วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 103

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 103 หลงหยิน , ตระกูลหลิน

“ขุนพลฮั่ว ลำบากท่านแล้ว” เย่เว่ยก้าวเข้ามาหา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม เขาได้เห็นฮั่วเจิ้นเทียนคนใหม่ที่ทรยศกลับคำ แต่ในขณะเดียวกันผู้คนต่างหวั่นไหวกับความชอบธรรมของเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ตราบใดที่ลูกสาวข้าสามารถแต่งกับบุตรชายท่านได้ ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าสามวันสามคืนข้าก็จะทำ! บุตรชายของท่านคือหนึ่งในล้าน ข้าไม่เคยชื่นชมใครเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ข้ามั่นใจในตัวสหายน้อยอย่างยิ่ง ข้าไม่เพียงอยากถูกเขาล่อล่วง ต่อให้ถูกล่อลวงจริงข้าก็เต็มใจและขอบคุณเขา น้องเย่ ตระกูลเจ้ามีบุรุษเช่นนี้นับว่าโชคดียิ่งนัก” ฮั่วเจิ้นเทียนหัวเราะ เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ

“ขุนพลฮั่ว ท่านชมเกินไปแล้ว” แม้ว่าปากเย่เว่ยจะเอ่ยคำ แต่เขาก็ปิดความภูมิใจบนใบหน้าไม่มิด เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเย่หวูเฉินเอาชนะใจฮั่วฉุ่ยโหรวอย่างรวดเร็วด้วยวิธีใด  เขาไม่สนใจเลยว่าตระกูลฮั่วและตระกูลหลินได้หมั้นหมายกัน แต่เป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่งที่รู้ว่าฮั่วเจิ้นเทียนยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกสาว กระทั่งกล้าล่วงเกินหลงหยินและตระกูลหลินโดยไม่ลังเล เพียงเพื่อล้มเลิกการหมั้น

“เกินเลยกับผี แม้ว่าข้าจะหยาบคาย แต่สายตาข้าเฉียบแหลมเกินผู้ใด ดูเจ้าสิ หน้าบานจนจะบินได้อยู่แล้ว เฮอะ!” ฮั่วเจิ้นเทียนทำเป็นโมโห

“...........”

ฮั่วเจิ้นเทียนหันไปตะโกนใส่หลินซานที่กำลังมีสีหน้าคล้ำทะมึน “น้องซาน ข้าขอโทษ”

“ฮึ่ม! ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่สามารถต้อนรับพวกท่านสองคนได้ โปรดกลับไปเถอะ!” หลินซานกล่าวพร้อมระงับความโกรธ โถงที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยผู้คนเวลานี้เหลือเพียงเย่เว่ย , ฮั่วเจิ้นเทียน , หลินซาน และหลินเสี่ยวที่ยังพูดไม่ออก

“หากขุนพลหลินไม่สบาย เช่นนั้นก็โปรดพักผ่อน จะเป็นการดีหากช่วงนี้ไม่มีงดอารมณ์ขุ่นเคือง เพราะอาจทำให้ร่างกายท่านกระทบกระเทือน ทั้งตับหรือปอด หากอาณาจักรเทียนหลงของพวกเราสูญเสียขุนพลคนสำคัญ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี เช่นนั้น ข้าขอตัว” เย่เว่ยทำท่าเคารพตามมารยาทแล้วลากฮั่วเจิ้นเทียนออกไป ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากห้องโถง เสียงถ้วยน้ำชาแตกก็ดังตามมาเบื้องหลัง

เมื่อเย่หวูเฉินออกมาจากประตูบ้านตระกูลหลิน เขาเห็นเกี้ยวงดงามจอดอยู่ไกลๆ เขายิ้มมุมปากแล้วทำท่าเอานิ้วจุปากเงียบให้ผู้คุ้มกันสี่คนที่มีกลิ่นดินปืน ก่อนที่พวกเขาจะทันตอบสนอง เขาเปิดม่านแล้วโดดเข้าไปว่องไวเหมือนสายฟ้า

