วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 437

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 437 กระบี่สะเทือนฟ้า

หลังจากนั้นไม่กี่นาที หญิงสาวถูกทหารคุ้มกันเมืองนับร้อยๆคนล้อมตัวไว้ มีเกือบร้อยคนที่เล็งธนูมายังนาง บางทีคงเป็นเพราะข่าวที่นางตัดร่างของ 16 คนนั้นอย่างปราณีต แม้ว่าพวกเขามากันหลายร้อยคน แต่กลับไม่มีผู้ใดที่กล้าเข้าใกล้ ท่าทางและสายตายังคล้ายหวาดกลัวต่อนาง

ตรงนี้อยู่ห่างจากตระกูลเย่เพียงไม่กี่สิบก้าว การเคลื่อนไหวดังกล่าวปลุกกระตุ้นตระกูลเย่ทันที เช่นเดียวกับคนของสำนักมารที่ลอบคุ้มกันตระกูลเย่ทั้งในและรอบบริเวณบ้าน

“เจ้าเป็นใคร!” หัวหน้าทหารคุ้มกันเมืองอีกคนชี้นิ้วไปที่หญิงสาว ขมวดคิ้วเคร่งเครียดขณะตะโกนถาม

“เซียวรั่ว” หญิงสาวบอกชื่อออกไปด้วยเสียงเบาบางดุจสายน้ำ ถูกล้อมรอบด้วยผู้คนเป็นร้อยๆไว้ตรงกลาง ทั้งชี้ปลายธนูมา นางกลับไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“เซียวรั่ว?” เป็นชื่อที่แปลกอย่างมาก หัวหน้าตะโกนออกไปอีกครั้ง “ทำไมเจ้าถึงต้องฆ่าคนบนท้องถนน!?”

น้ำเสียงไร้ความเคารพของชายผู้นี้ทำให้คิ้วบางของเซียวรั่วมุ่นลงเล็กน้อย ในโลกที่นางอยู่ กระทั่งเทพราชันตะวันตกและจักรพรรดิหยกตะวันออกยังไม่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับนาง นางหันร่างมา จ้องมองที่เขาและเอ่ยถาม “หลงเซียวอยู่ไหน?”

“.......” หัวหน้าสะดุ้งเฮือก ชื่อนี้ไม่เคยได้ยินในวังมาก่อน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงไม่พบเบาะแสใด ทันใดนั้นเขายกมือส่งสัญญาณอย่างไม่อาจอดทน “จับตัวนางก่อน หากขัดขืนก็ฆ่าซะ”

“ขอรับ!”

พลธนูมิได้เคลื่อนไหว ทหารธรรมดากุมโล่และกระบี่เดินตรงเข้าไป.... เห็นได้ชัดว่าคำบอกเล่าของชาวบ้านทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขาไม่กล้ามองนางเป็นหญิงสาวบอบบางธรรมดาอีก แม้ว่าจะมีคนอยู่มากเป็นร้อยๆ แต่พวกเขายังคงระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง

ม่านตาของเซียวรั่วหรี่ลงช้าๆ นางสังหารผู้คนโดยไร้ความรู้สึก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางเป็นคนกระหายเลือด ตั้งแต่เด็กจนโต น้อยครั้งที่นางจะได้เห็นเลือด กระทั่งกระบี่ยังยากที่จะดึงออกจากฝัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ต้องสังหาร นางจะใช้กระบี่โดยไร้ความลังเล

เวลานี้ กระบี่ที่นางเหวี่ยงวาดกลับเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ตั้งแต่นางเอื้อมมือจับด้ามกระบี่ ดึงกระบี่สีเงินออกจากฝักช้าๆ.... บางทีอาจเป็นภาพลวงตา เวลาที่นางใช้ในการเหวี่ยงวาดกระบี่เชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง เห็นอยู่ตำตาว่านางวาดกระบี่ใช้เวลายาวนาน แต่พวกเขาที่อยู่ใกล้นางอย่างมากกลับยังคงวิ่งไปไม่ถึงตัวนาง.... ในขณะเดียวกัน พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างในอากาศรอบทิศ พุ่งเข้ารุมล้อมมือขวาและกระบี่ของนางอย่างบ้าคลั่ง....

