วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 412

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 412 เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นทั้งสี่!

นักเวทย์ในทวีปเทียนเฉินนั้นหายาก แต่พลังธาตุเป็นที่รู้จักว่าสุดยอด โดยเฉพาะในสมรภูมิ หากให้เวลากับเหล่านักเวทย์เพียงพอ ระยะโจมตีที่แผ่กว้างจะส่งผลอย่างมากต่อรูปแบบสงคราม ทว่าในขณะเดียวกัน ‘เวลาที่เพียงพอ’ นั้นคือเรื่องหลักที่ฉุดรั้งพวกเขาไว้ การควบกลั่นพลังธาตุให้สมบูรณ์ต้องใช้ระยะเวลา หากมีใครสามารถลดเวลาให้เป็นศูนย์ได้ ความน่ากลัวของมันจะเพิ่มพูนขึ้นไม่รู้กี่เท่า

ทว่าวันนี้ เหยีนเทียนสง , เหยียนเทียนอ้าว และ เหยียนต้วนหุน ต่างได้เป็นสักขีพยานมาตั้งแต่ต้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นอันทรงพลัง แท่งน้ำแข็งแหลมย้อยร่วงกดดันทั่วอาณาบริเวณ โดยไร้ความลังเลใดๆ พวกมันโคจรพลังทั้งหมดเข้าป้องกัน ต้านรับการโจมตีที่เกิดขึ้นกะทันหัน พวกมันไร้เวลาคิดถึงเรื่องที่จักรพรรดิมารปรากฎตัวบนฟ้ากะทันหัน รวมทั้งเหตุใดพลังธาตุอันมหาศาลนี้ถึงร่วงลงมาโดยไร้สัญญาณเตือน

จักรพรรดิมารควบคุมรัศมีการโจมตีของ ‘ทลายเหมันต์เยือกแข็ง’ ได้เป็นอย่างดี แท่งน้ำแข็งที่ร่วงลงมาไม่เพียงทำให้ทั้งสามไม่อาจหลบเลี่ยง แต่ระยะรัศมียังเว้นผู้คนที่มุงอยู่ไกลๆ ท่วงท่าที่ลอยอยู่เหนืออากาศห่างไกลนั้น ราวกับจักรพรรดิผู้ทอดตามองโลกเบื้องล่างอย่างไม่แยแส

แท่งน้ำแข็งร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่มีวันหมดสิ้น น้ำแข็งแต่ละแท่งเมื่อร่วงถึงพื้นจะกลายเป็นเศษชิ้นปลิวกระจายทันที เสียงเย็นเชียบกรีดอากาศทุกทิศทาง ภายใต้การระเบิดออกของพลังน้ำแข็ง เศษน้ำแข็งชิ้นเล็กๆล้วนบรรจุพลังทำลายล้างน่าหวาดหวั่น หากเป็นยอดฝีมือที่ไร้พลังในการบิน ภายใต้การโจมตีสองทิศจากทั้งฟ้าและพื้นดิน ย่อมเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นไม่ใช่เพียงแค่เท่าตัว คู่ควรที่จะเรียกมันว่านรกน้ำแข็ง!

แท่งน้ำแข็งร่วงท่วมฟ้า เศษน้ำแข็งปลิวว่อนเหนือผืนดิน ฉับพลันภายในรัศมี ‘ทลายเหมันต์เยือกแข็ง’ ก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีฟ้าของน้ำแข็งระยิบระยับ ไร้สีสันอื่นใดอีก ฉากสวยงามตรงหน้าไม่ทราบว่าทำผู้คนมากเพียงใดต้องสั่นกลัว ไม่ทราบว่ากี่คนที่อ้าปากค้างไม่อาจหุบลง

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ผู้คนย่อมไม่เชื่อว่านี่เป็นพลังที่คนผู้หนึ่งสามารถปลดปล่อยออกมาได้!

