วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 441

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 441 พลังเหนือเทพ , อสูรมังกรม่วง (2)

อสูรมังกรม่วงมีขนาดใหญ่เกินไป มันไม่เห็นมนุษย์ตัวเล็กๆสามคนที่อยู่ด้านล่าง หนึ่งก้าวเหยียบย่างกินระยะทางกว่าสิบๆเมตร ย่นระยะทางระหว่างมันกับพวกเย่หวูเฉินถึงหนึ่งในสาม เย่หวูเฉินเอ่ยเสียงเคร่งว่า “ถอยไป” จากนั้นทะยานร่างขึ้น ลอยอยู่บนอากาศระดับเดียวกันหัวของมัน เย่หวูเฉินตะโกนลั่นออกไป “อสูรมังกรม่วง!”

เขาตะโกนเรียกชื่ออสูรมังกรม่วงโดยตรง หวังให้มันหยุดเท้าด้วยความแปลกใจ ทว่าอสูรมังกรม่วงกลับทำในสิ่งที่เขาไม่ได้คาดหวัง มันเหวี่ยงกรงเล็บฉับพลัน นำพากระแสลมแรงกล้าพุ่งสู่ร่างของเย่หวูเฉิน

เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางสะดุ้งเฮือก พุ่งกายหมายไปบังเบื้องหน้าเย่หวูเฉินโดยไร้ความลังเล แม้ว่านี่เป็นการเหวี่ยงกรงเล็บธรรมดาของอสูรมังกรม่วง แต่พลังที่บรรจุมาน่ากลัวเกินหยั่งคาด เย่หวูเฉินกำลังจะหลบเลี่ยง ทว่าเขามองเห็นเหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางพุ่งเข้ามา ดังนั้นจึงหยุดอยู่กับที่มั่นคง สองมือเคลื่อนพลังเต็มที่ แสงฟ้าสว่างวาบขึ้นโดยรอบ เกิดกำแพงน้ำแข็งหนาซ้อนกันนับสิบชั้น กางกั้นอยู่เบื้องหน้า

เปรี้ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ.......

ปราการน้ำแข็งกั้นขวางได้กระทั่งยอดฝีมืออย่างเหยียนต้วนหุน ทว่ามันกลับถูกทำลายอย่างง่ายดายโดยอสูรมังกรม่วง น้ำแข็งถูกทะลวงสู่ชั้นที่แปด จนสุดท้ายหยุดในชั้นที่เก้าและสิบ ในชั่วเวลาสั้นๆนี้ เย่หวูเฉินหมุนร่างคว้าเหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางที่พุ่งเข้ามา เกร็งกำลังไปที่แขนทั้งสองข้าง เหวี่ยงคนทั้งสองออกไปไกลเกินหนึ่งกิโลเมตร พร้อมกับส่งเสียงลึกล้ำผ่านไปถึงหูทั้งสองคน “อย่าพึ่งวู่วาม!”

น้อยครั้งที่เย่หวูเฉินจะใช้น้ำเสียงตึงเครียดเช่นนี้ ถ้อยคำแฝงคำเตือนไปยังพวกเขา เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางหัวใจเย็นวูบเล็กน้อย แม้พวกเขาห่วงความปลอดภัยของเย่หวูเฉิน แต่ก็ไม่กล้าลงมือวู่วามอีก ทำได้เพียงสงบอารมณ์มองดูอยู่ห่างกว่าหนึ่งกิโลเมตร

“อสูรมังกรม่วง ครั้งหนึ่งเจ้าคือราชันแห่งอสูรแดนใต้ เจ้าไม่สมควรปรากฎตัวอยู่ที่นี่ จงกลับไปซะ แต่หากเจ้ามีเหตุผลอันใด เช่นนั้นจงบอกข้า พวกเราจะช่วยเจ้าจนถึงที่สุด” เมื่อเห็นอสูรมังกรม่วงหยุดเท้าลง เย่หวูเฉินก็มองตามันจากฝั่งตรงข้าม กล่าวคำอย่างราบเรียบ อสูรมังกรม่วงดูเหมือนไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้เหมือนเช่นมังกรเพลิงฟ้า ทว่ามันย่อมเข้าใจถ้อยคำของเขาอย่างแน่นอน

จากข้อมูลที่ได้จากเนตรวิญญาณ แม้ไม่ทราบจุดกำเนิดของอสูรมังกรม่วง แต่ในอดีตมันคืออสูรที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่านั้น ธรรมชาติของมันยังดุร้ายและโหดเหี้ยม ทว่ามันจะเผยความโหดเหี้ยมออกมา เฉพาะยามที่ถูกล่วงล้ำสิ่งต้องห้ามของมันเท่านั้น

สิ่งต้องห้าม?

