วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 124

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 124 ชูเกอเสี่ยวหยู

“เจ้าชื่ออะไร?” เย่หวูเฉินเดินลงจากแท่นเวทีแล้วตรงไปหา สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนแล้วแค่นเสียง “จะเป็นการดีหากเจ้าจำชื่อนี้ไว้ให้มั่น ข้าแซ่หลิน ชื่อของข้าคือหลินอวี้!”

หลินอวี้บุตรแห่งหลินซาน น้องชายของหลินเสี่ยว เย่หวูเฉินยังไม่เคยรู้จักคนผู้นี้ นอกจากได้ยินข่าวลือว่าเมื่อเทียบเขากับพี่ชาย เขาเป็นบุคคลที่จองหอง ชอบอาละวาด และเป็นคนไร้ประโยชน์ผู้หนึ่ง

“หลินอวี้? เอาละ เจ้าออกไปได้”

เย่หวูเฉินเดินไปอยู่เบื้องหน้า ยื่นมือรวดเร็วราวสายฟ้าจับที่คอของเขา หลินอวี้หยิ่งยโสเพราะตระกูลของตนนั้นมีอิทธิพล ในวันธรรมดาตนมักจะฟาดงวงฟาดงาอาละวาดใส่ผู้คน ไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าทำร้ายตน ยามนี้เขาตื่นตระหนกใช้มือทั้งสองต่อต้าน แต่ด้วยความอ่อนด้อยพลังเมื่อเทียบกับเย่หวูเฉิน จึงถูกเย่หวูเฉินจับคออย่างง่ายดาย เย่หวูเฉินสืบเท้าลากเขาไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แล้วโยนเขาออกไปราวกับไก่ท่ามกลางสายตาโง่งมของผู้คน

หลินอวี้ร้องโหยหวน ลำคอเหมือนถูกคว้าด้วยพลังรุนแรง ร่างของเขาลอยโค้งเป็นวงสวยออกจากห้อง ประตูห้องศิลป์ถูกปิดตามหลังเสียงดังโดยเย่หวูเฉิน

“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” โลกทั้งใบพลันสั่นไหว หลงฮวงเอ๋อร์ปรบมือน้อยๆอย่างตื่นเต้น สาวน้อยที่อยู่ข้างๆออกอาการยิ่งกว่า ดวงตาของนางแทบเปล่งประกายราวกับดวงดาว มองไปที่เย่หวูเฉินแทบไม่กระพริบตา ปากก็เอ่ยคำซ้ำๆว่า “หล่อจริงๆ...”

เย่หวูเฉินปัดมือแล้วกลับไปที่แท่นเวที จากนั้นกล่าวอย่างนุ่มนวล “มีใครอยากออกไปอีก? ถ้าไม่มีแล้วเราจะได้เริ่มเรียน”

“ช้าก่อน อาจารย์ ข้าขอค้าน! ขอคัดค้าน!”

สาวน้อยที่อยู่ข้างๆหลงฮวงเอ๋อร์ตะโกนพร้อมกับชูมือขึ้น นางมีใบหน้ารูปไข่ จมูกปราณีตงดงาม ริมฝีปากอ่อนนิ่มมันเงา ดวงตากลมกว้างและตื่นตัว คิ้วบางราวพระจันทร์โค้ง ใบหน้างดงาม แขนขาเรียวบาง ร่างกายละเอียดราวกับมุกกลมและหยกเงา แม้ความงามของนางไม่อาจเทียบกับเย่ฉุ่ยเหยา แต่ก็นับได้ว่าอบอุ่นหัวใจและรื่นรมณ์ต่อสายตา

สิ่งที่ดึงดูดสายตาทุกคนคือร่างที่มีจิตวิญญาณผู้กล้า ที่ไม่สามารถหาพบได้ในสตรีทั่วไป รวมไปถึงความหัวรั้น เจ้าเล่ห์ และดื้อด้าน เย่หวูเฉินสังเกตเห็นสาวน้อยคนนี้เช่นกัน ในยามที่ก้าวเข้ามาในห้องเขาไม่อาจเพิกเฉิยต่อสายตานาง ความตื่นเต้นของนางโดดเด่น ราวหมาป่าตัวโตเห็นลูกแกะน้อยตัวอ้วน

“เอาละ เจ้าจะคัดค้านเรื่องอะไร?” เย่หวูเฉินถาม ดูคล้ายเขาไม่ยอมมองตานางโดยตรง

“ข้ามีหลายเรื่องที่จะต้องถาม!”

