วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 101

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 101 ถอนหมั้น (1)

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! น้องหลิน ยินดีด้วย! ข้ากับบุตรชายรีบมา จึงไม่ได้เตรียมของขวัญใดๆ ได้โปรดอย่าถือสา” เย่เว่ยกล่าวขณะก้าวเข้าไป เขาประสานมือทำท่าคารวะพร้อมด้วยรอยยิ้มจริงใจ เย่หวูเฉินเองก็แย้มยิ้มเต็มใบหน้าก้าวเข้าหาแสดงมารยาทอันดี

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” หลินซานหัวเราะร่าเช่นกัน “ท่านกล่าวอะไรเช่นนั้น พี่เย่? ข้ายินดียิ่งนักที่ท่านมาได้ ข้าจะถือสาได้อย่างไร มา โปรดเข้ามาด้านใน”

หากไม่รู้ว่าสองคนนี้ไม่ลงรอยกัน ผู้คนย่อมคิดว่าทั้งสองคนคงเป็นเพื่อนสนิท อย่างที่คิดไว้ตระกูลใหญ่มีความสามารถปั้นหน้าไร้เทียมทาน เสียงหัวเราะของพวกเขาล้วนเป็นการเสแสร้ง

“ขุนพลเย่และ.... นายน้อยเย่ โปรดเชิญด้านใน” หลินเสี่ยวกล่าวทักทายด้วยกิริยาสุภาพ แต่ยามที่เขาเอ่ยคำว่า ‘นายน้อยเย่’ น้ำเสียงเขาดูแปล่งไป ด้วยการแต่งกายในวันนี้ หลินเสี่ยวดูหล่อเหลาราวไม้หยก ไม่ว่ายืนอยู่มุมใดก็ดึงดูดสายตาสาวน้อยมากมาย

“เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบ” เย่หวูเฉินกล่าวชมเมื่อเขาถูกทัก

“คุณชายหลิน ขอแสดงความยินดีด้วย โฮ่โฮ่ ขอแสดงความยินดีด้วย!” เย่หวูเฉินลดเสียงลงอย่างมีนัยยะ เสียงหัวเราะดูแปลกแปล่ง

นายน้อยหลินหัวใจเต้นกระตุกและยิ่งรู้สึกกังวล เขาฝืนยิ้ม หลีกเลี่ยงสายตาของเย่หวูเฉินและเดินไปหน้าห้องโถง สิ่งที่สุภาพบุรุษกลัวมากที่สุดคือ “บุรุษสถุน” พวกที่ชอบช่วงชิงคนรักของผู้อื่นโดยใช้ทุกวิธีสกปรก มีคำกล่าวที่ว่า “สุภาพชนไม่ปล้นชิงคนรักของผู้ใด” แต่หากกลับกัน “เมื่อไม่ใช่สุภาพบุรุษย่อมฉุดคร่าคนรักของผู้อื่น” กล่าวอีกแบบคือ “แย่งคนรักของผู้อื่นย่อมไม่ใช่สุภาพชน”

เย่เว่ยและเย่หวูเฉินนั่งในที่ของตน มีแขกบางส่วนแต่งกายในชุดบัณฑิตเข้ามาหา ผู้อาวุโสที่น่านับถือเหล่านี้ปรึกษาเรื่องการวาดและแนวคิดกับเย่หวูเฉินอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ทีละคนๆพวกเขาหันไปหาเย่เว่ยและกล่าวอย่างชื่นชม บอกว่าตระกูลเย่มีสุดยอดอัจฉริยะนับว่าสวรรค์โปรดปราน พวกเขาหลายคนเป็นบิดาที่ถูกลูกสาวกดดัน ทำให้ต้องบากหน้าเข้าหาตระกูลเย่เพื่อเร่ขายธิดา

