วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 106

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 106 นักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุด

“และดูเหมือนว่า หลงหยินจะยังไม่ตรวจพบสิ่งใด สตรีเช่นท่าน ที่คอยชักใยทุกสิ่งอย่างโดยไร้เงื่อนงำ ท่านทำให้หวูเฉินต้องนับถือจริงๆ ส่วนสำนักจักรพรรดิเหนือที่กล่าวกันว่าพ่ายแพ้และไม่ปรากฎว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใด ตอนนี้พวกเขาคงกำลังแทรกซึมอาณาจักรอื่นอยู่อย่างลับๆ จะเป็นอาณาจักรคุยชุยหรือว่าอาณาจักรชางหลาน? อาณาจักรต้าฟงมีฟงเฉาหยางดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะแทรกซึม อาณาจักรชางหลานมีสภาพอากาศเลวร้ายเกินไป ทำให้คนภายนอกไม่สามารถย่างกรายเข้าไปได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นพวกเขาสมควรซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรคุยชุย”

ฉุ่ยเมิ่งฉาน “!!!!”

“มาคุยกันเรื่องข้อแลกเปลี่ยนกันดีกว่า เพื่อกระบี่หนานฮวงแล้ว พวกเราพร้อมยอมรับทุกเงื่อนไข” ฉุ่ยเมิ่งฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายไร้เรี่ยวแรง ยิ่งเย่หวูเฉินอธิบายมากเท่าไหร่ ความกังวลยิ่งท่วมทับในจิตใจของฉุ่ยเมิ่งฉาน นางไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะมีผู้ใดสามารถทำให้นางต้องหวาดกลัวด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ และยิ่งผู้ที่กล่าวคำยังมีอายุเยาว์วัยกว่านาง

“เงื่อนไขของข้านั้นง่ายมาก นั่นก็คือ นับจากนี้ไปจนถึงสามปี สำนักจักรพรรดิใต้จะต้องปกป้องคนจำนวนหนึ่ง นั่นคือผู้คนของตระกูลเย่ เย่หนู่ , เย่เว่ย , หวังเวิ่นชู , เย่ฉุ่ยเหยา รวมไปถึงตระกูลฮั่ว ฮั่วเจิ้นเทียนและฮั่วฉุ่ยโหรว จงจำไว้ว่าเพียงแค่ปกป้อง ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ภายใต้สถานการณ์ปกติห้ามเข้าไปวุ่นวายกับพวกเขา หากในสามปีนี้มีคนหนึ่งคนใดเกิดเหตุร้ายขึ้น เช่นนั้นสำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเจ้าจะไม่มีวันได้กระบี่ หากพวกท่านสามารถปกป้องและทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอันสงบสุขได้ตลอดสามปี เช่นนั้นข้าจะมอบกระบี่หนานฮวงให้กับพวกท่าน สำนักจักรพรรดิใต้ตามหามันมาตลอดพันปี หรือแม้กระทั่งหมื่นปี ดังนั้นพวกท่านย่อมรอเวลาแค่สามปีได้อย่างแน่นอน” เย่หวูเฉินกล่าวชัดถ้อยชัดคำ

“แค่นี้เหรอ?” เงื่อนไขเช่นนี้นับว่าธรรมดามากสำหรับสำนักจักรพรรดิใต้ ฉุ่ยเมิ่งฉานเชื่อว่าต่อให้ไม่มีพวกนางคอยคุ้มกัน คนเหล่านี้ย่อมไม่ประสบเหตุร้ายใดๆ ความเสียใจเพียงอย่างเดียวคือไม่อาจได้รับกระบี่ในทันทีและต้องรอถึงสามปี แต่นางไม่คิดคัดค้านในเรื่องนี้ เพราะนางรู้ได้ชัดเจนดีว่าไม่มีใครเปลี่ยนใจเย่หวูเฉินได้ หากเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว

“แค่นั้น” เย่หวูเฉินตอบราบเรียบ “หากข้าผิดสัญญา อย่างเลวร้ายที่สุด ท่านสามารถเอาชีวิตของพวกเขาได้”

“ตกลง! พวกเราจะแอบปกป้องพวกเขาเป็นการลับ” ฉุ่ยเมิ่งฉานกล่าวเสียงเบา

“เช่นนั้นหวูเฉินขอขอบคุณ คุณหนูฉุ่ย”

“ต่างก็ให้และต่างก็รับ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! หวูเฉินนับว่าบรรลุวัตถุประสงค์ที่มาที่นี่ เช่นนั้น ข้าขอตัวลา”

