วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 95

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 95 ยิ่งรู้กันทั่ว ยิ่งปลอดภัย

“ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมด...เจ้ามีข้อพิสูจน์หรือไม่?” ฮั่วเจิ้นเทียนถามอย่างสงบ แต่หัวคิ้วขมวดติดกันแน่น สำหรับคนที่ไม่ค่อยกังวลเช่นเขา ท่าทางเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่สงบใจอย่างยิ่ง

“ไม่มีข้อพิสูจน์ แต่ข้าไม่เคยกังขาการคาดเดาของตนเอง แม้ว่าจะไม่มีสิ่งใดมาพิสูจน์ แต่ข้าก็มั่นใจว่าผู้อาวุโสเชื่อข้าไปแล้วเรียบร้อย” เย่หวูเฉินกล่าวต่อ “เนื่องจากจำเป็นต้องมีตระกูลเย่เพื่อข่มขวัญอาณาจักรต้าฟง พวกเขาจึงไม่อาจกระทำการอย่างเปิดเผย ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนอย่างลับๆเพื่อเข้าควบคุมตระกูลเย่ หากข้าไม่ได้กลับมา ตระกูลเย่ย่อมไม่อาจรู้ตัวจนถึงวันตาย ว่าผู้ที่พวกเขาอุทิศตนให้ได้ทำลายตัดสายทายาท ลักพาตัวหนึ่งในลูกหลานของพวกเขาไป”

ฮั่วเจิ้นเทียนเกาศีรษะแรงขึ้น ในใจคำรามด้วยความสับสน สิ่งที่เย่หวูเฉินกล่าวนับว่าเป็นกบฏอย่างอย่างแท้จริง แต่เมื่อเด็กหนุ่มกล้าเอ่ยต่อหน้าเขาโดยตรง แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เพียงการคาดเดาธรรมดา ฮั่วเจิ้นเทียนพยายามปฏิเสธตัวเองว่าลึกๆข้างในเขาเผลอเชื่อไปแล้วถึงเก้าสิบส่วน

เขาเงยศีรษะขึ้นฉับพลัน “สหายน้อย เจ้าวางแผนกับตระกูลฮั่วของพวกเราโดยการเข้าหาลูกสาวข้าใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง....แต่นั่นเป็นอดีต หากไม่ใช่เพราะข้ามีความรักกับฉุ่ยโหรว ต่อให้ตระกูลฮั่วทรงพลังกว่านี้อีกสิบเท่า ข้าก็จะไม่ใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อเข้าหานาง”

ฮั่วเจิ้นเทียนไม่ได้โกรธ เขากลับก้มศีรษะพยักหน้า “นับว่าเจ้ายังซื่อสัตย์ หากเจ้าบอกว่าไม่ได้คิดแผนการต่อตระกูลฮั่ว ต่อให้เจ้าเป็นลูกเขยของข้าแล้วก็ตาม ข้าก็ยังจะตบหน้าเจ้าฉาดใหญ่”

เย่หวูเฉินหัวเราะและถอนใจ “ผู้อาวุโส โปรดอภัยที่ข้าต้องกล่าวตามตรง เหตุผลที่ท่านหมั้นหมายฉุ่ยโหรวกับหลินเสี่ยวแห่งตระกูลหลินย่อมไม่ได้เพียงเพราะว่าความเป็นเลิศของเขา แต่สาเหตุหลักมาจากองค์จักรพรรดิเป็นผู้จับคู่ให้ ถูกต้องหรือไม่? ไม่เช่นนั้น ท่านคงไม่รีบตัดสินอนาคตของนางก่อนวัยอันควร เมื่อดูจากความรักที่ท่านมีให้นาง ยิ่งกว่านั้น ตอนที่ท่านยอมรับข้อเสนอแต่งงาน ท่านสมควรอยู่ในขณะมึนเมา”

ฮั่วเจิ้นเทียนเลิกคิ้ว เงียบอยู่นานก่อนจะกล่าว “ที่เจ้าพูดนั้นถูกต้องเลยทีเดียว”

ฮั่วเจิ้นเทียนตระหนักได้ทันทีว่าทุกสิ่งที่เย่หวูเฉินกล่าวล้วนทำให้เขารู้สึกแปลกใจ

