วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 395

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 395 “การลงโทษ” ของเสวี่ยเฟยเยี่ยน

ตะเกียงน้ำแข็งนับร้อยดับลง วังสตรีหิมะกลายเป็นผืนดำมืดทันที แทบมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่แห่งนี้เป็นน้ำแข็งหมดสิ้น ไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามา แสงสว่างในที่นี้มาจากตะเกียงน้ำแข็งประหลาดที่ติดตั้งกระจายอยู่ทั่ว แสงของมันอ่อนโยน ทว่าสว่างไสวไม่ต่างจากตอนกลางวัน

เย่หวูเฉินนอนอยู่บนฟูกน้ำแข็งที่ยืดหยุ่นได้ ด้านข้างมีเสี่ยวโม่ที่เล่นเต็มที่มาทั้งวันนอนสลบอยู่ ในความมืด เย่หวูเฉินกำลังลืมตาดำขลับครุ่นคิด ในสมองนึกถึงเรื่องทุกอย่างตั้งแต่มาถึงยังวังสตรีหิมะ ทุกรายละเอียดของเหตุการณ์ที่ได้ประสบ

ซือเฉิน....

ซือเฉินยังคงหลับไหลอยู่ในห้วงทะเลสำนึก ไร้สัญญาณใดๆว่าจะตื่น

เพราะอะไรกัน? ในร่างของซือเฉินซ่อนความลับอะไรไว้อยู่? ความรู้สึกคุ้นเคยล้ำลึกที่สัมผัสได้จากซือเฉิน เกิดขึ้นเพราะเหตุใด? ทำไมซือเฉินหลังจากที่ได้พบกับเขา จึงฟื้นคืนการมองเห็นและการได้ยิน รวมถึงสามารถเปล่งเสียง ทั้งประสาทรับกลิ่นและประสาทรับรส ยังน่าจะฟื้นฟูกลับมาเช่นกัน ที่แปลกสุดก็คือ เหตุใดซือเฉินจึงสามารถคลายผนึกที่ปิดกั้นดวงตาของเขาได้.... ทั้งที่นางเป็นเพียงเด็กหญิงอายุสองขวบเท่านั้น!

มีหลายสิ่งเกินไปที่เขาไม่อาจเข้าใจ จิตใต้สำนึกบอกกับเขาว่า ‘ผล’ ที่เกิดขึ้นนั้นมาจาก ‘เหตุ’ บางอย่าง แต่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่า ‘เหตุ’ ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดมาจาก ‘เหตุ’ ใด

ในความเงียบงัน ประตูน้ำแข็งถูกเปิดออกเงียบๆ มีร่างยั่วยวนปรากฎขึ้นที่ปากประตู ม่านตาน้ำหนาวมองมายังเย่หวูเฉิน ส่งยิ้มดึงดูดใจ ร่างเพรียวบางเดินตรงมาหาเขา “น้องชายน้อยยังไม่หลับอีกหรือ?”

“....มารเสน่ห์” ความมืดมิดไม่อาจบดบังสายตาของเย่หวูเฉิน เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของเสวี่ยเฟยเยี่ยนถนัดตา ร่างของเย่หวูเฉินก็ราวกับถูกไฟช็อต สายตามองค้างที่ร่างนาง เป็นเวลาเนิ่นนานไม่อาจเคลื่อนออก ในปากอุทานคำที่มาจากจิตใต้สำนึก

ร่างของนางอยู่ในชุดหิมะขาวบางจนมองแทบทะลุ มันเป็นชุดรัดรูปแนบเนื้ออย่างเห็นได้ชัด เนื้อผ้าบางจนมองเห็นร่างกาย ทุกส่วนโค้งเว้าบนร่างปรากฎชัดเจน กระทั่งปลายยอดสีแดงตรงอกและ สีอ่อนตรงระหว่างขา ยังเผยให้เห็นครึ่งหนึ่ง ครึ่งบดบัง

