วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 122

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 122 หนึ่งวันกับหลงฮวงเอ๋อร์ (1)

“ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ชอบที่สุดอยู่ในใจ ดังนั้น เราจะวาดสิ่งที่ชอบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบุคคล , สิ่งของ , ทิวทัศน์ , ดีหรือร้าย , ยากหรือง่าย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสามารถถ่ายทอดผ่านพู่กัน หากกระทั่งสิ่งที่ชอบที่สุดยังไม่อาจวาดได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็สูญเสียเหตุผลที่แท้จริงในการวาด จงใช้จิตคิดจินตนา ใช้มือร่ายวาดพู่กัน หากภาพนั้นยังไม่งามงด จงอดทนพากเพียรไว้ อย่างนั้นถึงจะนับได้ว่าดี”

เย่หวูเฉินได้จุดประกายแรงบันดาลใจ เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายวิธีการวาดใดๆ ไม่ต้องแสดงเป็นตัวอย่าง ไม่ต้องวาดให้ทำตาม เขาเพียงเติมเชื้อไฟและสร้างขวัญให้วิญญาณ แล้วปล่อยให้พวกเขาวาดสิ่งที่ชื่นชอบที่สุด

หัวปูเฮ่ามองดูชั้นเรียนที่ครั้งหนึ่งน่าเบื่อหน่าย ยามนี้ราวกับลุกเป็นไฟด้วยเพลิงปรารถนา ใบหน้าของเด็กๆที่ทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ยามนี้พวกเขากระหายและเต็มไปด้วยหัวใจที่ทุ่มเท

“วิธีที่ท่านสอนพวกเด็กๆ คือการทำให้ภาพออกมาไร้วิญญาณอย่างที่ข้ากล่าว” เย่หวูเฉินเดินไปหาหัวปูเฮ่าและกล่าวเสียงเบา “กล่าวตามตรง วิธีที่ท่านสอนพวกเขาเป็นวิธีเดียวกับที่ท่านใช้กับตัวเอง ท่านสอนพวกเขาว่าอะไรวาดได้อะไรวาดไม่ได้ ท่านต้องเปิดใจว่า ทุกๆคนมีธรรมชาติและแนวทางเป็นของตนเอง พวกเขาจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันระหว่างฝึกวาด ในฐานะที่เป็นอาจารย์ ท่านควรส่งเสริมแนวทางเฉพาะตัวของแต่ละคน แนวทางที่เข้ากับตนจะทำให้พวกเขาพัฒนาได้รวดเร็ว วิธีที่ให้ทำตามรูปแบบ มีเพียงทำให้พวกเขาสูญเสียความเป็นตัวตนและพัฒนาได้ช้า เลวร้ายที่สุดคือพวกเขาลืมเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการวาดภาพ และยอมแพ้การวาดไป”

เขาหันศีรษะไปมองเหล่านักเรียนที่กระตือรือร้นด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้พวกเขามีความกระตือรือร้น หลังจากพบเหตุผลในการวาด พวกเขาจะสามารถวาดมันออกมา และรักษาสิ่งสำคัญที่สุดไว้ได้”

คำพูดของเย่หวูเฉินนำความตะลึงลานมาสู่หัวปูเฮ่าอย่างที่คาดไว้ พวกนักเรียนหัวรั้นเหล่านี้กระเหี้ยนกระหืออย่างเป็นประวัติการณ์ หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ มันได้เปลี่ยนแนวทางการสอนของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่มีความคิดปฏิเสธแม้เพียงน้อยนิด เขาก้มศีรษะและกล่าวอย่างละอาย “วันนี้ หลังจากได้ฟังคำชี้แนะจากนายน้อยเย่ ข้ารู้สึกราวกับเกิดปัญญาตระหนักรู้ในฉับพลัน กลับกลายเป็นว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าชี้นำพวกเขาไปในทางที่ผิด!”