เย่หวูเฉินไม่อ้อยอิ่งอยู่ต่อ เขาจับมือหนิงเสวี่ยและก้าวเท้าออกไป ขณะที่เขาเปิดประตู มีความคิดแวบเข้ามาในหัว เขากล่าว “หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน จักรพรรดิณีหลินซิวจะล้มป่วยอย่างหนัก หมอหลวงทุกคนจะหมดหนทางเยียวยารักษานาง องค์จักรพรรดิจะมาขอความช่วยเหลือจากสำนักจักรพรรดิใต้ หากท่านต้องการช่วยเหลือ ท่านสมควรเรียกตัวเทพโอสถหรือนักเวทย์แสงไว้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้น คงทำให้ข้าเสียเวลาเปล่า”

กล่าวจบเขาก็ปิดประตูไว้เบื้องหลังแล้วจากไป

ในห้องเงียบงันลงฉับพลัน หลังจากชั่วเวลาสั้นๆ เหล่าสตรีที่ซ่อนอยู่ในเงามืดต่างปรากฎกายออกมาทีละคน พวกนางรวมตัวกันอยู่เบื้องหน้าฉุ่ยเมิ่งฉาน อายุเฉลี่ยของพวกนางมากกว่าสามสิบปี สองคนในหมู่พวกนางมีผมขาวครึ่งศีรษะ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกนางทุกคนที่ได้รับหน้าที่ปกป้ององค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ ต่างก็แข็งแกร่งอย่างที่สุด

“องค์หญิง คนผู้นั้น...”

“เป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง”

“องค์หญิง นั่นคือกระบี่หนานฮวงจริงๆหรือ?” หนึ่งในสตรีอาวุโสถาม

“ใช่ ทุกลักษณะจำเพาะล้วนตรงกับบันทึกของพวกเราทุกประการ เรื่องเหล่านี้มีเพียงข้าและญาติเท่านั้นที่รู้ สำหรับเขา การที่สามารถวาดรูปกระบี่หนานฮวงได้มีความหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเขาเคยเห็นมันมาก่อน ในเมื่อเขาถึงขนาดกล้ากล่าวว่า หากเขากลับคำไม่ยอมมอบกระบี่ให้พวกเรา เช่นนั้นสามารถเข่นฆ่าญาติมิตรของเขาได้ทันที นี่ย่อมเพียงพอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้หลอกพวกเรา”

“เช่นนั้นทำไมพวกเราถึงไม่จับตัวเขาหรือเหล่าญาติ จากนั้นบังคับเขาให้บอกที่ซ่อนกระบี่? หลายสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาสามปี”

ฉุ่ยเมิ่งฉานส่ายศีรษะ “ไม่ จากความฉลาดหลักแหลมของเขา จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาไม่เตรียมการรับมือสถานการณ์เช่นนี้? หากกระบี่หนานฮวงตกถึงมือสำนักจักรพรรดิเหนือจริงๆ พวกเจ้าสามารถจินตนาการถึงผลลัพธ์ได้หรือไม่? ไม่ว่าเขาจะเตรียมการไว้หรือไม่ พวกเราก็อาจเสี่ยง พวกเรายอมเสี่ยงไม่ได้”

“เช่นนั้นพวกเราสมควรทำเช่นไร? การปรากฎของกระบี่หนานฮวงคือเรื่องสำคัญที่สุดนับแต่ครั้งก่อตั้งสำนักจักรพรรดิใต้!” สตรีกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายตื่นเต้น

ฉุ่ยเมิ่งฉานม้วนภาพวาดอย่างระมัดระวังและวางบนมือสตรีที่อาวุโสสูงสุด นางกล่าวอย่างจริงจัง “ทุกถ้อยคำที่เขาพูดกับข้าเมื่อครู่ ท่านจดจำได้ทั้งหมดหรือไม่?”

“ข้าจำได้” สตรีนางนั้นพยักหน้าอย่างสงบ

“นำรูปภาพนี้ไป ส่งไปด้วยวิธีที่เร็วที่สุด เดินทางตลอดวันตลอดคืน ไปหาบิดาของข้าแล้วเล่าทุกถ้อยคำให้เขาฟัง จากนั้นรอการตัดสินใจของเขา และ....” ฉุ่ยเมิ่งฉานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เกี่ยวกับถ้อยคำแปลกๆของเย่หวูเฉินก่อนเขาจะออกไป “ระหว่างที่กลับไป ให้เชิญท่านปู่เทพโอสถมาที่นี่ด้วย ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเย่หวูเฉินสามารถทำสิ่งใดได้อีก ท่านไปได้แล้ว”

“ค่ะ!”