คนที่ทำให้เย่หวูเฉินประทับใจมากที่สุดคือขุนพลชูเกอ เขาแทบจะคุกเข่าต่อหน้าเย่หวูเฉิน ชูเกอหวูอี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเย่หนู่ เขาได้รับการชี้แนะจากเย่หนู่โดยตรง ดังนั้นผู้ที่เขานับถือมากที่สุดย่อมเป็นเย่หนู่ เขามีชื่อเสียงเป็นที่นับถือในกองทัพ ลูกสาวของเขาชื่อ ชูเกอเสี่ยวหยู น้ำเสียงเขาอ่อนล้าและหน้าตามืดมน ธิดาของเขาประกาศชัดว่านางจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเย่หวูเฉิน ยามที่เขาอยู่บ้านธิดาจะใช้เสียงสูงกดดันให้เขาไปเสนอการแต่งงาน แม้ว่าตระกูลเย่จะปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ ขุนพลชูเกอต้องทนแบกรับและอับจนคำพูด ยิ่งกว่านั้น ชูเกอเสี่ยวหยูถึงขนาดบอกว่าอีกไม่กี่วันนางจะไปบ้านตระกูลเย่ด้วยตัวเอง

โง่งมในรัก... นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสตรี เย่หวูเฉินมีสีหน้าคัดค้านอย่างเต็มที่ โง่งมในรักถึงขนาด “ไขว่คว้าดวงดาว” แต่เมื่อเวลาผ่านไปความหลงใหลย่อมลดลง ยิ่งเมื่อเจอความเย็นชาเป็นสายน้ำเย็นเยียบ

แต่ทว่า อีกไม่นานเขาจะรู้ตัวว่าได้ประเมินความดื้อดึงของชูเกอเสี่ยวหยูต่ำเกินไป แล้วเขาจะรู้จักนางฟ้าที่ฆ่าคนนับพันด้วยปลายนิ้ว ทุกแห่งที่นางไปทัพศัตรูต้องเกรงกลัวเมื่อได้ยินชื่อของนาง

ชูเกอเสี่ยวหยูคงอยู่แต่ในห้องหับของนาง เช่นเดียวกับดรุณีน้อยอื่นๆ นางคงเหมือนเจ้าหญิงที่วาดภาพแก้เบื่อ ภาพวาดของนางคงน่ากลัวอย่างยิ่ง....

“องค์จักรพรรดิเสร็จมาถึงแล้ว! องค์จักรพรรดิณีเสด็จมาถึงแล้ว!”

เสียงประกาศทำให้ทั่งห้องโถงประหลาดใจ พวกเขาทั้งหมดลุกขึ้นตามกัน ต่างละจากที่นั่งไปรวมกันที่กลางโถงเพื่อต้อนรับองค์จักรพรรดิ หลงหยินเข้ามาพร้อมกับสตรีงดงามในชุดหงส์ ผู้คนในโถงต่างคุกเข่าร่ำร้องในทันที “ฝ่าบาททรงพระเจริญ ฮองเฮาทรงพระเจริญ”

ห้องโถงที่เต็มไปด้วยแขก มีเพียงเย่หวูเฉินที่ยังยืนอยู่ เขาทำเพียงโค้งตัวเล็กน้อยไปทางหลงหยินเพื่อแสดงความเคารพ ราวนกกระเรียนในฝูงไก่ ยืนเด่นสง่าอยู่กลางฝูงชน

สตรีกลางคนที่อยู่ข้างหลงหยินเห็นเขาทันที ความแปลกใจวาบผ่านในดวงตาทรงเสน่ห์ บุคลิกท่าทางของคนผู้นี้เหนือล้ำกว่าหลินเสี่ยวผู้เป็นหลานของนาง เขายังคงสงบอยู่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้และทำให้นางต้องมองมา แม้ว่านางจะไม่เคยพบเย่หวูเฉินมาก่อน แต่นางย่อมเคยได้ยินเรื่องของเขา นางอาศัยจังหวะที่เขากระทำตัวหยาบคาย ตะโกนออกไปอย่างโกรธเคือง “เจ้ากล้าดียังไง? ต่อหน้าฝ่าบาทและข้ากลับไม่ยอมคุกเข่า!”

