วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 114

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 114 หุบเหว

โลหิตพุ่งเป็นฝอยอาบกริชเทพพิโรธ อาบมือทั้งสองของทงซิน อาบชะโลมทั่วร่างนาง

สตรีสามนาง ฮั่ว , เสวี่ย และเยว่ หวาดกลัวอย่างสุดขีด เมื่อเห็นชะตากรรมของเถาไปไป สิ่งเดียวที่พวกนางคิดคือหนี ไร้จิตคิดต่อต้านโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าใครล้วนมีขีดจำกัดความอดทน ความหวาดกลัวต่อทงซินทะลักล้ำเกินขีดจำกัดของพวกนาง จิตคิดต่อสู้ถูกทำลายลงราบอย่างง่ายดาย

ปัญหาก็คือ พวกนางจะหนีรอดจากทงซินได้อย่างไร

แทบในพริบตา ศีรษะของ ฮั่ว และ เสวี่ย ก็มีโลหิตพวยพุ่งออกมาอย่างเฉียบพลัน แม้ยามสิ้นใจ พวกนางก็ไม่เห็นแม้กระทั่งการโจมตี ไม่มีโอกาสกระทั่งร่ำร้องด้วยความกลัว

เยว่ ที่กำลังหนีล้มลงตะเกียกตะกายบนพื้น นางอยากลุกขึ้นแต่ขาทั้งสองข้างเหมือนไม่ใช่ขาของนางอีกต่อไป ขาสองข้างสั่นอย่างไม่อาจควบคุมและไร้เรี่ยวแรง นางทำได้เพียงเสือกคลาน ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากหนีพ้นจากสายตามาร ขณะที่นางหันศีรษะไปมอง นางสบสายตาเข้ากับดวงตาดำทมิฬ อวัยวะภายในพลันสั่นกระตุกอย่างรุนแรง จากนั้นมีเสียงร่างเนื้อระเบิดก้องในโสตนาง

ร่างของนางระเบิดออกเป็นหมอกเลือด กระจายพรมไปทั่วบริเวณด้วยพิรุณโลหิต

ขอบเขตสวรรค์หนึ่งคน ขอบเขตวิญญาณชั้นปลายสี่คน ต่างล้วนนับว่าเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดแห่งทวีปเทียนเฉิน แต่ทุกคนกลับตกตายอย่างง่ายดาย ถูกสตรีเทพพิโรธเชือดทิ้งราวกับตัดเต้าหู้ และทุกคน...ตายด้วยสภาพศพไม่น่าดู

เหตุผลเดียวที่นางสังหารพวกเขา นั่นคือพวกเขาทั้งหมดเป็นมนุษย์

โลหิตสด , เสียงกรีดร้อง , ความกลัว และความสิ้นหวัง คือสิ่งที่นางชื่นชอบมากที่สุด

ร่างของนางชุ่มโชกไปด้วยพิรุณโลหิต ใบหน้านางไม่ปรากฎความขยะแขยง กลับกันนางกำลังตื่นเต้นและพึงใจ หลังผ่านไป 20 ปี ในที่สุดนางก็ได้กลับมาลิ้มรสชาติการสังหารอีกครา


เย่หวูเฉินสีหน้าซีดขาวอย่างน่ากลัว หากไม่ใช่เพราะอดกลั้นไว้ เขาคงต้องอาเจียนอาหารเมื่อคืนออกมา พอไม่มีเหยื่อหลงเหลือทงซินก็กลับมาหาเขาอย่างร่าเริง เหมือนสาวน้อยผู้พึ่งกลับมาจากการเดินเล่น

“อย่าเข้ามาใกล้ข้า!” เขาขมวดคิ้วและดุใส่ทงซินที่เข้ามาใกล้

ทงซินหยุดเท้าชะงัก เสียงตะโกนดุทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าพลันลบหาย กลับกลายเป็นสีหน้าตื่นกลัว นางไม่รู้ว่าสมควรทำอย่างไร ดวงตานางปริ่มน้ำตาน่าสงสาร นางไม่รู้ว่าทำอะไรผิดพลาดไป หัวใจนางสับสน , กังวล , หวาดกลัว... ความตื่นเต้นและพึงใจสลายลบเลือน

