วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 392

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 392 “พ่อ” และ “แม่”

มือของเย่หวูเฉินวางทาบบนผิวน้ำแข็ง พลังหวูเฉินโคจรผ่านชั้นน้ำแข็งหนา ไหลซึมเข้าไปอย่างเชื่องช้า ทว่าขณะที่พลังใกล้สัมผัสถึงร่างของเหยียนจื่อเมิ่ง เย่หวูเฉินก็ถอนมือออกและดึงพลังกลับ มือของเขาห้อยตกลง คนยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น.... พลังหวูเฉินที่รักษาบาดแผลได้ทุกอย่าง นำผู้ที่ใกล้ตกตายให้กลับมาสู่ชีวิต ทว่ากลิ่นอายชีวิตของเหยียนจื่อเมิ่งอ่อนแอถึงขีดสุด หากเขาส่งพลังหวูเฉินเข้าไปในร่างนาง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจไม่เพียงไม่ช่วยรักษานาง แต่ยังอาจทำลายพลังชีวิตสุดท้ายของนางลงสิ้น

ชีวิต....

ในโลกอันมืดมิด หัวใจของเย่หวูเฉินเอ่ยคำว่า ‘ชีวิต’ ไม่รู้จักจบ ชีวิต , มรณะ และ จิตใจ คือสามธาตุลิขิตชะตา และแน่นอนว่าพลังที่สามารถนำชีวิตให้กลับคืนมาได้นั้น ก็คือธาตุชีวิต!

และนี่คือวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้

แต่ว่า ธาตุชีวิตไม่เป็นที่รู้จักในทวีปเทียนเฉิน ในความรู้ของผู้คนมีเพียงเจ็ดธาตุธรรมชาติเท่านั้น จึงไม่มีทางพบคนที่ฝึกฝนพลังธาตุชีวิต และพลังที่เย่หวูเฉินครอบครองอยู่นั้น ไม่ได้มีพลังธาตุชีวิตรวมอยู่ด้วย

ธาตุชีวิตจะแกร่งกล้าสูงสุด ในดินแดนที่เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ สถานที่มีดอกไม้และพฤกษากระจายทั่ว แต่คนที่สามารถโคจรพลังแห่งชีวิตได้นั้น บางทีอาจไม่มีปรากฎอยู่ในทวีปเทียนเฉิน

เย่หวูเฉินหันกายกลับ เดินออกมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

จื่อเมิ่ง รอข้าก่อน.... ชีวิตเจ้าเปลี่ยนไปก็เพราะข้า ดังนั้น ชั่วชีวิตนี้ของข้า จะไม่มีทางทำให้เจ้าเสียใจ

ทันในนั้น ในศีรษะเกิดความมึนงงเล็กน้อย เย่หวูเฉินพลันพบว่าพลังของตนกำลังรั่วไหลออกไปช้าๆ ยิ่งกว่านั้น ความเร็วในการรั่วไหลยังเพิ่มทวีไม่หยุดหย่อน แม้อยู่ในขอบเขตที่เล็กน้อย แต่มันก็เร็วขึ้น พลังของตัวเอง ไหนเลยเขาจะไม่รู้สึกถึง

สติเคลื่อนไปยังบริเวณที่พลังไหลรั่วไปสู่ หยุดลงที่ร่างน้อยๆตรงอก ร่างของนางในอ้อมอกเบาหวิวอย่างมาก นอกจากความอบอุ่นทางวิญญาณและสายเลือด เขาก็แทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของนาง สติที่ส่งสำรวจของเย่หวูเฉินหยุดลง เขาไม่ตรวจสอบสิ่งใดอีก ด้วยเกรงว่าจะปลุกลูกสาวที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขน

นางกำลังดูดซับพลังของเขา....

ความเหนือธรรมดาของซือเฉิน ฝังอยู่ในใจตั้งแต่สองพ่อลูกได้พบกัน นางไม่อาจมองเห็น , ไม่อาจได้ยิน , ไม่อาจเปล่งเสียง ทว่าปาฏิหาริย์กลับปรากฎขึ้นทันทีที่เขามาถึงยังวังสตรีหิมะ นางอยู่ตรงหน้าเขา คลานมาที่เท้าและกอดไว้ไม่ยอมปล่อย คู้หลับอย่างสงบในอ้อมแขนไม่ปรารถนาจากไปไหน เป็นดั่งภาพความฝันอันยากจะเชื่อลง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาสั่นไหวหัวใจและวิญญาณ ก็คือสัมพันธ์สายเลือดในครอบครัว.... ทว่าเพราะเหตุใด ทั้งที่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบซือเฉิน แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด.... ราวกับว่าในจิตใต้สำนึก ได้พบบางสิ่งหลังจากที่แยกจากกันนาน ยินดีใหญ่หลวงด้วยหัวใจสั่นไหว เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น....