เย่หวูเฉินย่อมรู้สถานะของสตรีนางนี้...จักรพรรดิณีหลินซิว ธิดาของหลินขวง และน้องสาวของหลินซาน

เย่หวูเฉินยิ้มและกล่าว “เย่หวูเฉินถวายบังคมฮองเฮา อาจารย์ของข้ามีคำสั่งไว้ โปรดอภัยที่ข้าไม่อาจคุกเข่าให้ท่านได้ ฝ่าบาทเองก็ได้ยกเว้นแล้ว ว่าข้าไม่ต้องคุกเข่า”

“โฮ่โฮ่! ฮองเฮา นี่คือหวูเฉินผู้โด่งดังแห่งตระกูลเย่ ผู้ที่ทุกคนในวังต่างกล่าวถึง เขาคืออัจฉริยะอันดับหนึ่ง และ นักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนหลง ข้าอนุญาตเขาเป็นกรณีพิเศษว่าไม่ต้องคุกเข่าแก่ผู้ใด” หลงหยินพยักหน้ากล่าว เขายิ้มและยกมือ “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นได้ ข้ามาในวันนี้เพราะเรื่องแต่งงานระหว่างตระกูลหลินและตระกูลฮั่ว ดังนั้นไม่ต้องมากพิธี”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” พวกเขายืนขึ้นอย่างนอบน้อมและกลับไปยังที่นั่งของตน หลินซิวเลือบมองเย่หวูเฉินแต่ไม่ได้กล่าวคำใด

หลินซานก้าวไปเบื้องหน้าคำนับแล้วกล่าว “พวกเราตระกูลหลินรู้สึกซาบซึ้งที่ฝ่าบาททรงเมตตามาเยือนด้วยพระองค์เอง เพื่อมาเป็นธุระให้บุตรชายของข้า ฝ่าบาท,เชิญประทับนั่ง บิดาของข้ากลับล้มป่วยในวันนี้พอดีและไม่อาจลุกจากเตียง ขอฝ่าบาทได้โปรดอภัย”

หลินเสี่ยวก้าวไปเบื้องหน้าอีกคนและกล่าว “พวกเราติดค้างในความเมตตาของฝ่าบาท หลินเสี่ยวจะรำลึกถึงความเมตตาของฝ่าบาทตลอดไป”

หลงหยินหัวเราะ “การแต่งงานของเจ้าเป็นข้าจับคู่ให้ ข้าย่อมไม่พลาดวันพิธีหมั้น” เขามองไปรอบๆแล้วขมวดคิ้ว “โฮ้? ขุนพลฮั่วยังไม่มารึ?”

“ฝ่าบาท! เฒ่าฮั่วผู้นี้มาแล้ว!”

หลงหยินพึ่งกล่าวจบคำ เสียงคำรามสนั่นก็ดังจากภายนอกห้องโถง ทำให้หลังคาสั่นสะเทือนและฝุ่นผงร่วงลงมา ถึงฮั่วเจิ้นเทียนไม่ได้ประกาศชื่อ แต่พวกเขาย่อมรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียง

ฮั่วเจิ้นเทียนก้าวเข้ามาศีรษะเชิดใบหน้าภาคภูมิ เขาคุกเข่าลงและคำราม “เฒ่าฮั่วถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮา!”

