วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 94

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 94 ซื่อสัตย์

“ยอดยาหยี ในที่สุดพ่อก็ได้ฟังความรู้สึกของเจ้า”

“เอ๋?” ฮั่วฉุ่ยโหรวอุทานออกมาเบาๆ

ฮั่วเจิ้นเทียนหัวเราะ “ยอดยาหยี ข้าเป็นบิดาเจ้า ทำไมข้าจะไม่รู้จักความรู้สึกของลูกสาวตนเองเล่า? ตั้งแต่ครั้งที่เรากลับมาในคราวก่อน เจ้าราวกับคนสูญเสียจิตวิญญาณ ระหว่างทานอาหารจิตใจก็เหม่อลอย เมื่อวานเจ้าก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวันไม่ยอมทำอะไร และเมื่อครู่นี้ ยามที่เจ้าลอบสบตากับสหายน้อย เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่กระจ่างแก่ใจ?”

ฮั่วฉุ่ยโหร่วปิดหน้าตัวเองร้องอุทานเสียงแหลมเล็กเบา ราวกับคนกำลังอับอายรวมทั้งดีใจ

“ฮึ่มม ยิ่งกว่านั้น...” ฮั่วเจิ้นเทียนจ้องที่เย่หวูเฉิน “เจ้าหนูนี่สมควรทำบางสิ่งที่น่าละอายกับลูกสาวสุดที่รักของข้า เมื่อครู่เขาลอบเข้าห้องของเจ้าใช่หรือไม่? ดูจากเสี่ยวซานที่เฝ้าประตูหลักข้าก็รู้ว่าเขาไม่เห็นเจ้าหนูนี่เข้ามาข้างใน ไม่เช่นนั้นเขาต้องบอกกับข้ายามที่ข้ามาถึงแล้ว!”

“นอกจากนั้น หากเขาไม่ใช้เล่ห์กลใดๆ ด้วยอุปนิสัยของเจ้า มีหรือที่เจ้าจะกล้าปฏิเสธงานหมั้นไร้สาระพรรค์นั้นและยอมรับว่าเจ้าหลงรักเขา? บิดาเลี้ยงเจ้ามา ยังจะมีใครที่รู้จักเจ้าดีมากกว่าพ่อของเจ้า?”

เย่หวูเฉินหัวเราะหากแต่ไม่ได้กล่าวคำ ฮั่วฉุ่ยโหรวยังคงอยู่ในสภาพเดิมคือหน้าแดงและครวญคราง นางพยายามประท้วงแต่ไม่สามารถสรรหาคำพูดได้

ฮั่วเจิ้นเทียนจ้องเขม็งที่เย่หวูเฉินอีกครั้งและกล่าว “กล้าย่องเข้ามาเอาเปรียบลูกสาวข้า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะข้าถูกใจเจ้าละก็...หากเป็นเจ้าหนุ่มตระกูลหลินนั่นกล้าทำแบบเดียวกัน ข้าย่อมหักขาของมันทิ้ง”

เขาพลันส่ายศีรษะ ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง “แต่วิธีนี้นับว่าดีกว่า กระทั่งข้ายังปวดหัวว่าจะทำให้นางเปลี่ยนใจได้อย่างไร เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ นับว่าข้าไว้ปล่อยวางความกังวลลง สำหรับเรื่องงานหมั้น เฮอะ! เพื่อลูกสาวสุดที่รักของข้าแล้ว แค่ล้มเลิกสัญญาสักครั้งจะเป็นอะไรไป”

เนื่องจากเขาคลุกคลีกับเย่หวูเฉินเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่อาจทราบตื้นลึกหนาบางของชายหนุ่มผู้นี้ได้ทั้งหมด แต่เขารู้สึกพอใจจากส่วนลึกในหัวใจ เขากระทั่งเสียใจที่ไม่อาจพบชายหนุ่มให้ไวกว่านี้ เพราะชายคนนี้เพียงผู้เดียวที่เขาพอใจ  แม้เหตุผลหลักที่เขายอมรับเย่หวูเฉินจะเป็นเพราะธิดา จากที่เขาประกาศกร้าวหากบุตรสาวไม่ปรารถนา ต่อให้จักรพรรดิมาด้วยตนเอง เขาก็จะไม่อนุญาตให้ก้าวผ่านข้ามประตูตระกูลฮั่ว