“เหลยสื่อ รีบส่งคนให้ไปแอบคุ้มกันตระกูลเย่ อวิ๋นสื่อ ส่งคนไปคุ้มกันตระกูลฮั่ว ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“ค่ะ” เหลยและอวิ๋น ออกไปอย่างว่องไว

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและถาม “หลิงเอ๋อร์ เจ้าเคยรายงานเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าหลงหยินจ้างมือสังหาร เถาไปไป ให้ฆ่าเย่หวูเฉิน เถาไปไปจะมาถึงเมื่อไหร่?”

สตรีที่ชื่อว่า “หลิงเอ๋อร์” เป็นสาวใช้ส่วนตัวของฉุ่ยเมิ่งฉาน นางก้มศีรษะลงแล้วกล่าว “เขามาถึงเมื่อเช้าวันนี้”

“ถึงแล้ว?” ฉุ่ยเมิ่งฉานพลันตระหนก “ฟง , ฮั่ว , เสวี่ย , เยว่ พวกเจ้าสี่คนจงลอบตามเย่หวูเฉิน อย่าให้เขาได้รับอันตราย หากจำเป็น ให้กำจัดเถาไปไป!”

“ค่ะ!” ทั้งสี่คนรับคำสั่งแล้วรีบออกไปโดยปราศจากความลังเล

.......................

“องค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ อายุเพียงยี่สิบกว่าปีแต่กลับบรรลุพลังขอบเขตสวรรค์ จิตใจที่สั่นไหวทำให้พลังบางส่วนของนางเล็ดลอดออกมา ข้าเคยคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่อ่อนแอและบอบบาง กระทั่งสาวใช้ที่อยู่เบื้องหลังนาง สตรีทั้งเจ็ดคนแต่ละนางล้วนมีพลังไม่ต่ำกว่าขอบเขตวิญญาณ หลินเสี่ยวและข้าบรรลุพลังระดับสิบยังถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะ เมื่อเป็นสำนักจักรพรรดิใต้ที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือมากมาย กระทั่งเหมือนกลายเป็นเรื่องธรรมดา แน่นอนว่ายอดฝีมือของพวกเรา ในสายตาของสำนักจักรพรรดิใต้ย่อมไร้ค่าไม่ต่างอะไรไปจากกะหล่ำขาวหัวใหญ่” เย่หวูเฉินถอนใจกล่าว

“เจ้านาย กะหล่ำขาวหัวใหญ่คือสิ่งใด?” เสียงของหนานเอ๋อร์ดังขึ้นมาในศีรษะ

เย่หวูเฉินกรอกตา “หนานเอ๋อร์ เจ้าคือกะหล่ำขาวหัวใหญ่”

“หือ?” หนานเอ๋อร์ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง

เขาหันไปมองบ้านหมอกฝันข้างหลัง จากนั้นลอบส่ายศีรษะ

ข่าวลือกล่าวไว้ว่าสำนักจักรพรรดิใต้จะรับใช้เจ้าของกระบี่หนานฮวงโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าใครที่มีกระบี่หนานฮวงสามารถบัญชาสำนักจักรพรรดิใต้ได้ทั้งสำนัก

หากสำนักจักรพรรดิใต้เป็นเหมือนดังเช่นเมื่อก่อน เย่หวูเฉินก็คงจะเชื่อข่าวลือนี้ เขาย่อมเผยกระบี่หนานฮวงต่อหน้าฉุ่ยเมิ่งฉาน และทำให้สำนักจักรพรรดิใต้ยอมคุกเข่าสยบอยู่แทบเท้าเขา

แต่สำนักจักรพรรดิใต้ไม่ได้เป็นเหมือนเช่นครั้งในตำนาน เมื่อพวกเขาเหยียบเท้าลงบนโลกมนุษย์ พวกเขาเริ่มปรารถนาในอำนาจ กระทั่งต้องการปกครองโลกหล้า พวกเขาจะภักดีต่อคนภายนอกเพียงเพราะเขามีกระบี่หนานฮวงอย่างนั้นหรือ? ก็แค่เรื่องตลกใหญ่ แทนที่จะภักดี พวกเขาก็แค่สังหารเจ้าของแล้วนำกระบี่กลับคืน

“หนานเอ๋อร์ จากพลังของข้าในเวลานี้ ข้าต้องมีพลังอีกเท่าไหร่ถึงจะสามารถใช้พลังของกระบี่หนานฮวงได้?” เย่หวูเฉินสอบถาม

“อืม....” คำถามนี้ทำให้นางสับสนอย่างเห็นได้ชัด นางคิดอย่างหนักอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นตอบกลับเสียงอ่อย “กระบี่หนานฮวงเป็นสุดยอดอาวุธต้องห้าม พลังของผู้ใช้จำเป็นต้องมีมากมายอย่างสุดยอด พลังของเจ้านายในยามนี้...ท่านไม่สามารถใช้มันได้”

“กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระบี่ในมือข้าตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับอาวุธคมๆชิ้นหนึ่ง?”

