วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 110

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 110 ทางหนีสุดท้าย

เขาเคยคิดว่าอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ อาจมีบางสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม แต่เขาเหลือเพียงสิ่งสุดท้ายเพื่อใช้รับมือเถาไปไป เขารู้ว่ามีโอกาสคำนวณเวลาคลาดเคลื่อน ซึ่งนั่นจะทำให้เถาไปไปโดนแรงระเบิดได้ไม่เต็มที่ แต่อย่างน้อยคงเพียงพอทำให้เขาล่าถอยไป.... เขาไม่คิดเลยว่าจะมีสิ่งไม่คาดฝันร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้นได้

จากความเร็วของเขาและเวลาที่ชนวนไหม้ ต่อให้เขาไม่อยู่ใจกลางการระเบิดก็ต้องอยู่ใกล้อย่างมาก ในโลกที่ผู้คนไม่รู้จักสายชนวนและระเบิด เขาย่อมไม่สามารถเตรียมการรับมือ หากแต่ เย่หวูเฉินต้องตะลึงเมื่อพบว่าร่างกายของเขามีเพียงการบาดเจ็บเล็กน้อย สำหรับยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ บาดแผลแค่นี้ไม่นับว่ารุนแรง

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้? แรงระเบิดอัดใส่ขณะที่เขาไม่ทันป้องกันตัว แขนขาร่างกายสมควรปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ ต่อให้เขาใช้สัญชาตญาณเกร็งพลังทั้งหมดป้องกันร่าง แม้ไม่ตกตายทันทีก็ต้องแผ่พะงาบ หรืออย่างน้อยๆต้องบาดเจ็บสาหัส....

แม้ว่าภายนอกเย่หวูเฉินจะดูสงบราบเรียบ แต่ภายในใจกำลังสับสนอลหม่าน

“เจ้าสมควรมีเครื่องป้องกันตัวบางอย่าง” เย่หวูเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่กล่าว เขาไม่เชื่อว่าเถาไปไปจะใช้เพียงพลังตนเองรับมือได้

ตุบ!

เหมือนตอบสนองตามคำพูดของเย่หวูเฉิน วัตถุคล้ายกระจกตกลงมาจากอกของเถาไปไป พื้นผิวราวกระจกแตกเป็นชิ้น เห็นได้ชัดว่ามันถูกทำลาย

“หากไม่ใช่เพราะกระจกจักรพรรดิฟ้า ข้าคงตายไปแล้ว เจ้า.... บีบคั้นจนข้าเข้าตาจน....”

เถาไปไปสงบอย่างผิดปกติ หลังจากการระเบิดเขารู้ว่าเย่หวูเฉินไม่เหลือลูกไม้ใดๆอีก รวมทั้งยังรู้ว่าตนเองได้พ่ายแพ้แก่ชายหนุ่มที่ด้อยพลังกว่าตน เขาถูกกับดักอย่างต่อเนื่อง ถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม ในเสี้ยววิกฤตเมื่อครู่ที่ผ่านมา หากไม่ใช่เพราะเขาแผ่พลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของกระจกจักรพรรดิฟ้า เขาต้องสิ้นชีพเพราะกับดักสุดท้ายนี้อย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเฉือนลำคอของเย่หวูเฉิน เพราะเย่หวูเฉินตั้งใจถูกการโจมตี มิเช่นนั้น เขาย่อมไม่อาจสัมผัสถูกชายเสื้อของเย่หวูเฉินได้เลย

ถึงแม้เขารักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ แต่วัตถุสวรรค์ล้ำค่าที่ช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้ง ยามนี้มันถูกทำลายจนมิอาจซ่อมแซมกลับคืน

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับกลายเป็นว่าข้าพลาดบางสิ่งไป” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้

“นี่สมควรเป็นลูกไม้สุดท้ายของเจ้า” เถาไปไปกล่าว

“ถูกต้อง นั่นคือไพ่ใบสุดท้ายของข้า เพราะข้าไม่เชื่อว่ามันจะสังหารเจ้าไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เตรียมการสำรองไว้” เย่หวูเฉินสีหน้ายิ่งจริงจัง “แต่การที่ข้าไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไร้ทางหนี แม้ว่าข้าจะมั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อเป็นเรื่องสำคัญคอขาดบาดตาย หากมันไม่เป็นไปตามแผนอย่างสมบูรณ์ ข้าย่อมสร้างทางหนีไว้ ในกรณีที่ทุกสิ่งพังลง”