“เจ้าเล่าเรื่องที่คาดเดาพวกนี้ให้ข้าฟัง แสดงให้เห็นว่าเจ้าเชื่อใจข้าฮั่วเจิ้นเทียน ข้ารับรองจะไม่บอกต่อแก่ผู้ใด แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเชื่อเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะพูดถูกหรือผิด เจ้าได้ทำความผิดพลาดครั้งร้ายแรง...หากมีใครสักคนวางแผนบ่อนทำลายตระกูลเย่จริงๆ ไม่ว่าศัตรูของเจ้าจะเป็นใคร เจ้าไม่ควรเปิดเผยตนเองออกมาง่ายๆ! วันนั้น เจ้าทั้งเปิดเผยพลังและสติปัญญา รวมไปถึงเทพกระบี่ที่หนุนหลังเจ้า นี่อาจดูเหมือนการข่มขู่ที่ได้ผลดี แต่ในความเป็นจริง เจ้ากำลังขุดหลุมฝังตัวเอง” ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวอย่างมีโทสะ เขาต้องห่วงความปลอดภัยของเย่หวูเฉินเพราะมันเกี่ยวพันกับความสุขของลูกสาวเขา

ความเสน่หาของเย่หวูเฉินที่มีต่อฮั่วฉุ่ยโหรวแน่นอนว่าไม่ใช่ถึงขนาด “หลงจนโง่งมงาย” แต่เป็นเพียงความหลงใหลต่อกัน โดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อเขาหลงใหลในสิ่งใด เขาจะไม่ยอมแบ่งปันสิ่งนั้นกับผู้อื่น และไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ตนต้องเสียใจในอนาคต ในขณะเดียวกัน การได้ตัวฮั่วฉุ่ยโหรวย่อมรวมไปถึงตัวของฮั่วเจิ้นเทียนรวมทั้งตระกูลฮั่วทั้งหมด ดังนั้นเขาต้องแย่งมันมา และต้องแย่งมาในเวลาที่สั้นที่สุด อย่างน้อยที่สุดนางต้องไม่แต่งงานเข้าตระกูลหลิน

การที่ฮั่วเจิ้นเทียนดุด่าเขาแสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้อง

เย่หวูเฉินยิ้มบางและรีบกล่าว “แม้แต่ผู้อาวุโสที่ฉลาดหลักแหลมยังคิดไปในทางนี้ ผู้อื่นก็ย่อมคิดไปในทางเดียวกัน”

ฮั่วเจิ้นเทียนชะงัก จากนั้นกล่าวอย่างระมัดระวัง “สหายน้อย เจ้าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดที่ข้าเคยรู้จัก ดูไม่สมเหตุผลหากจะบอกว่าเจ้าทำเรื่องผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ได้ อย่าบอกข้านะว่า...”

“เป็นไปไม่ได้สำหรับข้าที่จะทำเรื่องอ่อนประสบการณ์เช่นนั้น ชั่วชีวิตข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครดูหมิ่น เมื่อพิจารณาจากสภาพการณ์ของตระกูลเย่ในปัจจุบัน หากข้ายังคงเป็นเย่หวูเฉินคนเดิมเหมือนเมื่อปีก่อน แผนการชั่วร้ายนี้สมควรดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ในความเห็นของข้า การประกาศให้ผู้คนรับรู้นับเป็นวิธีป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุด ใช้ความสามารถทำให้โลกตะลึงในคราเดียว กระทั่งเหยียบย่ำอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเวลาเดียวกัน เบื้องหลังข้ายังมีเทพกระบี่ที่ไม่มีผู้ใดกล้ากระตุ้นยั่วโทสะ ผลที่ตามมาก็คือ ผู้คนย่อมคิดว่าทั้งหมดนั่นคือทุกสิ่งที่ข้ามี แต่พวกเขายังไม่รู้ว่า....”

เย่หวูเฉินยกยิ้มมุมปากและไม่กล่าวต่อ ภาพพจน์ลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมานับว่าสมบูรณ์แบบ จะมีใครคิดว่าชายหนุ่มผู้เหนือล้ำสุดขั้วผู้นี้ยังไม่ได้เผยไพ่ออกมาทั้งหมด ภาพพจน์ลวงตาที่เขาสร้างไว้ย่อมทำให้ศัตรูเผยไพ่ในมือออกมาทีละน้อยๆจนกระทั่งตัวตนเน่าเหม็นที่แท้จริงของพวกมันปรากฎออกมา

และเขายังมีไพ่ลับอยู่ในมือ....ยกตัวอย่างในเวลานี้ เขามีกองวัตถุระเบิดที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เขาสามารถใช้มันทำลายตระกูลหลินจนแหลกเละเป็นจุณ หรือกระทั่งกระบี่หนานฮวงที่สามารถควบคุมสำนักจักรพรรดิใต้ และยังมีอย่างอื่น....

ไพ่ใหญ่ในมือที่ไม่มีผู้ใดรู้นอกจากตัวเขาเอง

ฮั่วเจิ้นเทียนเข้าใจความหมายของเขาและยิ่งตื่นตัว “หรือว่าเจ้ายังเก็บงำบางสิ่งเอาไว้?”