เสวี่ยเฟยเยี่ยนทำสำเร็จ เพลิงตัณหาของเย่หวูเฉินลุกโชนทันที เขาเกือบพุ่งเข้าหา และฉีกทึ้งชุดทิ้งด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ทว่าเขาเหลือบมองไปที่เสวี่ยโม่ก่อน พลังของเสี่ยวโม่ไร้วี่แววกระเพื่อมใดๆ ไร้สัญญาณว่าจะตื่นขึ้น เวลานี้นางยังคงหลับไหล

“เจ้าแปลกใจหรือ ว่าเหตุใดเสี่ยวโม่น้อยถึงยังไม่ตื่น?”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนเดินตรงมาพร้อมกลิ่นหอมชวนหลงใหล ใบหน้าเปื้อนยิ้มชวนลุ่มหลง “น้องชายน้อย สาวน้อยของเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่า เจ้าไปเจอน้องหญิงเสี่ยวโม่จากไหน? คิดไม่ถึงเลยว่า สาวน้อยผู้นี้กับน้องหญิงทงซินจะแข็งแกร่งทัดเทียมกันอย่างน่ากลัว ดังนั้นเพื่อให้นางนอนหลับอย่างสงบ พี่หญิงจึงต้องทุ่มทุนครั้งใหญ่”

“ยาพิษ?” เย่หวูเฉินขมวดคิ้วมุ่น

“ฮี่ ไหนเลยข้าจะกล้าวางยาพิษ กับลูกสาวไม่ทราบที่มาของน้องชายแสนดี.... ข้าเพียงแค่ใช้ยาที่ไร้ผลเสียใดๆกับร่างกายมนุษย์” นางนั่งลงบนเตียงของเย่หวูเฉิน แขนสองข้างเลื้อยพันรอบลำคอของเย่หวูเฉิน จากนั้นกระซิบที่ข้างหู “นอกจากจะถึงพรุ่งนี้ นางจะไม่ตื่นขึ้นมา ดังนั้น เจ้าอยากทำอะไรกับพี่หญิงก็ได้....”

ยาสลบ.... ทักษะโอสถของเสวี่ยหนี่ ไหนเลยจะธรรมดาได้ กระทั่งฟงเฉาหยางยังถูกนางวางยา แต่คิดไม่ถึงว่า ยาของนางจะมีผลต่อเสี่ยวโม่

เย่หวูเฉินดึงผ้าห่มหนาห่มร่างของเสี่ยวโม่ แววหน้าคล้ายล่องลอยค่อยๆกลับสู่ความสงบ เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงและยิ้มกล่าวเนิบนาบ “จะว่าไปแล้ว ข้าเองก็อดอั้นมานานมาก.... ดังนั้นอย่าเสียใจล่ะ....”

เมื่อเสวี่ยเฟยเยี่ยนผู้งามล้ำไร้ที่เปรียบ ยั่วยวนเขาแต่ละครั้งอย่างจงใจ หัวใจของเขาต้องเกิดไฟลุกกระพือรวดเร็วจนแทบระเบิดออก.... ความกระเหี้ยนของเย่หวูเฉินร้ายกาจกว่าที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนจินตนาการไว้นัก มือของเขาคว้าออก ตะปบลงบนทรวงอกขนาดใหญ่ ออกแรงบีบเค้น ไม่ปล่อยให้เสวี่ยเฟยเยี่ยนมีเวลาส่งเสียงคราง มืออีกข้างก็เคลื่อนขวางตามแนวนอน ลูบระหว่างขาหยกเรียบลื่นที่สั่นเทา ออกแรงล้วงลงไปเบื้องล่างอีกครั้ง รุกรานสองกลีบหิมะขาวที่ชุ่มชื้นในร่องน้ำ มือกดสัมผัส ออกแรงนวดขึ้นลง

“อ่าห์!” เสียงครางนุ่มนวลพรากวิญญาณดังสะท้อนราตรี ร่างกายงดงามน่าหลงใหลสั่นสะท้านในอ้อมแขน เพลิงปรารถนาของเย่หวูเฉินแผดเผาหัวใจอย่างรุนแรง ทำให้ดินแดนต้องห้ามที่ไม่เคยถูกสัมผัสของเสวี่ยเฟยเยี่ยนแทบพังทลาย นางสะท้านส่งเสียงครวญคราง ในสมองไม่เคยอื้ออึงถึงเพียงนี้ ขาทั้งสองข้างบิดรัด ลืมสิ้นที่จะต่อต้านผู้รุกราน ร่างกายอ่อนยวบดิ้นพล่านดุจงู....

