วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 79

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 79 มือสังหารอันดับหนึ่ง

“แต่ว่า...” เย่หวูหยุนตื่นตระหนกและกำลังจะกล่าวบางสิ่ง แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชาของเย่หวูเฉิน “เย่หวูหยุน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจที่ข้ากลับมาตระกูลเย่ หากข้าตายไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น เจ้าอาจจะได้กลายเป็นผู้นำของตระกูลเย่ แต่เมื่อข้ายังอยู่ ความฝันสวยงามของเจ้าก็พลันพังทลายเป็นชิ้นๆ ครั้งหน้าถ้าเจ้าคิดจะเล่นละครพรรค์นี้อีก โปรดพยายามให้มากกว่านี้และโปรดใส่สมองลงไปด้วย วิธีที่เจ้าใช้ในครั้งนี้มันช่าง....!

เย่หวูเฉินไม่กล่าวคำใดต่อ ฉับพลันเขายื่นมือขวาออกคว้ากลางอากาศว่างเปล่า เทียบเชิญในมือของเย่หนู่ราวกับมีปีก มันบินพุ่งเข้าหามือของเย่หวูเฉิน จากนั้นเขาตวัดมือเทียบเชิญก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาโบกมืออีกครั้ง เศษกระดาษทั้งหมดก็ถูกรวบรวมอยู่ในมือ เขาไม่หยุดอยู่ต่อและก้าวจากไปทันที ขณะที่กำลังออกไป มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย... เย่หวูหยุน เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่ตัวตลก เป็นได้แค่ของเล่น เจ้าไม่ใช่แม้กระทั่งคู่มือของข้า แต่ยังริกล้าบังอาจมาสู้กับข้าอีก!?’

เย่หวูเฉินเชื่อว่าเย่หนู่จะไม่ไปสอบถามหลงเจิ้งหยางเกี่ยวกับเรื่องเทียบเชิญที่เขาได้รับมา ไม่เช่นนั้น เขาก็คงไม่ใช่เย่หนู่

“เฉินเอ๋อร์!” เป็นครั้งแรกที่เห็นเย่หวูเฉินโกรธ หัวใจของหวังเวิ่นชูบีบคั้น นางรีบตามหลังเขาไปโดยไม่เหลือบมองเย่หวูหยุนเลยแม้แต่น้อย

เหลือเพียงเย่หนู่ เย่เว่ย และเย่หวูหยุนอยู่ในห้องโถง บรรยากาศเงียบอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก เย่หวูหยุนที่ตื่นตระหนกรีบกล่าวออกไป “พ่อบุญธรรม ท่านปู่ เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่น้องหวูเฉินพูด...”

“หยุนเอ๋อร์ เจ้าลองไปดูก่อน บางทีเทียบเชิญของเจ้าอาจหล่นหายอยู่ที่ไหนสักแห่ง” เย่หนู่กล่าวพร้อมกับโบกมือ

“ขอรับ” เย่หวูหยุนตอบกลับอย่างสลด จากนั้นหันกายจากไป

หลังจากที่เย่หวูหยุนออกไป เย่หนู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคิดว่าเรื่องจะเป็นอย่างที่เฉินเอ๋อร์พูดหรือไม่?

“ไม่น่าเป็นแบบนั้น” เย่เว่ยส่ายศีรษะ ขมวดคิ้วและกล่าว “ถ้าหากหยุนเอ๋อร์มีความคิดเช่นนั้นจริง เขาคงไม่ใช้วิธีการง่ายๆแบบนี้ ที่ข้ารู้สึกคือคำพูดของเฉินเอ๋อร์พุ่งเป้าไปที่หยุนเอ๋อร์ เหมือนเขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับพวกเรา?

“โอ้?” เย่หนู่มีสีหน้าสับสน

เย่เว่ยเงียบไปไม่ตอบคำ เขากำลังพยายามเค้นหาคำตอบจากบทสนทนาเมื่อครู่นี้

“เฉินเอ๋อร์... เฉินเอ๋อร์ แม่ไม่สงสัยเจ้า ข้าเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง...”