จากสีหน้าลังเลของเย่หวูเฉิน ฮั่วเจิ้นเทียนรีบโบกมือทันที “ไม่เป็นไร นั่นเป็นเรื่องของเจ้าไม่จำเป็นต้องบอกข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงกลายเป็นมีส่วนด้วย แม้ว่าข้าจะเป็นคนหยาบคายแต่ข้าก็ยังมีกฎของข้า ตระกูลฮั่วของข้าดำรงอยู่ได้เพราะอาณาจักรเทียนหลง หากไม่ใช่เพราะราชตระกูลเทียนหลง ตระกูลฮั่วของข้าย่อมไม่อาจมีวันนี้ และเจ้า,สหายน้อยถูกชะตาลิขิตให้ไม่อาจหยุดพักหย่อนใจ หากมีวันใดเจ้าเผชิญหน้ากับเรื่องยากลำบาก...แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกเขยของข้า ข้าก็จะไม่ช่วยเหลือเจ้า แต่....” เขาหยุดแล้วลดเสียงลง “หากตระกูลเย่ของเจ้าเผชิญหน้ากับวิกฤตหายนะ จงลอบหาวิธีส่งข้อความให้ข้า... อย่างไรก็ตาม ลูกสาวข้าก็อาศัยอยู่ในที่ของเจ้า”

เสียงของฮั่วเจิ้นเทียนที่ปกติดังสนั่นฟ้ายามนี้กล่าวเสียงเบา เบาจนกระทั่งฟังแทบไม่ได้ยินชัดเจน สำหรับคนอย่างเขาที่ซื่อสัตย์ต่ออาณาจักรเทียนหลง เขาต้องพยายามอย่างมากเพื่อกล่าวคำเหล่านี้ออกไป กระทั่งต้องทนต่อความรู้สึกเกลียดชังตนเอง เหมือนกำลังทำผิดกฎที่ตนตั้งไว้ เย่หวูเฉินยืนขึ้น ก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วกล่าว “ขอบคุณ...ท่านพ่อตาที่น่าเคารพของข้า”

ฮั่วเจิ้นเทียนชะงักขณะหนึ่ง จากนั้นหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จะสุภาพไปทำไมในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพ่อตา ที่ข้าพูดเมื่อครู่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เจ้าอย่าได้จริงจังกับมันมาก.... หรือถ้าหากเจ้าต้องการยึดถือจริงจัง เช่นนั้นเจ้าต้องรับปากข้าข้อหนึ่ง เจ้าจะยอมรับหรือไม่?”

เย่หวูเฉินตอบกลับทันที “โปรดบอกมาเถอะ ท่านพ่อตา หวูเฉินย่อมทำตามที่ท่านสั่ง”

“ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด....”

ฮั่วเจิ้นเทียนกลับกลายเป็นเขินอายในฉับพลัน เขาเริ่มกล่าวงึมงำ “เพียงแค่ว่า.... ข้ามีลูกสาวคนเดียวอยู่ข้างกาย หากเจ้านำตัวนางไปข้าก็จะไม่เหลือสิ่งใด หากว่าพวกเจ้าทั้งสองสามารถ.... อะแฮ่ม! แต่งงานกันให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และให้กำเนิดหลานให้ข้าหรืออะไรทำนองนั้น การได้อุ้มหลานไว้ในอ้อมแขนย่อมทำให้ชีวิตข้ามีความหมายมากขึ้น”

“...........”

....................................................

หลังจากที่ลอบเข้าบ้านตระกูลฮั่วเหมือนผี ตอนนี้เขาเดินออกมาอย่างแขกผู้มีเกียรติ ยามเฝ้าประตูทั้งสองคนอยากกล่าวบางสิ่งแต่ก็ลังเล พวกเขาอยากถามว่าเขาเข้าไปได้อย่างไร

ขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไป ก็มีชายหนุ่มงามสง่าเดินเข้ามาใกล้ บุตรชายคนโตแห่งตระกูลหลิน ,หลินเสี่ยว ไม่มีผู้ติดตามเขามา ใบหน้าแช่มบานของเย่หวูเฉินทำให้หลินเสี่ยวเลิกคิ้วสูง เข้าก้าวเข้าไปอย่างสุภาพและเอ่ยปากทักทาย “ที่แท้ก็เป็นคุณชายเย่”

“โอ้?” เย่หวูเฉินเหลือบมองด้วยหางตา กล่าวด้วยความงุนงง “คุณชาย ท่านดูคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ทราบว่าข้าควรเรียกท่านว่าอะไร?”