“ขุนพลฮั่วโปรดลุกขึ้น! เห? ธิดาของเจ้าไม่ได้มาด้วยรึ?” หลงหยินถาม

ฮั่วเจิ้นเทียนลุกขึ้นยืนแล้วตอบ “ทูลฝ่าบาท ลูกสาวของข้ามีนิสัยกลัวการอยู่ท่ามกลางผู้คน นางยังคงอยู่ข้างนอกไม่กล้าเข้ามา”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” หลงหยินหัวเราะลั่น “ข้าเคยได้ยินเรื่องอุปนิสัยของธิดาเจ้าแล้ว แต่วันนี้นับว่าต่างกัน ในวันหมั้นของตัวเอง นางสมควรมาดูหน้าสามี วันนี้ข้ารู้สึกยินดีนัก ข้าจะไปพานางเข้ามาด้วยตนเอง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

หลังจากหัวเราะ หลงหยินก็เริ่มเดินอย่างจริงจัง

พาเข้ามาด้วยตัวเอง? พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนที่จะทันได้แสดงความแปลกใจ เสียงคำรามสนั่นก็ดังขึ้น “ฝ่าบาทโปรดหยุดก่อน เฒ่าฮั่วผู้นี้....บ่าวของท่านมีเรื่องจะกล่าว!”

พอได้ยิน หลินเสี่ยวและหลินซานหัวใจบีบรัดแน่นทันที

“โอ้? ขุนพลฮั่ว หากมีเรื่องใดก็กล่าวออกมาเถอะ” หลงหยินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม สีหน้าอารมณ์ดี

“บ่าวของท่านกำลังจะบอก ว่าเหตุผลที่ข้าพาลูกสาวมาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อหมั้นหมาย แต่กลับกันข้าหวังว่าฝ่าบาทและตระกูลหลินจะยกเลิกการหมั้น” ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

ทั่วทั้งโถงเงียบลงทันทีเมื่อทุกคนแทบหยุดหายใจ มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ข่าวลือเป็นความจริง.... แต่อย่าพึ่งรีบกล่าวไป องค์จักรพรรดิและตระกูลหลินจะยอมยกเลิกจริงๆหรือ? แล้วเหตุใดตระกูลฮั่วถึงตัดสินใจเช่นนั้น?

สายตาบางคู่จ้องไปที่เย่หวูเฉิน เขาพบว่าใบหน้าของเย่หวูเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งท่าทางยังไร้ความกังวล

รอยยิ้มบนใบหน้าหลงหยินหายไปในฉับพลัน เช่นเดียวกับหลินซิวที่อยู่ข้างๆเขา หลิงหยินขมวดคิ้วกล่าว “ขุนพลฮั่ว เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไร? กล่าวอีกครั้งหนึ่งสิ!”

“ข้าขอร้องฝ่าบาทและตระกูลหลินให้ยกเลิกการหมั้นที่ตกลงกันไว้เมื่อปีนั้น!” ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวอย่างเด็ดขาด

“บอกเหตุผลข้ามา!” หลงหยินสีหน้าทะมึนลง

“คนที่ลูกสาวของข้ารักใคร่ไม่ใช่บุตรชายตระกูลหลิน ข้าไม่อาจฝืนใจตัวเองบังคับให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รัก!” ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าว

หลงหยินโกรธมาก แต่เขากลับหัวเราะ “นี่คือเหตุผลของเจ้า? ในปีนั้น การหมั้นหมายของลูกสาวเจ้าและหลินเสี่ยวเป็นข้าจับคู่ให้ด้วยตนเอง หากเจ้าจะกลับคำตอนนี้ ทำไมตอนนั้นเจ้าถึงได้ยอมรับ? ข้าชื่นชมที่เจ้าเป็นคนรักษาคำพูด และทำทุกอย่างตามที่ตัวเองได้สัญญา หากเรื่องเป็นแบบนี้ นับว่าเจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก! กษัตริย์ตรัสแล้วไม่อาจคืนคำ ทุกสิ่งที่ข้าพูดไปไม่อาจถอนคืน หากเจ้าให้ข้าล้มเลิกการแต่ง จะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของข้า? แล้วชื่อเสียงของตระกูลหลินจะเป็นอย่างไร?”

หลินซิวกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวอีกคน “ขุนพลฮั่ว หลานชายของข้าเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ มีสตรีชื่นชมเขาอยู่มากมาย แต่เขาไม่เคยสนใจสตรีอื่นใดเพียงเพื่อลูกสาวเจ้า ฮั่วเจิ้นเทียน เจ้ากล้าทำลายสัญญาแต่งงานได้อย่างไร? คำพูดของเจ้ายุติธรรมต่อฝ่าบาทและหลินเสี่ยวแล้วหรือ?”

ฮั่วเจิ้นเทียนก้มศีรษะแล้วกล่าว “ข้ารู้แน่นอนว่าตัวข้านั้นผิด แต่ขอเพียงฝ่าบาทยอมยกเลิกการหมั้น ข้าจะขอรับโทษทุกอย่าง โปรดรับคำขอของข้าด้วย ฝ่าบาท!”

หลินซานสั่นไปทั่วร่าง เขากัดฟันแน่นเพื่อยั้งตัวเองไว้ ในเมื่อขณะนี้หลงหยินออกหน้า เขาจึงทำได้เพียงปิดปากตัวเองไว้ ตระกูลหลินจงใจประโคมข่าวเป็นวงกว้าง ผลลัพธ์ที่ออกมาในวันนี้ คงจะดีกว่าหากฟาดศีรษะพวกเขาด้วยแส้

“เช่นนั้นข้าขอถาม ว่านายน้อยตระกูลใดที่ลูกสาวของท่านชอบพอ!?” หลินซิวถามเสียงหนัก

“คือบุตรชายแห่งตระกูลเย่!” ฮั่วเจิ้นเทียนตอบกลับโผงผาง “พวกเขารักใคร่ชอบพอต่อกัน ถึงแม้ข้ารู้สึกละอายต่อฝ่าบาทและตระกูลหลิน แต่ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ข้าไม่อาจแยกพวกเขาจากกันได้จริงๆ ดังนั้น...”

“ดังนั้นเจ้าเลยอยากให้ข้ากลายเป็นคนตระบัดสัตย์?” หลงหยินถามอย่างโกรธเกรี้ยว

“ไม่ใช่! ข้าย่อมไม่มีความคิดเช่นนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะข้า และผู้ที่ตระบัดสัตย์มีเพียงข้าผู้เดียว ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาต่อพวกเรา ข้าจะจดจำความกรุณาของฝ่าบาทไปจนชั่วชีวิต!”

“ไม่ต้องกล่าวไปมากกว่านี้แล้ว” หลงหยินโบกมือแล้วกล่าวช้าๆ “เย่หวูเฉินโดดเด่นอย่างแท้จริง เป็นสุดยอดพรสวรรค์บนผืนปฐพี เป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะตกหลุมรักเขา เรื่องนี้เป็นความผิดของลูกสาวเจ้า นางสมควรทราบดีว่าตนมีคู่หมั้นหมายแล้วแต่กลับยังหลงใหลในคนอื่น นับว่าเป็นความผิดพลาดร้ายแรง หากจะต้องถอนการหมั้น ชื่อเสียงของนางย่อมป่นปี้ลง! ชื่อเสียงของข้าก็ย่อมป่นปี้! ฮั่วเจิ้นเทียน,ชื่อเสียงของเจ้าก็ย่อมป่นปี้เช่นกัน! ตระกูลหลินย่อมโดนดูถูกเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นข้าไม่มีทางยอมรับ!”

“บ่าวของท่าน....ขอร้องฝ่าบาททรงเมตตา!” ฮั่วเจิ้นเทียนคุกเข่าลงต่อหน้าหลงหยิน เสียงของเขายังคงหนักแน่นเหมือนเหล็กกล้า ไม่หวั่นไหวแม้เพียงนิดเดียว

“เจ้า!” หลงหยินชี้หน้าอย่างโกรธเกรี้ยว เขาโกรธจนพูดอะไรไม่ออก



<<<PREV    .    NEXT>>>