วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 82

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 82 แผนลับ

“พี่หญิง ข้าหิวแล้ว”

“ไปกินสิ” เย่ฉุ่ยเหยาตอบโดยไม่เงยศีรษะขึ้นมามอง สายตาของนางยังคงจ้องภาพดอกบัวสองรูปที่วาดโดยเย่หวูเฉิน กระทั่งนางเองยังไม่อาจยืนยันได้ว่าเหตุใดนางจึงขอให้เขาสอนวาดภาพ ดอกบัวคู่บนก้านเดียว

“คือว่า...ข้าและเสวี่ยเอ๋อร์อยากจะทานอาหารกับพี่หญิงที่นี่ จะได้รึเปล่า?” เย่หวูเฉินถามท่าทางลุกลี้ลุกลน ทำตัวเป็นน้องชายติดพี่

เย่ฉุ่ยเหยาวางพู่กันลง นางก้าวเท้าออกจากห้องด้วยฝีเท้าเล็กๆ กลิ่นหอมโชยลมยามกระโปรงสีฟ้าผ่านพัดอากาศ  กลิ่นอายของเรือนร่างสตรีทำให้หัวใจของเย่หวูเฉินแทบเสียการควบคุม เขาไม่อาจห้ามตัวเองให้คิดถึงเรื่องคืนนั้น เรือนร่างที่งดงาม งดงามจนแทบหยุดหายใจ...และความรู้สึกสัมผัสของสิ่งนั้น...

เมื่อนางกลับเข้ามา นางถือถาดไม้ที่เต็มไปด้วยอาหาร นางนั่งลงเบื้องหน้าเย่หวูเฉินและหนิงเสวี่ย อาหารทุกมื้อของนางจะมีสาวใช้นำมาส่งให้ และนางแทบไม่เคยนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องปกติระหว่างนางกับครอบครัว

“กินสิ”

“แล้วของพี่หญิงล่ะ?

“ข้ายังไม่หิว”

“....งั้นเดี๋ยวข้าบอกเสี่ยวลู่ให้แอบเอาสำรับอาหารของข้ากับหนิงเสวี่ยมาส่ง พวกคนอื่นๆคงไม่ทันสังเกต”

...............

โต๊ะตัวเล็กที่ปกติมีแต่เย่ฉุ่ยเหยานั่งอยู่เพียงลำพัง ยามนี้นั่งกันอยู่สามคน เย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยนั่งตัวติดกันอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเย่ฉุ่ยเหยาโน้มกายลงทานอาหาร เย่หวู่เฉินตักกับข้าวใส่ชามใบเล็กของหนิงเสวี่ยจนเต็ม ถูกพี่ชายตามใจจนเสียเด็กไปเรียบร้อย นางเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ สายตาของเย่หวูเฉินส่วนใหญ่ติดตรึงอยู่ที่ใบหน้าของเย่ฉุ่ยเหยา ขณะที่มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย

“เลิกจ้องได้แล้ว” นางกล่าวเสียงเบาเมื่อไม่อาจทนสายตาที่จ้องมองมาได้อีก

“แต่ว่าข้าชอบมองตอนที่ท่านกำลังทานอาหาร พี่หญิง ข้าต้องพูดเรื่องนี้ ตัวท่านน่ามองชมทุกเวลา เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ เสวี่ยเอ๋อร์?” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว

“ใช่แล้ว! พี่สาวสวยที่สุด” หนิงเสวี่ยกล่าวเสียงดังสดใส

เย่ฉุ่ยเหยานิ่งเงียบขณะที่หัวใจของนางเริ่มเต้นเร็ว

“พี่หญิง ปกติท่านทานอาหารคนเดียว ไม่ไปร่วมวงกับคนอื่นๆในครอบครัวหรือ?

“....มันเป็นนิสัยของข้าไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น หากเสวี่ยเอ๋อร์และข้ามาเยี่ยมท่านบ่อยๆ จะได้หรือไม่?

