วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 120

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 120 อุ้มข้า!

“ดูอีกที”

เย่หวูเฉินหยิบลูกปัดแก้วขึ้นมาจากพื้น แสดงเบื้องหน้าหลงฮวงเอ๋อร์ให้เห็นเป็นลูกแก้วแตกสองเสี่ยง เขากำมือลงชั่วอึดใจแล้วเปิดมือออกอีกครา ลูกแก้วในมือกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

หลงฮวงเอ๋อร์อุทานร้องอย่างตื่นเต้น ปรบมือสองข้างและกระพริบตาแก้วงามอย่างกระหาย “มีอย่างอื่นอีกไหม สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้? ข้าอยากเห็น ข้าอยากเห็น!”

ในวันนั้นเป็นเขาที่พาดกระบี่เฉือนลำคอนาง ทั้งเจ็บปวดและรู้สึกได้ถึงเลือดที่หยดไหล แต่จากนั้นบาดแผลกลับหายไป ไร้ร่องรอยหลงเหลือแม้แต่น้อย ความสงสัยของสาวน้อยนางนี้นับว่าเหนือปกติ เพื่อจะรู้ความลับนางขยับปากเรียกเขาว่า “พี่ชาย” แต่นางไม่อาจได้รับคำตอบใดๆ ดังนั้นนางจึงเจ็บแค้นอยู่ในจิตและคิดแกล้งเขาเอาคืน แต่ครั้งนี้นางถูกเขาล่อลวงอีกครั้ง ทั้งในใจยังรู้สึกเป็นมิตรกับเขา นางลืมความแค้นเคืองครั้งก่อนสิ้นเชิง รวมทั้งความคิดสั่งสอนบทเรียนเขา

องค์หญิงเกิดความเศร้าโศกเพราะต้องอยู่ในวังหรูหราอันว่างเปล่า รายล้อมด้วยฉากเดิมทุกวัน ทำสิ่งซ้ำๆทุกวัน ราวกับนกน้อยที่ติดอยู่ในกรงทองตลอดชีวิต สิ่งเดียวที่นางกระหายคือสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจ

“เอาละ พระบิดาองค์จักรพรรดิของท่าน สั่งให้ข้าพาท่านไปโรงเรียนทุกวัน ดังนั้นระหว่างนี้ข้าสามารถแสดงสิ่งน่าพิศมัยอีกหลายอย่าง โอ้.... ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”

“โรงเรียน?” หลงฮวงเอ๋อร์ส่ายศีรษะ กล่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง “ข้าไม่อยากไปที่นั่น เจ้าอยู่เล่นกับข้าไม่ได้หรือ?”

“พระบิดาเจ้าสั่งให้ข้าไปโรงเรียนเป็นเพื่อนท่าน ถ้าหากท่านไม่ไปโรงเรียน เช่นนั้นข้าก็ไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนท่านได้อีกต่อไป ข้าคงต้องกลับบ้านแล้ว” เย่หวูเฉินยักไหล่ ทำท่าทางเหมือนไร้ทางเลือกนอกจากกลับออกไป

“อ๊า... เจ้าห้ามออกไปนะ! เฮ้! อื้ม...ข้าจะไปโรงเรียน” ด้วยความกลัวว่าเย่หวูเฉินผู้มีสิ่งน่าตื่นเต้นมากมายจะจากไป หลงฮวงเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับคำ

“อย่างนั้นแหละเด็กดี เช่นนั้นเราไปกัน” เย่หวูเฉินกล่าวและหันกลับมา

“ข้า...ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าวอายๆ สีหน้าฝาดแดงเล็กน้อยขณะวิ่งเข้าไปในห้องของตน แม้ว่าน้ำชุ่มโชกบนร่างจะเหือดระเหยไปหมดโดยเย่หวูเฉิน แต่อาภรณ์ชั้นในและรองเท้าน้อยๆยังคงเปียกน้ำ

ช้าเกินไปสำหรับเย่หวูเฉินที่จะเตือนนาง ระหว่างที่นางวิ่งไป หลงฮวงเอ๋อร์เกี่ยวเข้าใส่ด้ายบางยาว สะดุดเท้าร้องเสียงหลงเบาๆ พร้อมกับแป้งกลุ่มใหญ่ร่วงลงใส่ศีรษะ ปกคลุมร่างของหลงฮวงเอ๋อร์ขาวโพลนไปทั้งตัว

หลงฮวงเอ๋อร์จ้องค้างว่างเปล่าอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นตะโกนร้องไห้ลั่น นางเตรียมกับดักไว้แกล้งเย่หวูเฉินไว้ 6 อัน แต่นางกลับโดนเข้าเองถึง 4 ใน 6

