วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 391

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 391 เด็กหญิงผู้ถูกชะตาทอดทิ้ง

“น้องหญิง เจ้าบอกชื่อของเจ้ากับพี่สาวได้หรือไม่?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเคลื่อนสายตาออกจากเย่หวูเฉิน มองดูสาวน้อยที่ตามหลังเย่หวูเฉินมาต้อยๆ และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“เขาคือพ่อของข้า” เสวี่ยโม่ไม่ได้ตอบชื่อของตัวเอง ทว่าส่งเสียงบอกความสัมพันธ์ระหว่างตัวนางกับเขา

รอยยิ้มของเสวี่ยเฟยเยี่ยนยิ่งยั่วยวน คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากยังโค้งขึ้นอีก “ที่แท้ซือเฉินก็มีพี่สาว ในฐานะพี่สาว เจ้าต้องคอยปกป้องซือเฉินให้ดี”

ในมุมหางตาของเสี่ยวโม่ เห็นเด็กหญิงในอ้อมกอดของเย่หวูเฉิน นางหันมามองเย่หวูเฉินด้วยใบหน้าสับสน

เสวี่ยเฟยเยี่ยนวางมือบนตัวเย่หวูเฉิน มืออีกข้างลูบหลังซือเฉินอย่างอ่อนโยน นางกล่าวเสียงบางเบา “นางเรียกว่าซือเฉิน ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้ว.... นางเป็นลูกสาวของเจ้า ได้รับทุกสิ่งจากข้า สืบทอดพลังทั้งหมดรวมถึงชีวิตที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของข้า”

สืบทอดพลังทั้งหมด?

ทั้งหมด....

“นางเป็นเช่นเดียวกับมารดาที่น่าสงสารของนาง เป็นเด็กน่าสงสารผู้ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง.... เจ้าคงรู้แล้วว่า นางไม่อาจมองเห็นตัวเจ้า ไม่อาจส่งเสียงใดๆ....”

เย่หวูเฉินใบหน้าแข็งค้าง หัวใจบีบรัดรุนแรง เขากดระงับความบ้าคลั่งที่พวยพุ่งขึ้นในจิตใจ และเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เสวี่ยเฟยเยี่ยนพิงศีรษะเล็กๆบนไหล่เขา สัมผัสมือตรงอกเพื่อปลอบโยนหัวใจ “ซือเฉินเกือบไม่ได้ลืมตาดูโลก เพื่อที่จะช่วยชีวิตของนางไว้ ข้ากับแม่ของนางยอมสละทุกอย่าง.... สุดท้าย นางก็ได้ออกมาสู่โลกใบนี้ ทว่านางสูญเสียสัมผัสทั้งสี่ตั้งแต่เกิดมา.... ไม่อาจมองเห็น , ไม่อาจได้ยิน , ไม่อาจได้กลิ่น , ไม่อาจรู้รส.... ยิ่งกว่านั้น นางยังไม่อาจเปล่งเสียง”

เย่หวูเฉิน “!!”

เด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมกอด ราวกับตุ๊กตาที่ทำจากหิมะและน้ำแข็ง นางนอนอย่างสงบในอ้อมอก ดวงตาปิดอยู่อย่างเงียบงัน มือน้อยๆสองข้างวางบนอกเขา ร่างกายเบียดชิดติดแน่น ราวกับได้พบสิ่งที่รอคอยมานาน อยู่ท่วงท่าดังกล่าวอย่างเงียบงันไม่ขยับไปไหน

ทว่าเด็กหญิงตัวน้อยดุจนางฟ้าผู้นี้ กลับถูกชะตาทอดทิ้งมาตั้งแต่เกิด

“ซือ.... เฉิน....” หัวใจของเย่หวูเฉินราวกับถูกหนามน้ำแข็งทิ่มแทง แขนที่กอดนางไว้ค่อยๆกระชับแน่นขึ้น เจ็บปวดลึกล้ำด้วยความเสียใจ.... เกลียดชังจนอกแทบระเบิดออก ความเข้มข้นของความเกลียดชัง หากเทียบกันตอนที่เขาระเบิดโทสะในอาณาจักรต้าฟงในครั้งอดีต ยามนี้รุนแรงกว่านับสิบเท่า หรือร้อยเท่า

วันนั้น เขาลอบเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือ ถ้อยคำสุดท้ายที่เหยียนซีหมิงกล่าวยังคงดังก้องอยู่ในหู

เป็นมัน!