น้ำแข็งร่วงลงมากราดเกรี้ยวต่อเนื่องหลายสิบอึดใจ ผู้คนจ้องมองจากที่ไกลๆโดยไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนสามคนที่ถูกปกคลุมอยู่ใต้ม่านน้ำแข็ง....

เมื่อแท่งน้ำแข็งสุดท้ายกระทบพื้น เสียงแตกเลือนลั่นก็สงบลงในที่สุด บนอากาศมีสามร่างที่เปื้อนด้วยเศษน้ำแข็ง บนพื้นดินเป็นผืนน้ำแข็งท่วมหนาอย่างไม่ต้องสงสัย และผิวดินใต้ผืนน้ำแข็งย่อยยับเพียงใดย่อมเป็นที่จินตนาการได้

“นับเป็นเคล็ดวิชาแห่งเทพอย่างแท้จริง ในอดีตเสวี่ยหนี่เคยใช้มันอยู่ครั้งหนึ่ง.... แม้ว่ามันมีอำนาจมหาศาล แต่พลังที่ถูกสูบใช้ก็มากมหาศาลเช่นเดียวกัน อย่าปล่อยให้มันมีโอกาสได้หายใจ!” เหยียนเทียนสงกล่าวด้วยคิ้วมุ่น สามบุคคลประสานพลังกัน จึงสามารถปัดป้องพลังน้ำแข็งของเคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าลมหายใจของพวกมันปั่นป่วน เห็นได้ชัดว่าใช้พลังไปไม่น้อย เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวยังมีสีหน้าคล้ายซีดเซียว หากต้องรบกับนักเวทย์ระดับเทวะ พวกมันต้องไม่ยอมให้ใช้เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นเช่นนี้ได้อีก เมื่อใดที่เริ่มตั้งท่าต้องรีบขัดจังหวะทันที ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้ใช้ออกได้ ก็มีแต่กลายเป็นหายนะเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกมันเตรียมทะยานร่างขึ้นไป ที่เบื้องบนนั้นก็มีเสียงเหมือนเมื่อครู่ลอยลงมา

“เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่น – ทลายเหมันต์เยือกแข็ง!”

ติ้ง!!

ท่ามกลางสายตาไม่อยากเชื่อของทุกผู้คน ทุกแห่งหนปรากฎแท่งน้ำแข็งแหลมย้อยลงมาอีกครั้ง เพียงเวลาชั่วพริบตา ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิเหนือทั้งสามคนก็จมอยู่ในม่านน้ำแข็งอีกครั้ง

“เอื้อ!”

เหยียนเทียนสงไม่มีเวลากระทั่งจะตกใจ ร่างกายแข็งทื่อเหวี่ยงสองมือขึ้นต่อต้าน กลุ่มน้ำแข็งบนฟ้าแตกสลายเป็นผง ทว่าเพียงพริบตา แท่งน้ำแข็งจำนวนมหาศาลก็ปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้งและกดท่วมลงมา พวกเหยียนทั้งสามล้วนรู้แก่ใจว่าหากร่วงลงไป ไม่เพียงจะถูกกดดันอยู่ใต้อำนาจน้ำแข็ง แต่ยังจะถูกตัดเฉือนด้วยเศษชิ้นน้ำแข็ง พวกมันทำได้เพียงฝืนร่างอยู่กลางอากาศ ต่อต้านหายนะน้ำแข็งโดยไม่มียับยั้งพลัง

ตูม! ตูม! ตูม!

