วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 425

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 425 หยกแดงครามสมุทรประจิม

ราคาเริ่มไต่ระดับขึ้นสูง สายตาที่มักสงบของเย่หวูเฉินตกไปที่สร้อยลูกปัดมังกรดำจันทร์สลัก สายตาแหลมคมมองเห็นตัวอักษรเหล่านั้นอย่างชัดเจน จากมุมที่เขานั่งอยู่สามารถมองเห็นข้อความได้ราวหนึ่งในสามส่วน ระหว่างที่จ้องมอง ตัวอักษรเหล่านั้นค่อยๆแล่นเข้าสู่สมองทีละตัว

การปะติดปะต่อถ้อยคำนับเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากหาค้นพบจุดสำคัญ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมาก ถ้อยคำประหลาดบนลูกปัดมังกรดำจันทร์สลักพอถูกเย่หวูเฉินมองสำรวจเพียงไม่นาน เขาก็เริ่มมองภาพรวมออกได้คร่าวๆ.... อักษรแต่ละตัวซ่อนความหมายของมันไว้ หัวใจวูบไหวทันที เขาค่อยๆร้อยเรียงตัวอักษรเหล่านั้นอยู่ในใจ ปะติดปะต่อถ้อยคำเหล่านั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

การถอดความนั้นยากยิ่งและกินเวลายาวนาน หนึ่งชั่วรุ่นยังไม่อาจทำสำเร็จ ปรมาจารย์เป็นพระในศาสนาพุทธ ย่อมไม่สลักของพรรค์นั้นลงบนลูกประคำ บนสร้อยลูกปัดมังกรดำจันทร์สลักสมควรเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ปรารถนา แต่ละตัวอักษรน่าจะอ้างอิงจากตำราแห่งทวีปเทียนเฉิน การเรียงตัวอักษรมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตราบใดที่รู้กฎเกณฑ์ของมัน ทุกอย่างย่อมกลายเป็นเรื่องง่าย

เห็นได้ชัดว่า กฎการเรียงนี้ไม่ใช่สิ่งที่หายาก อย่างน้อยสร้อยลูกปัดมังกรดำจันทร์สลักก็อยู่ในตระกูลซีเหมินมานานกว่าพันปี ดังนั้นมันย่อมไม่ใช่ความลับ

เย่หวูเฉินใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบอึดใจ เนื่องจากปรมาจารย์ผู้นี้เป็นพระ และเขาเคยติดต่อกับพระมามาก ทำให้เขาเข้าใจเรื่องพุทธะเป็นอย่างดี จากมุมที่เขามองเห็น ทุกอักษรล้วนให้อารมณ์แห่ง ‘พุทธ’ ดังนั้นทุกอย่างจึงถอดความได้ง่ายดายยิ่ง

ตัวอักษรขนาดใหญ่บนลูกปัดเม็ดแรกสลักไว้ว่า “พุทธะ” ถัดมาเป็นคำว่า “สัจจะ”

“นั่นสินะ” เย่หวูเฉินยิ้มและส่ายศีรษะ ตัวอักษรที่เหลือเขาคร้านที่จะมอง เพราะนี่ไม่ใช่ยอดวิชา หากเป็นบทกวีบรรยายสิ่งที่ปรมาจารย์ได้ค้นพบ เขาคือพระที่บรรลุการรู้แจ้ง แทบสิ้นความทะยานในพลังยุทธ พุทธสัจคือความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเขา เขาไม่ต้องการให้ข้อความเหล่านี้ตกอยู่ในมือโลก แต่สลักมันลงลูกปัดสำหรับคนที่แสวงหาความรู้แจ้ง กล่าวได้ว่าปรมาจารย์ผู้นี้คือผู้ที่เอาชนะตัวเองได้แล้ว

“3 ล้าน” เฉียนก่วนก่วนหลับตาลงและ ตะโกนราคาน่าตระหนกออกไปอีกครั้ง

แม้ว่าลูกปัดมังกรดำจันทร์สลักไม่ทำให้เสียชื่อสมบัติล้ำค่า แต่คุณสมบัติของมันยังไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเท็จ อีกทั้งตระกูลซีเหมินใช้เวลากว่าพันปียังไม่อาจเข้าใจ ดังนั้นมันแม้ยากต่อการประเมินราคา แต่สามล้านตำลึงเงินเป็นราคาที่คุ้มค่าแล้วจริงๆหรือ?

