วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 407

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 407 เพราะข้าคือจักรพรรดิมาร!

“พี่ใหญฉู่ รบกวนท่านช่วยพาคนผู้นี้ไปยังห้องลับในห้องของข้าหน่อยสิ” เย่หวูเฉินสายตาตกลงไปบนพื้น มองนำไปที่เหยียนซีหมิง

“โอ้ โอ้” โดยไม่มีการรีรอ ฉู่จิงเทียนที่กำลังเซ็งได้ที่และเพิ่งยกมือขึ้นเกาศีรษะก็รีบวิ่งไปที่เหยียนซีหมิงทันที ทว่าทันใดนั้น เสียงอุทานแตกตื่นก็ดังมาจากปากของฉู่จิงเทียน มือขวาเพียงสัมผัสร่างของเหยียนซีหมิงก็ต้องร้องลั่น ขณะที่ชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ก็ปรากฎว่ามีชั้นน้ำแข็งบางเกาะคลุมที่มือขวา

เย่หวูเฉินแอบตะลึงกับตัวเอง เขากางนิ้วขยับกลางอากาศ คลายผนึกออกจากร่างของเหยียนซีหมิง จากนั้นนำตัวเองกลับไปยังตระกูลเย่และหายไปจากสายตา

ไหนๆก็ไหนๆ ปัญหาได้คลายลงแล้ว หลังจากคืนนี้ไป อาณาจักรเทียนหลงใต้ฉากหน้าอันสุขสงบได้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เจวี๋ยเทียนได้ตกตายลง วิกฤตใหญ่หลวงสูงสุดของเย่หวูเฉินได้คลี่คลายลงชั่วคราว เขาสามารถจัดการเรื่องราวได้อย่างอิสระไร้ความกังวล

ฝ่ามือเปล่งแสงน้ำแข็งเย็นเยียบ ฉู่จิงเทียนจ้องตาค้างเป็นตาวัว มองที่ฝ่ามือตัวเองและสำรวจเหยียนซีหมิงที่อยู่ใต้ร่าง สีหน้าราวกับเห็นผี ส่งเสียงพึมพำและลากร่างของเหยียนซีหมิงวิ่งตามหลังเหยียนเทียนเว่ยไป เล่งหยาพุ่งตามไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

แหมะ!

หยดเลือดไหลซึมออกจากปากของเหยียนซีหมิง หยดลงกระทบบนพื้น ส่งเสียงกระทบอันเบาบาง เล่งหยาหยุดร่างลงฉับพลัน และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งงัน

“เจ้าหน้าน้ำแข็ง มีอะไร?” ฉู่จิงเทียนหันศีรษะมาถามด้วยความสงสัยเต็มใบหน้า

เล่งหยาสั่นศีรษะ ยังคงยืนอย่างนิ่งงัน สองหมัดกำขึ้นเงียบๆ ตั้งแต่วันนั้นที่ออกจากสำนักจักรพรรดิเหนือ พลังน่าสะพรึงนี้ก็ไม่ทราบว่ามาจากไหน เมื่อใดที่เขาเห็นเลือด อารมณ์จะพลุ่งพล่านทันที หัวใจจะเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ทว่านับแต่กลับมาจากสำนักจักรพรรดิเหนือ เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้แก่ผู้ใดรวมทั้งเย่หวูเฉิน เนื่องจากทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ในหัวจะพลันเจ็บปวดจนแทบระเบิดออก

ในโลกอันเหน็บหนาวไร้ความรู้สึก เขาไม่ทราบว่าภายในร่างกายของตัวเอง ปิดซ่อนความลับใดไว้

........................

........................

ตระกูลหลินก่อกบฎ จักรพรรดิอาณาจักรเทียนหลงถูกหลินขวงลอบปลิดชีพ ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวในอาณาจักรเทียนหลง สำหรับผู้คนในอาณาจักรเทียนหลงแล้ว ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นเรื่องรอง แต่การจากไปของจักรพรรดิย่อมหมายถึงในราชสำนักจะต้องเกิดความระส่ำระสายเป็นเวลานาน ย่อมเป็นโอกาสทองของอาณาจักรต้าฟงที่คอยจับจ้องสายตาโดยไม่ต้องสงสัย