เสียงต้านทานเบาบางยิ่งเมื่อเทียบกับเสียงระเบิดน้ำแข็งหูดับ จักรพรรดิมารยังคงลอยนิ่งอยู่กับที่ มองดูฉากเบื้องล่างอย่างสนุก น้ำแข็งเหล่านี้เกิดขึ้นจากพลังของตัวเอง ดังนั้นสายตาจึงมองทะลุผ่านม่านน้ำแข็งได้โดยตรง จับจ้องอยู่ที่ร่างสามบุคคลที่กำลังดิ้นรนโดยใช้ทุกวิธี

เมื่อเคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นครั้งที่สองจบลง เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวต่างหอบหายใจ ฝ่ามือสองข้างที่สัมผัสน้ำแข็งถูกความเย็นกัดจนซีดเซียวไร้สีเลือด ชั่วขณะที่หยุดลง เหยียนเทียนสงแหกปากคำราม พุ่งทะยานขึ้นฟ้าตรงไปยังจักรพรรดิมาร เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นสองครั้งต่อเนื่อง ต่อให้มันมีพลังเหนือล้ำกว่าเสวี่ยหนี่ เป็นนักเวทย์วารีที่บรรลุเทวะชั้นสูง สภาพยามนี้ย่อมใกล้เคียงกับหมดไร้เรี่ยวแรง รัศมีการโจมตีที่กว้างอย่างยิ่งนี้ สามารถกดดันยอดฝีมือเทวะพร้อมกันถึงสามคน พลังที่ถูกสูบกลืนย่อมเป็นจำนวนที่มหาศาล

อย่างไรก็ตาม มีเสียงลอยมาอีกครั้งซึ่งทำให้มันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่น – ทลายเหมันต์เยือกแข็ง!”

ขณะที่เหยียนเทียนสงแหงนศีรษะ ในสายตาก็เต็มไปด้วยแสงสีฟ้าบดบังแสงอาทิตย์ ด้วยมันไม่ทันตั้งตัว ฉะนั้นจึงถูกแท่งน้ำแข็งฟาดใส่ศีรษะอย่างหนักหน่วง ร่างปลิวลงไปหลายสิบเมตรกว่าจะหยุดได้ ทั่วบริเวณพร่าเลือนไปด้วยแท่งน้ำแข็งอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ว่างเว้นเพียงสองชั่วอึดใจ กลับปรากฎเสียงระเบิดโกลาหลขึ้นอีกครั้ง

เทียบกับเสียงระเบิดปั่นป่วนของน้ำแข็ง ที่ระยะไกลๆผู้คนยิ่งมายิ่งนิ่งเงียบ ใต้ท้องฟ้าเป็นม่านน้ำแข็งสีฟ้าสวยงาม ทั่วทั้งเมืองเทียนชุยหรือแม้กระทั่งรอบนอกก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ครั้งแรกคือการตกตะลึง ครั้งที่สองคือความเหลือเชื่อ ครั้งที่สาม.... สมองของผู้คนเริ่มรู้สึกขาดอากาศ ยืนโง่งมไม่อาจตอบสนองได้เป็นเวลานาน

พลังน่ากลัวอะไรเช่นนี้ ครั้งแรกกดดันสามยอดฝีมือสูงสุดแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือยังพอยอมรับได้ แต่สามครั้งต่อเนื่อง.... จักรพรรดิมารผู้นี้แท้จริงน่ากลัวขนาดไหน มันเป็นตัวตนศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนกันแน่!

จากถ้อยคำที่เปิดเผยของจักรพรรดิมาร ทำให้ผู้คนรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือเหยียนต้วนหุน รู้ว่าชายชราคนนั้นคือประมุขรุ่นก่อนของสำนักจักรพรรดิเหนือ ส่วนอีกคนที่ไม่รู้จักชื่อ พลังของมันเห็นได้ชัดว่าไม่ด้อยกว่าเหยียนต้วนหุน ไม่สงสัยเลยว่าพวกมันคือยอดฝีมือไร้ต้านที่ล้วนบรรลุพลังเทวะ ทว่าจักรพรรดิมารเพียงผู้เดียว กลับกดข่มยอดฝีมือทั้งสามไว้นับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ จนบัดนี้พวกมันยังไม่มีโอกาสได้ตอบโต้

เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวสามารถรวมพลังต้านทานได้สองครั้ง แล้วครั้งที่สามล่ะ?

ตูม!