หวังเวิ่นชูตามเย่หวูเฉินไปอย่างกระสับกระส่าย นางเร่งฝีเท้าไวขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเย่หวูเฉินก็หยุดเท้าแล้วหันมายิ้ม “ข้ารู้...ที่จริงแล้วไม่มีอะไร แค่วันนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยและอยากกลับไปพักผ่อนก่อนเท่านั้น”

ความกังวลในใจของหวังเวิ่นชูเริ่มผ่อนคลายลง แต่น้ำเสียงยังคงแฝงความรู้สึกเสียใจ “เจ้าพูดถูก เจ้าตรากตรำมาตลอดทั้งเช้าและคงจะเหนื่อยมาก เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะให้เสี่ยวลู่เอาอาหารไปส่งให้เจ้าในตอนเที่ยง”

“ตกลง!” เย่หวูเฉินยิ้มตอบ

เมื่อกลับมาถึงสวนน้อยของตนเอง เย่ซีและเย่บากล่าวต้อนรับเขามาแต่ไกล คำพูดประจบพรั่งพรูออกมาราวกับแม่น้ำเหลืองเอ่อล้นท่วมทั่วบริเวณ...

“นายน้อย! พวกเราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว... พวกเราได้รู้ว่านายน้อยแท้จริงคือมังกรหลับที่อยู่เหนือผู้คนนับพันลี้ ท่านทำให้โลกทั้งใบตกตะลึงในคราเดียว กระทั่งสิ่งมีชีวิตเหนือโลกยังต้องเกรงกลัวท่าน และทั่วทั้งอาณาจักรเทียนหลงต่างสั่นกลัวเมื่อได้ยินชื่อของท่าน! แม้ว่านายน้อยตระกูลหลินจะพอใช้ได้อยู่บ้าง แต่เขาจะนับเป็นอันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน หากนายน้อยเย่คือดวงตะวันเขาก็เป็นแค่ดาวดวงเล็กๆที่แสงริบหรี่ หากนายน้อยเป็นเป็นบุปผาเบ่งบาน เขาก็เป็นเส้นหญ้าใบเดียว... อ้า ไม่สิ! ไม่ใช่กระทั่งหญ้า เขาเป็นได้แค่มูลวัว...”

ตลอดทางจากประตูทางเข้าสวน จนเขาเข้ามาถึงที่โต๊ะแล้วนั่งลง สองคนนั้นก็ยังคงกล่าวคำเยินยอไม่หยุดปาก ทำให้เย่หวูเฉินได้แต่ถอนหายใจ ถ้าหากพวกเขาใช้ฝีปากประจบประแจงในที่อื่น บางทีพวกเขาอาจจะได้ตำแหน่งใหญ่โตทางราชการ เย่หวูเฉินโบกมือ “พอได้แล้ว ไปเอาน้ำชามาให้ข้า”

พูดยังไม่ทันขาดคำ กระทั่งเย่ซีและเย่บายังไม่ทันได้ขยับ เสี่ยวลู่ก็เข้ามาพร้อมกับถ้วยน้ำชาสองใบ นางค่อยๆเดินเข้ามาหาพวกเขา

“นายน้อย คุณหนูหนิงเสวี่ย โปรดรับน้ำชา”

พอวางถ้วยชาลง นางก็ถอยออกไปช้าๆ สายตาของนางมองสังเกตเย่หวูเฉิน ดวงตาของนางงดงาม กระทั่งเย่หวูเฉินยังรู้สึกว่าดวงตาของนางสดใสเหมือนอัญมณี ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงเริ่มทนอยู่ไม่ได้ เขาแสร้งกระแอมไอแล้วกล่าว
“เสี่ยวลู่ ไปซักผ้าที่ข้าใส่เมื่อวาน”

“นายน้อย ข้าซักพวกมันไว้แล้ว” เสี่ยวลู่โค้งลำตัวเล็กน้อยขณะตอบ

“...ถ้าอย่างนั้นไปหานายหญิงแล้วนำอาหารมา บอกนางว่าข้าหิวแล้ว” เย่หวูเฉินกล่าวเฉไฉไปเรื่องอื่นต่อทันที

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวลู่หันกายออกไป ด้วยฝีเท้าเล็กๆที่ว่องไว

ในที่สุดเย่หวูเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นแตะดูอุณหภูมิ จากนั้นค่อยๆแตะริมฝีปากของหนิงเสวี่ยป้อนน้ำชาให้นางทีละน้อยๆ

“เย่ซี ป่าดำอยู่ห่างจากประตูเมืองด้านตะวันออกเท่าไหร่?” เย่หวูเฉินถามขณะโน้มศีรษะลง

“เพียง 20 ลี้เท่านั้น” เย่ซีตอบ

“แล้วหอคอยปีศาจอยู่ห่างจากชายป่าดำเท่าไหร่?” เย่หวูเฉินถาม

“ราวๆ...ประมาณสิบลี้ นายน้อย หรือว่าท่านคิดที่จะ.....” เย่ซีถามอย่างระมัดระวังและมีน้ำเสียงกังวล