เสี่ยวโม่ค่อยๆถูกดึงดูดความสนใจไปที่ซือเฉิน ในแววตามีความแปลกใจปนสงสัย นางพลันพบว่ารอบกายของซือเฉิน ราวกับมีแสงรัศมีประหลาด มันเจือจางทว่าค่อยๆเข้มขึ้น สายตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตาของเสวี่ยเฟยเยี่ยน และสนใจอยู่แต่กับเย่หวูเฉิน ทำให้นางไม่ตระหนักถึงสิ่งใด ส่วนเย่หวูเฉินสูญเสียสายตาจึงไม่อาจมองเห็น ในขณะเดียวกัน เขาไม่รู้ตัวเลยว่าพลังหวูเฉินในร่างกำลังอ่อนแอลง ในระดับที่เชื่องช้าอย่างยิ่ง

“หยกจิตกำหนัด หากใช้ในบุรุษจะให้กำเนิดบุตร หากใช้ในสตรีจะให้กำเนิดธิดา.... ในอดีตหากไม่ใช่เป็นเพราะข้า ซือเฉินคงไม่ต้องเกิดมา ชีวิตนางก็คงไม่ต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ เจ้า....เกลียดข้าหรือไม่?”

เย่หวูเฉินสูดลมหายใจยาว ส่ายศีรษะอย่างอ่อนโยน เกลียด? เหตุใดเขาต้องเกลียดนาง? เขามีแต่หนี้ที่ติดค้างนางจนไม่อาจชำระ.... บางทีหากไม่ใช่เพราะนาง ทั้งซือเฉินและแม่คงไม่เหลืออยู่ในโลกนี้อีกต่อไป เพื่อที่จะให้ซือเฉินได้เกิดมา นางยอมกระทั่งใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง

สืบทอดพลังทั้งหมดของเสวี่ยเฟยเยี่ยน ถึงแม้เขาไม่อาจสัมผัสถึงพลังใดๆ แต่ซือเฉินในอ้อมอกกำลังซ่อนพลังหิมะและน้ำแข็งที่เข้มข้นสุดขั้ว ดังนั้น นางจึงไม่กลัวความเย็นของหิมะ ก่อนหน้านี้จึงคลานร่างทีละน้อยไปจนถึงตัวเขา....

นี่คือลูกสาวของเขา.... เป็นบุคคลแรกที่รับรู้ถึงการมาถึงของเขา ติดตามสายใยความรู้สึกที่เชื่อมโยงทางสายเลือด คลานไปในโลกไร้สีและไร้เสียง อาศัยมือเท้าบอบบางทั้งสี่จนมาอยู่ต่อหน้าเขา! บุตรสาวปานนี้ ยึดโยงผูกพันโดยปราศจากมลทิน เขาควรชดเชยนางในสองปีที่ผ่านมาด้วยวิธีใด หนี้ที่ติดค้างชีวิตน้อยๆนี้

“ข้ารู้ ถึงแม้เจ้าเจ็บปวดและโศกเศร้าอย่างมาก แต่เจ้าย่อมไม่คิดเกลียดชังข้า.... อย่างไรก็ตาม การได้เห็นพวกเจ้าสองพ่อลูกได้กลับมาพบกัน นับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

ภาพพ่อลูกที่เห็นในดวงตา ยิ่งมายิ่งพร่าด้วยหมอกน้ำ อารมณ์ที่อดกลั้นมานานเกินไป ในที่สุดก็แฝงปนมาในน้ำเสียง

“ในโลกนี้ จื่อเมิ่งคือสตรีสมบูรณ์แบบ พลังเสียงปีศาจของนางมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น สตรีปานนี้ ข้าไม่อยากเห็นนางตกเป็นของคนอื่น แต่นางเป็นคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ ย่อมรับคำสั่งสำนักจักรพรรดิเหนือเพื่อสังหารศัตรู ดังนั้นต่อให้นางมีใจให้กับเจ้า นางก็ต้องระงับหัวใจตัวเองไว้ เพราะเหตุนี้ ข้าจึงใช้หยกจิตกำหนัดกับนาง ด้วยหวังว่าเมื่อใช้วิธีนี้แล้ว นางจะสามารถปล่อยวางเรื่องอื่นลง กลายเป็นสตรีของเจ้าและให้กำเนิดลูกสาว.... และลูกสาวผู้นี้ ข้าหวังให้นางเป็นเสวี่ยหนี่คนต่อไป เนื่องจาก เสวี่ยหนี่ถูกลิขิตให้ไม่อาจมีทายาทเพราะพลังที่นางครอง นี่เป็นความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของข้า”

“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ข้ากลับรอช้า จนกระทั่งได้ยินข่าวการตายของเจ้า.... หลังจากนั้น ข้าใช้เวลายาวนานจนหาที่ตั้งสำนักจักรพรรดิเหนือพบ ใช้เวลาอีกเนิ่นนานสร้างหิมะผืนใหญ่ จากนั้นใช้หิมะอำพราง ลอบเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือ เพื่อหวังนำตัวจื่อเมิ่งออกมา แต่ข้าไปถึงช้าเพียงก้าวเดียว ตอนที่ข้าพบกับจื่อเมิ่งนั้น นางถูกฟาดเข้าที่ท้องด้วยฝ่ามือของนายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือ ทำลายความหวังของซือเฉิน.... ในเวลานั้น ข้าทำได้เพียงเยือกแข็งร่างของจื่อเมิ่งไว้ แล้วพานางกลับมายังที่แห่งนี้....”

