วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 116

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 116 ตกตะลึง

หนิงเสวี่ยรอแล้วรอเล่า ในที่สุดนางก็เห็นพี่ชายกลับมา แต่เมื่อเห็นเขาอุ้มสาวน้อยในอ้อมแขน ริมฝีปากนางเม้มลงช้าๆ สาวน้อยคนนั้นอยู่ในที่ที่ควรเป็นของนาง

นางสลัดความเสียใจเล็กน้อยนั้นทิ้ง แล้ววิ่งออกไปทักทาย “ท่านพี่ ท่านไปไหนมา ทำไมท่านถึงหายไปนานนัก?”

“ข้าไปหาพี่สาวมาให้เจ้า”

เย่หวูเฉินวางทงซินในอ้อมแขนลง ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะกลับเข้าเมืองเทียนหลง เย่หวูเฉินบอกให้นางพิงไหล่เขาอยู่เงียบๆและห้ามลืมตา

“ทงซิน นี่คือหนิงเสวี่ย นับแต่นี้ต่อไปนางจะเป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าต้องปฏิบัติต่อนางเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อข้า เข้าใจหรือไม่?”

ทงซินพยักหน้าช้าๆ ยิ้มให้หนิงเสวี่ยอย่างงดงาม ชั่วขณะที่หนิงเสวี่ยจ้องมอง นางตะลึงค้าง โดยแทบไม่รู้ตัวนางกล่าวออกมา “ท่าน น่ารักเหลือเกิน.... งดงามยิ่งนัก!”

หลังจากพูดเสร็จ นางยื่นมือออกสัมผัสใบหน้าของทงซิน เด็กหญิงที่มีจิตใจปกติย่อมชื่นชอบสิ่งสวยงาม ความประทับใจแรกของนาง คือตราตรึงในรูปโฉมของทงซิน นางอยากกอดทงซินให้แน่นเหมือนกอดตุ๊กตา

“พี่ทงซิน ท่านน่ารักจริงๆ” หนิงเสวี่ยกล่าวอย่างชื่นชม นางเก็บมือกลับมา ลูบแผลเป็นบนใบหน้าของตนเอง นางรู้สึกอายเพราะพวกมัน แต่ความรู้สึกนั้นหายไป เพราะตราบใดที่พี่ชายไม่เกลียดนาง เหตุใดนางต้องสนใจเรื่องนี้?

ทงซินยื่นมือออกสัมผัสใบหน้าของหนิงเสวี่ยเช่นกัน นางลูบบนสองรอยแผลเป็นนั้น แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย หนิงเสวี่ยรู้สึกว่าบางอย่างแปลกไป ทงซินไม่กล่าววาจาจนกระทั่งถึงตอนนี้

“เสวี่ยเอ๋อร์ ทงซินไม่สามารถพูดได้ ยิ่งกว่านั้นนางยังไม่รู้เรื่องสิ่งใด เจ้าต้องดูแลนางให้ดี” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“อื้ม! ข้าจะทำให้ดี”

ตอนนี้ นางไม่ได้มีเพียงแค่พี่ชาย แต่นางยังมีพี่สาว แล้วนางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?

สาวน้อยสองคน หนึ่งมีผมสีดำ อีกหนึ่งมีผมสีขาว หนึ่งสวมชุดดำ อีกหนึ่งสวมชุดขาว เมื่อสองคนยืนเคียงข้างกัน ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง รอยยิ้มของเย่หวูเฉินหายไปในฉับพลัน เพราะเขาพบว่า หนิงเสวี่ยสาวน้อยในชุดขาวกับทงซินสาวน้อยในชุดดำ นอกจากสีที่ต่างกันแล้ว.... สิ่งอื่นๆล้วนเหมือนกันอย่างไม่คาดคิด!

ชุดของหนิงเสวี่ยยังคงเป็นชุดเดิมที่นางสวมใส่ยามที่พบกับเย่หวูเฉินครั้งแรก ชุดยังคงสะอาดไร้ตำหนิไม่มีความเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเปื้อนสิ่งสกปรก ไม่ว่าเย่หวูเฉินจะลองใช้วิธีใด เขาก็ไม่สามารถทำลายมันได้

เย่หวูเฉินยื่นนิ้วออก เปล่งแสงไร้สีแล้วค่อยๆกรีดลงบนชุดของทงซิน ผลลัพธ์คือ... ชุดของทงซินไร้ริ้วรอย ไม่ปรากฎรอยขาดวิ่นใดๆ

แววตาและหัวใจของเย่หวูเฉินสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาคิดย้อนกลับไปยังวันแรกที่มาถึงโลกใบนี้ นึกถึงเสียงแรกที่ได้ยิน...

