วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 98

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 98 มารราคะ

“อืม...” ความรู้สึกเสียวซ่านทำให้ริมฝีปากเชอร์รี่ละมุนของนางครางเสียงอ่อนออกมา เย่หวูเฉินโอบเอวนางไว้ด้วยสองแขน กดรอยจูบเบาๆบนแก้มละเอียดอ่อนแล้วค่อยๆลามเข้าใกล้ริมฝีปากงาม เขาใช้ลิ้นเลียลิ้มริมฝีปากอ่อนหวานแล้วรุกรานเข้าข้างใน พัวพันลิ้นชุ่มหวานผสานแลกเปลี่ยนของเหลวในปากกัน มือที่โอบเอวไว้ค่อยๆลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนาง

“อื้มม....” ความรู้สึกอบอุ่นซอกไซ้ไปทั่วช่องปากนาง  ฮั่วฉุ่ยโหรวหัวใจสั่นไหวจากไออุ่นและลมหายใจแรงของชายหนุ่ม นางไม่อาจหายใจได้โดยง่ายทั้งหัวใจยังเต้นรัวเป็นกลอง นางทำได้เพียงจิกนิ้วขยุ้มเสื้อของเขาไว้

เย่หวูเฉินแทะเล็มฟันขาวของนางและดูดด่ำกับของเหลวหวานลิ้น ทั้งปากทั้งลิ้นล้วนเคลื่อนขยับสลับมุม เขาพบว่าแท้จริงแล้วตนชื่นชอบอย่างมากกับการทำแบบนี้ , รสสัมผัสแบบนี้ และกลิ่นหอมกลมกล่อมของนาง

“ไม่....หยุดเดี๋ยวนี้นะ....” ฮั่วฉุ่ยโหรวร้องออกมาขณะหอบหายใจ นางเกือบขาดอากาศและแทบหมดสติจากจูบอันเร่าร้อน ทั่วร่างอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนเขา ราวกับว่านางถูกสูบพลังออกไป นางไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่ทำเช่นนี้ นางงดงามพิลาสล้ำและยั่วยวนเพียงใด

“ข้าหยุดไม่ได้ เจ้าน่าหลงใหลเกินไปจนข้าไม่อาจต้านทาน...” เย่หวูเฉินขยับออกห่างจากริมฝีปาก เคลื่อนเข้าหาติ่งหูที่ละมุนกลมราวกับหยก กัดและเลียเบาๆ มองติ่งหูอันเย้ายวนด้วยความพอใจ

“ท่าน...ท่านเอาเปรียบข้าอีกแล้ว....” ฟันขาวไร้ตำหนิกัดริมฝีปากกุหลาบงาม ฮั่วฉุ่ยโหรวหน้าแดงผ่าว กล่าวพร้อมทุบกำปั้นน้อยๆบนอกเขาอย่างไร้พลัง จิตใต้สำนึกไม่ได้ต่อต้านเพราะว่านางถือว่าเขาเท่านั้นที่จะเป็นสามีนางในอนาคต 

“เอาเปรียบ? ของจริงยังไม่ทันได้เริ่มเลย” เย่หวูเฉินเผยรอยยิ้มปีศาจ จากที่สุภาพดั่งผู้ฝึกตน ตอนนี้กลับคล้ายเหมือนดังหมู่มาร อารมณ์ปรารถนาจากความสันโดษมานานหลายปี ยามนี้ค่อยๆพุ่งพล่านขึ้นมา

เขาโอบรัดเอวบางไว้แน่น ยกมือขวาขึ้นสัมผัสกับใบหน้างาม ลูบไล้ลงไปตามลำคอขาวระหงส์ คลึงหัวไหล่บางงาม สุดท้ายประทับมือลงบนก้อนนูนขาวละมุนนุ่มกลมกลึง  มีเพียงชั้นผืนผ้าที่กั้นไว้ เขาเพิ่มแรงบีบจนพวกมันดุนดันระหว่างนิ้ว เพลิดเพลินกับความนุ่มลื่นมีความสุขอยู่เต็มกำมือ