ราชวังเทียนหลงปกคลุมไปด้วยเสียงร่ำไห้เศร้าโศก ทุกคนแต่งกายในชุดไว้ทุกข์ มีทั้งผู้ที่ร้องไห้จริงและเสแสร้ง หากแต่ล้วนแต่ร้องไห้กันทุกคน โดยเฉพาะในท้องพระโรงผู้คนมีสภาพน่าสลดแทบไม่อาจกล่าวคำ บางคนมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าบิดามารดาของตัวเองตกตาย วันนี้เป็นวันที่อาณาจักรเทียนหลงโศกเศร้าครั้งใหญ่ ทุกคนสาปแช่งตระกูลหลิน รวมทั้งอาวุโสหลี่และอาวุโสหลิวที่ร่วมมือตระกูลหลินสังหารจักรพรรดิ

การก่อกบฎของตระกูลหลินเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป เหนือการคาดการณ์ของผู้คนจำนวนมาก คิดไม่ถึงเลยว่า ความตายของหลินเสี่ยวและหลินซานจะทำให้ตระกูลหลินคิดคดทรยศในที่สุด และยังคิดไม่ถึงว่า แม้ตระกูลหลินจะมีขุมกำลังยิ่งใหญ่ แต่การกบฎครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าวางแผนได้ไม่นาน ซึ่งไม่ต่างกับการนำตระกูลหลินไปสู่ความล่มสลายในศึกที่ไม่มีทางชนะ ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ข้างกายจักรพรรดิมีสามอาวุโสใหญ่ผู้ภักดีไม่มีสอง แต่กลับถูกตระกูลหลินซื้อตัวโดยไม่ทราบว่าใช้วิธีใด.... คนจำนวนมากไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ ทว่าก็จำใจต้องเชื่อ เนื่องจากหากไม่ใช่เพราะอาวุโสหลี่และอาวุโสหลิวที่เป็นสองยอดฝีมือระดับสูงคอยช่วยเหลือ มีหรือที่หลินขวงจะเข้าใกล้จักรพรรดิได้ และสามารถสังหารจักรพรรดิภายใต้การคุ้มกันของเฮยเซียง

มีคนจำนวนเพียงหยิบมือเท่านั้น ที่ทราบเรื่องราวและเหตุผลทั้งหมด แต่สิ่งที่พวกเขารับรู้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับตลอดไป

การกบฎของตระกูลหลินเกิดขึ้นค่อนข้างกะทันหัน และการพังถล่มของกำแพงเกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของผู้คน หากมิใช่เพราะตระกูลเย่เคลื่อนไหวเข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แม้สุดท้ายกองทัพกบฎตระกูลหลินจะถูกปราบปราม แต่ราชวังทั้งหมดก็ย่อมเสียหายร้ายแรงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ในวันไว้ทุกข์ครั้งใหญ่ต่อจักรพรรดิ แม้ว่าไม่มีใครกล่าวคำยกย่องต่อตระกูลเย่ แต่เกียรติภูมิของตระกูลเย่ก็ฟูเฟื่องขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเมื่อไร้ตระกูลหลิน จะมีขุมกำลังใดที่คู่ควรเปรียบเทียบกับตระกูลเย่ได้อีก

หลังการสูญเสียครั้งใหญ่ขององค์จักรพรรดิ คำถามแรกคือผู้ใดจะขึ้นเป็นจักรพรรดิคนต่อไป หลงหยินตายตั้งแต่ยังกลางคนและไม่ได้ทิ้งคำสั่งเสียใดๆไว้ ดังนั้น เจ้าผู้ครองบัลลังก์จึงต้องตกสู่องค์ชายรัชทายาทหลงเจิ้งหยางอย่างไม่ต้องสงสัย

หากแต่ในเวลานี้ ในวันไว้ทุกข์ครั้งใหญ่ต่อจักรพรรดิหลงหยิน องค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรเทียนหลงกลับไม่ออกมาแสดงตัวต่อหน้าผู้คน ทว่าอยู่ในที่แห่งหนึ่งอันไร้คนนอก ร่ำดื่มสุราอยู่กับคนผู้หนึ่ง

ของเหลวบาดร้อนไหลลงลำคอ หลงเจิ้งหยางถอนหายใจยาว สีหน้าดูขมขื่นอย่างไม่อาจแก้ไข เขากล่าวด้วยความผิดหวัง “น้องเย่ มีเฉพาะตอนอยู่กับเจ้าเท่านั้น เขาถึงจะไร้ความกังวลและกล่าวคำที่ต้องการได้.... ข้าและพระบิดามีความสัมพันธ์ผิวเผิน แทบจะด้อยกว่าสหายที่บังเอิญพบกัน พระบิดาสวรรคตลงแล้ว ทั้งที่เห็นอยู่ว่าข้าควรรู้สึกผ่อนคลาย แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกย่ำแย่กับบางอย่าง?”