“ข้าไม่ชอบเลือด... ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น หากร่างกายของเจ้าชะโลมด้วยเลือด เจ้าห้ามเข้ามาใกล้ข้า”

ทงซินยิ่งตื่นตระหนก นางรีบมองสำรวจทั่วร่าง , ทั้งแขน , เท้า , ร่างกาย.... ทุกส่วนในเวลานี้อาบย้อมไปด้วยโลหิตแดง นางเอามือถูชุดที่นางใส่เพื่อเช็ดโลหิตออกจากมือ นางวางกริชเทพพิโรธที่ไม่เคยห่างกายเอาไว้ห่างตัว หากแต่ไม่ว่านางจะพยายามเช็ดสักเท่าไหร่ โลหิตก็ยังเปื้อนมือนาง ด้วยความกังวลและหวาดกลัว นางตื่นตระหนกและร้องไห้ออกมาในที่สุด

เย่หวูเฉินใจอ่อนลง เขาเข้าใจการตอบสนองของทงซิน การสังหารได้กลายเป็นสัญชาตญาณสำหรับนาง นางไม่รู้เลยว่ามันคืออาชญากรรม นางกระทั่งไม่รู้เหตุผลในการสังหาร สุดท้ายนางจึงกลายเป็นสตรีต้องสาป

เย่หวูเฉินถอนหายใจ จากนั้นเดินเข้ามาหาและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ทงซิน ยืนอยู่นิ่งๆอย่าขยับ”

ทงซินรั้งน้ำตาแล้วยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับตัว ดวงตาของนางมองเขาด้วยความปวดร้าว

เย่หวูเฉินยื่นมือทั้งสองข้างออกมาพร้อมกัน ฝ่ามือเขาเปล่งแสงสีฟ้า ทันใดนั้นธาตุน้ำที่รายรอบอยู่ก็กลั่นรวมกันอย่างรวดเร็วเบื้องบนศีรษะของทงซิน กลั่นน้ำบริสุทธิ์ชำระร่างกายให้นาง

ทงซินยื่นมือออกสัมผัสน้ำอย่างระวัง พรมน้ำสดชื่นทำให้นางยิ้มอย่างไร้เดียงสา นางหลับตาและผ่อนคลายไปกับหยดน้ำพรม

ผ่านไปพักหนึ่งเย่หวูเฉินจึงหยุด ร่างของทงซินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ยามนี้ไม่ปรากฎคราบโลหิต ทงซินลืมตามองที่มือและร่างกาย ตื่นเต้นจนไม่สนร่างชุ่มน้ำของตน นางผวาเข้าซบอกเย่หวูเฉิน คลอเคลียจนเขาเปียกไปด้วย

“ทงซิน เจ้าต้องจำไว้ว่านับตั้งแต่นี้ไป นอกจากจะมีใครคิดทำร้ายเจ้า , ข้า , หรือผู้คนที่ข้าต้องการปกป้อง หากเจ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามสังหารใครทั้งสิ้น รวมทั้งห้ามปลดปล่อยกลิ่นอาย เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

ทงซินเงยศีรษะที่อยู่บนอกเขา ใช้เวลานานมากกว่าจะเข้าใจคำพูดเขาทั้งหมด นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“และเวลาที่เจ้าลงมือฆ่า ร่างของเจ้าก็ห้ามเปื้อนเลือด ไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่สามารถกอดทงซินของข้าได้” และแล้วเย่หวูเฉินก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาอุ้มนางเหมือนที่อุ้มหนิงเสวี่ย ร่างกายของนางเหมือนหนิงเสวี่ยทั้งนุ่มนวลและบอบบาง รอยยิ้มของเย่หวูเฉินทำให้ทงซินคลายความกังวลและความกลัวว่านางจะถูกเกลียด นางกอดคอเขาไว้แน่น จากนั้นใช้ลิ้นซุกซนเลียตามคอและใบหน้าเขา ความรู้สึกนี้น่าพึงใจยิ่งกว่าการสังหารผู้คน