แรงบีบคั้นบนหน้าอกทำให้ฮั่วฉุ่ยโหรวรู้สึกอับอายนางบิดร่างร้องครางอย่างน่าสงสาร “อย่าทำแบบนี้....อืม.....อย่า....เดี๋ยวใครมาเห็น....อื้ม....” นางบิดร่างหนีทั้งเจ็บทั้งมึนงง แต่นิ้วพวกนั้นยังคงบีบคลึงหน้าอกกลมกลึง และแขนนั้นยังคงรัดรวบเอวบางนางไว้ ไม่เปิดทางให้หนีได้เลย

เย่หวูเฉินหูดับไปเรียบร้อย แววตาปีศาจสาดแสงประกาย เนื้อขาวก้อนใหญ่สั่นไหวอยู่ในมือ บีบคลายกลายรูปไม่หยุดหย่อนภายใต้มือมาร บีบเค้นแรงรัดจนนางแทบร้องไห้ด้วยความปวดระทม

ฮั่วฉุ่ยโหรวหลับตาอดทนที่เขากระทำชำเรา ในที่สุดเมื่อมือที่ขยุ้มเบื้องหน้าถอนออกไป นางก็ลอบผ่อนคลาย เมื่อมือนั้นเคลื่อนลงฉับพลันสายรัดเอวก็ถูกแกะออก จากนั้นปกคอเสื้อถูกกระชากลง “แคว่ก...” มีเสียงเสื้อฉีก จากนั้นสองก้อนกลมกลึงก็ทะลักออกมา สะท้านไหวอยู่ต่อหน้าสายตา นำพาราคะให้ทะลักในจิตใจ ผิวลื่นไหลราวถูกฉาบทาให้มันวาว สดใสเปล่งปลั่งราวกับมองทะลุได้

“อ๊า.....” ฮั่วฉุ่ยโหรวตกอยู่ในความโง่งม นางยกแขนปิดหน้าอกเปลือยเปล่า เย่หวูเฉินแกะแขนนางออกแล้วรวบไว้ข้างหลังนาง แววตาหื่นกระหายทำให้นางตื่นตระหนกและหวาดกลัวเล็กน้อย

“อย่า....เดี๋ยวมีใครมาเห็น....เดี๋ยวมีใครมาเห็น....หลังจากนี้อีกสองสามวันได้ไหม? รอ...รอให้พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ก่อน ท่านสามารถเอาเปรียบข้าได้ตามที่ท่านต้องการ” ฮั่วฉุ่ยโหรวรีบอ้อนวอน อกเปลือยเปล่าของนางกระเพื่อมตามจังหวะการเคลื่อนตัว เย่หวูเฉินใช้มือที่เหลือจับหนึ่งในพวกมัน บีบเน้นเค้นคลึงจนฮั่วฉุ่ยโหรวครางเสียงเบาอย่างไม่อาจทานทน

ฮั่วฉุ่ยโหรวทำได้เพียงหลับตา ใบหน้าแดงเรื่อยามถูกเขาจู่โจม

“ท่านพี่... ท่านพี่อยู่ข้างในหรือเปล่า?”

เสียงที่คุ้นเคยปลุกเย่หวูเฉินที่เกือบจะสูญเสียการควบคุม ราวกับถูกตีจนตื่นขึ้นฉับพลัน เขาปล่อยมือทั้งสองบนร่างของฮั่วฉุ่ยโหรว รีบดึงเสื้อผ้าและกระโปรงยาวใส่คืน ปิดบังรอยแดงบนอกขาวหิมะของนาง

เมื่อกี้ข้าทำอะไรลงไป? เขาพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนเมื่อครู่นี้เขาถูกความปรารถนาเข้าชักนำและควบคุม

ฮั่วฉุ่ยโหรวจับกระชับชุดของนางไว้เมื่อได้ยินเสียง นางกวาดสายตามองหาที่ซ่อนตัว ชุดสีเหลืองอ่อนของนางฉีกตรงบริเวณหน้าอก ดังนั้นนางไม่กล้าเอาหน้าไปพบผู้ใด

“ข้าคือสามีของเจ้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นกับเจ้าได้” เย่หวูเฉินก้มศีรษะกล่าวอย่างอ่อนโยน

“อืม...” ฮั่วฉุ่ยโหรวตอบกลับเอียงอาย เสียงของนางเบาเหมือนยุง แม้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดแต่นางก็ไม่ได้รังเกียจมัน ต่อให้เย่หวูเฉินทำให้นางกลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ นางก็ทำได้เพียงใช้เสียงทัดทาน จากนั้นเมื่อไม่อาจคัดค้านก็เพียงทำตามอย่างเชื่อฟัง

