วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 409

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 409 เจ้าตัวบัดซบ

สำนักจักรพรรดิเหนือ

รากฐานสำนักจักรพรรดิใต้ที่ล่มสลายลงทำให้เหยียนต้วนหุนกระสับกระส่าย ด้วยพลังของพวกมันกลับไม่อาจตรวจพบถึงสาเหตุ เวลานี้มันยืนอยู่ที่หน้าต่าง คิ้วขมวดมุ่นเค้นสมองครุ่นคิด ทว่าทันใดนั้น ข้างนอกหน้าต่างก็พลันเกิดเสียงโกลาหล

ประตูถูกพลักพรวดเข้ามา เหยียนต้วนหุนขมวดคิ้วหันกายมาและคำรามลั่นออกไป “มีอะไร?”

“ท่านประมุข ผู้อาวุโสหยุนตายแล้ว.... ศพของเขาอยู่ข้างนอก....”

“อะไรนะ!” เหยียนต้วนหุนตกตะลึง จากนั้นทะยานร่างออกนอกหน้าต่าง ตรงไปยังทิศทางที่มีเสียงโกลาหลทันที

เหนือบริเวณลานโล่ง ร่างชราเย็นเยียบเป็นน้ำแข็งนอนอยู่ตรงนั้นในท่าทางบิดเบี้ยว สีหน้าแตกตื่นอย่างแปลกประหลาด ราวกับมันเห็นสิ่งน่ากลัวสูงสุดก่อนจะตกตาย ร่างกายเย็นจัดจนน่ากลัว แม้จะเว้นระยะห่างแต่ยังคงสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบ ศพนี้คือเหยียนเทียนหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย

“ท่านประมุข จู่ๆศพของผู้อาวุโสหยุนก็ร่วงลงมาจากฟ้า” คนผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่ง ราวกับมันไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น หลายคนที่อยู่ถัดจากมันต่างพยักหน้ารับรอง ยืนยันว่าร่างของเหยียนเทียนหยุนร่วงลงมาฟ้าและกระแทกพื้นอย่างรุนแรงจริงๆ

เหยียนเทียนหยุนแหงนศีรษะมองท้องฟ้าว่างเปล่า หัวคิ้วยิ่งขมวดชิดแน่นขึ้น ร่วงลงมาจากฟ้า.... มันไม่อาจอดได้ที่จะนึกถึงจักรพรรรดิมารซึ่งเคยปรากฎตัวในสำนักจักรพรรดิเหนือและหายไปอย่างฉับพลัน.... ทว่าสิ่งที่ทำให้มันไม่อาจสงบใจได้คือเหยียนเทียนหยุนเป็นผู้คุ้มกันเหยียนซีหมิงในการลอบสังหารเย่หวูเฉินและสตรีเทพพิโรธ ด้วยพลังของเหยียนเทียนหยุนยังมีสภาพเช่นนี้ แล้วเหยียนซีหมิง!?

มันเกิดอะไรขึ้น.... หากเป็นฝีมือของจักรพรรดิมารจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาไปเจอจักรพรรดิมารได้อย่างไร! แต่หากไม่ใช่.... เป็นไปได้หรือไม่ว่าข่าวเรื่องสตรีเทพพิโรธไม่รู้สึกตัวจะผิดพลาด เป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ?

เหยียนต้วนหุนหมุนกาย ใช้สายตาคมกล้าดุจกระบี่กวาดสำรวจบริเวณโดยรอบ สีหน้าโกรธเกรี้ยวและตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุม

“ท่านประมุข ท่านประมุข! แย่แล้วขอรับ!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินจ้ำเท้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายมีบาดแผลประปราย มันมาถึงเบื้องหน้าเหยียนต้วนหุนที่ยังไม่ทันได้ไต่ถาม มันก็หอบหายใจกล่าวคำ“นายน้อย.... นายน้อย เขา....”

จากสภาพของมัน เห็นได้ชัดว่ามันปีนภูเขาข้ามแม่น้ำมาด้วยความเร็วสูงสุดจากระยะทางไกล เหยียนต้วนหุนจ้องเขม็ง ก้าวเท้าไปเบื้องหน้าและคำราม “หมิงเอ๋อร์เป็นอะไร!?”

“นายน้อย เขา.... เขาถูกแขวนอยู่เหนือประตูเมืองเทียนชุย.... ยิ่งกว่านั้น....” บุรุษผู้นั้นกัดฟันแน่น อีกครึ่งประโยคช่างยากที่จะกล่าว หากสุดท้ายมันเปล่งคำด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “เป็นพวกสำนักมาร ยิ่งกว่านั้นพวกมันยังเป็นยอดฝีมือทั้งหมด คนของพวกเราที่อยู่ใกล้ๆต่างหมดหวังที่จะชิงตัวนายน้อยมาจากมือพวกมัน ท่านประมุข....”

กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ....

เหยียนต้วนหุนกำมือทั้งสองข้างไว้แน่นจนกระดูกลั่น แววตาที่ยังราบเรียบคล้ายจะลุกโพลงด้วยเพลิงคลั่ง ที่แท้ก็เป็นสำนักมารจริงๆ ในทวีปเทียนเฉินมีอยู่ไม่กี่ขุมกำลังที่ทรงอำนาจถึงเพียงนี้ สำนักจักรพรรดิใต้ในยามนี้แทบไม่อาจดูแลตัวเอง สตรีเทพพิโรธก็อยู่ในสภาพไม่ได้สติ ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือสำนักมาร

แขวนอยู่เหนือประตูเมืองเทียนชุย.... ไร้ข้อสงสัยเลยว่านี่คือการหยามหน้าและยั่วยุครั้งใหญ่ต่อสำนักจักรพรรดิเหนือ

“พวกเราไป!” เหยียนต้วนหุนเข่นเขี้ยว เพลิงโทสะแทบจะแผดเผาเหตุผลจนหมดสิ้น

“ท่านประมุข สำนักมารทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเพื่อล่อลวงพวกเรา พวกเราควรวางแผนให้รอบคอบก่อน....”

เหยียนต้วนหุนหันศีรษะมาทันที แววตาเย็นเชียบทำให้คนที่กล่าววาจาต้องกลืนคำพูดลงลำคอ “สำนักจักรพรรดิเหนือของข้ากลายเป็นเต่าหดหัวยอมถูกตบหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือพวกเราหวาดกลัวสำนักมารอันเล็กจ้อย! ไปเรียกท่านลุงเจ็ดของข้ามาเดี๋ยวนี้ บอกเขาว่าหมิงเอ๋อร์กำลังเผชิญหายนะ พวกเราจะให้สำนักมารชดใช้ที่บังอาจกระตุ้นโทสะของสำนักจักรพรรดิเหนือ ไปกันได้แล้ว!!”

..................

.................

เมืองเทียนชุย เมืองหลวงแห่งอาณาจักรคุยชุย ตั้งอยู่ตรงใจกลางอาณาจักรคุยชุยเยื้องไปทางใต้ ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรคุยชุย เมืองนี้ย่อมคักคักมีชีวิตชีวามากที่สุด ทว่าเมืองเทียนชุยในวันนี้ถูกลิขิตให้ไม่ใช่วันที่สงบนัก

เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งตรงไปยังเมืองเทียนชุย หาได้ยากที่สองยอดฝีมือเทวะคู่นี้จะเดือดดาลจนปอดแทบระเบิด

ใต้ซุ้มประตูเมืองเทียนชุย มีรูปสลักน้ำแข็งมากมายกระจายอยู่ทั่ว บางส่วนเห็นได้ชัดว่าเป็นคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นทหารถือหอกดาบของอาณาจักรคุยชุย ทั้งหมดตกตายอยู่ในสภาพเดียวกันคือถูกแช่แข็ง ทหารบางคนยังอยู่ในท่าวิ่ง แสดงให้เห็นว่าถูกแช่แข็งในฉับพลัน จนทุกคนไร้เวลาที่จะดิ้นรน

ห่างออกไปมีทหารรักษาเมืองของอาณาจักรคุยชุยล้อมรอบอยู่ สายตามองมาอย่างระวังโดยไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้ ในหมู่พวกนั้น ส่วนมากเป็นผู้คนที่มุงดูเรื่องสนุก สายตาต่างมองไปที่ข้างบน กระซิบกระซาบคุยกัน

เหนือซุ้มประตูอาณาจักรคุยชุยที่อยู่สูง มีคนผู้หนึ่งถูกมัดมือห้อยไว้ข้างบนนั้น ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่อายุยังไม่พ้น 30 ปี ผมเผ้ากระเซิงปกคลุมใบหน้าแทบทั้งหมด ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่เผยออกมาซีดเซียวไร้สีเลือด ดวงตาแม้ว่าจะเปิดอยู่กึ่งหนึ่ง ทว่ากลับแข็งทื่อไร้เป้าหมาย ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ คนผู้นี้ทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าล้วนเปลือยเปล่า ไร้สิ่งบดบังจากสายตาผู้คนแม้แต่น้อย ที่โดดเด่นสะดุดตายิ่งกว่าก็คือ อักษรสีแดงเจ็ดคำที่เขียนตรงอกและแผ่นหลัง

นายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนซีหมิง

แม้จะเห็นเพียงครึ่งใบหน้า แต่เหยียนต้วนหุนยังคงเห็นได้ชัดว่าเป็นเหยียนซีหมิง บุตรชายตนเองไหนเลยเขาจะจำพลาด ใบหน้าของเหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวเปลี่ยนเป็นสีตับหมูในพริบตา ดูน่าเกลียดอย่างสุดแสน นอกจากพวกมันสองคน บริเวณโดยรอบก็ไม่มีผู้ใด ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิเหนือคนอื่นๆตามมาถึงห่างๆด้วยความเร็วสูงสุด พวกมันมั่นใจว่าด้วยพลังของทั้งสองคน หากร่วมมือกันย่อมไม่มีผู้ใดเอาชนะได้

เหยียนต้วนหุนตัวสั่นไปทั้งร่าง เห็นได้ชัดว่าโกรธขึ้งถึงขีดสุด มันพุ่งขึ้นบนฟ้าตรงไปหาเหยียนซีหมิงท่ามกลางเสียงร้องอุทานของผู้คน

ฟู่ม!

ไร้สัญญาณเตือนใดๆ ฉับพลันมีกำแพงน้ำแข็งพุ่งขึ้นมาจากพื้นเบื้องล่าง ขวางกั้นที่เบื้องหน้าเหยียนต้วนหุน เหยียนต้วนหุนแม้ว่าจะตกใจแต่มิได้สับสน มันมองอย่างไม่ใส่ใจและกำหมัดชกใส่กำแพงน้ำแข็ง หนึ่งหมัดดัง ‘ปัง’ ที่สามารถทลายกำแพงน้ำแข็งและเหล็กกล้าได้ง่ายดาย คิดไม่ถึงว่าจะถูกสะท้อนพลังกลับอย่างรุนแรง ความเจ็บเสียดแทงไปทั่วแขนขวา ร่างกายถูกแรงสะท้อนกระแทกถอยหลังไปนับสิบเมตร

กำแพงน้ำแข็งร้าวและแตกออกเป็นชิ้นๆ ที่เบื้องหลังกำแพงน้ำแข็งนั้น มีเงาร่างสีเงินที่ไม่ทราบปรากฎตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด มันลอยสูงอยู่ในระดับเดียวกันกับเหยียนต้วนหุน แม้ไม่เห็นใบหน้า แต่สัมผัสได้ถึงความเหยียดหยันจากสายตาที่มองมา เบื้องหลังมันไม่ถึงสองเมตร เป็นเหยียนซีหมิงที่ถูกแขวนไว้และยังคงไร้การเคลื่อนไหว

การปรากฎตัวของจักรพรรดิมารทำให้ทหารรักษาเมืองที่กล้ากระเถิบเข้ามาในที่ไกลๆแตกตื่นเป็นการใหญ่ พวกมันพยายามถอยหลังกันจ้าละหวั่น เพราะว่าก่อนหน้านี้ เพียงจักรพรรดิมารเหวี่ยงมือธรรมดาก็ทำให้ทหารจำนวนมากกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง เหยียนซีหมิงถูกแขวนไว้ที่นี่เกือบจะครบหนึ่งวัน นอกจากจักรพรรดิมารแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปใกล้ได้ ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจะช่วยมันลงมา จักรพรรดิมารเพียงผู้เดียวกลับทำให้ทั้งเมืองเทียนชุยจมจ่อมอยู่ในความหวาดกลัว ได้แต่ภาวนาว่ามันจะรีบจากไปไกลๆ ไม่ต้องกลับมาอีกเลยได้ยิ่งดี ครั้งหนึ่งพวกมันเคยได้ยินเพียงชื่อของจักรพรรดิมาร หากในที่สุดวันนี้ก็ได้ประจักษ์แก่ตาตนเองว่าจักรพรรดิมารน่ากลัวเพียงใด ทว่าพวกมันก็มิได้อยากมีประสบการณ์เช่นนี้เป็นครั้งที่สอง

คลื่นคนสำนักจักรพรรดิเหนือที่ทะลักมาเพื่อช่วยเหยียนซีหมิง นับเป็นข้อพิสูจน์ว่าคนผู้นี้เป็นนายน้อยของสำนักจักรพรรดิเหนือจริงๆ เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่น่าตกตะลึงยิ่ง.... นี่เป็นข่าวฉาวครั้งใหญ่ของสำนักจักรพรรดิเหนือที่จะแพร่ลามไปเงียบๆ อีกประมาณไม่กี่วัน เรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อใหญ่หลังมื้ออาหารให้คุยกันเพลินทั่วทวีปเทียนเฉิน