ราคายังคงไม่หยุดไต่ระดับ ผู้คนทะยอยยอมแพ้อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเหลือเพียงสองคนที่สู้ราคามหาโหดโดยไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงใดๆ ขณะที่นายน้อยตระกูลเย่รู้ความจริงว่าสร้อยลูกปัดเส้นนี้สลักไว้ด้วยบทกวีพุทธสัจ เขาจึงไร้ความสนใจใดๆ ส่งเสียงกระซิบหยอกล้อหนิงเสวี่ยและเย่ฉุ่ยเหยา ในขณะเดียวกัน เขาสัมผัสได้ถึงสายตากวาดมองมาทางนี้ไม่หยุดหย่อน รวมถึงสายตาที่ไม่เคลื่อนไปจากเย่ฉุ่ยเหยา

“13 ล้าน!”

เสียงทุบค้อนดังขึ้น ราคาสูงเสียดฟ้าถูกขานเป็นครั้งสุดท้าย ในที่สุด สร้อยลูกปัดมังกรดำจันทร์สลักก็ตกอยู่ในมือของเฉียนก่วนก่วน เมื่อสร้อยลูกปัดมังกรดำจันทร์สลักถูกส่งถึงมือเฉียนก่วนก่วน ใบหน้าของซีเหมินชิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสงบ หากไม่ว่าใครล้วนรู้ว่ามันแทบจะหัวเราะร่า 13 ล้าน ต่อให้เป็นตระกูลซีเหมินอันยิ่งใหญ่ ราคานี้ย่อมไม่ใช่เล็กน้อย สามารถใช้จ่ายได้หลายปี และนี่เป็นเพียงสร้อยลูกประคำที่ไร้ประโยชน์ในตระกูลมันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทันสังเกตแววตาที่พวกมันมองสบกัน ส่วนลึกในม่านตาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาวับหนึ่ง

เฉียนก่วนก่วนรับสร้อยลูกประคำมาแล้วก็สวมใส่คอทันที สีหน้าไร้ความยินดีหรืออึดอัดใจ หยิบตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมาด้วยใบหน้าสงบ จ่ายเงิน 13 ล้านเพื่อสร้อยลูกประคำหนึ่งเส้นโดยไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อันใด เห็นได้ชัดว่าราชาเงินสดผู้นี้ใช้จ่ายเงินไม่เป็นเอาเสียเลย

พานจินเหลียนใบหน้าเอียงอาย นำถาดหยกอีกใบก้าวออกมา ซีเหมินชิงเปิดผ้าไหมที่คลุมอยู่ออก กลุ่มแสงสีฟ้าอ่อนโยนส่องสะท้อนทันที

นี่คือหินกลมขนาดพอกำในมือ ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มแสงสีฟ้า เห็นได้ชัดว่าแสงฟ้าประหลาดนี้เปล่งออกจากมัน บางครั้งรัศมีแคบลง บางครั้งลุ่มลึก บางครั้งหม่นลง แสงของมันน่ามอง ราวกับอาบชะโลมหัวใจผู้คนให้รู้สึกผ่อนคลอย นี่ไม่ใช่ตะเกียงเวทย์สีฟ้า อย่างที่ธาตุแสงสีฟ้าทั่วไปเปล่งออกมา แต่ไม่ทราบมันเป็นธาตุใด จึงส่องแสงประหลาดได้เป็นธรรมชาติเช่นนี้

“หรือว่านี่จะเป็น....”

“ถูกต้อง” ซีเหมินชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เชื่อว่าสหายที่มีประสบการณ์คงรู้จัก หยกชิ้นนี้คือ ‘หยกแดงครามสมุทรประจิม’ ทั่วโลกมีเพียงชิ้นเดียวคือชิ้นนี้”

ทันทีที่ชื่อ “หยกแดงครามสมุทรประจิม” ถูกเอ่ยขึ้น เสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นในห้องโถง ท่ามกลางเสียงเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นเสียงสตรีอย่างเห็นได้ชัด