เย่หวูเฉินเข้าไปหาขณะหัวเราะทั้งน้ำตา เขาช่วยนางปัดแป้งออกจากร่างแล้วปลอบโยน “อย่าร้องไห้เลย หากท่านยังร้องไห้ต่อ พวกเราจะสาย”

เขาอดคิดไม่ได้ว่าหลังจากนี้สามปีหากเขาต้องแต่งกับนาง เขาจะได้ภรรยาที่คอยดูแลเขา หรือจะได้ลูกสาวบุญธรรมที่ต้องคอยเล่นและเอาใจตลอดเวลา

หลังจากทรมานอยู่เกือบครึ่งวัน หลงฮวงเอ๋อร์ก็ใส่ราชอาภรณ์ยาวสีขาว นางออกมาพร้อมมุมหางตาที่เปียกชื้น มองดูเย่หวูเฉินที่รอนางเกือบครึ่งวัน นางโพล่งออกมาพร้อมกับกางแขนออก “อุ้มข้าไปที่นั่นที”

เย่หวูเฉินกวาดตามองนางแวบหนึ่ง เพียงพบว่าหน้าตานางเอาจริง เขายิ้มและส่ายศีรษะ “เรื่องนี้ทำไม่ได้ องค์หญิงไม่สมควรถูกใครอุ้มตัวง่ายๆ”

องค์หญิงสูงศักดิ์ถูกอุ้มออกจากวัง... หากผู้ใดมาเห็นเข้า ข่าวนี้ย่อมแพร่กระจายลามทุ่งไปทั่วนคร กระทั่งว่าที่ราชบุตรเขยขององค์จักรพรรดิก็ไม่มีข้อยกเว้น หากเขาทำลงไปจริงๆ เกียรติของราชตระกูลและองค์หญิงผู้ไร้มลทิณจะเป็นอย่างไร?

“ไม่! เมื่อวานนี้เห็นอยู่ตำตาว่าเจ้าอุ้มสาวน้อยมาด้วย ข้าก็อยากโดนอุ้มบ้าง” นางกล่าวยืนกราน คนที่นางเห็นเมื่อวานที่คฤหาสน์ตระกูลเย่คือทงซิน ผู้ที่หลับไหลพิงไหล่ของเขา ในความทรงจำของตน นางไม่เคยถูกใครอุ้มแบบนั้นมาก่อน พระบิดาไม่เคยทำ พระมารดาก็ไม่เคย เพราะนางจากไปตั้งแต่หลงฮวงเอ๋อร์ถือกำเนิด

“นั่นไม่เหมือนกัน นางเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทกับข้า ส่วนท่านเป็นองค์หญิง”

“แต่เจ้า... เจ้าคือว่าที่สามีข้า พระบิดาได้บอกแก่ข้าและข้าก็ตกลงแล้ว เจ้าต้องอุ้มข้า!”

“ไม่มีทาง”

“หากเจ้าไม่ทำ... ข้าจะฟ้องพระบิดา”

“อืม ไปบอกเขาสิ”

“เจ้า...เจ้าเอาเปรียบข้าทุกครั้ง! หากเจ้าไม่อุ้มข้า ข้าจะร้องไห้”

หลงฮวงเอ๋อร์น้ำตาไหลออกมาอย่างง่ายดาย เย่หวูเฉินมีประสบการณ์เรื่องนี้ดี หากนางต้องการร้องไห้ น้ำตานางก็พร้อมที่จะไหลออกมาโดยแทบไม่ต้องพยายาม เย่หวูเฉินยอมแพ้ในที่สุดแล้วเดินไปหาพร้อมกับกล่าว “ตกลง แต่ข้าจะอุ้มท่านเพียงครู่เดียวเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นจะต้องไม่ให้ใครเห็น”

“อื้ม เร็วเข้า รีบอุ้มข้าเร็ว!”