“....ในที่สุดอาณาจักรเทพก็ส่งผู้กอบกู้ลงมาช่วย โดยมาเพียงแค่สองพี่น้องเทพธิดา หนึ่งนั้นทั่วศีรษะจรดปลายเท้าล้วนเป็นสีขาวดุจหิมะ ทั้งเส้นผม เสื้อผ้าอาภรณ์ ตลอดจนถึงปีกกว้างก็ล้วนเป็นสีขาวทั้งหมด นางถูกเรียกว่า ‘เทพธิดาปีกขาว’ ส่วนอีกคนพี่สาวเป็นสีดำ ทั้งเส้นผม ดวงตา ตลอดจนปีกสีดำของนางดูราวอสูรมาร นางจึงถูกเรียกว่า ‘เทพธิดาปีกดำ’........”

ชุดสีขาวและเส้นผมสีขาว.... เส้นผมสีดำและดวงตาดำทมิฬ....

กลับระบุถึงตัวตนของหนิงเสวี่ยและทงซินที่อยู่เบื้องหน้าเขาในเวลานี้!

เย่หวูเฉินดูคล้ายไม่รู้ตัวขณะที่ประคองหนิงเสวี่ยด้วยแขนข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งมือขวาลูบที่แผลเป็นบนใบหน้า เขากล่าวอย่างอ่อนโยน “หรือว่านี่คือคำสาปที่เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน? หากเป็นเช่นนั้นจริง... ในอดีตเจ้าไปพบเจอสิ่งใดมา... เหตุใดเจ้าจึงไม่กลับไป... ทำไมถึงกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆ?.... นี่...นี่คงเป็นเพียงจินตการของข้า”

หนิงเสวี่ยกระพริบตาปริบอย่างไร้เดียงสา เห็นได้ชัดว่านางไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

มีเสียงเคาะประตู จากนั้นเย่ซีก็ส่งเสียงเรียกจากข้างนอกประตู “นายน้อย นายหญิงสั่งให้ข้านำอาหารมาส่งให้คุณหนูคนใหม่”

“เข้ามา”

ประตูเปิดออก เย่ซีก้าวเข้ามาก้มศีรษะต่ำพร้อมกับถือถาดในมือ เขาวางถาดลงบนโต๊ะและอดไม่ได้ที่จะลอบมองคุณหนูคนใหม่ สงสัยว่านางจะมีหน้าตาเช่นไร ทันใดนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สายตาและเท้าไม่อาจขยับราวกับถูกปักตรึงอยู่กับที่

เขาเคยคิดมาตลอด ว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเย่คือเทพธิดาที่งดงามที่สุดบนผืนโลก แต่เวลานี้เขาพลันตระหนักว่ามนุษย์สามารถงดงามได้มากกว่านั้น ทั้งด้วยวัยเพียงเท่านี้ นางกลับงดงามกว่าคุณหนูใหญ่ งดงามเหนือล้ำจนเขาเกือบถูกพรากวิญญาณในทันที

“เย่ซี เจ้าออกไปก่อน”

น้ำเสียงราบเรียบราวกับสายฟ้าปลุกเย่ซีให้ตื่นขึ้น เขาก้มศีรษะแล้วก้าวออกไปอย่างเร่งรีบ โดยที่ไม่หันกลับมามอง ด้วยความตกตะลึงที่ประสบมา เขาอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ สาวน้อยที่งดงามราวนางฟ้า มีเพียงนายน้อยสุดยอดพรสวรรค์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ชื่นชม... เพียงแต่ นายน้อยหมกมุ่นเกินไปแล้ว!

“อ้อ อีกอย่าง ช่วยบอกเสี่ยวลู่ให้เตรียมน้ำอาบแล้วนำมาส่งที่นี่ให้ด้วย” เย่ซีเกือบออกพ้นประตูขณะที่เย่หวูเฉินสั่งงาน เขารีบตอบรับแล้วออกไปทันที

แม้ว่าจะใช้น้ำชำระกลิ่นเลือดออกจากร่างกายของทงซินแล้ว มันก็ยังไม่หมดจดสมบูรณ์ เขาต้องการให้กลิ่นเลือดทั้งหมด หายไปจากร่างกายของทงซิน

“ทงซิน เจ้าจำที่ข้าบอกกับเจ้าได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงทฤษฎีเหนือจริง

