วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 104

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 104 เปิดเผยเบื้องลึก

เมื่อเย่หวูเฉินกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลเย่ได้ไม่นานเขาก็พาหนิงเสวี่ยออกไปเดินเล่น เขาชอบการเป็นนายน้อย เพราะไม่ต้องไปเรียน ไม่ต้องทำงาน ทุกสิ่งถูกจัดการโดยผู้อื่น ระหว่างเวลาว่างเขาสามารถสอนพี่สาววาดภาพ เล่นน้ำกับหนิงเสวี่ย หรือเดินเที่ยวตามท้องถนน เขามีอิสระที่จะทำทุกอย่างได้ดั่งใจ

เย่หวูเฉินไม่เป็นจุดสนใจของผู้ใดไม่ว่าจะไปที่ไหน เนื่องจากเขาแผ่วงแหวนแสงล้อมรอบร่างกาย ยิ่งยามนี้ข่าวเรื่องตระกูลฮั่วยกเลิกการหมั้นเนื่องจากตระกูลเย่ ทำให้เขาต้องเพิ่มวงแหวนแสงอีกชั้นรอบศีรษะตน

มองไปบนท้องฟ้า เขากล่าวพึมพำกับตัวเอง “สมควรเป็นวันนี้... แต่ ความรู้สึกแปลกๆนี้คืออะไรกัน? อย่าบอกนะว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปและอยู่นอกเหนือการคำนวณของข้า?”

“ท่านพี่ ข้าอยากกินอันนี้!”

เย่หวูเฉินเดินเข้าไปแล้วจ่ายเงิน

“ท่านพี่ ดูผีเสื้อนั่นสิ สวยมากเลยใช่มั้ย?”

เย่หวูเฉินเดินเข้าไปแล้วจ่ายเงิน

“เอ๋? ท่านพี่ เจ้าสิ่งนั้นมันหมุนเองได้ด้วย! แปลกจริงๆ” หนิงเสวี่ยชี้ไปที่กังหันลม เย่หวูเฉินไม่กล่าวคำแล้วเดินเข้าไปจ่ายเงิน

บ้านหมอกฝัน สถานที่ๆเขา ‘คร่ากุม’ องค์หญิงเฟยฮวง และเป็นเหตุผลที่เขาออกมาในวันนี้ เขาอุ้มหนิงเสวี่ยไว้มั่นแล้วยิ้ม “เสวี่ยเอ๋อร์ เราเข้าไปข้างในแล้วทำอะไรสนุกๆกัน”

เมื่อเห็นนายน้อยตระกูลเย่เดินเข้าไปในหอนางโลมที่ติดอันดับต้นๆของเมืองเทียนหลง ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างผงะถอยหลัง ข่าวลือกล่าวว่านายน้อยผู้นี้ปฏิเสธข้อเสนอแต่งงานจากเหล่าตระกูลชั้นสูง แต่แล้วเขากลับมายังสถานที่เช่นนี้ หรือว่านายน้อยผู้โด่งดังจะมีรสนิยมชื่นชอบเรื่องตื่นเต้นพรรค์นี้กัน?

ยิ่งกว่านั้นเขายังพาเด็กหญิงมาด้วย....

แตกต่างจากที่เขาจินตนาการ คนที่ออกมาต้อนรับไม่ใช่หญิงวัยกลางคนแต่งหน้าหนาเตอะ แต่กลับเป็นหญิงสาวงดงาม นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “นายน้อยท่านนี้ช่างหน้าตาหล่อเหลา สมควรเป็นแขกผู้เกียรติ...”

“เลิกเล่นละครซะ” เย่หวูเฉินเหลือบมองนางด้วยหางตา “พาข้าไปพบฉุ่ยเมิ่งฉาน ข้าคิดว่านางคงสนใจที่จะพบข้าเช่นกัน”

ใบหน้าของหญิงสาวชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นนางป้องปากและหัวเราะ “นายน้อย ท่านคงล้อข้าเล่น คุณหนูฉุ่ยเป็นบุคคลสำคัญที่สุดของบ้านหมอกฝันของพวกเรา ใครบ้างไม่รู้ว่านางเป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ? ปกตินางจะไม่พบกับชายใด ทุกๆวันมีบุรุษมากมายมายังบ้านหมอกฝัน ไม่มีชายใดกล้าถามถึงคุณหนูฉุ่ย ท่านโปรดอย่าล้อเล่นเลย จากลักษณะของท่าน ท่านสมควรมาจากตระกูลใหญ่ หากท่านไม่รังเกียจ ข้าเป็นคนให้ความสำราญกับท่านด้วยตนเอง ข้าไม่อาจเทียบคุณหนูฉุ่ยได้เลยหรือ?”