หลงฮวงเอ๋อร์รีบตอบตกลง ด้วยกลัวว่าเขาจะถอนคำพูด นางยืนเขย่งด้วยปลายเท้า สองแขนบางงามดึงปกเสื้อเขา ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าท่วมท้นไปด้วยความคาดหวัง

เขาโน้มกายลงประคองสะโพกน้อยๆแล้วอุ้มขึ้นแนบกับอก ร่างกายของหลงฮวงเอ๋อร์นุ่มนวลและบอบบางอย่างยิ่ง การอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนราวกับโอบกอดสำลีนุ่มและอบอุ่น

“รู้สึกพอใจหรือยัง?” เย่หวูเฉินถามอย่างอ่อนโยนขณะประคองหลังนางไว้

หลงฮวงเอ๋อร์พิงศีรษะไว้บนบ่า ปรีดากับความอบอุ่น นางไม่ตอบคำและหลับตาลงอย่างเงียบงัน สัมผัสความรู้สึกที่เหมือนฝัน

“เจ้าช่างดีจริงๆ... ตั้งแต่นี้ไป เจ้าต้องอุ้มข้าแบบนี้และเล่นกับข้า ตกลงมั้ย?” นางโอบคอเขาโดยไม่รู้ตัวและกล่าวพึมพำ

เย่หวูเฉินไม่อาจตอบสนองและทำเหมือนราวไม่ได้ยิน

“ไม่มีใครต้องการเล่นกับข้า... พวกเขากลัวข้า และเมินเฉยข้า วังนี้ช่างกว้างนัก แต่ข้ามักต้องอยู่คนเดียว พี่ใหญ่มีเรื่องยุ่งอยู่ตลอดเวลา พี่สาวไม่เคยสนใจข้า พระบิดากว่าจะมาเยี่ยมข้าสักครั้งหนึ่งก็นานแสนนาน คนอื่นๆก็ล้วนไม่มีใครต้องการอยู่เป็นเพื่อนข้า ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะเล่นกับข้าใช่ไหม?”

“.........”

“เจ้าพาข้าไปเล่นข้างนอกได้ไหม? นอกจากไปโรงเรียนแล้ว พระบิดาให้ข้าออกไปข้างนอกแค่ปีละสองครั้ง จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังไม่เคยออกไปนอกเมืองเทียนหลง ข้าอยากไปเล่นข้างนอกนั่น... เจ้าพาข้าไปได้ใช่ไหม?”

“.........”

ระหว่างที่เงียบงัน เย่หวูเฉินยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง หลังจากผ่านไปนาน หลงฮวงเอ๋อร์ไม่กล่าวคำใด เย่หวูเฉินก้มศีรษะลงมองและพบว่านางหลับไปแล้ว ขนตานางสั่นไหวเล็กน้อยขณะหายใจ นางม่อยหลับไปในอ้อมแขนของเขา

“เด็กน่าสงสารอีกคนที่ต้องการความรัก” เย่หวูเฉินลอบถอนหายใจ

อายุสิบสามขวบและอาศัยเพียงลำพังในวังกว้างขวาง ในราตรีเงียบงัน นางจะหวาดกลัวเพียงใด? ในคืนฟ้าคำรามอัสนีลั่นสะเทือน นางจะอิงอาศัยผู้ใด? บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกที่นางได้หลับอย่างผ่อนคลาย จากสัมผัสอันปลอดภัย

คนที่ไร้มารดาย่อมไม่เคยสัมผัสความรักทะนุถนอม ในราชวัง นางไม่มีมารดา ไม่มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน และแม้ว่านางจะถูกตามใจโดยหลงหยิน นางก็ยังโดดเดี่ยวไร้ผู้ใด ไม่มีใครสนใจนางจริงแม้ผู้เดียว

ความคิดดุด่าในใจเย่หวูเฉินหายไปในพริบตา เขากระทั่งรู้สึกเสียใจที่นางต้องใช้วิธีการกลั่นแกล้ง นางใช้การแกล้งเพื่อทำลายความเบื่อหน่ายและชีวิตที่เดียวดาย รวมทั้งเพื่อปกป้องตนเอง

เย่หวูเฉินเดินช้าๆ ผลักประตูแล้วเข้าไปในห้องนอนขององค์หญิง เขาค่อยๆวางนางลงบนเตียงที่หอมรัญจวน

มองนางเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันกายเพื่อจากไป

“เจ้า... อย่าไปนะ”

เย่หวูเฉินหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียง เพียงเพื่อพบองค์หญิงที่ลืมตากว้าง

“เจ้าบอกว่าจะไปโรงเรียนเป็นเพื่อนข้า ตราบเท่าที่เจ้าไปด้วย ข้าก็ต้องการไปโรงเรียนทุกวัน” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าว เมื่อสัมผัสอบอุ่นและปลอดภัยนั้นหายไป นางก็ตื่นขึ้นทันที

“ตกลง” เย่หวูเฉินยิ้มและยกนางขึ้น วางนางลงเมื่อถึงปากประตู จากนั้นจูงมือนางเมื่อออกจากวัง

ในฐานะโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาณาจักรเทียนหลง ราชวิทยาลัยเทียนหลงมีศาสตร์ทุกสาขาวิชาที่ผู้คนสามารถจินตนาการถึง ตั้งแต่ศาสตร์พื้นฐานอย่างหมัด , กระบี่ , มีด , ธนู , หนาม , หอก , ป้องกัน , เวทย์ , สี่ศิลปะ: เครื่องดนตรีดีดสีตีเป่า, หมากล้อม, บทกวีและประดิษฐ์อักษร, วาดภาพ ; มารยาท , พิชัยยุทธ , การลงทุน , ช่างโลหะ , อาวุธ.... และอื่นๆอีกมากมาย ทุกสิ่งล้วนรวมอยู่ในที่แห่งนี้ ทุกศาสตร์สาขากระทั่งวิชาที่ไม่มีใครสนใจ คณาจารย์ล้วนเป็นที่รู้จักและน่าประทับใจ ราชวิทยาลัยเทียนหลงไม่เคยทำให้ราชตระกูลต้องผิดหวังรวมทั้งยังสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทุกๆปีมียอดพรสวรรค์เหนือล้ำจากหลายสาขาผลิผลออกมา นับเป็นเกียรติยศสูงส่งที่จบการศึกษาจากราชวิทยาลัยเทียนหลง

แน่นอนว่า ตั้งแต่ส่งนางเข้าเรียนตั้งแต่เก้าขวบจนถึงตอนนี้ แม้กระทั่งชั้นเรียนมารยาทนางยังไม่จบชั้น ดังนั้นนางจึงไม่มีความรู้สึกยินดีหรือภูมิใจ ราชวิทยาลัยเทียนหลงเข้มงวดกับผลการเรียน และไม่เผยข้อสอบต่อให้เป็นราชธิดาหรือพระนัดดาของจักรพรรดิ เพราะเรื่องนี้คือสิ่งที่องค์จักรพรรดิกำชับด้วยพระองค์เอง

เป็นครั้งที่สองที่เย่หวูเฉินย่างเท้าเข้ามาเหยียบที่นี่ สถานที่ซึ่งนับได้ว่าวางหินรองเท้าก้อนแรกในชีวิต ที่ซึ่งเขาย่ำเหยียบหลินเสี่ยวแห่งตระกูลหลิน

ราชวิทยาลัยเทียนหลงมีการป้องกันที่แน่นหนา พวกเขาไม่ปล่อยให้คนภายนอกก้าวเข้ามา เห็นได้ชัดว่าหลงหยินได้สั่งไว้แล้ว ดังนั้นเย่หวูเฉินและหลงฮวงเอ๋อร์จึงผ่านเข้าไปโดยไม่มีการขัดขวางใดๆ ในอดีต เมื่อหลงฮวงเอ๋อร์ต้องมาที่นี่นางจะขัดขืนไม่เต็มใจ แต่วันนี้ นางตื่นเต้นอย่างมากและพูดคุยตลอดทาง คนปรารถนาเล่าเรื่องทุกอย่างของตนที่ผ่านมา นางกระทั่งไม่ยอมนั่งเกี้ยวเพื่อเดินเท้ากับเย่หวูเฉิน

ทุกศาสตร์วิชาถูกแบ่งเป็นสามระดับคือชั้นเริ่มต้น , ชั้นกลาง และชั้นสูง หากจำนวนนักเรียนมากเกินไป พวกเขาจะแบ่งเป็นห้อง 1, 2 และเพิ่มไปเรื่อยๆ ชั้นเรียนล่าสุดของนางคือการวาดภาพ แม้ว่าจะเป็นนางเองที่เลือกเรียน แต่เมื่อความสนใจเริ่มแรกเหือดหายไป นางจะไม่สนใจเข้าเรียนอีก และการที่นางมาเรียนอีกครั้งก็เนื่องจากการรบเร้าของหลงหยิน หลงฮวงเอ๋อร์พาเย่หวูเฉินมายังห้องเรียนชั้นเริ่มต้น

เมื่อเข้ามายังห้องศิลป์ สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่พวกเขา แทบทุกคนมองร่างของเย่หวูเฉิน บางคนก็สงสัย บางคนก็คลั่งไคล้ มีกระทั่งคนที่ไม่พอใจ แต่ไม่ปรากฎความแปลกใจใดๆออกมา บางทีคนในห้องนี้อาจรู้แล้วว่าเขาจะมากับองค์หญิงเฟยฮวงในฐานะ “พี่เลี้ยง” คนในนี้มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนมากยังอายุเยาว์วัย คนที่พึ่งเข้าเรียนชั้นเริ่มต้นส่วนใหญ่ยังเป็นเด็ก



<<<PREV    .    NEXT>>>