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ท่านพึงระลึกไว้ว่า เป็นการง่ายที่จะกล่าวว่าทุกคนมีแนวทางเป็นของตนเอง แต่การจะชี้นำทางให้พวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องแนะนำคนจำนวนมาก มันจะกลายเป็นเรื่องลำบากกว่าปกติหลายเท่า”

หัวปูเฮ่าโค้งกายอีกครั้ง และกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่! ในฐานะอาจารย์ ความอิ่มเอมใจที่สุดของข้าคือเห็นลูกศิษย์ก้าวข้ามผ่านตน นายน้อยเย่ คำชี้แนะของท่านชี้ทางสว่างให้กับข้า ข้าจะเพิกเฉยได้อย่างไร? ต่อให้ต้องเหน็ดเหนื่อย แต่มันก็ทำให้หัวใจข้าสงบ”

ห้องศิลป์ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยเสียงตวัดวาดพู่กัน นอกจากเสียงสะท้อน ก็ไม่มีเสียงผู้ใดคุยกัน พวกเขาจดจ่ออยู่กับการวาดของตน ไม่ยอมรบกวนใครและไม่ยอมให้ใครรบกวน แม้แต่หลงฮวงเอ๋อร์ก็ยังวาดภาพอย่างเรียบร้อยอยู่กับที่ ท่านั่งของนางไม่ได้งดงาม วิธีจับพู่กันก็ยังเป็นพิษกับสายตา แต่อย่างน้อยนางก็มีสีหน้าตั้งใจที่ยากจะพบเห็น ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นลอบมองเย่หวูเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า

เย่หวูเฉินอดคิดไม่ได้ว่านางกำลังวาดภาพเขา

“อาจารย์ ข้าวาดเสร็จแล้ว!”

หลังจากผ่านไปนาน นักเรียนคนแรกๆที่เย่หวูเฉินถามก็วาดภาพเสร็จ นางยกมือขึ้นและตะโกนเรียกเขาว่าอาจารย์โดยไม่ได้ตั้งใจ เย่หวูเฉินเดินไปที่นางและมองภาพวาดปราดหนึ่ง จากนั้นถามเสียงเบา “เจ้าคิดว่าดอกขนหงส์รูปนี้เหมือนกับที่อยู่ในใจของเจ้าหรือไม่?”

“ไม่เหมือน”

“เจ้าคิดว่าตรงไหนที่ไม่เหมือน?”

“อืม...รูปทรงของมันยังไม่ได้สัดส่วน ใบของมันดูกว้างไป แล้วก็...มันยังไม่ค่อยเหมือน”

“อืม ในเมื่อเจ้าสามารถระบุจุดที่แตกต่างจากภาพในจินตนาการ เช่นนั้นในการวาดครั้งต่อไป เจ้าสามารถปรับปรุงมันให้ดีขึ้นได้ ถูกต้องไหม?”

สาวน้อยผงกศีรษะด้วยความมั่นใจ “อื้ม! ข้าทำได้แน่ ข้าจะวาดภาพดอกขนหงส์ที่สมบูรณ์แบบแล้วให้อาจารย์ดู”

นางเอากระดาษแผ่นเก่าออก จากนั้นเริ่มวาดลงในแผ่นใหม่ สีหน้าของนางไม่มีแววอิดออดหรือเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย นางจดจ่อเหมือนเช่นเดิม

เย่หวูเฉินขยับไปอยู่หลังห้องศิลป์เงียบๆ จากนั้นเดินมาอยู่หลังที่นั่งของหลงฮวงเอ๋อร์ เขามองไปที่กระดานวาดของนาง ฉับพลันนั้น เขารู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาอยากปิดหน้าแล้ววิ่งหนีออกไปทันที.... นี่ไม่ใช่เขา นี่ต้องไม่ใช่เขา

หลงฮวงเอ๋อร์ลอบมองไปข้างหน้าลับๆล่อๆ เพียงพบว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว นางเหลียวไปมองข้างหลังด้วยสัญชาตญาณในทันที นางพลันพบว่าเขายืนอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าประหลาด นางตื่นตระหนกแล้วรีบเอาเอาแขนปิดภาพบนกระดานไว้ แต่แล้วนางก็เอามือออกแล้วยิ้มกว้างถาม “ข้าวาดได้ดีรึเปล่า?”

“...เราอย่าพูดถึงเรื่องมันดีหรือไม่ดีกันเถอะ ท่านกำลังวาดรูปอะไร?” เย่หวูเฉินถามอย่างระมัดระวัง เขากลัวว่าจะได้รับคำตอบเหมือนที่คิดไว้ เพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่กล้ามองมันอีกเลย

“แน่นอนว่าเปนรูปท่าน ข้าพบว่าตอนนี้ท่านเป็นคนที่ชอบที่สุด” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าวอย่างมีความสุข

“........”