 เถาไปไปใบหน้าทะมึนขณะที่ก้าวเข้าหาเย่หวูเฉินทีละก้าว

“สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าป่าต้องสาป ห่างจากข้าไม่ถึงหนึ่งลี้คือหอคอยปีศาจ สถานที่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าจึงเลือกสถานที่นี้? นั่นก็เพราะ... ที่แห่งนี้ไม่เพียงช่วยให้ข้าซ่อนตัวและซ่อนกับดักได้โดยง่าย แต่มันยังเป็นที่ตั้งของหอคอยปีศาจ!!”

เถาไปไปไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เขาพุ่งร่างเข้าหาเย่หวูเฉินราวสายฟ้า กระบี่สั้นในมือตวัดวาดกราดเกรี้ยวอยู่หลายครา เย่หวูเฉินตอบสนองในเวลาเดียวกัน เขาใช้ความเร็วสูงสุดวิ่งทะยานไปทางตะวันออก เถาไปไปตามติดจากเบื้องหลัง หลังรอดพ้นจากความตาย หากเขายังไม่สามารถจับตัวเป้าหมายได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่คู่ควรกับสมญานักฆ่าอันดับหนึ่งอีกต่อไป ไม่ว่าทางหนีจะมีอยู่จริงหรือไม่ เขาต้องสังหารเป้าหมายและเอาชีวิตเย่หวูเฉินให้จงได้

การกลับมาไล่ล่ากันครั้งนี้ ใช้เวลาสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด

ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวและตายมาหลายปีกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ความมืดที่ห่อหุ้มไปด้วยกลิ่นอายความตาย ทำให้ไม่อาจมีสิ่งมีชีวิตใดดำรงอยู่ได้ บรรยากาศเช่นนี้ทำให้เถาไปไปบังเกิดความกลัวในจิตใจ

เพียงไม่นานหอคอยปีศาจก็ปรากฎขึ้นอยู่เบื้องหน้า

เถาไปไปใจเต้นกระหน่ำ ทางหนีเช่นใดกันที่เขากล่าวถึง?

เบื้องหน้าผืนป่าหายราบเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่ปรากฎต้นไม้ใดๆ มีเพียงผืนดินสีเทาเข้ม หอคอยปีศาจมีสีเทาเข้มเช่นเดียวกัน เย่หวูเฉินไม่ลดความเร็วลง แต่ตรงไปที่ประตูหอคอย ไร้วี่แววว่าเขาจะออกนอกเส้นทาง ราวกับว่าเขาวางแผนที่จะ....

เถาไปไปหยุดฝีเท้า จ้องมองบุรุษที่เขาไล่ตามด้วยความสับสน

ต่อให้ผ่านโถงยมบาลแห่งราชันนรก เขาก็ไม่กล้าเข้าไปในหอคอยปีศาจ สถานที่ซึ่งรู้จักกันดีทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน เข้าโถงยมบาลแห่งราชันนรกผลลัพธ์มีเพียงแค่ตกตาย แต่เข้าหอคอยปีศาจย่อมพบความสยองสุดขีดและตกตายด้วยสภาพเลวร้าย ไม่มีศพใดที่มีสภาพสมบูรณ์

เย่หวูเฉินยืนอยู่หน้าประตูหอคอยปีศาจ เขาวางมือบนประตูศิลาสีดำทมิฬ จากนั้นมองไปที่เถาไปไปด้วยรอยยิ้มเย็น เขากล่าว “เถาไปไป เจ้า... กล้า... เข้ามา.... หรือไม่....”

เถาไปไปนิ่งงันและไม่ยอมเข้าใกล้

“เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่กล้า แต่ข้ากล้า!”

หลังจากหัวเราะเสียงดัง เย่หวูเฉินดึงประตูศิลาให้เปิดออก ก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเลใจ จากนั้นปิดประตูเสียงดังสนั่น

เถาไปไปสีหน้าว่างเปล่า เย่หวูเฉินกระทำการบ้าคลั่งจนเขาไม่ทันตั้งตัว

เขาเชื่อตำนานสยดสยอง เพราะมีคนตกตายอย่างอนาถมากมายเป็นสิ่งยืนยัน ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน เมื่อสตรีต้องสาปถูกขังไว้ในหอคอยปีศาจ ทุกคนที่เข้าไปข้างในไม่เคยได้ออกมา หากพวกเขาออกมาได้ ร่างของพวกเขาจะระเบิดและสิ้นใจโดยไม่มีข้อยกเว้น

เย่หวูเฉินบอกว่าเขามีทางหนี หรือเขาจะรู้ความลับของหอคอยปีศาจ และสามารถเข้าไปได้โดยไม่ตกตาย!?