“...เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าชื่อชูเกอเสี่ยวหยู!” สาวน้อยตอบคำ ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้น เพราะนี่คือครั้งแรกที่นางได้คุยกับเย่หวูเฉิน นางดีใจจนแทบหัวหมุน

ชูเกอเสี่ยวหยู... พอได้ยินชื่อนี้ เย่หวูเฉินแทบจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีออกไป

เมื่อตอนที่เย่หวูเฉินกับหลินเสี่ยวประลองกัน เขาดึงดูดความสนใจของสาวน้อยจำนวนมาก พวกนางหลงใหลราวเขาเป็นเทพจากสวรรค์ จนถึงกับมีคนจำนวนมากมายื่นข้อเสนอแต่งงาน พวกนางทั้งหมดถูกปฏิเสธอย่างสุภาพ สำหรับสตรีที่ถูกบอกปัดย่อมสงวนรักษาเกียรติของตน หากพวกนางยังยืนกรานย่อมถูกดูหมิ่นจากผู้คน ดูเหมือนเรื่องของเหล่าธิดาของตระกูลทรงอิทธิพล ทุกอย่างจะสงบลงด้วยดี หลังจากถูกปฏิเสธอย่างมากพวกนางอาจดึงดันอีกหนึ่งครั้ง แต่หลังจากนั้นย่อมไม่กลับมาอีกต่อไป ยกเว้นเพียงตระกูลชูเกอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชูเกอเสี่ยวหยู

บิดาของนาง ชูเกอหวูอี้ จะมาเยี่ยมตระกูลเย่อย่างน้อยวันละครั้ง ในช่วงสองสามวันแรก เขาเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง แต่หลายวันผ่านไป ใบหน้าของเขาแทบจะดูเหมือนคนร้องไห้ เขามาเยี่ยมตระกูลเย่ด้วยเหตุผลหนึ่งเดียว และทุกๆครั้งจะต้องเสนอการแต่งงานให้ลูกสาวเพียงเดียวของเขา...ชูเกอเสี่ยวหยู ทั้งตามตื้อ หว่านล้อม คะยั้นคะยอ และสุดท้ายเขาแทบจะคุกเข่าต่อหน้าเย่เว่ย ขุนพลชูเกอผู้ผ่านสนามรบมาโชกโชน เคยอาบชะโลมโลหิตมาทั่วร่างกาย เขาเป็นบุรุษผู้หาญกล้า แต่ทุกผู้คนในเมืองเทียนหลงต่างรู้ว่าธิดาของเขาหาญกล้ายิ่งกว่า ขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ไม่กลัวเสียหน้าที่ต้องมาเสนอการแต่งทุกวัน แสดงให้เห็นถึงว่าธิดาของเขาหาญกล้ามากกว่าเพียงใด

ชูเกอหวูอี้เคยกล่าว “...ลูกสาวข้าเสี่ยวหยู นางหัวรั้นนัก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด นางจะไม่ยอมเลิกล้มโดยง่าย สิ่งที่นางไม่อาจได้มาโดยง่ายคือสิ่งที่นางสนใจมากที่สุด ขุนพลเย่ โปรดให้บุตรชายของท่านยอมรับเสี่ยวหยูเถอะ แม้ต้องเป็นนางบำเรอก็ยังดี! ไม่เช่นนั้น ร่างชราของข้าคงไม่อาจทนรับความทรมานที่นางประเคนใส่ได้...”

วันนี้ ในที่สุดเย่หวูเฉินก็ได้พบกับชูเกอเสี่ยวหยู แต่ดูจากรูปร่างลักษณะที่ชดช้อยบอบบาง ไม่มีใครเชื่อลงว่านางจะเป็นผู้ที่มีปณิธานดื้อรั้นยืนกราน

“...เจ้าอยากถามอะไรข้า?” เย่หวูเฉินถามหยั่งเชิง แม้เขาจะรู้ว่าชูเกอเสี่ยวหยูจะต้องถามอะไรแปลกๆออกมาก็ตาม

“ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงปฏิเสธแต่งงานกับข้า!” ชูเกอเสี่ยวหยูโพล่งถามออกมา ดูคล้ายนางไม่พอใจ

เงียบ...เงียบกริบ... ทุกคนในห้องศิลป์ราวกับกลายเป็นหิน แม้ว่าพวกเขาพอจะทราบถึงเจตนารมณ์ของนาง แทบทุกคนในราชวิทยาลัยเทียนหลงต่างเคยได้ยินว่า นางประกาศจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเย่หวูเฉินแห่งตระกูลเย่เท่านั้น สตรีผู้นี้กลับถามเขาต่อหน้าทุกผู้คน พวกเขาจะทนได้อย่างไร?