“องค์หญิง บอกความจริงกับข้า ท่านชอบวาดภาพจริงๆหรือ?” เย่หวูเฉินถามอย่างอ่อนแรง สามารถวาดภาพบุคคลได้อนาถถึงเพียงนี้ ถึงขนาดทำให้เขาหอบหายใจด้วยความกลัว

หลงฮวงเอ๋อร์คิดครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างซื่อตรง “ข้าไม่ชอบ...แต่ข้าไม่ชอบเรียนมารยาทยิ่งกว่า สิ่งที่เรียกว่ากุลสตรีและมารยาทหญิง ข้าเกลียดสิ่งเหล่านั้น”

“ถ้าอย่างนั้นเราโดดเรียนไปเล่นกัน ตกลงมั้ย?” เย่หวูเฉินกล่าว ต่อให้เขาต้องเผชิญกับความโกรธของหลงหยิน เขาก็ไม่ยอมให้หลงฮวงเอ๋อร์ทำลายภาพพจน์ของเขา

หลงฮวงเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกาย แทบจะกระโดดด้วยความตื่นเต้น เย่หวูเฉินชูนิ้วชี้ทำท่าให้เงียบเสียง เขาตรงไปที่หัวปูเฮ่าแล้วกล่าว “อาจารย์หัว องค์หญิงดูไม่ใคร่ในใจการวาดเท่าใดนัก และท่านไม่อาจจะบังคับนาง ความสนใจคืออาจารย์ที่ดีที่สุด ดังนั้นท่านไม่อาจฝืนบังคับใจ ข้าอยากพาองค์หญิงไปเดินดูรอบๆเพื่อหาสิ่งที่นางสนใจจริงๆ พวกเราจะกลับมาอีกครั้งพรุ่งนี้ หากองค์จักรพรรดิถาม ท่านเพียงบอกเขาไปว่าข้าได้พาองค์หญิงมาที่นี่ และได้พานางจากไป นี่ย่อมไม่ถือว่าข้าทำผิดข้อตกลง”

แม้ว่าหัวปูเฮ่าจะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อได้ยินว่าเขาจะมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เขาดีใจอย่างที่สุดและกล่าวอย่างเคารพ “โปรดทำตามที่ท่านต้องการ นายน้อยเย่ ข้าจะตอบไปตามที่ท่านบอก สำหรับพวกเด็กๆ ข้าทราบดีแล้วว่าสมควรทำอย่างไร”

เขาทำตามคำแนะนำของเย่หวูเฉินในการชี้แนะเหล่าศิษย์ทีละคน

เย่หวูเฉินพาหลงฮวงเอ๋อร์ออกจากห้องทันที หัวปูเฮ่ารีบพุ่งขึ้นไปบนแท่นเวทีด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก เขาม้วนแผ่นกระดาษที่เขียนคำว่า “เย่-หวู-เฉิน” อย่างระมัดระวัง เขาถือมันไว้ในมือทั่วร่างสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น

เขาเป็นอาจารย์ภาษาใดกัน? ต่อหน้าตัวอักษรสามคำที่เขียนโดยอาจารย์เย่ เขากลับกลายเป็นไร้ประโยชน์สิ้นดี!

“พวกเราไปเล่นที่ไหนกันดี?” หลงฮวงเอ๋อร์ตื่นเต้นราวกับนกน้อยที่หลุดออกจากกรง

“องค์หญิง ท่านบอกว่าอยากออกไปนอกเมืองเทียนหลงไม่ใช่หรือ? พวกเราออกไปเล่นนอกเมืองกัน”

“ว้าว! จริงๆนะ? เป็นความจริงใช่มั้ย? อย่าหลอกข้านะ!”

“แน่นอนว่าเป็นความจริง นอกจากข้าแล้ว พระบิดาของท่านไม่ได้สั่งใครให้ติดตาม ดังนั้นต่อให้พวกเขาออกไปนอกเมืองก็ย่อมไม่มีใครรู้” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาพานางไปที่ประตูเมืองทิศเหนือซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเห็นนางมีความสุข เขาก็รู้สึกพึงใจ แน่นอนว่าเขารู้สึกผิดด้วยที่แอบพาองค์หญิงออกมา

“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ก่อนหน้าข้าคิดว่าท่านคือวายร้ายใหญ่ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าที่แท้ท่านเป็นคนดี ข้าเริ่มชอบท่านมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นเต้น การออกนอกเมืองนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับคนธรรมดา แต่มันกลับเป็นเรื่องที่องค์หญิงไม่อาจสมปรารถนา นางปรารถนามานานหลายปี คนภายนอกอาจเห็นราชวังนั้นงดงามน่าดึงดูด แต่ในนั้นช่างจำกัดไร้ทางเลือก

