วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 115

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 115 ข้อเรียกร้องของหลงฮวงเอ๋อร์

ช่างบังเอิญนัก ขณะที่หลงหยินพาหลงฮวงเอ๋อร์มาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่หวูเฉินกับทงซินก็กลับมาถึงพอดี หลงหยินเพียงเพิ่งก้าวออกจากเกี้ยวราชวงศ์ เขาก็เห็นเย่หวูเฉินยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ และกำลังมองมาที่เขาด้วยท่าทางแปลกใจ ใบหน้าของเขากระตุกเกร็งในทันที แต่เขายังคงเดินตรงไปเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม

“หวูเฉินถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาทเสด็จมาเยี่ยมตระกูลเย่ของพวกเราหรือ?” เย่หวูเฉินโค้งตัวเล็กน้อย ทงซินกำลังแนบร่างซบไหล่เขา นางนิ่งไม่ไหวติงเหมือนกำลังหลับอยู่

หลงหยินหัวเราะ แล้วกล่าวราบเรียบ “ข้ามาที่นี่เพราะมีธุระบางอย่าง โอ้? สาวน้อยที่เจ้าอุ้มอยู่นั่นใคร?”

เย่หวูเฉินดูท่าทางกระอักกระอ่วน กล่าวคำคล้ายกำลังอับอาย “นี่คือน้องสาวบุญธรรมที่ข้าพึ่งรับมาใหม่ นางจะมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่นับจากนี้”

“โอ้....” หลงหยินพยักหน้า จากนั้นยิ้มและกล่าว “เคยได้ยินมาว่านายน้อยตระกูลเย่ชื่นชอบดรุณีน้อยเป็นอย่างยิ่ง ที่แท้ข่าวลือนั้นก็เป็นความจริง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เย่หวูเฉินยิ้มอ่อนและไม่คิดอธิบายสิ่งใด

เย่หวูเฉินมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ ในใจของหลงหยินสับสนเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าเถาไปไปมาถึงในเช้าวันนี้ จากคำรายงานของยามเฝ้าประตูเมืองด้านตะวันออก เย่หวูเฉินถูกไล่ติดตามโดยเถาไปไป

แต่เวลานี้เย่หวูเฉินกำลังยืนอยู่ต่อหน้าอย่างปลอดภัย กระทั่งเสื้อผ้ายังไร้ริ้วรอย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

“อ๊า! นั่นเขา! นั่นเขา!”

เสียงตะโกนแหลมสูง ตามมาด้วยสาวน้อยในชุดราชอาภรณ์สีขาว นางกระโดดออกมาจากเกี้ยวของนาง ยืนอยู่ข้างหลงหยิน นางชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉินด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ “พระบิดา เป็นเขา... เป็นเขาที่รังแกข้าในวันนั้น!”

ข่าวการมาถึงขององค์จักรพรรดิได้แจ้งไปถึงสมาชิกตระกูลเย่โดยยามเฝ้าประตู พวกเขาต่างรีบออกมา รวมไปถึงเย่หวูหยุน และภาพที่เห็นกลับเป็นองค์หญิงเฟยฮวงหลบอยู่หลังองค์จักรพรรดิ กำลังจ้องไปที่เย่หวูเฉินอย่างโกรธเคือง ชั่วขณะนั้น พวกเขาต่างคิดว่าภาพเบื้องหน้าช่างน่าสนุก พวกเขารู้ดีว่าองค์หญิงเฟยฮวงกับเย่หวูเฉินเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน

หลังจากถวายคำทักทาย พวกเขาเชิญองค์จักรพรรดิและองค์หญิงเฟยฮวงเข้าไปข้างในด้วยความนอบน้อม หวังเวิ่นชูถามด้วยความกังวล “เฉินเอ๋อร์ เจ้าไปที่ไหนมา? เจ้ากระทั่งไม่กลับมาทานมื้อเที่ยง ข้าตามหาเจ้าจนทั่ว และ... สาวน้อยคนนี้คือใครกัน?”