เย่หวูเฉินหันกายมา กอดเสวี่ยเฟยเยี่ยนล้มลงบนเตียงหนา “แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!” มีเสียงฉีกขาดของผ้าไหม ชุดบางที่แนบร่างของเสวี่ยเฟยเยี่ยนถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ เนื้อเนียนขาวหิมะล่อลวงวิญญาณและหัวใจ ร่างนอนทอดอยู่บนเตียงในท่วงท่ายั่วยวน ผสานเสียงครางบางเบาที่ชักจูงคนให้ลุ่มหลง ทำเลือดลมให้รุ่มร้อน ปกติเสวี่ยเฟยเยี่ยนอยู่ในชุดแต่งกาย อาศัยเพียงสัดส่วนก็เพียงพอทำให้เย่หวูเฉินปั่นป่วนด้วยตัณหา พอเสื้อผ้าหลุดออกจากร่างกาย เสน่ห์ล่อใจก็พุ่งทะยานขึ้นอีกนับร้อยเท่า ทั่วร่างนุ่มนิ่มดุจหิมะและน้ำนม งดงามร้ายกาจขณะเลื้อยดิ้นดุจงู อกขาวหิมะขนาดใหญ่ เอวบางโอบรอบได้ด้วยแขนเดียว เช่นเดียวกับบั้นท้ายงอนงามกระตุ้นกำหนัดและเลือดลม ตามต่อด้วยขาเรียวยาว แวววาวดุจหยกขาว แม้เห็นเพียงปราดตา ก็เพียงพอทำให้คนบ้า

เย่หวูเฉินกำลังจะเปลื้องผ้าตัวเอง แต่เสวี่ยเฟยเยี่ยนรีบยื่นมือหยุดไว้ก่อน นางหอบหายใจหนัก พลิกร่างกดเย่หวูเฉินลงบนเตียง ลมหายใจขาดห้วงเล็กน้อยขณะทับเขาไว้ด้วยร่างงาม มือเล็กๆบอบบางแม้ว่าจะสั่นเทา แต่ก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นร่างกายทั่วร่างของเย่หวูเฉินที่ไร้สิ่งบดบัง สายตาก็ลุกโชนดุจเปลวเพลิง ลมหายใจหอบกระชั้นอีกครั้ง ราวกับถูกเพลิงเผาจนบ้าคลั่ง

นางเอามือกดเย่หวูเฉินไว้ใต้ร่าง ยกบั้นท้ายขึ้นค้างในท่าคร่อม อีกมือหนึ่งจับวัตถุแข็งของเขาไว้ แววตาสั่นไหวส่งเสียงชวนฝัน “น้องชายน้อย เจ้าต้องรู้ก่อนว่าหากพี่หญิงนั่งลงไป เจ้าจะต้องปกป้องพี่หญิงไปจนชั่วชีวิต คิดเสียใจในตอนนี้.... ก็ไม่ทันแล้ว....”