ขณะที่ฮั่วเจิ้นเทียนเอ่ยคำว่า “ล้มเลิกสัญญา” เย่หวูเฉินก็มีแสงวาบผ่านตา เขาไร้ความลังเลขณะเอ่ยคำ เพื่อลูกสาวแล้ว ชายผู้นี้ที่เลื่องลือว่ารักษาถ้อยคำ เขาถึงกับยอมทำลายชื่อเสียงตนเอง ยอมกลายเป็นคนตระบัดสัตย์ที่ตนดูหมิ่น เรื่องนี้ทำให้เย่หวูเฉินนับถืออย่างล้ำลึก ไม่เหมือนเหล่าคนที่ไม่สนใจความสุขของธิดา และทำตามสัญญาเพียงเพื่อรักษาชื่อเสียงตน ฮั่วเจิ้นเทียนเป็นผู้ที่น่านับถือชื่นชมอย่างแท้จริง

“ท่านพ่อ.....” คำพูดของฮั่วเจิ้นเทียนทำให้ฮั่วฉุ่ยโหรวหวั่นไหวซึ้งลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ นางเรียกเขาน้ำเสียงแผ่วเบา นอกจากแสดงออกทางสีหน้าแล้ว นางไม่ทราบว่าจะบ่งบรรยายความอบอุ่นในหัวใจออกมาได้เช่นไร

ฮั่วเจิ้นเทียนหัวเราะกล่าว “ฮ่าฮ่า ยอดยาหยี ตลอดหลายปีที่เจ้าไม่ได้ออกจากบ้าน เจ้าไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับผู้คนภายนอก แต่ยามนี้ในที่สุดเจ้าก็มีบุรุษที่ต้องตา ข้าต้องกล่าวว่าลูกสาวของข้าตาแหลมจริงๆ ข้าพึงพอใจยิ่งนัก อืม...ลูกสาวสุดที่รักของข้า ตอนนี้ว่าที่สามีของเจ้ามาเสนอการแต่งด้วยตนเอง เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าครัวไปทำอาหารให้เจ้าหนูนี่ลองชิม และแน่นอน บิดาเจ้าก็อยากมีส่วนด้วยเช่นกัน”

“....ค่ะ”

ฮั่วฉุ่ยโหร่วอยากหนีไปให้ไกลเพราะความอับอาย ดังนั้นถ้อยคำของฮั่วเจิ้นเทียนจึงเป็นการช่วยปลดปล่อยนาง หลังจากลอบมองเย่หวูเฉินสองสามครั้ง นางก้มศีรษะลงเล็กน้อยและออกไปเงียบๆ

เมื่อฮั่วฉุ่ยโหรวหายลับไปจากประตู เย่หวูเฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสฮั่ว ท่านมีอะไรจะกล่าวกับข้าหรือ?”