เย่หวูเฉินเผยยิ้มบาง เทสุราลงในจอกแก้วเบื้องหน้าหลงเจิ้งหยางและกล่าว “ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใด.... เพราะบิดาของท่านตาย และท่านจะกลายเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ ซึ่งท่านไม่ปรารถนาที่จะขึ้นเป็นจักรพรรดิ กระทั่งยามที่เป็นรัชทายาท ท่านยังรู้สึกว่าหนึ่งวันในวังล้วนไม่ต่างจากหนึ่งปี ยิ่งหากได้เป็นจักรพรรดิ พี่ใหญ่หลง บางทีท่านอาจต้องมีชีวิตที่ไม่ต่างจากตกตาย ทว่าในฐานะองค์รัชทายาท ท่านย่อมไม่อาจแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ พระบิดาของท่านมีโอรสเพียงสามคน ตอนนี้เหลือเพียงท่านกับองค์ชายรอง องค์ชายรองน้องของท่านก็มีความสุขอยู่กับบทกวี ไม่เคยสนใจเรื่องของบ้านเมือง ท่านจึงไร้ทางเลือกที่สอง ต่อให้ไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”

แววตากระจ่างของหลงเจิ้งหยางมัวหม่นลงช้าๆ ยิ้มกล่าวด้วยความขมขื่น “น้องเย่ โลกนี้ผู้ที่เข้าใจข้าคนนี้มากที่สุด ก็คงมีแต่เจ้าเท่านั้น”

“เพราะพี่ใหญ่หลงมักคุยเรื่องในใจกับข้า” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว

“เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไร.... หรือข้าจะทำได้เพียงเป็นจักรพรรดิที่ไร้อิสระไปตลอดชีวิต? นั่นสินะ ข้าคงหมดหวังแล้ว ข้าไม่ได้เป็นอย่างพระบิดา ในอดีตพระบิดาเพื่อบัลลังค์แล้ว เขาไม่ลังเลที่จะลงมือกับพี่น้องของตัวเอง.... แต่ข้าทำแบบนั้นไม่ได้ และไม่มีวันเข้าใจได้” หลงเจิ้งหยางกล่าวด้วยความเจ็บปวดที่ฉายชัดเต็มใบหน้า

“สิ่งที่คนเราปรารถนาและทะยานอยากล้วนแต่ต่างกัน ในเมื่อไม่ใช่ปลา แล้วจะทราบความสุขและความปรารถนาของปลาได้อย่างไร” เย่หวูเฉินแสดงรอยยิ้มอันสงบ ไม่ทราบว่าคนจำนวนเท่าใดที่ปรารถนาในพลังอำนาจ โหยหาพลังอย่างไร้ขอบเขต ทุกคนต้องการอยู่เหนือและควบคุมผู้อื่น เพื่ออำนาจสูงสุดกระทั่งไม่ลังเลยอมเสี่ยงอันตราย ทว่าคนผู้นี้ตั้งแต่เกิดมาจนโตในถ้ำเสือของจักรพรรดิ ลักษณะนิสัยกลับได้ไปทางปู่ของเขาหลงเจิ้ง อย่างไรก็ตามเช่นนี้ก็นับว่าดี เพราะอย่างน้อยมันคือสิ่งที่เย่หวูเฉินต้องการ

“......”