“เพื่อช่วยชีวิตของซือเฉิน ท่านทราบว่าตัวเองจำต้องใช้พลังทั้งหมด ดังนั้น ท่านจึงใช้ภูเขาน้ำแข็งและผืนน้ำแข็งเบื้องบน ปิดผนึกที่แห่งนี้ไว้ ไม่ให้ผู้ใดก่อกวนได้อีก....ส่วนจื่อเมิ่ง?” เย่หวูเฉินคิดตามคำของนางและกล่าวต่อ วังสตรีหิมะมีคนอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คน หากเสวี่ยเฟยเยี่ยนสูญเสียพลังทั้งหมดไป ในวังก็จะเหลือเพียง เสวี่ยซิน และ เสวี่ยอู่ ที่ยังเยาว์นัก ไร้ผู้ใดที่จะคอยปกป้องเหยียนจื่อเมิ่งและซือเฉินอีก ดังนั้น นางจึงต้องผนึกวังตรีหิมะด้วยน้ำแข็งที่แข็งแกร่งสุด ไม่ปล่อยให้คนนอกสำรวจหรือเข้ามาได้ ในขณะเดียวกัน วังสตรีหิมะยังถูกปิดกั้นจากข่าวคราวของโลกภายนอก กลายเป็นโดดเดี่ยวจากโลกใบนี้

ทว่าจื่อเมิ่ง.... ในใจของของเขา มีการไหวเตือนล่วงหน้าที่ไม่ดีนัก

ข้าใช้เวลาตลอดวันคืน มอบพลังทั้งหมดให้กับซือเฉิน ในที่สุด ก็ปลุกพลังชีวิตของนางให้กลับมา ทว่า.... ซือเฉินได้รับพลังหิมะและน้ำแข็งตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จื่อเมิ่งจึงเจ็บปวดจากความหนาวเย็นที่กัดกินร่าง พลังยุทธของนางอ่อนแอ พลังเพลิงวิญญาณที่ฝึกก็เป็นขั้วตรงข้ามกับน้ำแข็ง นางย่อมไม่อาจทานทนพลังของข้าได้ แต่ว่า.... เจ้าตายไปแล้ว และนางไม่อาจกลับไปยังสำนักจักรพรรดิเหนือได้อีก หัวใจนางราวกับถ่านไฟมอด ลูกน้อยในท้องคือความหวังเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่ต่อ.... นางบอกกับข้าว่าอย่าสนใจชีวิตนาง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ตราบใดที่รักษาชีวิตลูกน้อยของนางกับเจ้าได้....”

“เกิดอะไรขึ้นกับจื่อเมิ่ง?” เย่หวูเฉินผุดลุกขึ้นฉับพลัน อากาศเย็นเยียบแผ่ลามจากหัวใจไปทั่วร่าง

“ซือเฉินคลอดในสี่เดือนต่อมา หลังจากที่เติบโตในครรภ์ โดยอาศัยพลังของหิมะและน้ำแข็ง ส่วนสำหรับจื่อเมิ่ง.... พลังชีวิตสุดท้ายของนาง ถูกข้าใช้พลังที่เหลือเยือกแข็งเอาไว้ ข้าไม่เหี้ยมหาญพอที่จะปล่อยให้ซือเฉินที่ไร้พ่ออยู่แล้ว ต้องไร้แม่ไปด้วย” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเม้มริมฝีปาก กล่าวคำด้วยน้ำเสียงระทวยกระดูก กลิ่นหอมของลมหายใจกระทบต่อเนื่อง โชยสัมผัสใบหน้าอย่างอ่อนโยน ปลอบโยนอารมณ์ให้คลายลง

เยือกแข็ง?

เย่หวูเฉินนั่งลงช้าๆ ดวงตาปิดแน่น สองคำนี้ ทำให้เย่หวูเฉินทราบสถานการณ์ของเหยียนจื่อเมิ่งได้อย่างชัดเจน.... การที่นางต้องมาพบกับเขา นับเป็นโชคร้ายสูงสุดในชีวิตนาง

เหยียนซีหมิง.... การร่วมสัมพันธ์ของเย่หวูเฉินกับเหยียนจื่อเมิ่ง ทำให้เขารู้สึกผิดต่อนายน้อยจักรพรรดิเหนือผู้นี้อยู่บ้าง ทว่าในเวลานี้ เขามีแต่ความเกลียดชังล้ำลึกถึงกระดูกดำ เพราะมันทำร้ายจื่อเมิ่ง ทำร้ายลูกสาวของเขา....