สิ่งต้องห้ามอันใด ที่ถึงขนาดทำให้อสูรผู้กบดานในดินแดนสาบสูญนานนับพันๆปีหรือกระทั่งหมื่นปีต้องออกมาจากถิ่นของมัน? อีกทั้งยังออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว กระทั่งคิดทำลายดินแดนของมนุษย์.... หรือเป็นเพียงเพราะระเบิดเท่านั้น? แรงระเบิดอาจส่งผลไปถึงดินแดนสาบสูญตอนใต้จริงๆ แต่คลื่นแรงระเบิดเมื่อไปถึงที่นั่นย่อมไม่เหลือความอันตรายแล้ว เรื่องนี้....

โฮก!!!!

มันตอบกลับเย่หวูเฉินด้วยเสียงคำรามสะเทือนโลก ในดวงตาอสูรมังกรม่วงวาบประกายสายฟ้าเข้มข้น สายฟ้าสองเส้นพุ่งใส่เย่หวูเฉินฉับพลัน  เย่หวูเฉินถูกแรงปะทะของสายฟ้าอัดร่างจนล่าถอย แม้เขาไม่เกรงกลัวธาตุทั้งห้าและไร้บาดแผลใดๆ แต่แรงกระแทกยังคงทำให้ร่างของเขาแทบฉีกขาด เมื่อหยุดร่างลงได้ เขาก็หอบหายใจเล็กน้อยและกล่าวอย่างจริงจัง “อสูรมังกรม่วง ข้ารู้ว่ามีบางอย่างกระตุ้นโทสะเจ้า แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยเป็นราชันแห่งอสูรนับหมื่น เจ้าสมควรทราบว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ หากเจ้าย่างเท้าเข้าสู่เขตแดนของมนุษย์ ย่อมเท่ากับนำพาหายนะที่ไม่อาจหวนกลับ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าย่อมถูกลงทัณฑ์อย่างเจ็บปวดทรมาน ฉะนั้น เจ้าจงหยุดเดี๋ยวนี้....”

โฮก!!!!

กราดเกรี้ยว ดุร้าย.... จากเสียงคำราม เย่หวูเฉินพลันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวังอันเลือนลาง หัวใจเขากระตุกวูบอย่างรุนแรง

อสูรมังกรม่วงเดินหน้ามาอีกหนึ่งก้าว ผืนดินสั่นสะเทือน หากครั้งนี้มันมิได้โจมตีเย่หวูเฉิน ราวกับมันไม่สนใจเขาอีก มันเดินตรงไปข้างหน้า เย่หวูเฉินชูมือสองข้างขึ้น ฉับพลันปรากฎหอกน้ำแข็งสองเล่มขึ้นในมือ แม้มันดูเหมือนหอกน้ำแข็งธรรมดา ทว่ามันอัดแน่นด้วยธาตุวารีเข้มข้นถึงขีดสุด นี่คือพลังธาตุธรรมชาติอันสุดขั้ว เขากู่ร้องเสียงต่ำ มือขวาเหวี่ยงออกไปนำหน้า มือซ้ายเหวี่ยงติดตาม หอกน้ำแข็งสองเล่มพุ่งตามกันสู่ร่างอสูรมังกรม่วง ในเมื่อไม่อาจหยุดยั้งด้วยวาจา เช่นนั้นต้องรั้งฝีเท้ามันให้ได้มากที่สุด จากนั้นค่อยค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน ด้วยช่องว่างพลังระหว่างมันกับพวกเขา หากหวังจู่โจมให้ได้ผลย่อมต้องเล็งไปที่ดวงตาหรือลำคอ แต่เย่หวูเฉินไม่ได้เล็งไปที่สองจุดนั้น เพราะนั่นมีแต่จะทำให้มันโกรธเกรี้ยวมากขึ้น และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลง

หอกน้ำแข็งสองเล่ม พลังของมันแทบเรียกได้ว่าต้องสาป กระทั่งยอดฝีมือเทวะหากถูกมันเข้ายังต้องบาดเจ็บหนัก อสูรมังกรม่วงเหวี่ยงกรงเล็บ เกิดเพียงเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังลั่น หอกน้ำแข็งเล่มแรกแตกกระจัดกระจาย มันเหวี่ยงกรงเล็บอีกครั้ง หอกน้ำแข็งเล่มที่สองแตกกลายเป็นเศษน้ำแข็ง เหนือกรงเล็บมังกรไร้ร่องรอยเสียหายแม้แต่น้อย

เย่หวูเฉิน “........”