“หยกแดงครามสมุทรประจิม ถูกกล่าวไว้หลายตำนาน บางคนกล่าวว่ามันถูกสร้างขึ้นจากแก่นทะเลตะวันตกเมื่อนานมาแล้ว บ้างก็กล่าวว่ามันเกิดขึ้นจากน้ำตาของคู่รักที่ฆ่าตัวตายตามกันในนามแห่งความรัก.... ต้นกำเนิดแท้จริงของมันไม่มีผู้ใดทราบ แต่เรื่องถัดจากนี้น่าเชื่อกว่ามาก แม้ว่าหยกแดงครามสมุทรประจิมจะมีขนาดเล็ก แต่มันเปล่งแสงได้ไม่มีวันหมดสิ้น แสงสีฟ้าที่ชะโลมหัวใจให้อบอุ่นนี้ ไม่มีวันเหือดหายตลอดกาล นี่คือวัตถุสิ่งเดียวในทวีปเทียนเฉินที่เปล่งแสงได้ถาวร และยังเป็นวัตถุเรืองแสงที่ล้ำค่าสูงสุด เป็นสิ่งที่แทนความรักอันไม่มีวันแปรเปลี่ยน หากผู้ใดมอบหยกแดงครามสมุทรประจิมนี้ให้แก่บุคคลที่ชื่นชม ย่อมได้รับพรแห่งเทพสมุทรประจิม ผูกโยงความรักของคนทั้งสองให้ล้ำลึก”

“หยกแดงครามสมุทรประจิม เริ่มราคาประมูลที่ 3 ล้าน!”

30 เท่าของราคาเริ่มต้นของลูกปัดมังกรดำจันทร์สลัก ทว่าอาศัยเพียงคุณสมบัติเปล่งแสงฟ้าได้ตลอดกาล ก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าราคานี้ผิดปกติแต่อย่างใด

เย่ฉุ่ยเหยาเคลื่อนสายตามองหยกแดงครามสมุทรประจิมที่เปล่งแสงสวยงาม แสงสีฟ้า เป็นสีที่นางชอบที่สุด เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความงาม , ความเจือจาง , และน้ำสะอาดใสไร้มลทิน สีฟ้าแสดงถึงธาตุน้ำที่บริสุทธิ์สูงสุด ชื่อของนางยังมีคำว่า “ฉุ่ย” (น้ำ) แน่นอนว่าชุดที่นางชื่นชอบสวมใส่มากที่สุดคือชุดสีฟ้า เช่นเดียวกับที่ใส่อยู่ตอนนี้

เมื่อซีเหมินชิงกล่าวถ้อยคำสุดท้ายจบ แววตาของเย่ฉุ่ยเหยาก็ราวกับม่านน้ำกระเพื่อมไหว ทว่าทันใดก็สงบราบเรียบลง สายตายังเบี่ยงออกจากหยกแดงครามสมุทรประจิม มองมาที่มือทั้งสองของตัวเอง

สีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปของนางไม่หลุดรอดสายตาของเย่หวูเฉิน รวมถึงสายตาของฟงหลิง หัวใจมันกระเพื่อมอย่างรุนแรง

หยกแดงครามสมุทรประจิม.... บางส่วนในหัวใจมันเกิดความหวังอยู่ลึกๆ เพราะมันพบสิ่งที่สามารถใช้แทนความรู้สึกตนเองได้แล้ว

“4 ล้าน!”

ยังคงเป็นเฉียนก่วนก่วนที่ตะโกนเพิ่มราคา ราคาสูงลิ่วของมันทำให้หลายคนกรีดร้องในใจทันที หากเทียบกันเรื่องเงินแล้ว ผู้ใดจะเทียบเจ้าราชาเงินสดผู้ไม่เคยเงินขาดมือ หากมันต้องการรวบของประมูลในวันนี้ไว้ทั้งหมด ผู้ใดจะเอาชนะมันได้ คนอื่นคงเป็นได้เพียงซีอิ้วต่อหน้ามัน.... หรืองานประมูลครั้งนี้จะจัดขึ้นเพื่อมันคนเดียว

“10 ล้าน”

เสียงไร้อาการหวั่นไหวดังขึ้นทางขวา ราคานี้ทำให้สายตา “ลุกวาว” มองไปยังทางมัน.... คนแปลกหน้า หน้าตาหล่อเหลา สามารถเพิ่มราคาเป็น 10 ล้านได้ย่อมไม่ใช่ตัวตนธรรมดา ทันใดนั้นผู้คนเริ่มคาดเดาสถานะของมัน

เผชิญหน้ากับสายตาผู้คน ฟงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสงบ “ความรักอันมั่นคงย่อมไม่อาจประเมินค่า ดังนั้นสมบัติที่ไม่อาจประเมินราคานี้ เพียง 10 ล้านย่อมนับว่าเล็กน้อย”