เย่หวูเฉินยิ้มและปราดตามอง เขากล่าวเสียงต่ำ “คิดไม่ถึงเลยว่าคนของสำนักจักรพรรดิใต้จะไร้ฝีมือไม่ทราบกระทั่งที่มาของบุคคล แต่กลับเก่งกาจเรื่องการแสดงละคร สำนักจักรพรรดิใต้ของเจ้าส่งคนไปจับตาดูข้าอยู่ตลอดหกวัน มีอยู่สองวันเป็นคนที่รูปร่างเหมือนกับเจ้า มีคืนหนึ่งข้าเผลอทุบเจ้าสลบโดยไม่ตั้งใจ แม่นาง เจ้าลอบติดตามข้าอยู่เป็นเวลานาน แล้วเจ้าจะลืมว่าข้าเป็นใครได้อย่างไร?”

ใบหน้าของ ‘หญิงสาว’ นางนี้เปลี่ยนไปอีกครั้ง นางสวมใบหน้าพึงใจแล้วกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน “ตามข้ามา”

ในบ้านหมอกฝันมีเสียงดนตรีดังอยู่ทั่ว บุรุษและสตรีด้านในล้วนเสื้อผ้าหลุดลุ่ย สุ้มเสียงลามกรัญจวนกระจาย ดังถนัดถนี่อยู่เต็มสองหู เป็นการยากเมื่อจินตนาการว่าองค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ ผู้เป็นสตรีขององค์จักรพรรดิจะมาอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้ ทั้งยังมีข่าวลือว่าตลอดระยะเวลาห้าปี นางออกไปจากสถานที่แห่งนี้น้อยกว่าสามครั้ง

ไม่สนใจเหล่าบุรุษสตรีที่มองมาด้วยแววตาประหลาด เย่หวูเฉินไม่เหลือบมองด้านข้างและเพียงตรงไปข้างหน้า ตามหลังหญิงสาวเข้าไปขณะอุ้มหนิงเสวี่ยในอ้อมแขน ผ่านชั้นที่สองและขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงชั้นบนสุด

ประตูห้องส่วนตัวที่ปิดอยู่ถูกพลักออก กลิ่นหอมรัญจวนลอยแตะจมูก โดยไม่รอให้หญิงสาวกล่าวคำ เย่หวูเฉินก็เดินโผงผางเข้าไปข้างใน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น นางรับไม่ได้ “ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเราเป็นคนของสำนักจักรพรรดิใต้ เจ้าไม่คิดหรือว่าการเดินดุ่มๆเข้าไปข้างใน พวกเราสามารถฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ?”

เย่หวูเฉินทำเป็นหูดับ พลิกมือปิดประตูเสียงดัง หญิงสาวที่เพิ่งเตือนโกรธจนแทบกระทืบเท้า

“ท่านพี่ ที่นี่ที่ไหน?” หนิงเสวี่ยถามและมองสำรวจไปรอบๆ

“ที่นี่คือสถานที่ที่มีผู้หญิงอยู่มากมาย อย่างเช่น บนศีรษะเจ้ามีสตรีอยู่สามคน หลังประตูนั่นมีสตรีอยู่สองคน ผนังด้านขวาที่อยู่หลังม่านตรงนั้นมีสตรีสองคนกำลังพิงผนังท่าท่างดูก้าวร้าว หลังม่านประตูนั้นมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ พวกนางทั้งหมดกำลังแอบมองพวกเรา” เย่หวูเฉินกล่าวอธิบาย เขาเดินเข้าไปนั่งตรงกลางห้องด้วยท่าทางสง่างาม เขาวางหนิงเสวี่ยนั่งลงบนตัก มือคล้องเอวนางไว้ข้างหนึ่ง อีกเบื้องหนึ่งยกถ้วยน้ำชากลิ่นหอมจรุง ดื่มเต็มคำโดยไม่สนใจใคร

ตำแหน่งที่เย่หวูเฉินระบุไว้มีกลิ่นอายหนาแน่นขึ้นจากลมหายใจแรงของพวกนาง

“ทำไมพวกนางไม่ออกมา?” เย่หนิงเสวี่ยถาม

“เพราะว่าพวกนางอัปลักษณ์เกินไป พวกนางไม่ต้องการพบผู้ใด” เย่หวูเฉินวางถ้วยน้ำชาลงแล้วกอดหนิงเสวี่ยแน่นขึ้น “พวกนางจะเทียบกับหนิงเสวี่ยที่น่ารักของข้าได้อย่างไร?”