เย่หวูเฉินมองออกอย่างง่ายดายว่าฮั่วเจิ้นเทียนจงใจพูดให้ฮั่วฉุ่ยโหรวออกไป

“ถูกต้อง” รอยยิ้มบนใบหน้าของฮั่วเจิ้นเทียนหายวับและกลับกลายเป็นเคร่งเครียด ความเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้เย่หวูเฉินเริ่มเหงื่อผุดเย็นเยียบ ฮั่วเจิ้นเทียนชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เย่หวูเฉิน ตาดวงโตจ้องเขม็งโดยตรง เขากล่าว “เจ้าหนู ถึงแม้ว่าเรื่องที่เจ้าเอาเปรียบลูกสาวข้า ข้าจะไม่ติดใจเอาความ ข้าจะยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้าสองคน แต่หากในอนาคตเจ้าปฏิบัติไม่ดีกับนางละก็....”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะตัดมือทั้งสองของตัวเองเพื่อเป็นการไถ่โทษต่อผู้อาวุโสฮั่ว” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ฮั่วเจิ้นเทียนยิ้มอย่างพอใจ “ประเสริฐ เจ้าดูไม่เหมือนคนที่คิดกลั่นแกล้งสตรี แต่ว่า....” ฮั่วเจิ้นเทียนท่าทางชะงักไป ดูเหมือนเขากำลังลำบากกับการเฟ้นหาถ้อยคำ “ที่ข้าอยากจะพูดก็คือ คราวก่อนเจ้านับว่ากระทำเกินไป”

“โอ้?” เย่หวูเฉินสีหน้าสงสัย

ฮั่วเจิ้นเทียนส่ายศีรษะและกล่าว “ตระกูลเย่และตระกูลหลินต่างไม่ลงรอยกัน เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ทราบกันดี ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทำไม แต่พวกเขาคาดว่าคงเป็นเพราะความเห็นที่ขัดแย้งระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองตระกูล ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่เห็นด้วย แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องตั้งตนเป็นศัตรู อย่างมากพวกเขาเพียงทะเลาะกัน แต่สิ่งที่เจ้าทำในวันนั้น.... แม้ดูผิวเผินคล้ายตระกูลหลินเป็นผู้ยั่วโทสะเจ้า แต่แท้จริงแล้วเป็นเจ้าที่ล่อลวงพวกเขาให้ตกลงสู่หลุมพราง ก่อนที่จะเหยียบย่ำดูถูกพวกเขาต่อหน้าเหล่าขุนนางศักดิ์ใหญ่ทั้งหลาย เท่าที่ข้ารู้ ตระกูลหลินไม่เคยประสบกับคำหยามเหยียดเช่นนี้มาก่อน”

เย่หวูเฉินยิ้มอ่อน สีหน้าเขายังไร้อารมณ์ ฮั่วเจิ้นเทียนมองปฏิกิริยาของเขาก่อนจะกล่าวต่อ “สิ่งที่เจ้าทำลงไปย่อมทำให้ตระกูลเย่พอใจ รวมทั้งยังทำให้ตระกูลหลินโกรธเกรี้ยว และตอนนี้งานหมั้นระหว่างตระกูลฮั่วและตระกูลหลินยัง... เฮ้อ พอคิดว่าการหมั้นต้องถูกยกเลิกเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ แม้ว่าเจ้าหนุ่มตระกูลหลินจะไม่ถูกใจข้าเท่ากับเจ้า และถึงเขาจะอ่อนด้อยกว่าเจ้าอยู่หลายสิ่ง แต่ก่อนนั้นเขาก็ยังเป็นยอดพรสวรรค์อันดับหนึ่งของเทียนหลง สิ่งที่เจ้าทำวันนั้นนับว่าเกินเลย ลูกผู้ชายยอมตายไม่ยอมถูกเหยียดหยาม ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลินนับว่าให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ตระกูลหลินย่อมผูกแค้นไว้ในใจ ยิ่งงานหมั้นถูกล้มเลิกเพราะว่าเจ้า พวกเขาสมควรเกลียดเจ้าเข้ากระดูกดำ ข้าจะไม่แปลกใจเลยหากพวกเขาจ้างนักฆ่าให้ลอบสังหารเจ้า สิ่งที่เจ้าทำให้ช่วงเวลาสั้นๆนั้นนับว่าไม่ฉลาดอย่างยิ่ง!”

“ผู้อาวุโสฮั่วชี้แนะได้ถูกต้อง” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

“เหลวไหล!” ฮั่วเจิ้นเทียนหนวดเคราชี้ชูชัน ดวงตาถลึงโต คนทั้งร่างราวกับพร้อมระเบิดโทสะออกมา “ถึงข้าเป็นคนหยาบคายแต่ข้าไม่ใช่คนโง่ สีหน้าของเจ้าบอกว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ!”