ตัวตนทรงอำนาจที่ไม่อาจล่วงล้ำ กลับถูกคนผู้หนึ่งหยามหน้า กระทั่งสำนักจักรพรรดิใต้ยังไม่เคยอาจหาญกระทำการเยี่ยงนี้

“โอ ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ ต้องรอคอยเสียเนิ่นนาน เจ้ากลับมาถึงที่นี่ช้ากว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้ ดูเหมือนเจ้าไม่ได้ห่วงใยบุตรชายมากเหมือนที่ข้าคิด” จักรพรรดิมารยิ้มทะมึนขณะกล่าวคำ

เหยียนต้วนหุนมองร่างเปลือยเปล่าของเหยียนซีหมิงที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิมาร หลังจากตกใจกับกำแพงน้ำแข็ง โทสะที่เก็บกดไว้ก็แทบระเบิดออก มันกล่าวด้วยสีหน้าทะมึน “จักรพรรดิมาร ดูเหมือนเจ้าจะต้องการฉีกหน้าสำนักจักรพรรดิเหนือของข้าเสียเหลือเกิน”

“ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ เจ้ากล่าวอันใดข้าไม่เข้าใจ สำนักมารของข้าและสำนักจักรพรรดิเหนือของเจ้าไม่เคยมีคำว่า ‘ไว้หน้า’ ต่อกัน เจ้ามาบ่นพร่ำอะไรเรื่องฉีกหน้า” จักรพรรดิมารชี้นิ้วไปข้างหลังอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาและไม่ดัง “บุตรชายเจ้าไม่ชอบอยู่ในรังตัวเอง แต่กลับวิ่งพล่านไปยังอาณาจักรเทียนหลง มันต้องตกมาอยู่ในมือของเราจักรพรรดิ นับว่าโทษได้แต่ตัวเอง ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ เจ้าปรารถนาจะใช้สิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับบุตรชายของตัวเอง?”

“ชีวิตของเจ้าไง!!”

เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว หางคิ้วชี้ชูชัน เหยียนต้วนหุนผลักสองฝ่ามือใส่จักรพรรดิมารทันที พลังเพลิงวิญญาณไร้ขอบเขตท่วมทะลัก เห็นได้ชัดว่าเพราะหัวใจที่โกรธเกรี้ยว พลังจึงท่วมท้นถึงขีดสุดที่ทำได้ จักรพรรดิมารยิ้มเย็น ส่งมือออกมาช้าๆเช่นเดียวกัน

ช่า ช่า ช่า.....

ไม่ต้องใช้เวลาควบกลั่นธาตุน้ำ น้ำแข็งสี่ชั้นอันแกร่งกล้าก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของเหยียนต้วนหุน เหยียนต้วนหุนดวงตาแดงก่ำดุจสีเลือด ฟาดมือใส่น้ำแข็งอย่างรุนแรงเพียงได้ยินเสียงหูดับ เหยียนต้วนหุนใช้พลังเกือบทั้งหมดในการโจมตี น้ำแข็งชั้นแรกแตกกระจัดกระจาย ทว่าน้ำแข็งชั้นที่สองกลับมีสภาพสมบูรณ์ มีเพียงสั่นสะเทือนเล็กน้อย เหยียนต้วนหุนตะลึงลาน ขณะที่กำลังจะอ้อมแผ่นน้ำแข็งแกร่งกล้า ฉับพลันก็มีคมวายุเข้มข้นพัดผ่านและบาดร่างด้วยความเร็วไร้ที่เปรียบ

คมวายุนี้ประหลาดอย่างยิ่ง พวกมันพุ่งออกมาจากแผ่นน้ำแข็งหนาตรงเข้าใส่ร่างของเหยียนต้วนหุน การโจมตีอันผิดธรรมชาตินี้ทำให้เหยียนต้วนหุนตอบสนองไม่ทันกาล ความเจ็บเสียดแทงที่ตรงอก มันล่าถอยอย่างรวดเร็วพร้อมสะบัดแขน คมวายุที่เหลืออยู่ถูกพลังเพลิงวิญญาณหักล้างจนหมดสิ้น

เสื้อผ้าตรงแขนและตรงอกถูกตัดขาดนับสิบๆรอย แต่ละจุดที่เสื้อผ้าขาดออก หมายถึงผิวหนังใต้ร่มผ้าที่ขาดด้วย เหยียนต้วนหุนเคลื่อนลมปราณอย่างรวดเร็ว ระงับบาดแผลเล็กๆมากมายด้วยพลัง ไม่มีร่องรอยโลหิตใดๆ ทว่าความเจ็บบาดลึกถึงหัวใจ ทั้งยังตื่นตะลึงถึงขีดสุด



<<<PREV    .    NEXT>>>