“คุณชายเย่ช่างกล้าหาญนัก เมิ่งฉานนับถือท่านจริงๆ” ประตูหลังม่านสีชมพูเปิดออกเบาๆ เผยให้เห็นเงาร่างงดงาม นางนั่งลงอย่างชดช้อยหน้าโต๊ะธูปหอม กางกั้นไว้ด้วยผ้าม่านบาง เย่หวูเฉินไม่อาจเห็นใบหน้านางได้ชัดเจน เขาเห็นเพียงเรือนร่างที่มากพอทำให้บุรุษธรรมดาต้องมัวเมา

“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว คุณหนูฉุ่ย เทียบกับท่านที่ไม่เคยออกจากสถานที่แห่งนี้ถึงห้าปี ความกล้าหาญของข้าก็ไม่อาจนับเป็นสิ่งใด” เย่หวูเฉินกล่าวขณะมองที่นาง สายตาของเขามองผ่านม่าน จ้องไปที่ใบหน้านาง

แม้ว่าจะถูกกั้นไว้ด้วยผ้าม่าน ฉุ่ยเมิ่งฉานก็ทำให้เขารู้สึกอยากมองทะลุตรงไปที่นางโดยตรง ริมฝีปากชมพูของนางเผยอเล็กน้อยขณะกล่าวเสียงเบา “เมิ่งฉานเป็นเพียงสตรีธรรมดา ข้าจะคู่ควรกับคำยกย่องของท่านได้อย่างไร? เวลานี้ทุกคนต่างทราบว่านายน้อยเย่เป็นผู้มีรอบรู้ทรงภูมิปัญญา ทั้งยังมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เมิ่งฉานเฝ้าคอยเวลาที่จะได้พบกับท่าน ยามนี้นับว่าความปรารถนาเป็นจริง”

“จริงหรือ? ข้ารู้สึกตื้นตันยิ่งนักที่ได้รับชมถึงเพียงนี้จากแม่นางเมิ่งฉาน ในเมื่อท่านต้องการพบข้า เหตุใดท่านจึงไม่เอาม่านที่กั้นสายตานี้ออกไป ให้ข้าได้เห็นใบหน้างดงามของท่าน” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมทั้งหัวเราะ

เงาร่างงดงามด้านหลังม่านส่ายศีรษะ “เมิ่งฉานเป็นสตรีขององค์จักรพรรดิแห่งเทียนหลง ก่อนที่จะได้เข้าวัง ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้พบบุรุษใด โปรดอภัยให้ข้าด้วย คุณชายเย่”

“ท่านไม่จำเป็นขอโทษ ข้าเพียงถามไปอย่างนั้น อีกอย่าง ข้าไม่ได้สนใจรูปโฉมของท่านมากนัก แต่...” เย่หวูเฉินแค่นเสียง กล่าวเรียบๆ “แม่นางเมิ่งฉานบอกว่าเป็นสตรีของจักรพรรดิแห่งเทียนหลง... ท่านคิดแบบนั้นจริงๆหรือ?”

“เรื่องนี้ถูกจัดการโดยบิดาของข้า และเมิ่งฉานเพียงทำตาม เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในเมืองเทียนหลง” ฉุ่ยเมิ่งฉานพูดเสียงเบา น้ำเสียงนางฟังดูราวไม่เต็มใจ

“เรื่องนี้หวูเฉินเคยได้ยินมาก่อน แต่แม่นางเมิ่งฉาน ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ารู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินข่าวลือนี้ เรื่องระหว่างสำนักจักรพรรดิใต้ของท่านกับราชตระกูลเทียนหลง”

“.........”

“น่าหัวเราะ น่าหัวเราะที่สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือสืบทอดกันมาหลายชั่วรุ่นตลอดหลายปี ในฐานะตัวตนยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครกล้ากระตุ้นโทสะ ตอนนี้กลับทำตัวเล่นละครตบตาซ่อนเร้นเจตนา ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองตัวตนจะยิ่งใหญ่ในทวีปเทียนเฉิน พวกเขามีทั้งความสามารถที่เหนือล้ำ สามารถปกปิดตัวตนจากโลก รวมทั้งมีจักรพรรดิที่ฉลาดปราดเปรื่อง หวูเฉินนับถือพวกท่านอย่างแท้จริง”

ปากเขาชื่นชม แต่สีหน้ากำลังเย้ยหยัน

กลิ่นอายเจ็ดสายจับจ้องเย่หวูเฉินมาจากเจ็ดทิศทาง เพียงรอคำสั่งของฉุ่ยเมิ่งฉานคำเดียว พวกนางก็สามารถพุ่งเป็นสายฟ้าเข้าจับกุมชายผู้นี้ คนที่ทำให้หัวใจของพวกนางต้องสั่นกลัว

ฉุ่ยเมิ่งฉานไม่แสดงความโกรธใดๆ นางถามเสียงเบาด้วยความสงสัย “คุณชายเย่ โปรดอภัยที่ข้าไม่อาจเข้าใจความหมายของคำพูดท่าน สำนักจักรพรรดิใต้ของข้า และสำนักจักรพรรดิเหนือเป็นศัตรูกันมาช้านาน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นแค่การเล่นละคร?”