ในใจวาบผ่านวิธีสังหารสุดอำมหิต ใบหน้าฉายแววโหดเหี้ยมวาบหนึ่ง เกลียดชัง.... เขาไม่เคยเกลียดชังผู้ใดมากถึงเพียงนี้ บางทีหากมองในมุมของเหยียนซีหมิง มันอาจเป็นเหยื่อตัวจริง ทุกสิ่งที่กระทำคือสัญชาตญาณของบุรุษผู้ถูกเหยียดหยามสูงสุด หากเป็นเย่หวูเฉิน เขาคงกระทำโหดเหี้ยมยิ่งกว่านั้น ทว่ามันทำร้ายลูกสาวและสตรีของเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นี่เป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่อาจให้อภัย ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ มีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เย่หวูเฉินไม่ลังเลใดๆต่อสำนักจักรพรรดิเหนืออีก แผนล้างบางที่พับไว้เป็นเวลานาน ยามนี้ถูกพลิกขึ้นอีกครั้งในชั่วเวลาสั้นๆ....

“พาข้าไปพบนาง” เย่หวูเฉินเอ่ยขึ้น

“ดวงตาของเจ้า.... มองเห็นนางได้ด้วยหรือ?” สองมือของเสวี่ยเฟยเยี่ยนลูบสัมผัสดวงตาเขา ในน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ มีความเจ็บปวดล้ำลึกที่ไม่อาจปิดบังมิด มองดวงตาของเขาจนถึงตอนนี้ นางก็เชื่อมั่นหนักแน่นว่าดวงตาคู่นั้นมองไม่เห็นสิ่งใดจริงๆ

หัวใจนางแตกสลายลงเพราะเขา.... ทว่าเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหน้านาง นับเป็นของขวัญล้ำค่าที่สวรรค์ประทานให้แล้ว นางยังต้องคาดหวังอะไรอีก? มีอะไรยังต้องเสียใจ? นางมีทักษะการแพทย์ในระดับสูงสุด ดังนั้น นางเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถฟื้นฟูดวงตาของเขาให้กลับมามองเห็นได้

“แม้ข้าไม่อาจมองเห็น แต่ข้ายังสามารถรู้สึกได้ สิ่งที่ข้าติดค้างนางมีมากเกินไป” เย่หวูเฉินกล่าว เป็นความจริงที่ว่าเขาติดค้างนางมามากเกินไป หากนางไม่ได้พบคนอย่างเขา นางย่อมก้าวเดินในเส้นทางชีวิตอื่น ไม่ต้องประสบทุกข์โศกมากมายถึงเพียงนี้ กระทั่งวันนี้นางยัง....

เสวี่ยเฟยเยี่ยนกุมมือของเย่หวูเฉิน จูงมือเขาเดินไปยังส่วนหลังของวังสตรีหิมะ เพียงไม่นานที่ก้าวเดินในวังขนาดใหญ่ ก็มาถึงบริเวณที่มีอากาศเย็นกว่าจุดอื่นอย่างเห็นได้ชัด ในมุมหนึ่งของวัง เสวี่ยเฟยเยี่ยนผลักประตูน้ำแข็งที่ปิดแน่นออก มีอากาศเย็นเยียบไหลทะลักออกมา

เย่หวูเฉินเดินเข้าไปช้าๆ ชะลอฝีเท้าและหยุดตรงหน้าก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ ยื่นมือออกไปเบื้องหน้า สัมผัสผิวน้ำแข็งที่เย็นถึงขีดสุด เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเหยียนจื่อเมิ่ง และร่องรอยชีวิตอันเลือนราง

ร่างกายและพลังชีวิตสุดท้ายของนาง ถูกผนึกอยู่ในน้ำแข็งเย็นเยียบก้อนนี้

“เพื่อรักษาชีวิตของนางไว้ ข้าทำได้มากสุดเพียงเท่านี้ แม้ว่า.... ข้าไม่รู้ว่าวิธีใดที่สามารถช่วยนางได้ แต่ข้าไม่ต้องการให้ซือเฉินต้องสูญเสียแม่ของนางไป” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเดินมาอยู่ข้างกายเขา มองดูเหยียนจื่อเมิ่งที่หลับไหลลึกและกล่าวอย่างอ่อนโยน นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยปกป้องชีวิตสุดท้ายของนางได้ รักษาโอกาสรอดอันเลือนราง.... ทว่า หากทำลายน้ำแข็งนี้ ชีวิตสุดท้ายของนางจะดับลงทันที แต่หากไม่ทำลายมัน นางจะทำได้เพียงหลับไหลอยู่ข้างในตลอดกาล ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรจากความตาย....



<<<PREV    .    NEXT>>>