ซือเฉิน.... ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด อย่าว่าแต่เจ้าต้องการพลังข้าเลย ต่อให้เป็นชีวิตข้าก็มอบให้เจ้าได้.... ลูกสาวของข้าเย่หวูเฉิน ไหนเลยลูกสาวชาวบ้านจะเทียบได้ เจ้าจะนำความยินดียิ่งใหญ่มาสู่พ่อเจ้า ใช่หรือไม่?

เท้าเขาหยุดลงเมื่อพ้นจากประตูห้องเย็นเยียบ เนื่องจากความรู้สึกคุ้นเคยในจิตใต้สำนึก ฉับพลันขยายขึ้นหลายเท่า และต้นกำเนิดมาจากซือเฉินที่อยู่ตรงอก

เวลานั้นเอง กลุ่มแสงขาวอบอุ่นได้ห่อหุ้มร่างของซือเฉิน ร่างน้อยๆเรืองด้วยแสงขาว ดึงดูดสายตาของเสวี่ยเฟยเยี่ยนและเสี่ยวโม่

“นี่มัน?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเดินตรงเข้ามา เผยสีหน้าตกใจอันยากจะพบเห็น นางจ้องซือเฉินในแสงขาวอย่างโง่งม ซือเฉินที่หลับตาอยู่ เวลานี้ค่อยๆลืมตาขึ้น นางจับเสื้อของเย่หวูเฉินและแหงนศีรษะ ดวงตากลมโตดำขลับมองใบหน้าของเย่หวูเฉิน และกระพริบตาเล็กน้อย

ในความมืดมิด เขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยคู่ดวงตาบริสุทธิ์ใสไร้มลทิน เย่หวูเฉินยื่นมือสัมผัสใบหน้าของซือเฉิน และเรียกอย่างอ่อนโยน “ซือเฉิน....”

“ป๊ะ.... ป๋า....”

เสียงเรียกสองคำอ่อนละมุนยิ่ง ดุจเสียงนกขมิ้นส่งจากกลีบปากชมพู น้ำเสียงดุจธรรมชาติเหนือปวงสวรรค์ แผ่สู่โสตสามคนที่ได้ฟัง.... เย่หวูเฉินสั่นสะท้านทั่วร่าง เสวี่ยเฟยเยี่ยนและเสี่ยวโม่ตะลึงงัน ห้วงเวลายามนี้ราวกับหยุดนิ่ง

ความฝัน?

หากอยู่ในความฝัน แล้วเหตุใดน้ำเสียงและสัมผัส จึงเหมือนจริงเช่นนี้

หากมิใช่ความฝัน แล้วเหตุใดทุกอย่างจึงดั่งลวงตา ดุจภาพมายาที่ทำผู้คนไม่อาจเชื่อ

“ป๊ะป๋า....”

“ป๊ะ.... ป๋า....”

มือน้อยๆนุ่มนวลแตะใบหน้าของเย่หวูเฉิน คู่ดวงตากระจ่างใสมองใบหน้าของเขาไม่ลดละ ในปากส่งเสียงมายาอันสดใสนุ่มนวล

นางส่งเสียงออกมา จากนางผู้ไม่อาจเปล่งเสียง กลับส่งสำเนียงที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนและเสี่ยวโม่ได้ยินถนัด เป็นปาฏิหาริย์ที่ซือเฉินเอื้อนเอ่ยวาจา และสำหรับเย่หวูเฉินแล้ว เสียงนี้ทำให้เขาตกตะลึงนับพันๆเท่า

นางเรียกออกมาว่า.... ป๊ะป๋า....