ทงซินยังคงพิงซบกับไหล่ ยังคงหลับไหลสนิทอยู่

“ไม่มีอะไร ข้าเพียงไปเจอคนชั่วช้าเข้าเลยเล่นกับมันอยู่ครู่หนึ่ง ข้าพบกับสาวน้อยคนนี้ทางทิศตะวันออกของเมือง นางเดินตามข้ามา นางไม่มีที่ไหนจะให้ไป ดังนั้นข้าจึงพานางกลับมาด้วย เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนกับเสวี่ยเอ๋อร์” เย่หวูเฉินกล่าวเรียบเรื่อย

“โอ้? คนชั่ว? เป็นคนชั่วช้าแบบใดกัน ถึงขนาดกล้ามารังแกนายน้อยตระกูลเย่?” หลงหยินกล่าวติดตลก

เย่หวูเฉินยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เป็นคนที่ไม่สำคัญอันใด อาจารย์ทิ้งอุปกรณ์เทพไว้ให้ข้ามากมาย ให้ข้าเอาไว้ใช้รักษาชีวิต ดังนั้นข้าจึงไม่กลัว ต่อให้มันแข็งแกร่งกว่านี้อีกสิบเท่าก็ตาม”

ถ้อยคำนี้ต้องการให้หลงหยินได้ยินอย่างเห็นได้ชัด อันที่จริง มีแววตระหนกพาดผ่านใบหน้าของหลงหยินอยู่ชั่วขณะ และเขากำลังหัวใจดิ่งวูบอยู่ข้างใน

เย่เว่ยจับความหมายและขมวดคิ้ว “เฉินเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น? เป็นใครที่พยายามทำร้ายเจ้า?”

หวังเวิ่นชูพอได้ยินคำ นางกังวลทันที

“อย่างที่ข้าพูด ไม่มีอะไรมาก เพียงการต่อสู้เล็กน้อยไม่จำเป็นต้องกังวล” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เขาหันไปหาหลงหยินและขอโทษ “เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้า หวูเฉินทำให้ฝ่าบาทต้องเสียพระพักตร์โดยแท้”

หลงหยินพยักหน้า “เจ้าทำให้ข้าเสียหน้าอย่างแท้จริง เฮ้อ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเพราะเรื่องนั้น ใครสั่งใครสอนให้เจ้าเด่นล้ำถึงเพียงนี้? กระทั่งธิดาตระกูลฮั่วยังหลงงมงายในตัวเจ้า เป็นเรื่องสมควรที่จะให้โอกาสคู่รัก จะเป็นไรไปหากข้าต้องผิดคำพูดเพราะเรื่องนี้สักครั้งนึง”

เย่เว่ยพลันโค้งกายลงและกล่าว “ฝ่าบาททรงกล่าวเกินไปแล้ว ฝ่าบาทเมตตาบุตรของพวกเราถึงเพียงนี้ ตระกูลเย่ย่อมระลึกถึงความเมตตาของฝ่าบาทตลอดไป”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หลงหยินโบกมือ “ลืมมันเถอะ ข้ามาที่นี่เพื่อพาฮวงเอ๋อร์มาพบหน้าว่าที่สวามี เจ้าต้องปฏิบัติต่อนางให้ดี เมื่อนางเข้าสู่ตระกูลเย่ในอีกสามปีข้างหน้า”

ก่อนที่เย่เว่ยจะทันตอบคำ หลงฮวงเอ๋อร์กระโดดขึ้นราวกับถูกเข็มเสียบ ทุกๆคนต่างคาดว่านางจะตะโกนคำ “ข้าไม่ต้องการแต่งงาน” แต่สิ่งที่หลงฮวงเอ๋อร์ตะโกนทำให้ทุกคนตกตะลึง

“ไม่! ข้าไม่ต้องการแต่งกับเขาหลังสามปี ข้าอยากแต่งกับเขาตอนนี้!!”

นางเหยียดนิ้ว ชี้ไปที่เย่หวูเฉิน

เย่หวูเฉินได้แต่เอามือลูบปิดหน้า พึมพำกับตัวเอง ‘เสน่ห์ของข้าร้ายกาจถึงเพียงนี้แล้วหรือ?’

หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง หลงหยินก็เอ่ยถาม “ฮวงเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไร?”

“ข้าอยากแต่งงานกับเขาตอนนี้!” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าวซ้ำอีกครั้ง สีหน้าราวกับมีแผนร้าย คล้ายฉลาดแกมโกง

เย่หวูเฉินมององค์หญิงน้อยด้วยความอภิรมณ์ รอยยิ้มบนใบหน้าที่มองมายังองค์หญิงเฟยฮวง ให้ความรู้สึกราวกับเขาเป็นจิ้งจอกตัวโตกำลังมองดูลูกแกะตัวน้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....” หลงหยินฮั่วเราะร่วน จากนั้นกล่าว “ฮวงเอ๋อร์ ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่? หากได้พบหน้ากันเจ้าจะตกลง แต่สามปีก็คือสามปี แม้ว่าข้าจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเจ้า แต่เป็นไปไม่ได้ที่องค์หญิงตัวเล็กๆจะแต่งงานทั้งที่ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้”

“ไม่ ข้าอยากแต่งกับเขา เช่นนั้นข้าจะสามารถ...”

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้!”

สมาชิกตระกูลเย่มองหน้ากันเลิกลั่ก พวกเขาไม่ทราบว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น... ขอข้ามาเล่นที่นี่บ่อยๆได้หรือไม่?” หลงฮวงเอ๋อร์ยื่นข้อเสนอที่สอง ถามพร้อมกับจ้องมอง

“ไม่ใช่เรื่องดีเลย เป็นองค์หญิงจะไปวิ่งรอบบ้านว่าที่สามี ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” หลงหยินส่ายศีรษะกล่าว

“ถ้าอย่างนั้น... ถ้าอย่างนั้น... ข้าต้องการให้เขาคุ้มกันข้าระหว่างเดินทางไปเรียน!” หลังจากกล่าวคำว่า ‘ถ้าอย่างนั้น’ มาเกือบครึ่งวัน ในที่สุดแววตาขององค์หญิงเฟยฮวงก็เป็นประกายก่อนกล่าวคำ

ครั้งนี้ หลงหยินไม่ได้ปฏิเสธ เขาเลื่อนสายตาไปมองที่เย่หวูเฉินแล้วถาม “หวูเฉิน เจ้าต้องการทำตามคำขอนี้หรือไม่? เป็นเรื่องประจวบเหมาะพอดี ฮวงเอ๋อร์กำลังเรียนวาดภาพที่ราชวิทยาลัยเทียนหลง ด้วยพรสวรรค์โดดเด่นของเจ้า ข้าย่อมวางใจเรื่องความปลอดภัยของนางหากมีเจ้าอยู่ข้างๆ และด้วยทักษะการวาดของเจ้า เจ้าสามารถช่วยให้นางเรียนจบชั้นได้ไวขึ้น”

ที่หลงหยินไม่ได้กล่าวถึงก็คือ หลงฮวงเอ๋อร์ไม่ค่อยได้ไปราชวิทยาลัยเทียนหลงเท่าไหร่นัก เวลาเรียนสิบวันนางอาจจะไปแค่วันเดียว นางโดดเรียนเป็นกิจวัตร เรื่องนี้ทำให้หลงหยินปวดเศียรเวียนเกล้าด้วยไม่ทราบสมควรทำอย่างไร หากนางอยู่กับอาจารย์ตามลำพัง ผลลัพธ์ที่เกิดย่อมเลวร้ายกว่าเดิม อาจารย์จะถูกนางปั่นหัวจนหมดสภาพ

มีหลายสิ่งที่หลงฮวงเอ๋อร์ทำได้ไม่ดีนัก นางมีปัญหาการเรียนเรื่องอักษร แต่วิชากลั่นแกล้งผู้คนนางบรรลุระดับปรมาจารย์ นางมีลูกไม้ไร้ที่สิ้นสุด แพรวพราวและหลากหลาย