ฮั่วฉุ่ยโหรวที่กำลังกระวนกระวายเกือบร้องสะดุ้งด้วยความตกใจ กลิ่นบุรุษที่คุ้นเคย ผู้ที่อ้อยอิ่งอยู่ในหัวใจ นางจึงเริ่มสงบใจลงและขยับเข้าใกล้เขา “ท่าน...ท่านทำให้ข้ากลัวแทบตาย”

“เจ้ากลัวแม้กระทั่งว่าที่สามีตัวเอง เสี่ยวโหรวโหรวของข้าช่างขี้อายนัก” เย่หวูเฉินหัวเราะบางแล้วกอดนางเข้าอกตน

“อย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวโหรวโหรว ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้ว” ฮั่วฉุ่ยโหรวกล่าวประท้วงเสียงเบา นางอายุครบ 16 ในวันนี้ และถึงวัยที่จะแต่งงาน

“จริงหรือ? ขอข้าตรวจดูหน่อย”

เย่หวูเฉินเคลื่อนมือลง จับอกข้างหนึ่งของนาง ขณะที่บีบเขากล่าว “เสี่ยวโหรวโหรวของข้าไม่เล็กจริงๆ หลังจากนี้ไม่กี่ปีสมควรไม่เล็กยิ่งกว่านี้”

ฮั่วฉุ่ยโหรวทั่วร่างสั่นเล็กน้อย นางขยับเบียดชิดเข้ามา กล่าวอย่างกังวล “เดี๋ยวมี...เดี๋ยวมีคนเห็นนะ”

“ไม่ต้องห่วง นอกจากข้าไม่มีใครเห็น”

ฮั่วฉุ่ยโหรวรู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะต่อต้าน ดังนั้นนางจึงเลิกขัดขืนการลวนลาม ใบหน้านางแดงเรื่อขณะที่พิงเขาอยู่นางก็เอ่ยถาม “พวกเราแต่งงานกันได้ไหม?”

“อืม การหมั้นระหว่างเจ้ากับหลินเสี่ยวถูกยกเลิกแล้วโดยองค์จักรพรรดิ” เย่หวูเฉินกล่าวรวบรัด เขาย่อมไม่บอกนางว่าฮั่วเจิ้นเทียนต้องทำขนาดไหนถึงจะยกเลิกการหมั้นได้

ก้อนหินหนักในใจฮั่วฉุ่ยโหรวถูกวางลงทันที นางยิ้มอย่างมีความสุข ขณะนั้นเอง นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดจุมพิตเบาๆที่ใบหน้าเขา จากนั้นนางก้มหลบซุกศีรษะไว้ในอกของเขา

เย่หวูเฉินแตะตรงจุดที่นางจุมพิตและหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับหญิงสาวผู้นี้การจะทำเช่นนี้สมควรต้องใช้ความกล้าอย่างมาก... หรือบางที อาจเป็นเขาที่นำนางเข้าสู่ทางนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

“แต่ว่าการแต่งงานมีเงื่อนไขอยู่”

“เอ๋? เงื่อนไขอะไร?” ฮั่วฉุ่ยโหรวกังวลขึ้นมาทันที นางทราบดีว่าการถอนหมั้นนั้นเป็นเรื่องยากเพียงใด

“เงื่อนไขก็คือ พวกเราได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันหลังจากผ่านไปสามปี องค์จักรพรรดิได้ยกองค์หญิงเฟยฮวงให้ข้าก่อน และวันแต่งงานถูกกำหนดไว้หลังจากนี้สามปี เพื่อให้ความสำคัญต่อราชตระกูล ข้าจึงต้องแต่งกับองค์หญิงเฟยฮวงก่อน จากนั้นจึงจะสามารถแต่งกับคนอื่นได้” เย่หวูเฉินอธิบาย