จากนั้น มันแทบไม่อาจควบคุมสายตาให้มองไปทางเย่ฉุ่ยเหยา คาดหวังให้นางหันศีรษะมาทางมัน ต่อให้มองปราดตาเดียวก็ยังดี ทว่าฟงหลิงทำได้เพียงผิดหวัง สายตาที่โหยหานั้นไม่หันมองมาแม้แต่ปราดเดียว

“สหายท่านนี้กล่าวได้ถูกต้อง ความรักมั่นคงย่อมไม่อาจประเมินค่า เช่นเดียวกับหยกแดงครามสมุทรประจิมที่เปล่งแสงไม่มีวันหมดสิ้น เป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินราคา หากไม่ใช่เพราะคำสั่งของท่านพ่อ ผู้น้อยย่อมไม่มีทางนำออกประมูล ตอนนี้ราคาคือ 10 ล้าน เชื่อว่ายังไม่ใช่ราคาสุดท้ายของมัน มิเช่นนั้นคงเสียชื่อสมบัติไม่อาจประเมินราคาแล้ว” ซีเหมินชิงกล่าว เขาทราบสถานะของฟงหลิง รวมถึงสถานะของทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าจงใจหรือไม่ ถ้อยคำของซีเหมินชิงคล้ายแฝงความดูถูกต่อฟงหลิง

หลังจากซีเหมินชิงกล่าวจบ สายตาส่วนใหญ่เคลื่อนไปที่เฉียนก่วนก่วนในทันที มีหลายคนที่สนใจในหยกแดงครามสมุทรประจิม ทว่าพวกเขาทำได้เพียงมองเงียบๆ ตราบใดที่มีเฉียนก่วนก่วนขวางทางอยู่ พวกเขาย่อมไม่มีทางสู้ราคาได้

“10 ล้าน กับอีกหนึ่งตำลึง”

ผู้คนยังไม่ทันได้ยินเสียงเพิ่มราคาของเฉียนก่วนก่วน กลับได้ยินเสียงเนิบนาบดังขึ้น ราคานี้ทำให้ผู้คนในโถงประมูลส่งเสียงอื้ออึง สายตาเคลื่อนไปจับจ้องที่เจ้าของเสียง เมื่อเห็นคนผู้นี้ชัดเจน ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

ปรากฎว่าเป็นเย่หวูเฉิน

ซีเหมินชิงไม่ได้แจ้งราคาขั้นต่ำในการเสนอเพิ่มแต่ละครั้ง การเพิ่มราคาของเย่หวูเฉินจึงไม่ผิดกฎใดๆ ทว่าแม้แต่คนโง่ยังเห็นได้ชัดเจนว่าหนึ่งตำลึงนี้ดูถูกกันโดยแท้ แต่ด้วยสถานะของเย่หวูเฉิน ทั้งพื้นฐานตระกูล และชื่อเสียงอันโด่งดัง เขาย่อมไม่ทำเรื่องนี้โดยไร้สาเหตุ ราคาที่เขาเสนอออกมาเป็นการยั่วยุ เห็นได้ชัดว่าเขาและคนที่เพิ่งเสนอราคามีความบาดหมางกัน

สีหน้าของฟงหลิงคล้ำลงทันที จากนั้นค่อยๆคลายออกช้าๆ

เย่หวูเฉินวางป้ายในมือลง จากนั้นสะพัดหยกในมือให้กางออก และพัดตัวเอง “ในเมื่อรัชทายาทต้าฟงเห็นว่าราคา 10 ล้านเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่นนั้นข้าจึงช่วยเพิ่มให้อีกหนึ่งตำลึง ไม่ทราบว่าราคานี้ยังนับว่าเล็กน้อยหรือไม่?”

รัชทายาทต้าฟง?

สามคำนี้บ่งบอกถึงสถานะของฟงหลิง สายตาค่อยๆเคลื่อนไปมองทางฟงหลิง ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกคลายใจ ในอดีต ตำนานของเย่หวูเฉินเริ่มขึ้นพร้อมความบาดหมางกับรัชทายาทฟงหลิง สามปีก่อนเขาถูกฟงหลิงบังคับให้กระโดดลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ ความบาดหมางระหว่างพวกเขาเป็นที่รับรู้ทั่วโลก จึงไม่แปลกเลยที่เย่หวูเฉินกระทำเช่นนี้