“ใช่แล้ว”

“ดี” เย่หวูเฉินจำต้องยอมรับชะตากรรม

ขณะที่กลับคฤหาสน์ตระกูลเย่ เพียงก่อนที่จะถึงประตู เย่หวูเฉินก้มลงหาหนิงเสวี่ยแล้วกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ พี่ชายเจ้ามีบางสิ่งต้องไปทำ ไปหาพี่สาวแล้วเล่นแถวนั้นก่อนตกลงมั้ย?”

“อื้ม เข้าใจแล้ว ท่านพี่ต้องรีบกลับมาไวๆนะ”

นางไม่อยากจากพี่ชายแม้แต่นิดเดียว เย่หนิงเสวี่ยค่อยๆวิ่งก้าวเท้าน้อยๆไปที่ประตู เพียงแค่ร่างเล็กๆของนางหายลับประตูไป เย่หวูเฉินก็หันกายมา สีหน้าของเขาเย็นชาในฉับพลัน เพียงก้าวเท้าหนึ่งก้าว สีหน้าของเขาก็กลายเป็นไม่แยแสตามปกติ เขาเลี้ยวที่หัวมุมและตามคลื่นฝูงชนไปทางทิศตะวันออก

สายตามรณะจ้องตรึงที่ตัวเขา เขารู้ว่าเป็นผู้ใดที่ได้มาถึง ดังนั้น เขาจึงไม่อาจกลับเข้าไปในตระกูลเย่ แม้ว่าตระกูลเย่จะไม่กลัวใครในสมรภูมิ แต่ในวันธรรมดา ยามที่ไร้ยอดฝีมือคอยคุ้มกัน เขาย่อมไม่ต้องการให้สมาชิกตระกูลเย่ที่เหลือเข้ามาเกี่ยวข้อง

นักฆ่าที่โชกโชนเพียงใช้การโจมตีเดียวก็สามารถสังหารเป้าหมาย แต่การลงมือนั้นต้องไม่ถูกตรวจพบโดยผู้ใด โดยเฉพาะตัวเหยื่อเอง ทั้งตัวเหยื่อและคนอื่นย่อมไม่สมควรรับรู้สาเหตุของการตาย ดังนั้นบนท้องถนนที่มีผู้คนมากมายจึงยังไม่อาจลงมือ ยามที่เย่หวูเฉินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเย่ เมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้องนอน นั่นคือเวลาลงมือ

แต่เย่หวูเฉินไม่ได้เข้าไปในประตู เขากลับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ทางเดียวที่เหลือตอนนี้คือตามหลังเขาไป ดวงตาไร้ชีวิตเหมือนปลาตายจ้องมองที่เขา ไม่ยอมให้คลาดเคลื่อนไปจากสายตา กลิ่นอายของเย่หวูเฉินไม่อาจตรวจจับ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะติดตามได้คือมองด้วยสายตา

เย่หวูเฉินเดินร่อนไปทั่ว ตะลอนผ่านร้านค้าและคนขาย ให้อารมณ์คุณชายตระกูลมั่งมีเดินเล่นบนถนน หากเขาเดินอาดๆมากกว่านี้ หรือใช้สายตาสัปดนมากกว่านี้ ท่าทางของเขาจะนับได้ว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เย่หวูเฉินยังคงมุ่งหน้าไปทางตะวันออก และสายตาไร้ชีวิตยังคงตามติดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ยามที่เถาไปไปยังหนุ่ม เขาฝังตัวเองอยู่ใต้ผืนทรายตลอดสามวันสามคืนเพื่อสังหารคนๆเดียว กับการตามใครบางคนเช่นนี้เขาไม่รู้สึกลำบากใดๆ เพราะเขารู้ว่าสามารถสังหารเป้าหมายได้อย่างง่ายดายเพียงหนึ่งการจู่โจม



<<<PREV    .    NEXT>>>