“ชู่ว! ลดเสียงลง หากพวกเขาพบว่าท่านคือองค์หญิงฟวยฮวง นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่”

สองคนมุ่งไปทางเหนือราวกับหัวขโมย พวกเขาใช้เส้นทางเดียวกับที่เย่หวูเฉินเคยใช้ เมื่อครั้งที่เขามาถึงเมืองเทียนหลงจากทางตอนเหนือ

ยามเฝ้าประตูทิศเหนือของเมืองเทียนหลงไม่เคยเห็นองค์หญิงเฟยฮวงมาก่อน ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังตาลายไปด้วยผู้คนที่ละลานตา พวกเขาไม่ได้พยายามจดจ่อกับทุกผู้คนที่ผ่านไปมา เย่หวูเฉินและหลงฮวงเอ๋อร์ออกไปทางเหนือโดยไร้อุปสรรคใด และไม่นาน หลงฮวงเอ๋อร์ก็ตะโกนออกมาอย่างสุขใจ วิ่งไปข้างหน้าปราศจากความกลัว

“ข้าออกมานอกเมืองแล้ว! ข้าออกมานอกเมืองแล้ว!”

ราวกับนกน้อยที่ได้รับอิสระ นางมองขึ้นไปบนฟ้า สูดดมอากาศบริสุทธิ์และหัวเราะอย่างร่าเริง

ยิ่งพวกเขาออกไปไกลเท่าไหร่ ผู้คนที่ผ่านไปมายิ่งบางตาลงเท่านั้น ตั้งแต่มาถึงเมืองเทียนหลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับมายังพื้นที่ทางตอนเหนือของเมือง

“ท่านอยากไปที่ไหน องค์หญิง?”

“ฮึ่ม! ข้าไม่อยากถูกเรียกว่าองค์หญิง ท่านต้องเรียกข้าว่าฮวงเอ๋อร์” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าวพร้อมย่นจมูก

“ตกลง ท่านอยากไปที่ไหนฮวงเอ๋อร์?” เย่หวูเฉินถามพร้อมกับยิ้ม

“ที่ใดก็ได้ แค่ไม่ต้องกลับไปที่วัง” นางกล่าวอย่างเอาแต่ใจ

“ถ้าอย่างนั้น...ไปตกปลากัน ข้างหน้านั้นมีลำธารตื้นๆอยู่ ก่อนหน้านี้ ข้าร่วมเดินทางกลับมาพร้อมกับพี่ชายของท่าน ก่อนที่จะเข้าเมือง พวกเราจับปลากินกันที่นั่น”

“จับปลา?” คำนี้ช่างแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นสำหรับหลงฮวงเอ๋อร์ นางรีบพยักหน้า “พาข้าไปเร็วเข้า ข้าอยากไปที่นั่น”

ลำธารน้อยไหลเอื่อยไปด้วยสายน้ำ กระจ่างและสะอาดใส ลึกเพียงถึงแค่หัวเข่า ปลาน้อยใหญ่มากมายแหวกว่ายไปมา จากในความทรงจำของเขา ลำธารแบบนี้แทบจะสูญสิ้น แต่ในโลกแห่งนี้กลับสามารถพบได้โดยทั่วไป

ในพระราชวังมีสระน้อยใหญ่มากมายที่สร้างโดยมนุษย์ แต่นี่คือครั้งแรกที่หลงฮวงเอ๋อร์ได้เห็นสายน้ำ เสียงน้ำเซาะเสนาะโสตราวดนตรีสวรรค์อมร ดวงตานางเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าประกายสายธาร

นางถอดรองเท้าและยกชายกระโปรงขึ้น ยืนเท้าเปล่าอยู่ในธารน้ำ รื่นรมณ์กับสารธารที่ไหลสัมผัสกาย หัวใจนางสุขสงบยิ่งกว่าครั้งใด สายน้ำธรรมชาติสำหรับนางแล้วเป็นดุจดั่งสวรรค์

“อย่าเอาแต่ยืนนิ่งสิ พวกเรามาที่นี่เพื่อจับปลา ปลาที่จับได้จะอร่อยที่สุด อย่าบอกข้านะว่า หลงฮวงเอ๋อร์ไม่ชอบกินปลาที่จับได้ด้วยตนเอง?”

เย่หวูเฉินในมือถือปลาที่ดิ้นสะบัด ขณะที่ใบหน้าเผยรอยยิ้ม



<<<PREV    .    NEXT>>>