“สามปี.... ตราบใดที่ข้าสามารถแต่งกับท่านได้ ข้าไม่สนว่าจะต้องรอนานเท่าไหร่” ฮั่วฉุ่ยโหรวคลายความกังวลในจิตใจ จากนั้นพิงอกเขาอย่างเกียจคร้าน นางไม่สนใจเรื่ององค์หญิงเฟยฮวง กับสตรีที่มีอุปนิสัยเชื่องเชื่อ นางรู้ว่าต้องเอาใจบุรุษของตนด้วยวิธีใด นางรู้สิ่งที่ควรถามและไม่สมควรถาม และกระทั่งสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

“แต่ว่า ในระหว่างสามปีนี้ ท่านจะมาหาข้าบ่อยๆไหม?” ฮั่วฉุ่ยโหรวถามเสียงแผ่วเบา

“แน่นอน ข้าจะไม่มาหาเสี่ยวโหรวโหรวที่รักของข้าได้อย่างไร?”

“อืม....” นางตอบอย่างพึงพอใจ จากนั้นถามด้วยเสียงอ่อนหวานอีกครั้ง “ขลุ่ยหยกสั้นที่ข้ามอบให้ท่าน... ท่านยังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า?”

เย่หวูเฉินยื่นมือออกมาและขลุ่ยหยกเขียวก็ปรากฎขึ้น “นี่คือของชิ้นแรกที่เสี่ยวโหรวโหรวมอบให้ข้า ข้าย่อมเก็บมันไว้ข้างกายตลอดเวลา”

ฮั่วฉุ่ยโหรวเองก็ยื่นมือออกไป ไม่ได้วางบนขลุ่ยแต่วางบนมือเขาแทน “ถ้าเช่นนั้นนับจากนี้.... ท่านมาเยี่ยมและสอนข้าเป่าขลุ่ย ตกลงไหม? ข้าจะรอท่านทุกวัน....”

เย่หวูเฉินทั่วร่างเกร็งขึ้นมาทันที และเกือบทำขลุ่ยสั้นหล่นจากมือ

หรือว่าสตรีของโลกใบนี้ชื่นชอบ “เป่าขลุ่ย” กันจริงๆ รู้หรือเปล่าว่ามันสอนกันยากขนาดไหน?

“เอาไว้....ข้าจะสอนเจ้าหลังจากที่พวกเราแต่งงานกันแล้ว” เย่หวูเฉินตอบ พร้อมกับหลั่งเหงื่อ

“ทำไมต้องรอหลังจากแต่งงานล่ะ?” ฮั่วฉุ่ยโหรวถามราบเรียบ

“เพราะว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันทุกวันหลังแต่งงาน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าสามารถสอนเจ้าได้ทุกวัน ถึงตอนนั้นเจ้าไม่เรียนก็ไม่ได้แล้ว...”

ฮั่วฉุ่ยโหรวเงยศีรษะ มองเย่หวูเฉินอย่างงงงัน นางพบว่าไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือสีหน้า ล้วนทำให้นางรู้สึกใจเต้นแรงด้วยเหตุผลบางประการ

“เจ้าไม่คิดว่าตอนนี้สมควรเรียกข้าว่าสามีหรอกหรือ?” เย่หวูเฉินถาม เชยคางนางขึ้น

นางกระพริบตาใสราวกระจก จากนั้นหลบตาลง นางกล่าวอย่างเอียงอายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่สุด “สามี...”