ในทวีปเทียนเฉิน เด็กมักจะเรียกพ่อแม่ของตนว่า ‘พ่อ’ และ ‘แม่’ ทว่าพ่อ.... ในทวีปหัวเซี่ยจะเรียกว่าป๊ะป๋า อ๊ะ!! นางไม่อาจได้ยินเสียง เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะสอนให้นางพูด ทั้งย่อมไม่มีผู้ใดสอนนางให้พูดคำว่า ‘ป๊ะป๋า’ .... หรือว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ? หรือเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้งกับลูกสาวเขา

“ซือเฉิน.... ซือเฉินกำลังพูด นางกำลังพูด” เสวี่ยเฟยเยี่ยนมีจิตใจของสตรี ยามนี้กล่าวคำด้วยความตื่นเต้น ทว่าในตอนนี้ ใบหน้าน้อยๆที่มองเย่หวูเฉินได้หันมายังนาง ดวงตาของคนทั้งสองสบกัน เสวี่ยเฟยเยี่ยนเห็นทันทีว่าในดวงตาคู่นั้น เป็นแววประกายดุจดาราที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน

“อา.... เสวี่ย....” นางโบกมือเล็กๆ ใบหน้าละมุนเผยรอยยิ้มออกมาอย่างคาดไม่ถึง

อาเสวี่ย....

เสียงนี้ที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนได้ยิน ดังก้องกังวาลในใจ ดังยิ่งกว่าเสียงจริงที่ได้ยินไม่รู้กี่เท่า นางตกตะลึงโง่งมไม่ต่างกับเย่หวูเฉิน ราวกับคนร่วงหล่นสู่ความฝัน

เห็นอยู่ชัดๆว่านางไม่อาจได้ยินเสียง เสวี่ยซินและเสวี่ยอู่ก็ไม่เคยสอนนางให้รู้จักคำว่า “อาเสวี่ย” แล้วเหตุใด....

ยิ่งกว่านั้น ดวงตาของนาง.... หรือว่า....

ซือเฉินเคลื่อนสายตาอีกครั้ง คราวนี้ตกลงที่ร่างของเสี่ยวโม่ เสี่ยวโม่มองนางอย่างสงสัยอยู่ก่อนแล้ว ริมฝีปากบางของซือเฉิน ขยับส่งเสียงอ่อนหวาน “พี่หญิง.... เสี่ยวโม่....”

ตอนนี้ เสี่ยวโม่ตะลึงโง่งมไปด้วยอีกคน

ตั้งแต่มาถึงวังสตรีหิมะ เย่หวูเฉินไม่เคยเอ่ยชื่อเสี่ยวโม่สักครั้ง ก่อนหน้าที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนถามถึงชื่อนาง นางเพียงชี้ไปที่เย่หวูเฉินและตอบว่า “เขาเป็นพ่อข้า” แล้วเหตุใดซือเฉินถึงรู้ชื่อของเสี่ยวโม่ได้ เพราะอะไร?

ซือเฉินในอ้อมแขนหันมองเย่หวูเฉิน แววตาและใบหน้าฉายรอยยิ้มแห่งความสุข เย่หวูเฉินเพลิดเพลินกับความรู้สึกถูกมองในความมืด เขาส่งเสียงอันสั่นเครือถามอย่างอ่อนโยน “ซือเฉิน ลูกสาวข้า เจ้ามอง....ป๊ะป๋าอยู่เหรอ?”

“มอง.... ป๊ะป๋าอยู่”

ไม่ปล่อยให้เย่หวูเฉินต้องรอนาน ซือเฉินตอบกลับทันที เสวี่ยเฟยเยี่ยนตกตะลึงยิ่งขึ้นในคำตอบ

“หรือนี่คือปาฏิหาริย์ที่เทพหิมะประทานให้?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนมองดูดวงตาของซือเฉิน ดวงตานางเปียกชื้นอีกครั้ง ถูกหมอกน้ำหนาบดบัง นอกจากคำว่าปาฏิหาริย์แล้ว ไม่มีสิ่งใดสามารถอธิบายสิ่งที่นางได้เห็นและได้ยินอีก เวลานี้นางอยากอุ้มซือเฉินอย่างมาก อยากกอดนาง และปล่อยความอัดอั้นที่กลั้นไว้ตลอดสามปี

เป็นเพราะนางซือเฉินจึงถือกำเนิด ทว่าตั้งแต่ถือเกิดมา ซือเฉินกลับต้องเผชิญความโหดร้ายที่ไม่มีมนุษย์ธรรมดาใดกล้าจินตนาการถึง นางไม่อาจมองเห็นสีสัน , ไม่อาจรู้รส , ไม่อาจได้กลิ่น , ไม่อาจได้ยิน เป็นโลกที่น่าสะพรึงกลัว นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงมัน เพราะทุกครั้งที่นางนึกถึง ความรู้สึกผิดจะกรีดหัวใจนางจนแทบจะฉีกออก นางคือเสวี่ยหนี่ ถูกเรียกว่าเป็น “แพทย์เทวะอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ทว่ากลับไม่อาจรักษาแม่ของซือเฉิน ไม่อาจรักษาซือเฉินให้กลับมาเป็นเด็กหญิงธรรมดา นางรู้สึกกระทั่งว่าตัวเองไม่มีหน้ามาพบซือเฉิน ความผิดที่นางก่อไว้นำความเจ็บปวดสาหัสมาสู่นาง