เย่หวูเฉินโชคดีอย่างยิ่งที่กลายเป็นเหยื่อคนถัดไปของนาง แต่ใครจะรู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่จะต้องระทม

“หวูเฉินน้อมรับบัญชาของฝ่าบาท” เย่หวูเฉินตอบโดยไม่ชักช้า จากสถานการณ์ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางเลือก

หลงฮวงเอ๋อร์ที่หลบอยู่หลังหลงหยิน ยามนี้ลอบหัวเราะอย่างอดไม่ได้

เมื่อหลงหยินและหลงฮวงเอ๋อร์จากไป เย่หนู่หันมาหาเย่หวูเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาขมวดคิ้ว “เฉินเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น? มีคนลอบสังหารเจ้าหรือ?”

เย่เว่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน ขณะที่หวังเวิ่นชูผู้เป็นกังวล นางสำรวจเย่หวูเฉินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากนั้นนางถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางไม่รู้ว่าจุดเดียวที่มีรอยเลือดถูกบดบังด้วยร่างของทงซิน

เย่หวูหยุนผู้ที่เงียบมาตลอด เงี่ยหูฟัง

“ที่จริงแล้วมีบางคนพยายามสังหารข้า ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นผู้ที่รู้จักกันในนามมือสังหารอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเทียนหลง เถาไปไป” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงธรรมดา

“อะไรนะ!?” เย่หนู่และเย่เว่ยต่างตกใจ พวกเขาจะไม่รู้จักชื่อเถาไปไปได้อย่างไร? เขาคือตำนานในโลกของนักฆ่า หนึ่งในเจ็ดยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์แห่งอาณาจักรเทียนหลง เขาไม่เคยสังหารใครพลาดเมื่อได้รับการจ้างวาน

“แล้วเขา...”

“เขาตายไปแล้วเรียบร้อย” เย่หวูเฉินกล่าวรวบรัด

“ตาย!? เจ้าฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ?” เย่หนู่ถามด้วยความตระหนก

เย่หวูหยุนพยายามรักษาความสงบเยือกเย็น แต่ในใจกำลังสั่นระรัว ราวกับว่าเขาไม่เชื่อหูตัวเอง หากเย่หวูเฉินไม่มายืนอยู่ตรงนี้ อย่างปลอดภัยไร้บาดแผล เขาย่อมคิดว่านี่คงเป็นเรื่องตลกใหญ่

เย่หวูเฉินหัวเราะ “เมื่อครู่ข้าก็บอกไปแล้ว ว่าอาจารย์ทิ้งยุทธภัณฑ์ชั้นเทพไว้ให้ข้าหลายอย่างเพื่อรักษาชีวิต กระทั่งหลินเหยียนใช้กระบวนท่ารุนแรงที่สุดยังไม่อาจทำอันใดกับข้า แล้วเถาไปไปที่มีพลังระดับเดียวกับเขาจะทำอะไรข้าได้?”

เย่เว่ยและเย่หนู่พลันเงียบลง พวกเขารู้ว่ายากขนาดไหนที่จะเอาชนะยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ ไม่ต้องกล่าวถึงการฆ่า ที่สมควรยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์ ความตายของเถาไปไปย่อมสร้างความแตกตื่นต่ออาณาจักรเทียนหลง รวมถึงทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน

สิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลในเวลานี้ คือใครเป็นคนจ้างเถาไปไปให้ลอบฆ่าเย่หวูเฉิน หรือจะเป็นคนเหล่านั้นที่ต้องการให้ตระกูลเย่สิ้นทายาทเมื่อปีก่อน ทั้งยังไม่อาจสืบพบว่าพวกมันเป็นใคร?

“เฉินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพอมีใครที่คิดประสงค์ร้ายกับเจ้าบ้าง?” เย่เว่ยถามอย่างเย็นชา ความกลัวของเขานิ่งเรียบและความโกรธเริ่มปะทุขึ้น หากเย่หวูเฉินไม่มียุทธภัณฑ์ชั้นเทพจากเทพกระบี่ ตระกูลเย่ย่อมต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขายังคงไม่รู้ว่า เป็นผู้ใดที่มุ่งเป้าคิดร้ายต่อตระกูลเย่

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะและกล่าว “ข้าไม่ทราบ มีเพียงแค่ตระกูลหลินที่มีความขัดแย้งกับข้า แต่นั่นก็ไม่ใช่ความขัดแย้งถึงขนาดยอมกันไม่ได้ ตระกูลหลินย่อมไม่เกิดอารมณ์ชั่ววูบถึงขนาดจ้างนักฆ่าโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา หรือบางที...” เย่หวูเฉินตาเป็นประกายแล้วกล่าว “อาจจะเป็นราชตระกูลแห่งอาณาจักรต้าฟง?”

“เหตุผลล่ะ?”

“หากเถาไปไปสังหารสมาชิกตระกูลเย่ ท่านคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นใด?” เย่หวูเฉินเปรยถาม

“ตระกูลเย่ของพวกเราย่อมทุ่มเททุกอย่างเข้าล้างบางศาลาพันนักฆ่า” เย่เว่ยกล่าวอย่างเฉียบขาดและหนักแน่น

เย่หวูเฉินพยักหน้า “ถูกต้อง ด้วยพลังของตระกูลเย่เรา การกำจัดศาลาพันนักฆ่านับว่าไม่ใช่เรื่องยาก เถาไปไปย่อมไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อลอบสังหารข้า นอกจากมีบางคนมอบผลตอบแทนใหญ่หลวงให้กับเขา รวมทั้งรับรองความปลอดภัยของศาลาพันนักฆ่า ผู้ที่มีอิทธิพลถึงเพียงนั้น และยังเกลียดชังตระกูลเย่ของพวกเรา สมควรมีแต่ราชตระกูลแห่งอาณาจักรต้าฟงเท่านั้น หากข้าเดาได้ถูกต้อง เมื่อการลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลว ศาลาพันนักฆ่าสมควรอพยพย้ายไปยังอาณาจักรต้าฟง เพื่อที่พวกเราจะไม่อาจตามไปแก้แค้น”

เมื่อเย่หวูเฉินกล่าวคำจบ เขามองเย่เว่ยและเย่หนู่ ไม่ว่าพวกเขาจะสงสัยราชกูลเทียนหลงหรือไม่ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับพวกเขา มองดูพวกเขาแล้วสมควรยังไม่แน่ใจ ดังนั้นเย่หวูเฉินจึงไม่อาจบอกความจริงกับพวกเขา

เขามองด้วยหางตาไปที่เย่หวูหยุนผู้ดูคล้ายกระสับกระส่าย และลอบแค่นเสียง

เย่เว่ยและเย่หนู่ต่างเงียบงัน เย่หวูเฉินกล่าว “นางชื่อว่าทงซิน นับแต่นี้นางจะอาศัยอยู่กับข้า”

“อืม ตามที่เจ้าต้องการ” เย่เว่ยกล่าวยังคงครุ่นคิด เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ข้าวิ่งไปมาจนทั่วตลอดครึ่งวัน ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้ว”

“เฉินเอ๋อร์ เจ้าไปพักเถอะ ข้ากับปู่ของเจ้าจะคิดเรื่องนี้กันต่อ เพราะมันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของตระกูลเย่เรา ในตอนบ่าย ข้าจะเพิ่มกำลังการคุ้มกัน และปรึกษาเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิ” เย่เว่ยกล่าวพร้อมถอนหายใจ

เย่หวูเฉินพยักหน้า จากนั้นอุ้มทงซินที่ยังนิ่งอยู่ออกไป ถึงแม้เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่หากเย่เว่ยคิดปรึกษาองค์จักรพรรดิ สิ่งที่เขาเปรยเป็นนัยไว้ย่อมไร้ค่าอย่างไม่ต้องสงสัย นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ บุตรแห่งตระกูลเย่นั้นภักดีเสมอมา แต่เพื่อประโยชน์ของใครกัน....



<<<PREV    .    NEXT>>>