เบื้องหน้าเขาเป็นฉากอเวจีเลือดบนโลกมนุษย์ เย่หวูเฉินมองผ่านแล้วเบือนสายตาออกอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เขาไม่ห้ามทงซินเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมีชีวิตรอดออกไป ข่าวเรื่องสตรีเทพพิโรธได้ออกจากหอคอยปีศาจต้องไม่มีใครรู้ อาวุธสังหารร้ายแรงเช่นนี้สามารถนำฝันร้ายมาสู่ศัตรู

นอกจากพวกเขาจะต้องตาย ซากร่างของพวกเขาจะต้องไม่ถูกพบด้วย สำนักจักรพรรดิใต้ย่อมสืบสวนเรื่องนี้ และการตายอย่างสยดสยองของพวกเขาจะกลายเป็นเบาะแส แม้จะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย เย่หวูเฉินก็จะไม่ยอมเสี่ยงกับมัน

“ทงซิน เจ้าขุดหลุมใหญ่แล้วฝังร่างคนที่เจ้าสังหารทั้งหมดนี้ได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินกดระงับความคลื่นไส้แล้วชี้ไปตรงจุดที่ซากศพเกลื่อนอยู่

หลังจากงุนงงอยู่ชั่วขณะ นางก็เข้าใจและพยักหน้า นางผละออกจากอกของเย่หวูเฉินแล้วลอยลิ่วขึ้นไปบนอากาศ เมื่อลอยไปถึงตำแหน่งที่ต้องการ นางพลักฝ่ามือทั้งสองออกพร้อมกัน ปรากฎรัศมีแสงกลมดำ จากนั้นนางผลักฝ่ามือลงเบื้องล่าง แสงทมิฬพุ่งลงสู่พื้น

เกิดเสียงระเบิดดังก้องกัมปนาท ผืนปฐพีสะเทือนลั่นราวแผ่นดินไหว เย่หวูเฉินสั่นสะท้านและหูดับอีกครั้ง ใต้เท้าของทงซิน ซากร่างทั้งหมดได้หายไป แทนที่ด้วยหลุมขนาดใหญ่กว้างหลายเมตร

เย่หวูเฉินรีบตรงไปที่หลุม สูดหายใจอากาศเย็นเยียบ นี่ไม่ใช่แค่หลุมธรรมดา... มองลงไปเบื้องล่างไม่มีสิ่งใดนอกจากความมืด ลึกจนไม่อาจมองเห็นก้นหลุม

ไม่เหมือนหลุมจากระเบิดที่เขาสร้าง แค่ทงซินขยับฝ่ามือเพียงเรียบง่าย นางออกแรงเล็กน้อยก็สามารถสร้างหุบเหวขนาดเล็กได้ ผืนปฐพีเบื้องล่างถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง เกิดช่องอากาศว่างจากผืนโลกที่หายไป

เย่หวูเฉินตกตะลึงกับพลังของทงซินอีกครั้ง ทงซินลอยลงมาจากอากาศ เบาบางราวกับขนนก นางโอบแขนรอบคอและกอดเขา ใบหน้าน้อยๆมองเขาอย่างกังวล สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังและกระหายต่อคำชม

“อืม ทำได้ดีมาก” เย่หวูเฉินใช้แขนประคองบั้นท้ายนางขึ้น น้ำเสียงที่กล่าวค่อนข้างแปลกแปร่ง

ทงซินยิ้มอย่างพึงใจ นางใช้ร่างถูไถไปบนอกของเขา ราวกับปรารถนาให้ร่างละลายติดกัน

สิ่งที่นางทำนับได้ว่ายอดเยี่ยม... เยี่ยมเกินไปด้วยซ้ำ หลุมใหญ่และลึกขนาดนี้ ใครมันจะฝังกลบได้เล่า?