กระบี่เหวี่ยงวาด ท้องฟ้าสั่นไหว สายลมสั่นสะเทือน

กระบี่เคลื่อนกลับสู่ฝัก ทุกอย่างเงียบสงบ เมื่อเซียวรั่วหันร่างกลับไป ผู้คนทั้งหมด 300 คน.... ร้อยคนยังคงน้าวสายธนู ทหารกุมโล่และกระบี่ยังคงอยู่ในท่าวิ่ง ทหารธรรมดาและหัวหน้ายังคงไม่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง ทุกอย่างไร้การเคลื่อนไหว ราวเวลาหยุดนิ่งลงในเวลานี้

เซียวรั่วก้าวเท้าไปเบื้องหน้าผ่านฝูงคนที่รายล้อมนาง สายตานางไม่ได้มองทหารคุ้มกันเมืองอีก เมื่อสายลมแผ่วพัด ผู้คนกว่า 300 ก็ย่อยยับลงกลายเศษชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ.... ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเศษศพ

สังหารในกระบวนท่าเดียว เรียบง่ายเหมือนการก้าวเดินของนางในตอนนี้

ผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง แข็งแกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกของนาง ทว่าสำหรับนางแล้ว คนเหล่านี้ยังคงนับว่าอ่อนแอ ในโลกของนางนอกจากพลังของคนผู้นั้น มีน้อยนักที่สามารถเอาชนะนางได้ ในโลกนี้นางยังไม่พบผู้ใดที่สามารถเปรียบกับนาง ผู้ที่แข็งแกร่งสุดคือคนแรกที่นางได้พบตอนมาถึงโลกใบนี้ คือเทพกระบี่ฉู่ชางหมิง และหากนางต้องการ นางสามารถทำให้เขาตกตายได้ในกระบี่เดียว

ทว่าด้วยพลังของนาง แม้นางเดินทางมาจนถึงเมืองเทียนหลง แต่นางกลับยังไม่พบคนที่ต้องการตามหา

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของนาง.... เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างโหดเหี้ยม....

บริเวณโดยรอบเงียบสงบ ไร้เสียงเอะอะ หัวใจนางสงบลง นางเดินทางหลายวันหลายคืนโดยไม่หยุดพัก การตามหาเขานั้น.... ตั้งแต่เด็กจนโต นับเป็นความปรารถนาสูงสุดของนาง....

พี่เซียว ท่านยังจำเมื่อ 13 ปีก่อนได้หรือเปล่า? ที่รั่วรั่วสาบานว่าจะขอตายพร้อมกับท่าน....

สายตานางกลายเป็นพร่ามัว.... เวลานั้นนางอายุเพียงสามขวบ และตอนนั้นเขาอายุเพียงเพิ่งครบเจ็ดขวบ ตอนนั้นเขาอ่อนแอเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเพียงลมพัดแผ่วเบา ก็เพียงพอเป่าเขาให้ล้มลงแล้ว เขาต้องเผชิญความเจ็บปวดรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง ทรมานสาหัสจนล้มลงกับพื้น ทำได้เพียงกัดฟันอดทน จนเลือดไหลซึมออกมา.... เวลานั้น นางรู้ว่าอายุเจ็ดขวบคือขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาไม่มีทางอยู่ได้ถึงอายุแปดขวบ

ทว่าเขากลับยิ้มแย้มทุกวัน ใช้รอยยิ้มของตัวเองปลอบโยนพ่อแม่ , ปู่ , ย่า , พี่สาวน้องสาว และทุกคนที่อยู่รอบกาย รวมทั้งนาง.... เขาเล่นกับนาง เล่านิทานให้ฟัง พูดคุยหลายสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ.... เวลานั้นนางอายุเพียง 2-3 ขวบ ความสุขสูงสุดในทุกวันคือการได้อยู่ร่วมกับเขา

ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันเพียงแค่หนึ่งปี ตั้งแต่ตอนที่นางอายุสองขวบ จนกระทั่งถึงอายุสามขวบ

ในวัยเพียงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างย่อมไม่อาจจดจำได้ ทว่าหลังจากผ่านไปนานกว่าทศวรรษ ความทรงจำของนางที่เกี่ยวกับเขาล้วนยังคงชัดเจน ไม่มีสิ่งใดที่เลือนหาย และนับแต่นางอายุสามขวบ เขาก็ไม่ปรากฎตัวอีกเลย.... เขาเลือกหายตัวไปเพื่อช่วยเหลือคนทั้งหมดไว้ ช่วยเหลือโลกทั้งใบ นับแต่นั้นรอยยิ้มในความทรงจำ.... ก็เหลือแต่ความว่างเปล่า

เขาจะต้องตายหรือหายไป.... เด็กน้อยสามขวบร้องไห้ หัวใจเยาว์วัยรู้สึกหวาดกลัว ตอนนั้นนางกระทั่งคิดฆ่าตัวตาย เพราะนางรู้ว่าเขาไม่อาจอยู่ได้ถึงแปดขวบ ดังนั้นครั้งหนึ่งนางจึงกล่าวอย่างจริงกับเขาว่า : ข้าต้องการตายพร้อมกับพี่เซียว....