“ข้าแค่ถามไปอย่างนั้น”

หลังจากป้อนน้ำชาให้หนิงเสวี่ย เย่หวูเฉินก็ยกชาอีกถ้วยขึ้นมาจิบ เขาถอนหายใจแล้วยกศีรษะขึ้น สมองของเขาแล่นคิดถึงความเป็นไปได้มากมายว่องไวราวสายฟ้า

“เย่บา เจ้าไปเตรียม กำมะถัน , ถ่าน และดินประสิวให้ข้า จะดีมากถ้าเจ้าหาน้ำมันมาด้วย เจ้าสามารถหาของพวกนี้ได้หรือไม่?” จู่ๆเย่หวูเฉินถาม

เย่บาชะงักเล็กน้อย จากนั้นรีบตอบ “ขอรับ ขอรับ แม้จะยากอยู่บ้างแต่ก็สามารถหาได้ในเมืองเทียนหลง”

“งั้นก็ไปหาตอนนี้เลย หากเจ้าจำเป็นต้องใช้ตำลึงเงินก็ให้ไปที่ฝ่ายบัญชี บอกพวกเขาว่าข้าสั่งเจ้ามา”

เย่บาออกไปพร้อมพึมพำกับตัวเอง นายน้อยต้องการเอาของประหลาดๆพวกนี้ไปทำอะไร นอกจากดินประสิวแล้ว ของพวกนี้ก็เอาไว้ใช้สำหรับจุดตะเกียงไฟ? เขาจะใช้ของพวกนี้ไปทำไมในเมื่อเขาใช้ตะเกียงเวทย์อยู่แล้ว?

ขณะที่อุ้มหนิงเสวี่ย เย่หวูเฉินยกน้ำชาขึ้นจิบช้าๆ สายตาหรี่ลงโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากกำลังใช้ความคิด เย่ซีรู้ว่าเขากำลังคิดบางอย่างอยู่และไม่กล้าขัดจังหวะ ดังนั้นเขาจึงยืนรอเงียบๆอยู่ตรงมุม

“เย่ซี ใครคือมือสังหารอันดับหนึ่งในอาณาจักรเทียนหลง?” เย่หวูเฉินถาม

“มือสังหารอันดับหนึ่ง?” เย่ซีเกาศีรษะคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาเขาเปล่งประกายขึ้น “ข้าจำได้ว่าเสี่ยวซานและเสี่ยวซื่อเคยพูดถึงมือสังหารอันดับหนึ่งของเมืองเทียนหลง ชื่อของเขาคือ เถาไปไป”

พรวด!.....

น้ำชาพุ่งออกจาปากเย่หวูเฉิน เปียกเลอะเสื้อผ้าของหนิงเสวี่ย เขาวางถ้วยน้ำชาลงทันทีแล้วรีบเช็ดน้ำชาออก สาปส่งอยู่ในใจ... นี่ครั้งที่สองแล้วนะ เห็นได้ชัดเลยว่าจะเป็นการดีกว่า หากข้าไม่ดื่มน้ำชาขณะคุยกับเจ้าเย่ซี

“นี่...นี่เป็นชื่อที่ประหลาดจริงๆ” เย่ซีกล่าวอย่างอึดอัดใจ เขาแอบบ่นอยู่ข้างใน ถึงชื่อมันจะแปลก แต่เขาก็ไม่ควรอาการออกแบบนั้น นี่มันเหมือนกับครั้งที่แล้ว อย่าบอกข้านะว่านายน้อยเย่อ่อนไหวกับเรื่องชื่อของผู้คน?

“อืม เป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลก” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างสงบ

มือสังหารอันดับหนึ่ง เถาไปไป! ช่างเป็นชื่อที่พิลึกจริงๆ ในหัวเซี่ยชื่อนี้ไม่อาจนิยามคำอื่นได้นอกจากคำว่า พิลึก

“เขามีทักษะพิเศษอย่างเช่นปล่อยพลัง คลื่นทะลวงหรือไม่?” หลังจากถามออกไป กระทั่งเย่หวูเฉินยังรู้สึกว่านี่เป็นคำถามที่โง่มาก

[ปล.จารย์แกน่าจะเล่นมุก เถาไปไป จากเรื่องดราก้อนบอล]


<<<PREV    .    NEXT>>>