นางกล่าวเรื่องนี้ออกมา ทว่าไม่รอคำตอบเย่หวูเฉิน บั้นท้ายงอนงามที่ยกอยู่ กดนั่งลงพร้อมเสียง “อ๊า” ลอดไรฟันที่ขบแน่น

“อื้มม!” เสียงเจ็บปวดอันนุ่มนวลทรงเสน่ห์ เสวี่ยเฟยเยี่ยนร่างสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าเล็กๆเหยเกด้วยความเจ็บปวด นางกระทำรวดเร็วเกินไป ราวกับถูกกระบี่เสียบร่างในฉับพลัน ระหว่างความเจ็บที่ชำแรก น้ำตาก็ไหลร่วงออกมา เสวี่ยเฟยเยี่ยนโน้มกายลงแนบ แขนขาวบอบบางกอดร่างของเย่หวูเฉินไว้ ส่งเสียงอันสั่นเครือ “เจ้า.... เป็นบุรุษของพี่หญิงแล้ว.... ต่อไปนี้จะหนีไปไหนไม่ได้อีก จนชั่วชีวิต....”

......................

.....................

ราตรีนิ่งงันราวกับผืนน้ำ เวลาไหลผ่านจนโลกนอกวังสตรีหิมะปรากฎดวงจันทร์ลอยเด่นฟ้า

วังสตรีหิมะที่ปกติสุขสงบ คืนนี้ถูกท่วมทับด้วยเสียงครางกระเส่าเป็นเวลานานเนิ่น เสวี่ยเฟยเยี่ยนเพิ่มเสียงครางดังขึ้นเรื่อยๆตามการโจมตีของเย่หวูเฉิน ขาเรียวยาวรัดแน่นที่เอวเขา เอวอ้อนแอ้นบิดไหวดั่งงูดิ้น บั้นท้ายงอนงามร่อนขึ้นลงด้วยความเร็ว เสียงกระทบดังสะท้อน ด้วยความร่วมมือประสานรับอย่างเต็มที่ ทำลายความเงียบสงบของวังสตรีหิมะลงสิ้น ใบหน้าหยกงามของเสวี่ยเฟยเยี่ยนแสดงอารมณ์ประหนึ่งว่าจะขาดใจตาย ทว่านั่นทำให้นางยิ่งน่ามอง จากเดิมที่ทรงเสน่ห์พรากวิญญาณ พอผสานกับเพลิงความใคร่ ยิ่งทำให้เกิดเสน่ห์น่าหลงใหลถึงไขกระดูก

เสวี่ยเฟยเยี่ยนผวายกร่างอันนุ่มนิ่มขึ้น ร้องกระชั้นครางยาว ดวงตางามกลมเบิกกว้าง สีชมพูเรื่อจางบนร่างหยกน่าหลงใหล หลังจากสั่นกระตุกอยู่ครู่นาน ร่างก็อ่อนปวกเปียจล้มลงบนร่างของเย่หวูเฉิน คู่ดวงตาดูล่องลอย จมูกสูดหายใจหนัก ริมฝีปากบางหลังจากสั่นอยู่นานก็เริ่มหอบ ด้วยธรรมชาติของนาง ยามถึงจุดสุดยอดจะรุนแรงกว่าคนปกติ ความสามารถในการต้านทานบุรุษยังมีมากกว่าสตรีทั่วไป เพียงคืนแรกที่บุปผาเบ่งบาน นางกลับรับมือกับเย่หวูเฉินได้รอบแล้วรอบเล่า หลังเสียงครางและเสียงกระทบหยุดลง นางไม่อยากเผยความอ่อนแอต่อหน้าเย่หวูเฉิน จึงเป็นฝ่ายเริ่มลงมือบนร่างเขาอีกครั้ง ไม่ทราบว่าคืนนี้นางขาดใจไปแล้วกี่รอบ

หลังจากความสุขสมทะลักจากไขกระดูกอีกครั้ง นางก็พบว่าตนเองแทบจะสิ้นสติ โรมรันบ้าคลั่งจนเรี่ยวแรงเหือดหาย ร่างกายอ่อนระทวยแทบไร้พลัง แขนสองข้างคลายออกจากเย่หวูเฉิน พังพาบเหนือฟูกน้ำแข็งอย่างอ่อนแรง ทอดกายนอนนิ่งยั่วอารมณ์อยู่ตรงนั้น

“อีกรอบมั้ย?” เย่หวูเฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้าย มือลูบไล้ไปตามผิวมันเงา ส่งสายตายั่วยุไปยังนางที่เลื่อนลอย ในสภาพป้อแป้ไร้พลัง

ทันใดนั้น เสวี่ยเฟยเยี่ยนที่หอบหายใจ ก็ส่งยิ้มนุ่มนวลกลับ ใช้น้ำเสียงบางเบากล่าว “ยอดดวงใจน้อย.... เจ้าไม่ได้ยินอะไรหรือ?”