หลังการปัดป้องของเหยียนเทียนอ้าว ยามนี้พลังของมันที่ใช้ไปมากก็เริ่มติดขัดในที่สุด มันร่วงลงสู่พื้นเสียงดัง แต่ยังคงมิได้สัมผัสผิวดิน เศษชิ้นน้ำแข็งปลิวว่อนปักร่างของมัน มันกัดฟันและพุ่งขึ้นต้านทานแรงกดดันเย็นเยียบ แท่งน้ำแข็งปะทะลงมาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น มันพลันสังเกตเห็นว่าเหยียนต้วนหุนพุ่งลงกระแทกพื้นไม่ต่างจากมัน....

ราวกับเมฆแหวกออก ผืนนภาสีฟ้าได้หายไป เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่นดุจหายนะปาฏิหาริย์ได้สงบลงต่อสายตาผู้คนอีกครั้ง ชั้นน้ำแข็งเหนือผืนดินหนาขึ้นหลายเมตร ยามนี้เมื่อมองดู จะพบเพียงเหยียนเทียนสงที่ยังคงลอยร่างหอบหายใจอยู่กลางอากาศ ต่อต้านเคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่นสามครั้งติดต่อกัน ทำให้มันสูญเสียพลังจำนวนมาก

ร่างของเหยียนต้วนหุนเต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง แขนซ้ายห้อยหลวมทั้งยังไม่เคลื่อนไหว ทั่วทั้งแขนมีเพียงชั้นน้ำแข็งบาง ทว่าหากสังเกตดูให้ดีแล้ว จะพบว่าทั่วร่างของมันมีรอยน้ำแข็งเจาะเล็กใหญ่นับสิบๆรู เนื่องจากน้ำแข็งเหล่านั้นเย็นเกินไป ทำให้ขณะที่เจาะร่างบาดแผลจะถูกแช่แข็งทันที ฉะนั้นจึงไม่ปรากฎร่องรอยโลหิตไหล เหยียนเทียนอ้าวมีสภาพดีกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเหยียนต้วนหุน ทว่ายังคงมีสภาพน่าอเนจอนาจเช่นเดียวกัน

อับอาย เป็นคำที่ใช้บรรยายสภาพของพวกมันในยามนี้ดีที่สุด เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นต่อเนื่องสามครั้ง การโจมตีดุจปาฏิหาริย์ พลังเทวะของพวกมันถูกบีบคั้นได้ถึงขั้นนี้ นี่ไม่ใช่เพียงแค่อับอายแล้ว

สายตาจับจ้องไปบนฟ้า ร่างสีเงินยังคงลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตามองเหยียดหยันลงมา เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่นสามครั้ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันเคยได้ยิน กระทั่งนึกถึงยังไม่เคยนึก ทว่า.... สามครั้งต่อเนื่อง โชคไม่ดีที่พวกมันยังมีชีวิตรอด และจักรพรรดิมารต่อให้มันแข็งแกร่งกว่านี้ ทั้งเกรงว่าบางทีอาจเป็นเทพแท้จริง แต่แน่นอนมันย่อมใช้พลังจนหมดสิ้นแล้ว

เหยียนเทียนสงรำงับความแตกตื่นในใจ เงยศีรษะมองจักรพรรดิมารด้วยสายตาเย็นเยียบ สองหมัดกำไว้แน่น ไม่ทราบว่าเพราะตกใจจนไม่อาจยอมรับ หรือเพราะข่มระงับความโกรธที่ใช้พลังไปจนเกือบหมด เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่นสามครั้ง หากไม่ใช่สามยอดฝีมือขอบเขตเทวะประสานพลังต่อต้าน เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวไม่ว่าคนใดหากไม่ตายก็ย่อมเจ็บหนัก กระทั่งเหยียนเทียนสงที่บรรลุพลังเทวะขั้นสูง หากต้านรับเพียงลำพังก็คงทำอะไรไม่ถนัดนัก