เย่หวูเฉินเปิดประตูให้กับร่างหิมะขาวน้อยๆของหนิงเสวี่ย ในมือของนางถือม้วนกระดาษไว้ “ท่านพี่ ภาพนี้พี่สาววาดเมื่อครู่นี้ นางอยากให้ข้าเอามาให้ท่านพี่ดู”

“ให้ข้าดู?” เย่หวูเฉินงุนงง เนื่องจากระหว่างเวลาว่างในแต่ละวัน เขาจะไปที่สวนของเย่ฉุ่ยเหยา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องนำภาพวาดมาให้เขาดูที่นี่ เขาคิดแวบหนึ่งแล้วถาม “เสวี่ยเอ๋อร์ พี่สาวรู้หรือไม่ว่าใครมาหาข้า?”

“อื้ม! ตอนที่ท่านพี่ออกไป พี่สาวก็ถามพี่เสี่ยวลู่” หนิงเสวี่ยตอบ จากนั้นนางเอ่ยคำ เบาๆ เมื่อเห็นฮั่วฉุ่ยโหรวกำลังดึงเสื้อกระชับตรงอกตน นางไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาและกำลังนั่งอยู่บนเตียงของพี่ชาย

“ท่านคือพี่สาวฉุ่ยโหรวใช่ไหม?” เย่หนิงเสวี่ยรวบรวมความกล้าถามออกไป

พอเห็นเด็กสาวตัวน้อย ฮั่วฉุ่ยโหรวกังวลน้อยลง นางดึงเสื้อกระชับไว้แล้วเข้ามาหาอย่างอ่อนโยน “ใช่แล้วข้าเอง น้องหญิง เจ้ารู้จักข้าหรือ?”

“ข้าจำท่านได้” หนิงเสวี่ยเงยหน้ามองและหัวเราะ “เพราะท่านพี่เคยบอกว่าชอบท่าน ถ้าพี่ชายชอบใครข้าก็จะชอบพวกเขาด้วย” สองรอยแผลเป็นบนใบหน้าของหนิงเสวี่ยทำให้นางรู้สึกกลัว แต่ถ้อยคำนั้นทำให้หัวใจนางมีความสุข และรู้สึกสนิทใจกับหนิงเสวี่ย นางแอบมองเย่หวูเฉินแล้วพูดเสียงเบา “ข้า....ก็ชอบท่านเช่นกัน”

“หลังจากนี้ ข้าสามารถเรียกท่านว่าพี่สาวได้ใช่ไหม?” หนิงเสวี่ยถามอย่างมีความสุข

“ได้แน่นอนถ้าเจ้าต้องการ” ฮั่วฉุ่ยโหรวตอบกลับอย่างอ่อนโยน

เย่หวูเฉินรับม้วนภาพมาจากหนิงเสวี่ย จากนั้นกางออกและพบเพียงผืนกระดาษว่างเปล่าไร้ร่องรอยน้ำหมึกใดๆ เขาส่ายศีรษะและไม่อาจระงับความรู้สึกในเวลานี้ได้ เขาลูบศีรษะหนิงเสวี่ยเบาๆและกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าช่วยไปสวนของพี่สาวแล้วยืมชุดนางให้หน่อยได้ไหม? จะยิ่งดีถ้าเป็นชุดสีเหลือง บอกนางว่าข้าขอยืม”

“ชุด? เข้าใจแล้ว” หนิงเสวี่ยแกว่งแขน ก้าวเท้าน้อยๆกึ่งวิ่งออกไป

พอร่างของหนิงเสวี่ยหายลับตาไปเย่หวูเฉินก็หันกลับมา แม้ว่าพลังหวูเฉินจะสามารถซ่อมชุดให้ฮั่วฉุ่ยโหรวได้โดยง่าย แต่เขาก็ไม่อาจเปิดเผย ‘พลังน่ากลัว’ ต่อหน้านาง

“ถึงแม้ข้าจะเปลี่ยนชุด พวกเขาก็ย่อมสังเกตเห็น” ฮั่วฉุ่ยโหรวใช้มือกระชับเสื้อตรงอกไว้แน่น และมองเขาอย่างอับจนหนทาง

“จะเป็นไรไปถ้าพวกเขาจะดูออก เจ้าเป็นของข้าเย่หวูเฉินไม่ใช่ของคนอื่น ถูกต้องไหม?”