ไม่มีผู้ในคาดคิดว่างานหมั้นที่ประโคมข่าวกันไปทั่วจะจบลงเช่นนี้ กระทั่งตระกูลหลินที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจ พวกเขาแทบหมดสติด้วยความตกใจ ตลอดในวันนั้นบรรยากาศในตระกูลหลินน่ากลัวอย่างยิ่ง ทุกๆคนต่างกลัวตกเป็นเหยื่อระบายโทสะของเจ้านาย

ในเวลานี้เอง คนที่สมควร ‘นอนเตียง’ อยู่อย่างหลินขวงกลับกำลังคุกอยู่เบื้องหน้าหลงหยิน ร่างชราของเขาไม่ไหวติงขณะฟังคำด้วยความเคารพ

“หากตระกูลลินของเจ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฮั่วด้วยการแต่งงาน มันจะเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบเพียงใด จากสถานการณ์ในวันนี้ แม้ข้าปฏิเสธ ฮั่วเจิ้นเทียนย่อมไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน เขาจงรักภักดีมาตลอดทั้งชีวิต เสียสละมามากมายเพื่อราชตระกูล นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยคำขอที่ไม่สมควร หากข้าปฏิเสธ ผู้คนย่อมตำหนิข้าได้ว่าไร้ความเป็นธรรม และย่อมเกิดการต่อต้านในเหล่าขุนนาง ข้าทำได้เพียงยอมรับและชะลอการแต่งงานออกไปอีกสามปี เย่หวูเฉินจะต้องถูกกำจัด เขาสร้างความยากลำบากให้ข้า และตอนนี้ยังมีการแต่งระหว่างตระกูลเย่และตระกูลฮั่ว ข้าจะไม่ยอมทนและเขาจะต้องตาย!”

ประโยคสุดท้ายแฝงแววทะมึนพาดผ่านใบหน้าหลงหยิน

หลงหยินจ้องหลินขวงที่กำลังพูดไม่ออก ถอนหายใจและกล่าว “ตระกูลเย่สร้างผลงานการรบโดดเด่นให้กับอาณาจักรเทียนหลงไว้มากมาย วิธีที่ข้าปฏิบัติต่อพวกเขานับว่าไม่ยุติธรรม แต่จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หลายราชวงศ์ต้องย่อยยับลงเพราะขุนนางนายพลที่พวกเขาเชื่อใจมากที่สุด ข้าจะไม่ปล่อยให้ตระกูลเย่เติบโตทรงพลังมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ หากตระกูลเย่วางแผนก่อกบฏขึ้นมาจริงๆ ตระกูลฮั่วย่อมไม่ต่อต้านพวกเขา ตระกูลหลินของเจ้าย่อมไม่อาจต้านทานพวกเขา กระทั่งข้ายังรับมือกับพวกเขาได้ยากลำบาก จากผู้ใต้บัญชาของเย่หนู่ เขาสามารถบัญชาทัพเกรียงไกรนับล้านได้ จะให้ข้าสงบใจได้อย่างไร? นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ข้าลอบส่งเสริมตระกูลหลินของเจ้า เพื่อให้คานอำนาจกับตระกูลเย่และเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา”

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใด อย่าห่วงเลย เมื่อใดที่ตระกูลเย่อยู่ภายใต้การควบคุม ข้าย่อมไม่ปฏิบัติต่อตระกูลหลินของเจ้าเช่นนั้น สมาชิกตระกูลหลินส่วนใหญ่เป็นคนของข้า หากเจ้าคิดก่อการกบฏต่อข้าจริงๆละก็....”

หลินขวงสั่นด้วยความกลัวและกังวล เขารีบกล่าว “ไม่! ต่อให้ข้าขวัญกล้าเทียมฟ้า ข้าก็ไม่กล้าคิดก่อกบฏ หากไม่ใช่เป็นเพราะฝ่าบาท ตระกูลหลินย่อมไม่อาจมีวันนี้ ฝ่าบาท ท่านเป็นผู้นำของตระกูลหลินที่แท้จริง ข้าสาบานด้วยชีวิตว่าจะจงรักภักดีต่อฝ่าบาท เพื่อเป็นการตอบแทนฝ่าบาท ต่อให้ต้องสละชีวิตพวกเราก็จะไม่ปริปากบ่น”

หลงหยินพยักหน้าอย่างพอใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าภักดีมาตลอด มิเช่นนั้นข้าคงไม่ส่งเสริมตระกูลของเจ้า แต่ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ลูกหลานของเจ้าสงสัยสิ่งใดบ้างหรือไม่?”