พ่อของนางต้องเข้ามาห้ามปราม และบอกนางว่าเขายังไม่ตาย พ่อของเขาช่วยไว้ในช่วงเวลาสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงยังไม่ตาย แต่ไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ในห้วงเวลาและมิติใด

นางรอคอยอย่างโหยหา คาดหวัง.... อารมณ์ของนางกลายเป็นแบบนี้ในช่วงเวลาสิบกว่าปี นางรอคอยจนกระทั่งถึงวันนี้ ไหนเลยจะยอมรับได้หากไม่ได้เจอเขา

ใกล้ๆทางด้านมือซ้าย มีตัวอักษรขนาดใหญ่ติดไว้เหนือประตูว่า ‘คฤหาสน์ตระกูลเย่’ เป็นอักษรสีทองต้องแสงสว่าง นางหยุดเท้าเล็กน้อย แล้วค่อยๆจากไป นางรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่ลอบมองนาง ยิ่งกว่านั้น สายตาทุกคู่ล้วนสั่นไหว

ไม่เพียงแค่สายตาเท่านั้นที่สั่นไหว กระทั่งฟันในปากยังสั่นกระทบกัน และนั่นคือคนสำนักมารที่รายรอบตระกูลเย่.... พวกเขาเห็นอะไร? พวกเขาเห็นหญิงสาวยกมือขึ้นช้าๆ หากกลับมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้คนนับร้อยๆกลายเป็นเศษชิ้น โลหิตหลั่งไหลกลายเป็นธาร....

.....................

.....................

“น..น....น้องเย่!”

ฉู่จิงเทียนตะโกนคำตะกุกตะกัก พุ่งเข้าไปในห้องของเย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของสำนักจักรพรรดิเหนือตลอดคืน หลังจากสำนักจักรพรรดิเหนือระเบิดในช่วงเช้าตรู่ เขาก็กลับมานอน ตอนนี้เขาพักผ่อนยังไม่ถึงชั่วโมง

“ยอดฝีมือ! เป็นยอดฝีมือ.... ไม่ๆ เป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ เป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจยิ่งกว่าปู่ของข้า” ฉู่จิงเทียนดูคล้ายจะตื่นเต้นเกินไป พอตระหนักได้ว่าตัวเองค่อนข้างหยาบคาย เขาก็ตบหน้าผากตัวเองและคว้าเล่งหยา “เจ้าหน้าน้ำแข็งก็เห็นเหมือนกัน ยอดฝีมือคนนั้น เพียงวาดกระบี่ธรรมดาก็สังหารคนนับร้อยๆจนดับสิ้น.... กระทั่งข้ายังมองไม่เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น”

“โอ้?” เย่หวูเฉินไร้อาการง่วงนอนมากนัก เขาเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ “กระบี่เดียวสังหารคนนับร้อยๆ? ยอดฝีมือคนนั้นอยู่ไหนแล้ว?”

“ข้าไม่รู้ น้องเย่ เกรงว่าเจ้าต้องไม่เชื่อข้าแน่ๆว่านางเป็นหญิงสาว แถมยังเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่น.... ข้าพูดจริงๆนะ”

เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตามองไปที่เล่งหยา เล่งหยาขมวดคิ้วและพยักหน้า เย่หวูเฉินมุ่นคิ้วบ้างเล็กน้อย “ค่อยๆเล่าให้ข้าฟัง.... ยอดฝีมือผู้นี้เป็นพยัคฆ์หมอบ มังกรซ่อนมาจากไหน”

ฉู่จิงเทียนเล่าให้เขาฟังทันที เริ่มตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียง เขากับเล่งหยาขึ้นไปบนหลังคาคอยมองทุกอย่าง ทว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นมีน้อยเกินไป ด้วยทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงรวดเร็วมาก ขนาดขวัญกล้าอย่างฉู่จิงเทียน เมื่อเซียวรั่วไปแล้วเขายังไม่กล้าตามไปตรวจสอบ กระทั่งยังไม่กล้าหายใจแรง ด้วยเกรงว่าหญิงสาวน่ากลัวคนนั้นจะเปลี่ยนเขาให้เป็นเศษซาก

หลังจากถ้อยคำสั้นๆของฉู่จิงเทียน เย่หวูเฉินก็เข้าใจในที่สุด เขาครุ่นคิดเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยถาม “ท่านรู้รึเปล่าว่านางชื่ออะไร?”