สาวน้อยชุดดำผงกศีรษะ นางไม่กล้าลืมถ้อยคำของเขา นอกจากมีใครทำร้ายนางหรือคนที่นางต้องปกป้อง หรือหากไม่มีคำอนุญาตจากเขา นางไม่สามารถสังหารหรือปลดปล่อยกลิ่นอายมรณะได้

อ่างน้ำร้อนถูกหามมาส่งโดยเย่ซีและเย่บา เย่หวูเฉินโบกมือสั่งพวกเขาให้ออกไป จากนั้นโน้มกายหาทงซิน “ข้าและเสวี่ยเอ๋อร์จะออกไปข้างนอก เจ้าอาบน้ำระหว่างที่รอพวกเรากลับมา เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

ทงซินกระพริบตาปริบ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

เย่หวูเฉินหมดทางเลือกหลับตาลง ชุดของทงซินไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกล้วนเหมือนกับชุดของหนิงเสวี่ย ดังนั้นเขาจึงถอดชุดของทงซินออกได้อย่างคุ้นเคย จากนั้นอุ้มนางลงแช่ในอ่าง เขาลืมตาขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ชำระล้างกลิ่นทุกอย่างที่ติดร่างกายเจ้า แล้วรอข้ากลับมาเงียบๆ ระหว่างนี้ ห้ามให้ใครเข้ามา”

เขาไม่ได้มองร่างกายของนางโดยตรง เนื่องจากแค่ความงามก็เพียงพอกระชากวิญญาณแล้ว หากเห็นร่างเปลือยเปล่าของนาง เย่หวูเฉินกังวลว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเอง

ร่างของทงซินจมอยู่ในน้ำ โผล่ขึ้นมาเพียงศีรษะและไหล่หยกกลมกลึง แม้ว่านางจะไม่เต็มใจนัก นางก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

เย่หวูเฉินส่งชุดของทงซินให้เสี่ยวลู่ สั่งให้นางซักให้สะอาด จากนั้นเขาออกไปพร้อมกับหนิงเสวี่ย สถานที่แรกที่พวกเขาจะไปคือบ้านหมอกฝัน สถานที่ที่พวกเขาพึ่งไปมาในตอนเช้า

เย่หวูเฉินกลับมาอย่างปลอดภัย ขณะที่สตรีสี่นาง ฟง , ฮั่ว , เสวี่ย และเยว่ ผู้ที่ติดตามเขาไปไม่ได้กลับมา ไร้ซึ่งข่าวคราวใดๆ ฉุ่ยเมิงฉานไม่อาจสงบใจได้ เมื่อได้รับการแจ้งว่าเขามาถึง นางรีบบอกคนของนางให้พาเขาเข้ามาข้างใน

“คุณหนูฉุ่ย ท่านกำลังกังวลเรื่องคนของท่านอยู่ใช่หรือไม่?” เย่หวูเฉินถามเข้าประเด็นทันที ไม่มีการทักทาย เขานั่งลงตรงที่เดิมในครั้งก่อน

“ในเมื่อคุณชายเย่กลับมาแล้ว พวกนางก็สมควรกลับมาเช่นกัน” ฉุ่ยเมิ่งฉานตอบ นางไม่สงสัยเรื่องที่เย่หวูเฉินรู้ตัวว่าถูกติดตาม

“ฮ้า! พวกนางจะไม่กลับมาอีกแล้ว คุณหนูฉุ่ยโปรดอย่าได้รอพวกนางกลับมาอีกเลย” เย่หวูเฉินถอนหายใจ เขาตอบกลับไปด้วยสีหน้าแสดงความเสียใจ

“โอ้? ท่านหมายความเช่นไร คุณชายเย่?” แม้น้ำเสียงของฉุ่ยเมิ่งฉานจะยังคงนุ่มนวลราวกับหมอกควัน แต่หัวใจนางกำลังเต้นกระหน่ำรุนแรง

“จะว่าไป ข้าก็มีส่วนในเรื่องนี้ พวกนางเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับเถาไปไป แต่พวกนางไม่ใช่คู่มือของเขา ดังนั้นพวกนางทั้งหมดจึงตกตาย พวกนางทั้งสี่ตายเพื่อปกป้องข้า... ไม่สิ ข้าควรพูดว่า พวกนางปกป้องกระบี่หนานฮวง พวกนางแลกชีวิตโดยไม่ลังเล ไม่มีถอยแม้แต่ก้าวเดียว สมกับที่เป็นคนของสำนักจักรพรรดิใต้ ย่อมไม่มีสำนักไหนสามารถฝึกคนของตนให้ภักดีสุดขั้วได้ถึงเพียงนี้” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมถอนหายใจ ขณะที่อธิบายรายละเอียดการตายของพวกนาง ด้วยคำอธิบายแบบนี้เท่านั้น ฉุ่ยเมิ่งฉานจึงจะไม่สงสัยสิ่งใด เพราะกระบี่หนานฮวงนับว่าสำคัญที่สุดต่อสำนักจักรพรรดิใต้อย่างแท้จริง เป็นเหตุผลเดียวที่พวกนางจะเสี่ยงชีวิตของตัวเอง