เย่หวูเฉินรีบโบกมือพัลวัล “ข้าฟังทุกคำที่ท่านกล่าวอย่างตั้งใจ ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นอย่างแน่นอน” เขาหยุดเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสฮั่ว ข้าทราบดีว่าถึงแม้ท่านจะหยาบกระด้างและไม่สนใจกับเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องสำคัญท่านย่อมระมัดระวัง ทั้งยังใส่ใจมากกว่าคนทั่วไป ไม่เช่นนั้นท่านคงไม่สามารถนำพาตระกูลฮั่วให้มาถึงจุดนี้ได้ด้วยลำพังพลังของตน แต่ว่าผู้อาวุโสฮั่ว ท่านไม่รู้จริงๆหรือว่าเบื้องหลังความขัดแย้งระหว่างตระกูลหลินและตระกูลเย่แท้จริงเป็นเพราะเหตุใด?”

ฮั่วเจิ้นเทียนตระหนกทันทีเมื่อได้ยิน แต่เขาไม่ได้พูดตอบสิ่งใด

“เป็นเพราะว่ามีบางคนต้องการควบคุมตระกูลเย่ของข้า ดังนั้นจึงมีตระกูลหลินโผล่ออกมา การบ่อนทำลายได้หยุดลงชั่วคราว แต่มันได้เริ่มขึ้นเมื่อนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะเย่หวูเฉินผู้นอนติดเตียงกลายสภาพเป็นข้าในวันนี้ พวกเขาสมควรมีชัยไปแล้วแน่นอน” เย่หวูเฉินกล่าวราบเรียบ

ฮั่วเจิ้นเทียนจ้องมอง หากแต่ดูไม่แปลกใจ เขาเพียงขมวดคิ้วและกล่าว “ชั่วชีวิตของข้าจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ และข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจ เจ้าไม่สมควรบอกเรื่องนี้กับข้า หากเรื่องเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ข้าก็ยังจะตบหน้าเจ้า แต่ว่าตอนนี้....บัดซบ เจ้ากำลังจะเป็นลูกเขยของข้า เฮ้อ!”

“ผู้อาวุโสฮั่วเป็นคนวงนอก ท่านย่อมมองเห็นเรื่องนี้” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว

ฮั่วเจิ้นเทียนไม่ปฏิเสธ เขาส่ายศีรษะและกล่าว “ปู่และพ่อของเจ้าซื่อสัตย์เกินไป มืดบอดด้วยความจงรักภักดี ถึงแม้จะสังเกตเห็นบางสิ่งแต่พวกเขาก็ยังทำเป็นลืมมัน คนวงนอกที่สังเกตเห็นเรื่องนี้มีอยู่มากมาย แต่องค์จักรพรรดิไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเช่นกัน แม้ว่าเจ้าจะฉลาดเป็นกรด แต่เจ้าก็คงไม่รู้ว่าทัพทหารใต้บัญชาของตระกูลเย่ทรงพลังขนาดไหน รวมทั้งชื่อเสียงของพวกเขาในกองทัพอันเลื่องลือ จักรพรรดิที่แท้จริงย่อมไม่อาจปล่อยภัยคุกคามเช่นนี้ให้ดำรงอยู่และสั่นคลอนบัลลังก์ แม้ว่าภัยนั้นจะไม่ได้แสดงอย่างประจักษ์แจ้ง การปรากฎของตระกูลหลินล้วนเป็นผลมาจากภัยคุกคามนั้น หากไม่ใช่เพราะตระกูลหลิน ตระกูลเย่คงเรืองอำนาจเพียงผู้เดียว และอาจมีสักวันที่พวกเขามองหาอำนาจที่เหนือล้ำยิ่งขึ้นไป ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะไม่ยุติธรรมกับตระกูลเย่ หากแต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น จากสถานะของตระกูลหลินในเวลานี้ นอกจากหลินขวงแล้ว ข้าคิดว่าสมาชิกคนอื่นๆล้วนไม่ทราบเรื่องราว”