เถาไปไปไม่ได้จากไปไหน สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูศิลา แม้ว่ากลิ่นอายความตายในที่แห่งนี้จะรุนแรง แต่มันไม่ได้ส่งผลมากนักกับยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์

สิบวินาที... สามสิบวินาที... หนึ่งนาที... สองนาที... สามนาที...

เถาไปไปยืนนิ่งอยู่กับที่ราวซากศพ เขาแทบไม่กระพริบดวงตาปลาตายคู่นั่น เบื้องหน้าของเขายังไม่มีเสียงใดดังมาจากหอคอยปีศาจ เหล่าคนที่เคยเข้าไปก่อนหน้า ต่างกรีดร้องอย่างหวาดกลัวและตกตายด้วยสภาพสยดสยอง แต่นอกจากความเงียบงันเดียวดาย เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใด

แล้วความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงฝีเท้า สมุนของฉุ่ยเมิ่งฉาน ฟง , ฮั่ว , เสวี่ย และเยว่ ติดตามเข้ามาถึงขณะที่กัดฟัน

หอคอยปีศาจเป็นสถานที่ครั้งหนึ่งสำนักจักรพรรดิใต้เคยมาเยือน พวกเขาเคยมาที่นี่มากกว่าหนึ่งครั้ง ด้วยยอดฝีมือของสำนักหลายคน และพวกเขาทุกคนล้วนตกตายอย่างน่าอนาถ ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ไม่สามารถระบุการตายของพวกเขาได้ หลังจากสืบสวนอยู่หลายครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ยอมแพ้ คล้ายกับว่าบรรยากาศรอบหอคอยสูบกลืนพลังชีวิตของบุคคล คนปกติไม่สามารถเข้าใกล้ สำหรับพวกนางนอกจากความเหน็ดเหนื่อยแล้ว พวกนางก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ ดังนั้นพวกนางจึงไม่กลัวการเข้าใกล้หอคอย

ติดตามร่องรอยจนในที่สุดก็พบกับเถาไปไปอีกครั้ง แต่กลับมีเพียงเขาอยู่ในที่แห่งนี้

ชิ้ง!

กระบี่คมกริบสี่เล่มชักออกจากฝัก สำหรับสำนักจักรพรรดิใต้ พวกเขาใช้กระบี่เป็นอาวุธเพียงชนิดเดียว พวกเขาเชื่อว่าการดำรงอยู่ของพวกตนเป็นเพราะพลังของกระบี่หนานฮวง สี่ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณ เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ พวกนางปราศจากความเกรงกลัว มีเพียงความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน พวกนางปล่อยให้เขาหลบหนีมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พวกนางถือกระบี่กางกั้น ปิดบังเส้นทางไม่ให้เขาหลบหนีได้อีกครั้ง

“นายน้อยเย่อยู่ที่ไหน?” ฟง ขมวดคิ้วถาม

เถาไปไปยังคงจ้องตรึงอยู่เบื้องหน้า ตั้งแต่สี่สตรีมาถึงจนล้อมกรอบเขาเอาไว้ เขาก็ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ เมื่อได้ยินคำถาม ดวงตาของเขายังคงไม่เคลื่อนไหว แต่ในที่สุดเขาก็เปิดปากพูดออกมา “ข้างใน”

สตรีสี่นางตื่นตระหนก แล้วหันไปมองหอคอยปีศาจพร้อมกัน สีหน้าของพวกนางเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ราวกับว่าฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย

ผลลัพธ์หนึ่งเดียวเมื่อเข้าไปในหอคอยปีศาจคือตายด้วยสภาพแหลกเละ หากเย่หวูเฉินตายไป เบาะแสของกระบี่หนานฮวงย่อมสูญหายไปด้วย ความยินดีก่อนหน้ากลับกลายเป็นเพียงภาพลวงตา