บรรยากาศเย็นเยียบลงฉับพลัน ราวพายุห่าฝนพัดผ่านพวกเขา เย่หวูเฉินยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ สีหน้าของเขายังคงสงบและไม่แยแส ราวกับว่าเขาไม่สังเกตเห็นสิ่งใด เจ้าของกลิ่นอายนี้คือฉุ่ยเมิ่งฉานอย่างน่าประทับใจ

“ในเมื่อท่านกลับมาได้อย่างปลอดภัย ก็นับว่าพวกนางได้บรรลุวัตถุประสงค์ ท่านทราบหรือไม่ว่าเวลานี้เถาไปไปอยู่ที่ใด?” ฉุ่ยเมิ่งฉานถามราบเรียบ แต่ลมหายใจนางปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด สตรีทั้งเจ็ดคอยปกป้องนางตั้งแต่ครั้งที่นางยังเป็นเด็กเล็กๆ นางเชื่อใจสตรีเหล่านี้ที่สุด และพวกนางยังเป็นผู้ใต้บัญชาที่ทรงพลังที่สุด พวกนางแต่ละคนล้วนมีพลังแกร่งกล้าสูงส่ง ไม่ว่าใครในพวกนาง ล้วนสามารถเดินเชิดหน้าอย่างภาคภูมิได้ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน ยามนี้ต้องสูญเสียพวกนางถึงสี่คนในวันเดียว ความสูญเสียเช่นนี้ไม่อาจรับได้สำหรับสำนักจักรพรรดิใต้ รวมทั้งสำหรับฉุ่ยเมิ่งฉาน เป็นเรื่องสะเทือนใจอย่างยิ่งยวดสำหรับนางอย่างไม่ต้องสงสัย

“เขาตายแล้ว ตายเพราะยุทธภัณฑ์ชั้นเทพที่อาจารย์ของข้ามอบให้ไว้ แม้ว่ามันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว มันก็ยังทรงพลังอย่างมาก เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้เถาไปไปตกตายได้ คุณหนูฉุ่ย ถ้าหากว่าท่านพอมีเวลา ท่านสามารถไปสำรวจดูบริเวณหอคอยปีศาจได้” เย่หวูเฉินบอกส่วนที่เหมือนกับที่เล่าให้เย่เว่ยฟัง จากนั้นกล่าวต่อ “ข้าได้ฝังร่างของพวกนางไว้ในสถานที่แห่งนั้น อย่างไรเสีย พวกนางก็ตายเพราะข้า แต่ถึงจะไม่มีพวกนาง ข้าก็ยังสามารถกำจัดเถาไปไปได้อยู่ดี ดังนั้น ข้าขอขอบคุณสำนักจักรพรรดิใต้ของพวกท่าน แต่ข้าไม่ได้ติดข้างพวกท่านในสิ่งใด”

ฉุ่ยเมิ่งฉานเงียบอีกครั้ง ฟง , ฮั่ว , เสวี่ย และเยว่ การที่ทั้งสี่ตายด้วยน้ำมือของเถาไปไปนั้น นางไม่สงสัย แต่เถาไปไปผู้มีสมญา ‘มือสังหารอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลง’ ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ กลับต้องมาตกตายด้วยน้ำมือของเย่หวูเฉิน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ตกตะลึง

ยุทธภัณฑ์ชั้นเทพแบบใดกันที่เขากล่าวถึง?

“หวูเฉินมาที่นี่เพื่อบอกกล่าวแก่คุณหนูฉุ่ย เสร็จธุระของข้าแล้ว ดังนั้น ข้าขอตัว”

เย่หวูเฉินยืนขึ้นและพาหนิงเสวี่ยออกไป ฉุ่ยเมิ่งฉานไม่ตอบสนองสิ่งใดเป็นเวลานาน ไม่แม้กระทั่งกล่าวคำอำลา ไม่อาจทราบได้ว่า นางกำลังเหม่อลอยครุ่นคิดถึงสิ่งใด



<<<PREV    .    NEXT>>>