ตอนนี้ ในอ้อมแขนพ่อของนาง นางพลันส่งเสียงและมองโลกด้วยคู่ดวงตาที่งามสูงสุด ในที่สุดเสวี่ยเฟยเยี่ยนก็ปลดวางหินหนักในหัวใจลง และกลายเป็น “อาเสวี่ย” ของนาง

นางเชื่อว่าผู้ที่นำปาฏิหาริย์มาสู่นางคือเย่หวูเฉิน เป็นปาฏิหาริย์แห่งบิดาและลูกสาวที่สร้างร่วมกัน


“ซือเฉิน.... ลูกสาวข้า....”

หัวใจกระเพื่อมปั่นป่วน ต่อหน้าลูกสาวของตัวเอง เขาพบว่าถ้อยคำที่คิดกล่าวกลับขาดห้วง เขาไม่ทราบว่ายามนี้ตัวเองควรยิ้ม ด้วยความเจ็บปวดที่คงอยู่ เขาทำได้เพียงเอ่ยเสียงจากก้นบึ้งหัวใจ เรียกลูกสาวตนเองอย่างอ่อนโยน

ลูกสาวข้า.... ดวงตาของข้าเปิดอยู่แท้ๆ แต่เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็นลูกสาว....

สายตา.... ขอสักหนึ่งนาทีก็ยังดี สักชั่วขณะก็ยังดี ขอให้ข้าได้มองเห็นลูกสาว ขอเพียงแค่ปราดตาเดียวก็ยังดี....

ในใจร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่เคยโหยหาให้สายตากลับคืนมามากเท่านี้ ไม่เคยเกลียดชังดวงตาตัวเองมากเท่านี้มาก่อน

ลูกสาวของเขาอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ กอดนางไว้ในอ้อมแขน และได้ยินเสียงนางเรียก แต่กลับไม่อาจมองเห็นนาง ในโลกยังมีสิ่งใดน่าเจ็บปวดมากเท่านี้?

“มองแม่.... แม่ มองแม่....”

มือน้อยๆไขว่คว้าไปที่ประตูซึ่งพวกเขาพึ่งก้าวออกมา คำว่า ‘แม่’ ที่นางเอ่ยถึง สั่นสะเทือนไปถึงหัวใจของเย่หวูเฉิน เพราะนี่คือคำเรียกแม่เหมือนโลกที่เขาเกิด แต่ในโลกนี้ไม่มีคำเรียก ‘ป๊ะป๋า’ เหมือนคำว่า ‘แม่’

“ได้สิ ป๊ะป๋าจะพาเจ้าไปดูแม่เดี๋ยวนี้....” เขาหมุนกายกลับ เร่งฝีเท้าอย่างระวัง นึกถึงตำแหน่งในความทรงจำที่พึ่งจากมา พานางไปหาแม่ที่ไม่เคยพบ เสวี่ยเฟยเยี่ยนยืนโง่งมอยู่นาน ก่อนจะรีบตามเข้าไป

เย่หวูเฉินอุ้มซือเฉินมายืนอยู่ตรงหน้าเหยียนจื่อเมิ่งในก้อนน้ำแข็งอีกครั้ง นางถูกกั้นไว้ด้วยชั้นน้ำแข็งหนา สายตาของซือเฉินตกลงบนร่างแม่ของนาง นางไม่ได้ยิ้มอีก ดวงหน้าเล็กๆที่เพิ่งร่าเริง ตอนนี้โศกเศร้าลงทันที นางส่งเสียงนุ่มนวลอันโศกสะอื้น “แม่ แม่....”

ดวงตาปิดไว้ นอนอยู่อย่างเงียบงัน สตรีงดงามดุจนางเซียนคือแม่ของนาง นางกับแม่อยู่ในสถานที่เดียวกันตลอดมา ทว่านี่คือครั้งแรกที่นางได้เห็นแม่ เช่นเดียวกับเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นพ่อ เห็นตัวเองในโลกอันเหน็บหนาว ครอบครัวได้พบพร้อมหน้าในดินแดนสุขสงบ ไร้คนนอกรบกวน



<<<PREV    .    NEXT>>>