“อืม...” ฮั่วฉุ่ยโหรวสายตาพร่าไหว ถ้อยคำอ่อนโยนของเขาลบเลือนความกลัวส่วนลึกที่สุดในใจนาง มือของนางปล่อยลง ร่างอ่อนนุ่มพิงกับอกของเย่หวูเฉิน เสื้อผ้าตรงหน้าเปิดออกเผยให้เห็นผิวขาวหิมะของนาง ในขณะเดียวกัน มีบางอย่างไหลออกจากเสื้อร่วงลงพื้นเสียงดัง ‘แป้ก’

“อ๊า!” ฮั่วฉุ่ยโหรวร้องออกมาเบาๆ ก้มกายหยิบมันขึ้นมา เป็นกล่องสีดำนูนเป็นปุ่มกลม นางลูบอกแล้วยกกล่องให้เย่หวูเฉิน “นี่...สำหรับท่าน”

กล่องมีกลิ่นคล้ายกับดินปืน แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เย่หวูเฉินเดาว่าอะไรอยู่ข้างใน เขารับมาอย่างระมัดระวังแล้วถาม “นี่คือ ‘อัสนีลั่น’ ของตระกูลเจ้าใช่หรือไม่?”

“อืม...มีอยู่สิบลูก ส่วนอีกสองลูกเป็น ‘อัสนีลั่นสะเทือนฟ้า’ ข้าแอบขโมยมันมา หากมีคนชั่วช้าคิดทำร้าย ท่านสามารถใช้พวกมันป้องกันตัว”

สาวน้อยผู้นี้เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา เย่หวูเฉินรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาเปิดกล่องดำเล็กๆ ข้างในมีลูกกลมอยู่สิบสองลูก ขนาดของมันใหญ่กว่าลูกแก้วเล็กน้อย ‘อัสนีลั่น’สามารถสร้างแรงระเบิดในวงแคบ ส่วน‘เพลิงพิษ’สามารถสร้างเพลิงได้ในระยะจำกัด แต่ ‘อัสนีลั่นสะเทือนฟ้า’ ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีอานุภาพเพียงใด เย่หวูเฉินจำได้ชัดเจนเมื่อครั้งที่ฮั่วเจิ้นเทียนกับเย่หนู่ทะเลาะกันระหว่างงานประลอง ตอนนั้นมีพูดถึงว่า “เพียงใช้อัสนีลั่นสะเทือนฟ้าเพียงลูกเดียวก็สามารถเป่าตระกูลเย่จนราบลงได้”

“ของพวกนี้พ่อของเจ้าให้ไว้เพื่อให้เจ้าป้องกันตัวใช่หรือไม่?” เย่หวูเฉินหัวเราะถาม

เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาวุธพิเศษแห่งทวีปเทียนเฉิน วัตถุระเบิดนับเป็นสิ่งที่อันตรายหากไม่ระวังก็จะนำไปสู่ความตาย ฮั่วเจิ้นเทียนจึงย่อมไม่ให้นางคลุกคลีกับของเหล่านี้มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีพวกมันไว้ปกป้องนาง

“ใช่ แต่ข้าไม่ได้ใช้พวกมัน” ฮั่วฉุ่ยโหรวตอบกลับเสียงเบา

เย่หวูเฉินนำห้าลูกเล็กออกมาอย่างระมัดระวัง และลูกใหญ่กว่าอีกหนึ่ง... ลูกที่ดูแล้วน่าจะเป็น ‘อัสนีลั่นสะเทือนฟ้า’ เขาส่งที่เหลือกลับให้ฮั่วฉุ่ยโหรว “หากเจ้าให้ข้าไว้ทั้งหมด แล้วเจ้าจะทำอย่างไรหากตกอยู่ในอันตราย? เรามาแบ่งครึ่งกันตกลงไหม?”

ฮั่วฉุ่ยโหรวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เมื่อเป็นคำพูดของเย่หวูเฉินนางย่อมทำตาม



<<<PREV    .    NEXT>>>