“พวกท่านเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนก็จริง แต่ยามนี้เหมือนเป็นศัตรูโดยไร้เหตุผล สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือไม่ได้มีสิ่งใดต้องเกลียดกัน เหตุผลที่ครั้งหนึ่งพวกท่านเป็นศัตรูกัน ย่อมเป็นเพียงประเพณีที่สืบกันมา ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานแล้ว ความเป็นศัตรูย่อมจางลงจากรุ่นสู่รุ่น สงครามระหว่างพวกท่านไม่รุนแรงถึงขนาดสังหารกัน เพราะมันไม่สมเหตุผล กระทั่งยังไม่อาจตัดสินว่าผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ เมื่อมาถึงรุ่นของท่าน พวกท่านยกเลิกความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทั้งยังอาศัยอยู่อย่างสามัคคีจนทำให้เป้าหมายเปลี่ยนไป ชีวิตที่ง่ายและสุขสบาย พลังที่ขยายจนไร้ผู้ต้าน จะมีใครต้านทานความยั่วยวน กลิ่นหอมหวนของพลังอำนาจ”

“สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือไม่ได้ทรงพลังล้ำโลกเหมือนในอดีต ไม่ใช่ตัวตนยิ่งใหญ่ที่คร้านทอดสายตามองมายังโลก ตรงกันข้าม พวกเขาวางแผนเข้าแทรกแทรงและควบคุมโลกใบนี้! นี่เป็นเพียงการเริ่มเล่นละครของพวกท่าน ข้ากล่าวถูกหรือไม่แม่นางเมิ่งฉาน?”

กลิ่นหอมในห้องดูแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด จิตสังหารคละคลุ้งไปทั่วอากาศ ฉุ่ยเมิ่งฉานยังคงกล่าวเสียงเบา “คุณชายเย่ แม้ว่าข้าจะนับถือพรสวรรค์ของท่าน ข้าก็ไม่อาจยอมให้ผู้ใดสร้างเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับสำนักจักรพรรดิใต้ของข้า โปรดอย่าได้กล่าวเรื่องตลกเช่นนี้ คุณชายเย่”

“เรื่องตลก? เป็นเรื่องตลกหรือไม่องค์หญิงแห่งสำนักจักรพรรดิใต้สมควรทราบดีกว่าผู้ใด” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาจิบชาเต็มคำ “ในตอนนั้น สำนักจักรพรรดิใต้ของท่านถูกไล่ล่าโดยสำนักจักรพรรดิเหนือ แทนที่จะหลบหนีขึ้นภูเขาสูงหรือเข้าป่าลึก พวกท่านกลับหนีมายังเมืองเทียนหลง เห็นได้ชัดว่าพวกท่านรู้ว่าองค์จักรพรรดิจะสอดมือยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกท่าน เรื่องที่น่าตลกก็คือ สำนักจักรพรรดิใต้ของพวกท่านรวมทั้งสำนักจักรพรรดิเหนือต่างแข็งแกร่ง ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ในสายตาคนธรรดาเป็นดั่งปรมาจารย์ แต่ในสำนักของท่านสามารถพบได้ทั่วไป ราชตระกูลเทียนหลงส่งเพียงสามผู้คุ้มกันที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์และทัพองครักษ์ แต่กำลังเสริมเพียงเท่านี้ สำนักของท่านกลับเอาชนะสำนักจักรพรรดิเหนือได้อย่างเด็ดขาด ถึงขนาดไม่ปรากฎตัวออกมาเป็นเวลานาน คุณหนูฉุ่ย ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกบ้างเลยหรือ?”

“สำนักจักรพรรดิใต้ของข้าและสำนักจักรพรรดิเหนือมีฝีมือเท่าเทียมกัน เมื่อมีความช่วยเหลือจากภายนอกจึงทำลายสมดุลลงอย่างง่ายดาย ทำให้พวกเราสามารถเอาชนะได้โดยง่าย ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด” ฉุ่ยเมิ่งฉานยังคงรักษาความสงบสุขุม

“งั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นเมื่อตอนที่สำนักจักรพรรดิใต้ของท่านถูกไล่ล่าเพราะประมุขถูกพิษเป็นเวลานาน เป็นไปไม่ได้ที่พวกท่านจะหลบหนีโดยไร้ความเสียหาย ความช่วยเหลือจากภายนอกย่อมไม่อาจเทียบเท่าประมุขของพวกท่าน เหตุใดพวกท่านจึงยังสามารถเอาชนะสำนักจักรพรรดิเหนือได้อย่างเด็ดขาดจนพวกเขาไม่ปรากฎกายเป็นเวลามากกว่าสิบปี?”

“.........”



<<<PREV    .    NEXT>>>