ในราตรีอันนิ่งงัน เห็นได้ชัดว่าสตรีงดงามตรงหน้าหยุดส่งเสียงแล้ว ทว่าใกล้ๆใบหู กลับมีเสียงครางสั่นเทา เสียงนั้นเบาอย่างมาก ราวกับว่าอยู่ห่างไกล ทว่าความกระเส่านั้น เขากลับพบว่าไม่ต่างกัน

ยิ่งกว่านั้น ราวกับว่ามีสองเสียงประสานมาจากที่เดียวกัน ถึงแม้จะเบาบางมาก แต่ความเข้มข้นไม่ได้ด้อยกว่ามารเสน่ห์ตรงหน้า เป็นเสียงของหญิงสาว และหญิงสาวในวังสตรีหิมะนี้มีเพียง....

“พวกนาง....” เย่หวูเฉินตะลึงงัน

“พวกนางถูกวางยาพิษ.... เป็นพิษประเภทเดียวกับหยกจิตกำหนัด แต่มีความแตกต่างอย่างหนึ่งก็คือ พิษชนิดนี้จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์.... ฮี่ ฮี่ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ พี่หญิงลากรอเวลาก่อนจะบอกเจ้า ปล่อยให้พิษแพร่ลามไปทั่วร่างกาย เจ้าคิดแก้ไขย่อมไม่อาจมีหวัง และนี่คือการลงโทษ ที่เจ้าปล่อยให้พี่หญิงอารมณ์ค้างแล้วทิ้งไว้.... ฮี่....”

เย่หวูเฉินโง่งมอยู่ครู่ใหญ่ ทว่ากลับมีเสียงโกรธเคืองของเสวี่ยเฟยเยี่ยนกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “พิษชนิดนี้ไม่มียาถอน หากไม่ได้บุรุษช่วยถอนให้ ไม่เกินวันพรุ่งนี้ พวกนางจะต้องสิ้นใจ.... น้องชายแสนดี เสวี่ยซินและเสวี่ยอู่ถูกอาจารย์ของข้ารับมาเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อน ทั้งสองเป็นพี่น้องฝาแฝด เป็นสตรีที่งดงามโดดเด่น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โหดร้าย มองดูพวกนางต้องทนทรมาน.... และเพิกเฉยต่อชีวิตพวกนางหรอกนะ?”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนกระพริบตาปริบๆดุจสาวน้อย มองเขาด้วยสายตากลั่นแกล้ง ที่มากกว่านั้นในแววตา คือเสน่ห์ยั่วยวนที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“....มารเสน่ห์ผู้นี้!” เย่หวูเฉินสีหน้าเปลี่ยนทันที เขาไม่ขัดขืนรอช้า จัดการลงโทษตะปบอกหิมะที่เปื้อนรอยนิ้วอยู่แล้วทีหนึ่ง ทำให้นางครางเสียงสั่น จากนั้นถลาไปยังห้องนอนของเสวี่ยซินและเสวี่ยอู่เพื่อ ‘ทำหน้าที่’ โดยไร้ทางเลือก

เสวี่ยเฟยเยี่ยนยกมือป้องปาก ยิ้มบางอย่างเสียมิได้ นางเฝ้ามองเสวี่ยซินและเสวี่ยอู่เติบโต ดังนั้นนอกจากบุรุษของตนแล้ว นางจะไม่ยกพวกนางให้ผู้ใด เวลานี้ ในที่สุดนางก็พบคนที่จะให้พวกนางพึ่งพิง



<<<PREV    .    NEXT>>>