ก่อนที่เย่หวูเฉินจะทันได้ตอบ ประตูก็ถูกถีบเปิดออกกว้าง ทำลายเงียบงันในห้องเรียน

ยืนอยู่ปากประตูเป็นชายชรา ผมเผ้าและเคราสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและความทรนง เบื้องหลังของเขาคือหลินอวี้ ผู้ที่เลือดกลบจมูกและใบหน้าปูดบวม เขาจ้องมาที่เย่หวูเฉินด้วยความเป็นปรปักษ์ชิงชัง

เมื่อตอนที่เย่หวูเฉินโยนหลินอวี้ออกไป หัวปูเฮ่าก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ต้องเลวร้ายลง หลินอวี้ใช้สถานะรังแกผู้คนโดยอาศัยอำนาจของตระกูลหลิน เขาจะยอมอยู่เฉยโดนรังแกเหยียดหยามได้อย่างไร? ในวันธรรมดา เมื่อประมุขหลินเหยียนมาเยือน หัวปูเฮ่ามักจะตื่นเต้น แต่ครั้งนี้เขาไม่มีความรู้สึกดีใจแม้แต่น้อย เขารีบก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวถ้อยคำ “ประมุขหลิน เป็นเกียรติยิ่งนักที่ท่านมาที่นี่”

หลินเหยียนไม่ได้มองที่เขา สายตาจ้องตรึงที่เย่หวูเฉินบนแท่นเวที ราวกับเขานึกเรื่องบางอย่างออก กล้ามเนื้อบนใบหน้าจึงบิดเบี้ยว สายตาของเขามองไปรอบๆห้อง “ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีคนมากมายในห้องเรียนวาดภาพชั้นเริ่มต้น? ช่วยอธิบายให้ข้า!”

“นี่! ประมุขหลิน ท่านจะโมโหไปทำไม? พวกเราแค่มาเรียนวาดภาพ หรือว่าเราทำไม่ได้? พวกเราได้รับอนุญาตจากอาจารย์ของพวกเรารวมทั้งอาจารย์หัว ดังนั้นพวกเราไม่ได้ทำผิดกฎใดๆของสถาบัน ทุกคน ข้าพูดถูกหรือไม่?” ก่อนที่อาจารย์หัวจะทันตอบคำ ชูเกอเสี่ยวหยูก็ชิงตอบก่อน ทั่วทั้งราชวิทยาลัยเทียนหลง หรือกระทั่งทั่วทั้งเมืองเทียนหลง มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดกับหลินเหยียนเช่นนี้

เสียงตอบรับค่อยๆตามมา แม้พวกเขาจะรู้ตัวว่าไม่ได้มาเพื่อเรียนวาดภาพ แต่พวกเขาต้องการมาพบสุดยอดพรสวรรค์นั่นคือเรื่องจริง

หลินเหยียนย่นคิ้ว แกล้งยิ้มแล้วกล่าวกับหัวปูเฮ่า “อาจารย์หัว มีคนสนใจเรียนวิชาวาดภาพชั้นเริ่มต้นกับท่านมากขนาดนี้ บางทีเป็นอาจารย์สอนวาดภาพชั้นเริ่มต้นสำหรับท่านคงจะเหนื่อยจริงๆ”

หัวปูเฮ่ากังวลอย่างหนัก ริมฝีปากบิดเบี้ยวด้วยความกลัว เขาไม่อาจกล่าวคำใดๆ

“อาจารย์หัว เกิดอะไรขึ้นกับหลานชายของข้า? เขาถูกทำแบบนี้ในชั้นเรียนของท่าน ท่านจะอธิบายยังไง?”

หลินเหยียนหันไปทางหลินอวี้ผู้ที่ถูกทุบตี เขาระงับความโกรธที่เกือบปะทุออกมา

“เรื่องนี้...”