หลินขวงส่ายศีรษะทันที “ไม่ ไม่สงสัยอย่างแน่นอน! ตลอดชีวิตข้า ข้าไม่เคยเอ่ยเรื่องระหว่างตระกูลหลินกับฝ่าบาทต่อผู้ใดในตระกูล ข้าเพียงทำตามบัญชาของท่าน ข้าจะบอกบุตรชายข้าก่อนที่ข้าตาย และบุตรชายข้าจะบอกต่อเสี่ยวเอ๋อร์ก่อนที่เขาจะตาย... ตระกูลหลินจะเป็นของราชตระกูลเทียนหลงตลอดไป พวกเราจะไม่มีวันทรยศ”

“ดีมาก เจ้าเป็นคนที่ข้าเชื่อใจมากที่สุด ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ตระกูลหลินโดนดูถูกเหยียดหยามต่อเนื่องในเวลาสั้นๆ ทั้งหมดเป็นเพราะหวูเฉินแห่งตระกูลเย่ เขาสมควรต่อต้านตระกูลหลินโดยเจตนา ราวกับว่า... เขารู้บางสิ่งแล้ว” หลงหยินกล่าวพร้อมหัวคิ้วขมวดชิดติดกัน

หลินขวงเริ่มตระหนก “จะ....จะเป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้ปิดไว้นานกว่าสิบปี เขายังเป็นแค่เด็กเท่านั้น....”

“เป็นแค่เด็ก?” หลงหยินหัวเราะเย็นชา “หากเขาเป็นแค่เด็ก ข้าคงไม่ต้องสนใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาทำให้ข้ารู้สึกเช่นใด?”

“.......” หลินขวงไม่กล้าตอบคำ

“กลัว! เขาทำให้ข้ารู้สึกกลัว!”

“นี่มัน....”

“ดังนั้นเขาจะต้องตาย!” หลงหยินกล่าวขณะกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจสังหารเย่หวูเฉินด้วยตนเอง หรือกระทั่งให้ผู้ใดสงสัยได้ว่าเขาลอบกระทำการอยู่ในความมืด เบื้องหลังเขาไม่ใช่เพียงตระกูลเย่ แต่ยังรวมไปถึงเทพกระบี่ เพื่อเป็นการปิดบัง เขากระทั่งยกย่องเย่หวูเฉินอย่างมาก มอบของขวัญล้ำค่ามากมาย และให้สิทธิพิเศษ กระทั่งยกองค์หญิงเฟยฮวงให้เขา

“เขาเหยียดหยามตระกูลหลินของข้า ข้าแทบอยากให้เขาตกตายเสียตั้งแต่ตอนนี้” หลินขวงกล่าวคล้อยตาม

“ตามเวลาที่คำนวณไว้ มือสังหารผู้นั้นสมควรมาถึงแล้ว แม้ว่าเขาจะฉลาดหลักแหลมสักเพียงใด เขาย่อมไม่อาจหนีพ้นจากมือสังหารอันดับหนึ่งได้ อุบายเจ้าเล่ห์ของเขาย่อมไม่นับเป็นอันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีพลังที่แท้จริง” หลงหยินกล่าวใบหน้าฉายแววอำมหิต ยามที่มือสังหารอันดับหนึ่งยืนยันเป้าหมายของตน เขาย่อมไล่ล่าสังหารไม่ตกตายไม่ยอมเลิกรา นอกเสียจากว่าเย่หวูเฉินตาย...หรือเถาไปไปตาย แต่ว่าอย่างหลังมันจะเป็นไปได้หรือ?



<<<PREV    .    NEXT>>>