เย่ฉุ่ยเหยาขยับตะเกียบหยกขาวในมือ ราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เย่หวูเฉินก็ได้ยินคำตอบกลับมาว่า ได้สิซึ่งเป็นเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน

ตลอดบ่ายวันนั้น เย่หวูเฉินขลุกอยู่ในห้องของเย่ฉุ่ยเหยา วาดภาพอย่างสบายใจและผ่อนคลาย ลืมอย่างสิ้นเชิงว่าบิดามารดากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด ทั้งสองท่านหมดแรงกายและแรงใจ สีหน้าของพวกเขาแข็งตึง

ในอีกมุมหนึ่ง

“เจิมศีรษะส่งพลังบริสุทธิ์? เทพกระบี่แท้จริงกลับมีความสามารถถึงเพียงนี้ ฮึ่ม..ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่เขาได้รับพลังและพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมในเวลาเพียงสั้นๆ เทพกระบี่ให้ความสำคัญเจ้าหนุ่มนั่นถึงเพียงนี้ เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?

“เรื่องนั้น บ่าวของท่านไม่ทราบ”

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเขาถึงไม่กลัวไฟ?

“จากที่เขาพูด เทพกระบี่ให้เขากินบางอย่างเข้าไป ทำให้เขามีภูมิต้านทานต่อน้ำและไฟ”

“งั้นเหตุผลก็เป็นเช่นนี้เอง เขาเป็นถึงเทพกระบี่ การมีของพรรค์นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรื่องที่เขาสามารถปิดบังกลิ่นอายได้ เขาทำได้ยังไง?

“พวกเขาไม่ได้ถามถึงประเด็นนี้”

“เฮอะ เย่หนู่กับเย่เว่ยมีความสามารถเหนือล้ำเรื่องบัญชาการในสนามรบ แต่กลับไม่แสวงหาความลึกซึ้งในวิชายุทธ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจลึกซึ้งถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าหนุ่มเย่บอกเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเจ้า ก็แสดงว่าเขาไม่ได้สงสัยเจ้า ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล่าวออกมา ถึงแม้เขาจะฉลาดเพียงใด เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันไร้ตำหนิ ที่พวกเราวางแผนกันมานานกว่าสิบปี ตัวตนของและสถานะของเจ้าเพียงแค่ทำให้เขาไม่ชอบหน้าเจ้าเท่านั้น นับจากนี้ไป ให้เจ้ายึดจุดยืนในตระกูลเย่ให้มั่นคง หลีกเลี่ยงการพบปะกับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ละเว้นจากข้อขัดแย้งต่างๆ แสดงท่าทางว่าเจ้ายอมรับอยู่ข้างใน”

“นายท่าน แล้วแผนขั้นต่อไปคือ?

“ตระกูลเย่จงรักภักดีและอุทิศตนมาทุกชั่วรุ่น พวกเขาควบคุมกองทหารที่เกรียงไกรไว้ใต้บัญชามากมาย เกียรติภูมิของพวกเขาเจิดจ้าดั่งแสงตะวัน กระทั่งยังเหนือล้ำกว่าราชตระกูลของข้า หากพวกเขามีความคิดก่อกบฎ เพียงอาศัยชื่อเสียงการรบและกองกำลังที่มี ราชตระกูลก็ไม่อาจตอบโต้ใดๆได้เลย แม้จะรู้ว่าพวกเขาจงรักภักดี แต่ก็ไม่อาจสงบใจได้ลง เรื่องนี้...ทำให้จักรพรรดิไม่มีทางเลือก ตระกูลเย่กลายเป็นภัยคุกคาม แต่การเล่นงานพวกเขาเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเย่เว่ยและเย่หนู่ พวกเราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพวกเขา อาณาจักรเทียนหลงยังคงต้องพึ่งพิงพวกเขาสองคน หากไร้ทั้งคู่แล้ว ภัยคุกคามใหญ่หลวงอย่างอาณาจักรต้าฟงย่อมรื่นเริงยินดี แผนเดิมคือให้เจ้าเข้าควบคุมตระกูลเย่อย่างเงียบเชียบ และปลดความกังวลของข้าลง แต่คาดไม่ถึงว่าตระกูลเย่กลับให้กำเนิดอัจฉริยะผู้นี้ หากตระกูลเย่รุ่งโรจน์ภายใต้การนำของเขา เช่นนั้นย่อมทำให้ข้าหวาดระแวงอย่างยิ่งและมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นเขาต้องถูกกำจัด!