“นี่! ประมุขหลิน กฎข้อแรกของสถาบันคืออาจารย์ต้องปฏิบัติต่อศิษย์อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นองค์ชายหรือคนธรรมดา ศิษย์ต้องเคารพเชื่อฟังอาจารย์ ไม่อย่างนั้น จะต้องถูกอาจารย์ลงโทษ การเลือกปฏิบัติและแบ่งแยกไม่อาจกระทำ หลินอวี้ผู้นี้ไม่เพียงสร้างปัญหาไม่เชื่อฟังคำสั่งอาจารย์ เขากระทั่งพูดยั่วยุอาจารย์เย่ อาจารย์เย่จึงลงโทษเขา หรือว่าเขาถูกลงโทษไม่ได้? ประมุขหลิน ท่านมาที่นี่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย หรือว่าท่านมีเจตนาส่วนตัว? อย่าบอกข้านะว่าท่านเป็นถึงประมุข แต่กลับลืมกฎของสถาบันเสียเอง?”

ชูเกอเสี่ยวหยูกล่าวคัดค้านด้วยความก้าวร้าวที่ทัดเทียม ในตอนนั้นนางเห็นเหตุการณ์ขัดแย้งระหว่างเย่หวูเฉินและหลินเหยียนด้วยตนเอง นางรู้ว่าหลินเหยียนมาที่นี่เพราะมีเป้าหมายที่เย่หวูเฉิน ดังนั้นนางจึงออกตัวปกป้องเขา

“เด็กสาวแห่งตระกูลชูเกอ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายเรื่องภายในตระกูลหลินของพวกเรา” หลินเหยียนกล่าวเสียงต่ำ

“โอ้! ท่านเอาตระกูลหลินของตนเข้ามาเกี่ยวด้วย ที่นี่คือราชวิทยาลัยเทียนหลงหรือว่าเป็นสวนส่วนตัวของตระกูลหลินกันแน่? ประมุขหลิน ในฐานะประมุขนอกจากท่านจะไม่ทำตามกฎของสถาบันแล้ว ข้าอยากถามท่านด้วยความหวังดี ท่านยกตระกูลหลินของตนเข้าข่มเด็กสาวอย่างข้า ท่านไม่ละอายเลยหรือ?”

ในใจของเย่หวูเฉินรู้สึกปิติยินดียิ่ง เขาเริ่มชอบสาวน้อยนางนี้ขึ้นบ้างแล้ว โต้แย้งจนผู้คนจุกคอ บิดเบือนความหมายของถ้อยคำ ความสามารถเช่นนี้นับว่ายอดเยี่ยม

ชูเกอเสี่ยวหยูมีชื่อเสียงด้านความหลักแหลมและมีฝีปากกล้า หลินเหยียนย่อมไม่ใช่คู่มือของนาง เพียงชั่วขณะเขากลับหัวเราะแทนที่จะโกรธเคือง “อาจารย์เย่?” เขาหันไปจ้องเย่หวูเฉินอย่างเกรี้ยวกราด “ใครให้อำนาจเจ้ายืนอยู่ตรงนั้น? ข้าอนุญาตแล้วหรือยัง?”

“โอ้ ขอบคุณที่เตือนข้าประมุขหลิน ที่ตรงนี้เป็นของประมุขหลิน ข้าไม่ควรยืนอยู่บนนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน ถ้าเช่นนั้น ข้าจะลงไป”

หลังพูดจบ เย่หวูเฉินก็ก้าวลงจากแท่นเวที เขายอมรับอย่างว่าง่ายจนหลินเหยียนไม่ทันตั้งตัว ทำให้หลินเหยียนหมดเหตุผลที่จะระบายโทสะที่สุมอยู่ในอกตน

“ตอนนี้ ข้าทำตามคำแนะนำของประมุขหลิน และไม่ทำตัวเป็นอาจารย์แล้ว ถ้าอย่างนั้น เราเปลี่ยนหัวข้อกันได้หรือยัง?” เขามองหลินเหยียนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยสายตาของผู้อาวุโสที่มองผู้เยาว์ หลังจากนั้นเขาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง “ไอ๊! ท่านช่างมีความจำเลวทรามนัก ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ประมุขหลินได้ตกลงเดิมพันต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ขอโทษนะ แต่ประมุขหลิน ท่านแพ้เดิมพันและเบี้ยเดิมพันคือต้องเรียกข้าว่า ‘ท่านปู่’ สามคราทุกครั้งที่เห็นหน้าข้า ท่านลืมไปแล้วหรือ?”

สีหน้าของหลินเหยียนคล้ำทะมึนลง เห็นได้ชัดว่าเขาจำได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเย่หวูเฉินจะกล้ายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่สนใจชื่อเสียงของเขาโดยสิ้นเชิง



<<<PREV    .    NEXT>>>