“หากพี่ใหญ่หลงไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิ และปรารถนาความอิสระ ไร้เรื่องกังวลใจ ไขว่คว้าหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ อันที่จริงแล้วก็ง่ายนิดเดียว” เย่หวูเฉินจิบสุราเบาๆ และกล่าวคำเล็กน้อยพอเป็นที่เข้าใจ

หลงเจิ้งหยางดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที กล่าวคำคล้ายกระวนกระวาย “น้องเย่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีแน่.... รีบบอกข้ามาเร็วเข้า”

“ให้ฮวงเอ๋อร์เป็นจักรพรรดิ และหลังจากนั้น ท่านจะอยู่ในเมืองเทียนหลงหรือออกท่องหล้า ทุกอย่างล้วนทำได้อย่างเสรี” เย่หวูเฉินเอ่ยแผ่วเบา ใบหน้าที่มองยังหลงเจิ้งหยางเต็มไปด้วยความสุข

“ฮวงเอ๋อร์!?” หลงเจิ้งหยางตื่นตกใจ

“ถูกต้อง ตราบใดที่ท่านประกาศสละราชบัลลังก์ และสนับสนุนให้พระขนิษฐาของท่าน หลงฮวงเอ๋อร์ขึ้นเป็นจักรพรรดิคนต่อไปของอาณาจักรเทียนหลง"

“ไร้สาระ!” หลงเจิ้งหยางเลิกคิ้วขึ้นสูง “ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น มีอย่างที่ไหนที่ธิดาของราชตระกูลจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ”

“หืม? ทำไมไม่ได้ล่ะ?” เย่หวูเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงอีกคน

“นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีสตรีคนใดขึ้นเป็นจักรพรรดิมาก่อน อีกอย่างธิดาของราชตระกูลจะใช้สิ่งใดในการกุมอำนาจ?” 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เย่หวูเฉินหัวเราะลั่น ท่าทางที่หัวเราะราวกับได้ยินเรื่องน่าขบขันที่สุดในโลก เขาส่ายศีรษะและมองยังหลงเจิ้งหยางด้วยสายตาผิดหวัง “พี่ใหญ่หลง ไม่ทราบท่านจะยอมรับหรือไม่ แต่ตัวท่านอ่อนแอจนฝังติดอยู่ในกระดูกเลยทีเดียว”

หลงเจิ้งหยาง “.....”

“ก่อนหน้านี้ท่านชมชอบองค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ฉุ่ยเมิ่งฉาน แต่เพราะนางมีชะตาที่ต้องเป็นสตรีของพระบิดาท่าน ดังนั้นท่านจึงทำได้เพียงเจ็บปวดอยู่ในหัวใจ คอยแต่หลบหนีครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะท่านอ่อนแอจึงไม่กล้าลุกขึ้นสู้ ไม่เคยแม้แต่พยายามที่จะสู้ เช่นเดียวกับตอนนี้ ท่านไม่ปรารถนาที่จะขึ้นเป็นจักรพรรดิ แต่ท่านก็ไม่คิดที่จะดิ้นรนขัดขืน ทำได้แต่ดื่มสุราอมทุกข์อยู่ที่นี่ พยายามหาทางออกจากข้า”

หลงเจิ้งหยางราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ไม่อาจกล่าวได้แม้เพียงคำเดียว

“จริงอยู่ที่ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเทียนหลง ไม่เคยปรากฎสตรีขึ้นเป็นจักรพรรดิมาก่อน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสตรีจะเป็นจักรพรรดิไม่ได้ เพราะท่านอ่อนแอ ดังนั้นท่านจึงไม่กล้าพยายาม เหมือนกับตอนที่ท่านไม่เคยกล้าช่วงชิงฉุ่ยเมิ่งฉานมาจากพระบิดาของท่าน” เย่หวูเฉินหรี่ตาลง ถอนหายใจบาง “พี่ใหญ่หลง รูปลักษณ์ของท่านเหนือล้ำโดดเด่น เป็นผู้ที่สวรรค์โปรดปรานอย่างแท้จริง แต่อุปนิสัยของท่านนั้น กลับทำให้หวูเฉิน.... เวทนา”

หลงเจิ้งหยางยกจอกแก้วในมือขึ้น เงยศีรษะแล้วซดลงไป จากนั้นกระแทกจอกแก้วลงบนโต๊ะ ร่างกายโค้งก้มไปข้างหน้า หอบหายใจหนักหน่วง ถ้อยคำของเย่หวูเฉินราวกับมีดปลายแหลม เสียบแทงหัวใจอย่างร้ายกาจ โจมตีจุดที่ตัวเองยังไม่กล้าสัมผัส

“เมืองชิงโจวเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในอาณาจักรเทียนหลง กระทั่งยังสวยงามที่สุดในทวีปเทียนเฉิน ที่นั่นงดงามดุจภาพจิตรกรรม โดดเด่นจนทุกคนปรารถนา ราวกับแดนสวรรค์ในโลกมนุษย์ ข้าได้ส่งคนไปซื้อทะเลสาบเล็กๆสวยงามแห่งหนึ่งไว้แล้ว สำหรับสร้างเป็นที่อยู่ให้กับท่าน เมื่อฮวงเอ๋อร์ขึ้นครองบัลลังก์ ท่านสามารถไปอาศัยอยู่ที่นั่นได้ทันที ที่นั่นไม่เพียงไร้คนที่จะสร้างความลำบากใจให้กับท่าน หรือตีตรวนท่าน แต่ยังมีคนที่จะคอยปกป้องท่านไปจนชั่วชีวิต พี่ใหญ่หลง ท่านคิดว่าอย่างไร?”

แววตาของหลงเจิ้งหยางปั่นป่วน หลังจากเงียบงันไปชั่วขณะ เขาก็ค่อยๆลุกขึ้นจากที่นั่ง สายตามองตรงที่เย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ไร้ความหวาดกลัวใดๆ เป็นเวลาเนิ่นนานก่อนที่หลงเจิ้งหยางจะนั่งลงอย่างหนักหน่วง กล่าวคำด้วยคิ้วขมวดมุ่น “เจ้า.... ดูเหมือนเจ้าจะเตรียมการเรื่องพวกนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว”

“ถูกต้อง เพราะเข้าใจท่านมากเกินไป ดังนั้น ข้าจึงทราบว่าท่านปรารถนาสิ่งใด ส่วนสิ่งที่ข้าปรารถนานั้น คิดว่าพี่ใหญ่หลงก็คงรู้”

“เจ้าต้องการอำนาจสูงสุดใช่หรือไม่?” หลงเจิ้งหยางสายตาดูเลื่อนลอย กล่าวคำด้วยเสียงแผ่วเบา

“เปล่าเลย ท่านกล่าวผิดแล้ว” เย่หวูเฉินกลับส่ายศีรษะ เขากล่าวช้าๆ “สิ่งที่ข้าปรารถนานั้น หากเทียบกับสิ่งที่ท่านต้องการแล้วนับว่าเรียบง่ายกว่าอย่างมาก ข้าเพียงต้องการให้คนในตระกูลข้าและครอบครัวได้มีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องมีใครคอยรังควานอีก”

มุมปากของหลงเจิ้งหยางขยับเล็กน้อย ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มขมขื่น “ฮวงเอ๋อร์งมงายต่อเจ้า หากนางได้กุมอำนาจ อิทธิพลและอำนาจของตระกูลเย่ย่อมไม่มีผู้ใดในอาณาจักรเทียนหลงสั่นคลอนได้อีก ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีวันลบล้างของฮวงเอ๋อร์ที่มีต่อเจ้า ตัวเจ้าเย่หวูเฉินสมควรเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่อยู่เหนือจักรพรรดิ.... หลังจากนั้นอีกหลายปี หากฮวงเอ๋อร์ให้กำเนิดบุตรชาย เขาย่อมกลายเป็นรัชทายาท และย่อมไม่ใช้แซ่หลงแต่เป็นแซ่เย่ ด้วยวิธีนี้ ตระกูลเย่ของเจ้าไม่เพียงได้รักษาชื่อเสียงแห่งความภักดี แต่ยังได้ครองอำนาจสูงสุดไม่อยู่ภายใต้ผู้ใด.... น้องเย่ ข้าควรจะยกย่องเจ้า หรือหวาดกลัวเจ้าดี”

เย่หวูเฉินหัวเราะและกล่าว “พี่ใหญ่หลง ในเมื่อท่านทราบแล้วว่าข้าปรารถนาสิ่งใด เหตุใดยังต้องกลัวข้าด้วยเล่า หากท่านไม่สบายใจ งั้นข้าขอรับรองว่าตลอดชั่วชีวิตของฮวงเอ๋อร์ ข้าจะไม่ทะเยอทะยานทำเรื่องไร้ยางอายต่อตระกูลหลงของท่าน”

“ถ้าอย่างนั้น เหตุใดเจ้าถึงได้มั่นใจนัก ว่าฮวงเอ๋อร์จะสามารถครองบัลลังก์ได้? ข้าจะเอาความมั่นใจจากไหนมาวางใจเจ้า!”

“เพราะข้าคือจักรพรรดิมาร!”



<<<PREV    .    NEXT>>>