“ชื่อเหรอ?” ฉู่จิงเทียนสีหน้าครุ่นคิด “พวกเขาถามชื่อของนางอยู่นะ นางเรียกว่า.... เรียกว่า....”

“เซียวรั่ว” เล่งหยาตอบ

“ใช่ๆ! นางเรียกว่าเซียวรั่ว! นางบอกว่านางเรียกว่าเซียวรั่ว!” ฉู่จิงเทียนพยักหน้ารัวๆ ตอนที่หัวหน้าทหารคุ้มกันถามชื่อเซียวรั่ว พวกเขาก็อยู่ตรงนั้นแล้ว

“เซียวรั่ว?” เย่หวูเฉินกระซิบชื่อนี้ซ้ำอีกครั้งช้าๆ หัวใจกระตุกวูบไหวในฉับพลัน

เซียวรั่ว....

เซียวรั่ว....

เซียวรั่ว....

เย่หวูเฉินพรวดลุกขึ้นยืน เดินกลับไปกลับมาในห้อง คนที่มักสงบสุขุมอย่างเขา ตอนนี้กลับเริ่มเคาะศีรษะเดินกลับไปกลับมาอย่างกระสับกระส่าย

เซียวรั่ว.... เขามั่นใจว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้

คุ้นเคยอย่างประหลาด ความรู้สึกที่อยู่ลึก ความคุ้นเคยที่ฝังอยู่เบื้องลึก

ปวดหัวจนแทบจะแตกออก พลังแห่งจิตใจกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง เขาทุบศีรษะตัวเองพยายามนึกถึงชื่อนี้ ความทรงจำราวกับถูกบางอย่างกีดกั้นเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเพียงใดก็ไม่อาจทลายปราการนี้ลงได้

เซียวรั่ว....

ความรู้สึกนี้ บอกว่านี่คือชื่อหนึ่งของคนในโลกที่เขาเคยอยู่.... แต่พลังจิตใจที่กระเพื่อมรุนแรงถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แค่คนชื่อซ้ำกัน แต่ราวกับว่า....

ไม่.... ไม่น่าจะเป็นไปได้.... เป็นความฝัน หรือจินตนาการ.... หรืออาจเป็นคนอื่นที่ข้าเคยรู้จักมายังที่แห่งนี้....

“น้องเย่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? เจ้าสบายดีรึเปล่า?” ฉู่จิงเทียนถามอย่างระวัง

“นางไปทางไหน?” เย่หวูเฉินหยุดร่างและถามอย่างร้อนรน

“นาง.... นางไปทางนั้น” ฉู่จิงเทียนชี้นิ้วไปยังทางที่เซียวรั่วจากไป กล่าวคำยังไม่ทันจบดี เย่หวูเฉินที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปแล้ว ฉู่จิงเทียนที่อยู่เบื้องหลังจ้องตาค้างด้วยไม่รู้เหตุผลว่าทำไม

ร้อนรน กระวนกระวาย ความรู้สึกร้อนรนนี้ ยิ่งกว่าตอนที่หนิงเสวี่ยถูกฟงรู่จับตัวไปเมื่อสามปีก่อน....

เขาอยากเห็นคนๆนั้น ปรารถนาให้นางเป็นคนที่มาจากโลกเดียวกันกับเขา

เพราะเขามายังโลกนี้ตามลำพังได้ครบ 13 ปีแล้ว รู้สึกเดียวดายอย่างยิ่ง แม้มีจิตใจและพลังอันแข็งแกร่ง แต่ย่อมไม่อาจขจัดความรู้สึกตามธรรมชาติของตัวเอง.... เขาไม่ใช่คนของโลกใบนี้ แม้ว่ามีคนมากมายอยู่รอบกาย แต่เขายังคงรู้สึกอยู่บ่อยครั้งว่าตัวเองมาเพียงลำพัง หลังจากได้ยินชื่อของบุคคลนี้หัวใจก็ปั่นป่วน ความหวังอันแรงกล้าและความรีบร้อนทำให้เขาไม่อาจรักษาความสงบได้

ปล.เปลี่ยนยามคุ้มกันเป็นทหารคุ้มกัน



<<<PREV    .    NEXT>>>