“บ่าวผู้นี้สมควรทำอะไร?

“เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ข้าจะหาคนให้ติดต่อกับมือสังหารอันดับหนึ่ง เถาไปไป!

“เถาไปไป? หรือว่าคือมือสังหารอันดับหนึ่งเถาไปไปผู้นั้น คนที่ลอบฆ่ายอดฝีมือขอบเขตสวรรค์หลิงหยุนได้สำเร็จ?

“ถูกต้อง! เล่าลือกันว่าเมื่อรับงานแล้วเขาจะทำสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่เคยพลาดท่าล้มเหลวสักคราเดียว เป้าหมายหนนี้เป็นเพียงชายที่มีพลังระดับ10 เขาย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ อีกยังยังเป็นงานง่าย ถึงแม้เทพกระบี่จะตามมาสืบสาวเอาความ เขาก็จะเจอแค่แพะรับบาปตัวหนึ่งเท่านั้น”

“นายท่านหลักแหลมยิ่งนัก เจ้าหนุ่มเย่คราวนี้ย่อมไม่สามารถหลบหนีไปได้!

.............................................................................

เมื่อยามบ่ายคล้อยไป เย่หวูเฉินและหนิงเสวี่ยก็กลับมาสวนน้อยของพวกเขา และพบว่าหวังเวิ่นชูกำลังจิบน้ำชายืดยาวรอพวกเขาอยู่ในห้อง นางกลับมาสงบมั่นคงอีกครั้งหลังจากผ่านเวลายุ่งยากไป

“เฉินเอ๋อร์ หนิงเสวี่ย ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมา นั่งก่อนสิ เสี่ยวลู่เจ้าออกไปก่อน”

เย่หวูเฉินยังไม่ทันได้นั่งดีหวังเวิ่นชูก็ถามออกมา “เฉินเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

“ก็นิดหน่อย” เย่หวูเฉินตอบกลับอย่างระมัดระวัง พอนึกถึงเรื่องที่เขาประสบมาก่อนหน้า เขาถึงกับสั่นกลัวมาจนถึงตอนนี้ เขาพยายามที่จะสงบอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยเจอเรื่องอะไรที่ ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อนเลย

“ดีแล้วที่เจ้ายังรู้ตัว พวกขุนนางชั้นสูงหลายคนมาที่ตระกูลเราเพื่อเสนอการแต่งงาน ข้าเคยพบกับลูกสาวของตระกูลเหล่านี้มาก่อน พวกนางทั้งหมดเป็นธิดาของตระกูลร่ำรวยและมั่งคั่ง ทั้งยังงดงามและอุปนิสัยใจคอดี นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกนางที่จะมีคนมาสู่ขอถึงหน้าปากประตูบ้าน ข้าคิดว่า บางทีเจ้าอาจสามารถแต่งงานกับพวกนางได้ทุกคน”

เย่หวูเฉินดวงตาเบิกโพลง เขาคิดว่าหูตัวเองคงมีอะไรสักอย่างผิดปรกติ เขาโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันและกล่าว “อย่า...อย่าล้อข้าเล่น  จะเป็นไปได้อย่างไร”

“ทำไมจะไม่ได้? ในเมื่อข้ามีบุตรชายที่ยอดเยี่ยม เขาจะมีภรรยาหรือนางบำเรอมากกว่าปกติสักหน่อยก็ไม่เห็นแปลก พวกนางทุกคนบอกว่าจะแต่งกับเจ้าเท่านั้นไม่สนชายใด อย่าสงสัยเลยพวกนางล้วนปรารถนาเช่นนั้นจริง นอกจากนั้น พวกนางทุกคนยังทรงอิทธิพลจากพื้นเพตระกูลของพวกนาง บางคนก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว หากเจ้าแต่งกับพวกนาง จะไม่มีใครกล้ากระตุ้นโทสะของพวกเราตระกูลเย่อีกในอนาคต เฉินเอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องรอการแต่งงานกับองค์หญิงเฟยฮวงในอีกสามปี เพื่อตระกูลของพวกเราแล้ว เสียสละสักเล็กน้อยจะเป็นไรไป”


<<<PREV    .    NEXT>>>