ในเมื่อหมดหนทางที่จะฝังกลบมัน เช่นนั้นเขาก็คงต้องปล่อยมันไว้ เย่หวูเฉินปิดประตูศิลาของหอคอยปีศาจอีกครั้ง ลบร่องรอยประตูที่เปิดออก เขาอุ้มทงซินและเดินตรงกลับไปที่เมืองเทียนหลง เท้าของทงซินนั้นเปลือยเปล่า แม้ว่าจะไม่มีพื้นผิวใดทำอันตรายฝ่าเท้านางได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทนมองนางเดินด้วยเท้าเปล่า อย่างไรเสีย ทงซินก็ดูเหมือนสาวน้อยน่าสงสารเสียมากกว่า

เวลานี้ มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าหอคอยปีศาจ ตำนานจะเล่าขานกันว่า นี่คือหลุมฝังศพของนักฆ่าอันดับหนึ่งเถาไปไป สามารถสร้างหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ จะต้องเป็นยุทธภัณฑ์ชั้นเทพอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ในพระราชวังแห่งเมืองเทียนหลง

“ข้าไม่ต้องการ! ข้าไม่ต้องการ! ข้าไม่ต้องการแต่งงาน!” องค์หญิงเฟยฮวงตะโกนด้วยสีหน้าที่คับข้อง นางกระทืบเท้าและแทบจะขว้างปาสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ

หากเป็นเด็กคนอื่นกล้าอวดดีต่อหน้าเขา หลงหยินคงตวาดลั่นสั่งสอน แต่นี่คือหลงฮวงเอ๋อร์ผู้ที่เขาไม่อาจโกรธลง ตรงกันข้าม  เขาปลอบโยนนางด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ฮวงเอ๋อร์ สามีที่ข้าหาให้เจ้า นับได้ว่าเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ ไม่เพียงแต่ในยามนี้ แม้ผ่านไปอีก 20ปี ก็ไม่อาจมีใครเหนือกว่าเขา ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เจ้ายังเยาว์เกินไป ข้าจึงกำหนดไว้ว่าเจ้าจะแต่งงานหลังจากนี้อีกสามปี”

“ข้าบอกว่าไม่! ข้าจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้น” หลงฮวงเอ๋อร์ตะโกนยืนกราน

“เจ้าปฏิเสธไม่ได้!”

“ข้าไม่อยากแต่ง!”

“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ!”

การดื้อรั้นยืนกรานดูเหมือนจะไร้ผล หลงฮวงเอ๋อร์จึงไร้ทางเลือกนอกจากใช้ ‘ไม้อ่อน’ “พระบิดาที่เคารพของข้า... ข้ายังเยาว์วัยนัก หรือนี่จะหมายความว่าท่านไม่ต้องข้าอีกแล้ว? ฮืออ.... ฮวงเอ๋อร์ผู้น่าสงสาร พระมารดาจากข้าไปแล้วหนึ่งคน ตอนนี้พระบิดากำลังจะผลักไสให้ข้าจากไป ฮือ... ฮวงเอ๋อร์ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”

ถึงขนาดกล่าวถึงมารดาผู้ล่วงลับ หลงหยินตื่นตระหนกและรีบปลอบโยนนาง “ฮวงเอ๋อร์อย่าร้องไห้ ข้าจะพาเจ้าไปพบกับผู้ชายคนนั้นตกลงมั้ย? บางทีฮวงเอ๋อร์อาจจะดีใจที่เห็นเขาก็ได้”

ดวงตาของหลงหยินฉายแววเจ้าเล่ห์

ถ้อยคำของเขาได้ผล หลงฮวงเอ๋อร์หยุดน้ำตาที่เสแสร้งแกล้งทำ นางกล่าวสะอื้น “อื้ม ฮวงเอ๋อร์จะไปดู”

ในใจนางกำลังวางแผนแกล้งคนผู้นั้นจนเขาหนีการแต่งงาน สำหรับองค์หญิงผู้รักอิสระอย่างนาง การแต่งงานเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างที่สุด

หลงหยินจะไม่รู้จักธิดาของตนเองดีได้อย่างไร? เขารู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดและอดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เหมือนที่เย่หวูเฉินคาดไว้ การแต่งงานเป็นเพียงฉากบังหน้า เขาย่อมไม่ปล่อยให้เย่หวูเฉินอยู่รอดไปจนถึงสามปี ถึงพรุ่งนี้ก็ไม่ได้



<<<PREV    .    NEXT>>>