ใบหน้าจักรพรรดิมารถูกปิดบังไว้ ทว่าจากกลิ่นอายล้วนทราบได้ไม่ยากว่าคนผู้นี้อายุไม่เกิน 30 ปี ด้วยวัยเพียงเท่านี้ กลับครองพลังที่เหยียนเทียนสงเพิ่งเคยเห็น กระทั่งสตรีเทพพิโรธในอดีตยังไม่อาจนำความกดดันหนักหน่วงเช่นนี้มาสู่มัน หากในอดีตสตรีเทพพิโรธสามารถระเบิดการโจมตีที่น่ากลัวเพียงนี้ได้ต่อเนื่องสามครั้ง ในหมู่เทวะที่ร่วมมือกัน ผู้ที่เพิ่งบรรลุวิถีเทวะย่อมแทบไม่เหลือหนทางให้หลบหนี ทั้งสามคนที่รอดพ้นจากเคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นทั้งสามครั้งได้ นับว่าเทพแห่งความโชคดีห่วงใยพวกมันแล้ว

“ประเสริฐนักจักรพรรดิมาร คู่ควรแล้ววาจาโอหัง....” เหยียนเทียนสงกล่าวเสียงทุ้มต่ำและแค่นเสียงอย่างเดือดดาลคำหนึ่ง จากนั้นพุ่งทะยานร่าง พร้อมพลังแผดร้อนพวยพุ่งไปยังคนที่อยู่เบื้องบน “ขอข้าดูหน่อย ว่าเจ้ายังสามารถโอหังได้อีก!!”

ไม่เพียงเฉพาะเหยียนเทียนสง ทุกผู้คนในเวลานี้ล้วนคิดว่าจักรพรรดิมารต้องหมดสิ้นพลัง เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นที่กดข่มยอดฝีมือเทวะได้ แทบไม่มีผู้ใดสามารถใช้ออกได้ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สอง เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นต่อเนื่องสามครั้งได้ทำลายขีดจำกัดที่มนุษย์ไม่อาจเอื้อมถึง หลังจากวันนี้ เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่นต่อเนื่องสามครั้งจะกลายเป็นตำนานอย่างแน่นอน และจะปรากฎอยู่ในตำราเรียนของทุกสำนัก

หากแต่ไม่มีผู้คาดคิด หรือกล้าคิดว่าเคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นครั้งที่สี่จะปรากฎขึ้น หากมันปรากฎขึ้นจริงๆ เช่นนั้น....

น้ำเสียงที่ราวกับว่าไม่เปลี่ยนตลอดกาลได้มอบคำตอบน่าเหลือเชื่อแก่ผู้คน น้ำเสียงทุ้มลึกบางเบาแต่ละคำเขย่าโสต , เขย่าหัวใจ , สะเทือนจิตใต้สำนึกของทุกผู้คนจนแทบไม่อาจทนได้ เสียงนี้ทำผู้คนตกตะลึงจนไม่อาจลบลืมไปจนชั่วชีวิต

“เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่น – ทลายเหมันต์เยือกแข็ง!”

จักรพรรดิมารชี้นิ้วขึ้นฟ้า เหนือศีรษะกลายเป็นผืนสีฟ้าเข้มทันที แสงน้ำแข็งสีฟ้าไร้ขอบเขตร่วงลงมาพร้อมความเย็นน่าสะพรึงกลัว ท่วมทับผืนปฐพี สามยอดฝีมือแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือจ้องตาแทบถลนออกจากเบ้าด้วยความตกละลึง

เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นครั้งที่สี่ แต่ละคนยังอยู่ไกลๆไม่จากไปไหน ทุกคนได้เห็นฉากงดงามน่าตะลึงที่ชีวิตธรรมดานี้ยากจะได้พบเจอ ในขณะเดียวกัน นี่คือปาฏิหาริย์ที่ต้องเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้นถึงจะยอมเชื่อ



<<<PREV    .    NEXT>>>