใดต่อสำนักจักรพรรดิเหนือ และหมายถึงสิ่งใดต่อโลกใบนี้



<<<PREV    .    NEXT>>>