เมื่อได้ฟังยามเฝ้าประตูทั้งสองต่างคิดว่าหูตนมีปัญหา นายน้อยเย่ผู้นี้พึ่งเอาชนะนายน้อยหลินเมื่อไม่กี่วัน แต่วันนี้เขากลับจำไม่ได้ในฉับพลัน? หรือว่า....เขาไม่ได้แยแสใส่ใจเขาเลย

“ข้าคือหลินเสี่ยว” หลินเสี่ยวไม่แสดงความโกรธใดๆ เขากลับตอบอย่างสงบ

“โอ้...คุณชายหลิน เห็นแก่ความจำย่ำแย่ของข้า โปรดอย่าถือสาใส่ใจ ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ?” เย่หวูเฉินถาม

“หลินเสี่ยวมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนว่าที่พ่อตา แล้วคุณชายเย่....”

“โอ้ น่าเสียใจ ข้าเกรงว่าคุณชายหลินคงไม่อาจสมความปรารถนาแล้ว” เย่หวูเฉินยักไหล่ จากนั้นเดินผ่านเขาไปโดยไม่มองอีกเลย

เวลานี้เอง มีเสียงลั่นฟ้าดังมาจากในสวน ทำให้ยามประตูทั่งสองตกใจสั่นกลัว “ตาเฒ่าผู้นี้มีเรื่องต้องคุยกับลูกสาวในช่วงบ่าย ไม่ว่าผู้ใดมาเยือนก็ห้ามให้พวกเขาเข้ามา”

ยามประตูทั้งสองมองหน้ากันอย่างสะดุ้งตกใจ หนึ่งในพวกเขารวบรวมความกล้าตะโกนกลับไป “แต่ว่านายท่าน นายน้อยหลินมาหา”

“ข้าไม่สนว่าจะเป็นตาเฒ่าหลินหรือเจ้าหนุ่มหลิน พวกเจ้าหูหนวกหรือยังไง? ข้าสั่งไปแล้วว่าห้ามให้ใครเข้ามา ต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิก็ตาม! พวกเจ้าก็แค่ไล่เขากลับไป!!”

หลินเสี่ยวโบกมือทันที “พี่ชาย ในเมื่อเจ้านายของพวกท่านสั่งมา เช่นนั้นข้าก็จะไม่รบกวนพวกท่านอีก ข้าขอตัวลา”

แม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับนายน้อยหลินอยู่แล้ว พวกเขายังคงต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย พวกเขาตอบกลับไปพร้อมกัน “รักษาตัวด้วยนายน้อยหลิน”

มองไปยังเย่หวูเฉินที่ไม่เคยเหลียวหลังกลับมามองนับแต่เขาก้าวเท้าออกไป หลินเสี่ยวลอบกัดฟันและรีบเดินตามไปอยู่ข้างๆ “คุณชายเย่โปรดรอก่อน ข้ามีบางอย่างอยากจะกล่าว”

“โอ้? เช่นนั้นก็โปรดพูดออกมา” เย่หวูเฉินตอบ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ชะลอฝีเท้าทั้งยังไม่หันศีรษะมามอง

หลินเสี่ยวกดระงับอารมณ์ไว้แล้วกล่าว “คุณชายเย่ ข้าต้องทำเช่นไรท่านถึงจะยอมเลิกตามคุณหนูฉุ่ยโหรวแห่งตระกูลฮั่ว ความสามารถของท่านเหนือล้ำเกินกว่าใคร ดังนั้นจึงมีคนชื่นชมท่านอยู่มากมาย กระทั่งลูกสาวของตระกูลชูเกอและตระกูลชางกวน สองสตรียอดเยี่ยมที่หลงใหลในตัวท่าน ข้าได้ยินกว่าพวกเขากระทั่งไปบ้านท่านเพื่อเสนอการแต่งงาน จะคุ้มเสี่ยงหรือที่ท่านจะยึดติดกับฮั่วฉุ่ยโหรว? ท่านไม่รู้หรือว่าการทำเช่นนี้ จะส่งผลให้พวกเราสองตระกูลตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก?”

“ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลหลินของท่านขัดแย้งกันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่นับว่าต่างกัน” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส

“การหมั้นของข้ากับฮั่วฉุ่ยโหรวมีองค์จักรพรรดิจัดการด้วยพระองค์เอง...”

“เช่นนั้นท่านควรไปพบองค์จักรพรรดิไม่ใช่มาพบข้า”

หลินเสี่ยวถอนหายใจยาว ลดเสียงต่ำลงและกล่าว “เพียงแค่ท่านปล่อยฮั่วฉุ่ยโหรวไป ข้าจะยอมทำตามท่านทุกอย่าง ถือว่าข้า....ขอร้องท่าน”

เย่หวูเฉินเลิกคิ้วขึ้นและกล่าว “ท่านเคยก้มศีรษะขอร้องใครมาก่อนหรือไม่?”

“ไม่เคย”

“ถ้าวันนี้ท่านต้องก้มศีรษะเพื่อขอร้อง ท่านจะทำหรือไม่?”



<<<PREV    .    NEXT>>>