พวกนางทั้งสี่มองหน้ากัน ฝ่ามือและฝ่าเท้าเย็นเยียบ เหตุผลที่ทิ้งฉุ่ยเมิ่งฉานก็เพื่อมาคุ้มกันเย่หวูเฉิน ผู้เกี่ยวพันถึงเบาะแสของกระบี่หนานฮวง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันครบวัน พวกนางกลับต้องพบว่าเย่หวูเฉินเข้าไปในหอคอยปีศาจแล้วเรียบร้อย... ต่อให้ฉุ่ยเมิ่งฉานยกโทษให้พวกนาง ประมุขสำนักย่อมไม่ผ่อนปรน หากพวกนางไม่ตกตาย ก็ต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง

แววตาปฏิปักษ์ทอประกายสังหารจ้องตรึงที่ร่างของเถาไปไป “เป็นเจ้าที่บีบบังคับให้เขาเข้าไป... ดังนั้น เจ้าสมควรตาย นับแต่นี้ เจ้าคือหนึ่งในคนที่สำนักจักรพรรดิใต้จะไล่ล่าสังหาร!”

“สำนักจักรพรรดิใต้!?” แววตาของเถาไปไปพร่าไหวอย่างรุนแรง ถ้อยคำนี้ราวกับหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่หัวใจ ภายในใจตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เขาไม่อาจกระตุ้นโทสะของสำนักจักรพรรดิใต้ได้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้ากระตุ้นโทสะของพวกเขา

เขาไม่สงสัยคำพูดของพวกนาง เขาสัมผัสได้ว่าสตรีเหล่านี้ทุกคนล้วนมีพลังระดับขอบเขตวิญญาณ ด้วยพลังเช่นนี้ในทวีปเทียนเฉินไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรใด ต่างถูกนับว่าเป็นตัวตนระดับสูงเป็นผู้ปกครองทรงอำนาจ ถึงกับส่งสี่ตัวตนระดับนี้เพียงเพื่อภารกิจเดียว ทั้งยังล้วนเป็นสตรี... นอกจากสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือแล้วยังจะมีผู้ใดสามารถทำได้?

เถาไปไประงับความหวาดหวั่น แผ่พลังรังสีสังหารพร้อมกับสำนึกเสียใจ เขาไม่คิดเลยว่างานฆ่าครั้งนี้จะทำให้เขาเจ็บปวดเพราะถูกเหยียดหยาม เจ็บปวดเพราะต้องเสียกระจกจักรพรรดิสวรรค์ ทั้งยังต้องมาพัวพันกับสำนักจักรพรรดิใต้ ทางเลือกเดียวที่เหลือในตอนนี้คือสังหารสตรีทั้งสี่คน เขาไม่อาจปล่อยให้พวกนางแพร่งพรายว่าเขามีส่วนพัวพัน ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้คงไม่อาจหาความสงบสุขได้พบเจอ

แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ลงมือ แต่บรรยากาศโดยรอบได้เปลี่ยนแปลกไปอย่างกะทันหัน

จิตสังหารท่วมท้นและเมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็จะเป็นเวลาจู่โจม!

เถาไปไปอยู่ตรงจุดศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือน เขาแผ่พุ่งพลังจิตสังหารสะเทือนโลก ราวกับสัตว์อสูรผู้บ้าคลั่ง ที่พร้อมฟาดฟันความเกรี้ยวกราดทำลายทุกสิ่งลง ภายใต้พลังมหาศาล ไม่ว่าผู้ใดย่อมบังเกิดความกลัวผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งในจิตใจ ราวสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยกำลังเผชิญหน้าหายนะไร้ต้าน

มือสังหารอันดับหนึ่ง จะเป็นเพียงสมญาทั่วไปได้อย่างไร?

ท่ามกลางบริเวณ พื้นที่ใต้ฟ้ากระหายเลือดและจิตสังหาร บรรยากาศเริ่มเย็นยะเยียบลง ห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย สตรีสี่นางรู้สึกหายใจลำบากหัวใจสั่นสะท้าน ขณะเดียวกันพวกนางร่ำร้องเสียงดังและวาดกระบี่ตัดอากาศพุ่งเข้าหาเถาไปไปจากสี่ทิศทาง

ขอบเขตวิญญาณและขอบเขตสวรรค์ต่างกันเพียงหนึ่งช่วงชั้น แต่ระยะห่างนั้นต่างกันราวกับผืนฟ้าและปฐพี



<<<PREV    .    NEXT>>>