เฉียนก่วนก่วนวางป้ายที่กำลังจะยกขึ้น สีหน้าแสดงความสนใจในเรื่องสนุก สามารถกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยสูงสุดในทวีปเทียนเฉิน ไหนเลยมันจะเป็นคนโง่เง่า ด้วยความบาดหมางระหว่างตระกูลเย่แห่งอาณาจักรเทียนหลงและตระกูลฟงแห่งอาณาจักรต้าฟง เย่หวูเฉินจึงเสนอราคาเพื่อประกาศว่าหยกแดงครามสมุทรประจิมนี้คือการต่อสู้ของสองตระกูล ฝ่ายหนึ่งคือตระกูลเย่แห่งเทียนหลง อีกฝ่ายคือราชตระกูลแห่งต้าฟง แต่ละฝ่ายคือตัวตนที่ไม่อาจล่วงล้ำ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดโง่เข้าสอดมือ

สีหน้าสงบของฟงหลิงมืดมัวลงเล็กน้อย การเสนอราคาของเย่หวูเฉินทำให้มันตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากมันเพิ่มราคา แล้วเย่หวูเฉินคอยเสนอราคาเพิ่มอีกหนึ่งตำลึงทุกครั้ง มันย่อมต้องเสียหน้า แต่หากมันล่าถอยเพียงเพราะเรื่องนี้ มันย่อมไม่เหลือหน้าให้รักษา.... นั่นเพราะรัชทายาทต้าฟงพ่ายแพ้ให้แก่นายน้อยตระกูลเย่แห่งเทียนหลง เพียงเพราะการเสนอราคาเพิ่มแค่ตำลึงเดียว

ยิ่งกว่านั้น.... สายตาของมันตกลงที่ร่างของเทพธิดาเย่ฉุ่ยเหยา อารมณ์ในหัวใจสั่นกระเพื่อมทันที ความปรารถนาสูงสุดของมันไม่ใช่ต่อสู้กับเย่หวูเฉิน หยกแดงครามสมุทรประจิมชิ้นนี้ มันไม่หวังสูงถึงขนาดคร่ากุมหัวใจของโฉมงาม หรือเอาชนะรอยยิ้มของนางได้ เพียงแค่นางมองมาสักปราดตาเดียวก็นับว่าดีแล้ว

“12 ล้าน” ฟงหลิงไม่พูดมากและเสนอราคาทันที

“12 ล้านกับหนึ่งตำลึง” เย่หวูเฉินชูป้ายขึ้นอย่างเกียจคร้าน ราคาที่เสนอทำให้ผู้คนแอบยิ้ม

ฟงหลิงกล่าวอย่างสงบด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยเย่ ตระกูลเย่มีธุรกิจใหญ่โต แต่กลับเสนอราคาทีละหนึ่งตำลึง คงทำให้ชื่อเสียงตระกูลเย่หม่นหมองแล้ว”

เย่หวูเฉินหัวเราะ “ตระกูลเย่ของข้าแม้ว่ามีธุรกิจใหญ่โต แต่เงินทุกตำลึงล้วนหามาได้อย่างเหนื่อยยาก ใช้จ่ายอย่างประหยัดมากว่า 20 ปี  ไหนเลยจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้แบบรัชทายาทต้าฟง อีกอย่างแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งตำลึง แต่ก็นับว่ามากกว่ารัชทายาทต้าฟงแล้วไม่ใช่หรือ?” เขาเคลื่อนสายตาออกและถามเสียงแจ่มชัด “ข้าอยากจะถามพี่ซีเหมิน การเพิ่มราคาแบบนี้ถือว่าผิดกฎหรือไม่?”

“วิธีนี้.... ไม่นับว่าผิดกฎจริงๆ” ซีเหมินชิงคล้ายอับอายขณะกล่าว ขณะเดียวกันยังตำหนิตัวเองที่ไม่กำหนดราคาเสนอขั้นต่ำไว้

“ประเสริฐ อย่างที่นายน้อยเย่พูด การไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนับว่าถูกต้องจริงๆ” ฟงหลิงเผยยิ้มบาง ปรับท่านั่งและเปิดปากกล่าว “เช่นนั้นข้าขอเพิ่มราคาเป็น.... 12 ล้านกับอีกสองตำลึง”

พรวด!.... เสียงน้ำชาพ่นออกจากปาก ดังมาจากหลายคน

ฟงหลิงถูกจุดติดเช่นกัน เตะบอลยางที่เย่หวูเฉินเตะมาให้กลับไปทางนั้น



<<<PREV    .    NEXT>>>