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ รออยู่เงียบๆจนฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวจบ เขายิ้มสลดขณะกล่าว “หากทุกสิ่งมีเพียงที่ผู้อาวุโสฮั่วกล่าวมา เช่นนั้นข้าคงไม่จงใจหาเรื่องตระกูลหลิน แต่ว่า...น่าเสียใจที่ตระกูลเย่ภักดีต่ออาณาจักร สร้างผลงานการรบโดดเด่นไว้มากมาย แต่ท้ายที่สุด คนที่พวกเขาอุทิศตนให้กลับวางแผนบ่อนทำลายตระกูลเย่ กระทั่งยังต้องการเข้าควบคุมตระกูลเย่ทั้งหมดด้วยตนเอง!”

ฮั่วเจิ้นเทียนลุกขึ้นพรวดในทันที จ้องมองใบหน้าไม่แยแสของเย่หวูเฉิน ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮั่วเจิ้นเทียนนั่งกลับเก้าอี้อย่างหนักหน่วง ถูนวดศีรษะและกล่าว “สหายน้อย เจ้าไม่ควรกล่าวหาเลื่อนลอยโดยไร้หลักฐาน เจ้าไปพบอะไรมา? โปรดบอกข้าอย่าได้กังวล แม้ว่าชั่วชีวิตนี้ข้าจะภักดี แต่ข้าจะไม่บอกต่อแก่ผู้ใด ข้าเพียงต้องการปกป้องลูกสาวของข้า”

เย่หวูเฉินพยักหน้า เขากล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับฮั่วเจิ้นเทียน เพราะเขารู้แล้วว่าฮั่วเจิ้นเทียนเป็นบุคคลเช่นไร

“ตระกูลเย่ทุกคนล้วนเก่งกล้าไร้ที่เปรียบ แต่ข้ากลับเกิดมาร่างกายอ่อนแอ ท่านทราบหรือไม่ว่าเพราะอะไร, ผู้อาวุโสฮั่ว? มีบางคนจงใจวางยาพิษตระกูลเย่เรา แน่นอนว่าพวกเขาต้องการให้หน่อเนื้อตกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แต่ว่าข้าก็กำเนิดรอดออกมาได้ ด้วยผลจากพิษนั้น ร่างกายของข้าอ่อนแออย่างยิ่ง และตระกูลเย่...ก็ไม่อาจให้กำเนิดทายาทได้อีกเลยเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน”

“.........”

“หลังจากนั้น ตระกูลเย่กลับบังเอิญรับบุตรบุญธรรม หลังจากผ่านไปสิบปี บุตรบุญธรรมได้กลายเป็นที่เชื่อใจของทั้งตระกูลเย่ เมื่อความสามารถและชื่อเสียงของเขาเหนือล้ำกว่าบุตรที่แท้จริง บุตรชายตระกูลเย่ผู้ป่วยซมกลับหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย มีใครบ้างที่สามารถวางยาตระกูลเย่โดยไร้คนสงสัย แล้วใครที่สามารถลักพาตัวบุตรชายตระกูลเย่ให้หายไปได้อย่างไร้ร่องรอย? หากบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลเย่ตายไป ใครจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลเย่?” เย่หวูเฉินกล่าวเผินๆ ราวกับตนเป็นคนวงนอก

เขาเป็นคนวงนอกจริงๆ เพียงแค่มาอาศัยสถานะเย่ตามความประสงค์ของสวรรค์ เขา ผู้ที่ไม่ต้องการติดค้างตระกูลเย่ใดๆ เมื่อใช้ประโยชน์จากสถานะนี้ จึงจำเป็นต้องทำสิ่งที่ควรให้กับเจ้าของสถานะที่แท้จริง



<<<PREV    .    NEXT>>>