ความแตกต่างของพลังมีมากเกินไป แม้ว่าเย่หวูเฉินมีพลังวารีไร้สิ้นสุด แต่ขอบเขตพลังสูงสุดที่เขาใช้ออกได้คือเทวะขั้นกลางเท่านั้น แม้ใช้พลังขั้นนี้ได้โดยไม่มีวันเหนื่อย แต่ยังคงยากที่จะสร้างบาดแผลให้กับมัน การชะลอฝีเท้าของอสูรมังกรม่วงนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

อีกทั้ง หากเขาถูกอสูรมังกรม่วงโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาต้องดับดิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

การโจมตีของเย่หวูเฉินทำให้อสูรมังกรม่วงเคลื่อนสายตาจับจ้องที่เขาอย่างน่ากลัว มันคำรามลั่นจนแผ่นดินสั่นสะเทือน ฝุ่นทรายม้วนพัด เย่หวูเฉินอยู่ใกล้เกินไป เพียงการคำรามก็ทำให้เขาหน้ามืดไปวูบหนึ่ง ร่างกายเกือบจะร่วงลง เมื่อเขาดึงสติกลับคืนมา พลังมหาศาลก็เหวี่ยงเข้ามาที่เบื้องหน้า.... เป็นหางของอสูรมังกรม่วงที่ตวัดมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

“นายท่าน!”

หลบไม่ทันแล้ว ดวงตาของเย่หวูเฉินแทบปริแตก เขาไม่เก็บยั้งสิ่งใดอีก ในมือวาบประกายแสงกระบี่ กระบี่ตัดดาราฟาดฟันกระบวนท่า ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ เหวี่ยงเข้าต้านรับสะเทือนลั่น

หางอสูรมังกรเหนือเทพปะทะเข้ากับกระบี่ต้องห้าม ร่างของเย่หวูเฉินปลิวลิ่วออกไป เขาไม่ได้ถูกหางฟาด แต่ปลิวด้วยแรงสะท้อนของพลังตัวเอง ร่างกายมหึมาของอสูรมังกรม่วงภายใต้พลังทรราชย์กลับล้มลง มันเงยหน้าขึ้นฟ้าคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด ผสานกับความโกรธอันเดือดดาล หางมังกรปรากฎร่องแผลตื้นๆ โลหิตมังกรหลั่งไหลออกมาและหยุดลงอย่างรวดเร็ว

ร่างของมันกลับได้รับบาดเจ็บ.... พันปี หมื่นปี มันจำไม่ได้แล้วว่าตัวมันบาดเจ็บครั้งสุดท้ายตอนไหน

โฮก.... โฮก.... โฮก....

มันเดือดดาล เมื่อเสียงคำรามถูกพ่นของมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงเสียดต่ำสะเทือนแก้วหูผู้คนอย่างรุนแรง

ร่างขนาดใหญ่ลุกขึ้นยืน จากนั้นมันกระทืบเท้าลงพื้น เกิดเสียงแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่น แผ่นดินรอบรัศมีหนึ่งกิโลเมตรยกสูงขึ้น ดินและหินจำนวนมหาศาลปลิวขึ้นทุกแห่ง ในพริบตาบดบังท้องฟ้า จากนั้นกลายเป็นสีม่วงด้วยพลังบางอย่าง ดุจอุกกาบาตสีม่วงปกคลุมฟ้า บดบังคนทั้งสามจนหมดสิ้น

ไร้โอกาสให้หลีกเลี่ยง เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางตะโกนกู่ก้อง ร่างกายแผ่รัศมีสีแดงแรงร้อนกลุ่มหนึ่ง แสงสีแดงขยายตัวออกช้าๆ เมื่อสัมผัสกับดินหินสีม่วงพวกมันก็กลายเป็นผง พวกเขารีบล่าถอยภายใต้พลังคุ้มกัน แยกออกห่างจากพลังน่าหวาดหวั่นที่ปกคลุมให้เร็วที่สุด

อสูรมังกรม่วงเพียงกระทืบเท้า ทว่ากลับสร้างหายนะน่าหวาดหวั่น หากอยู่เหนือสมรภูมิ ไม่ทราบว่าเท้านี้จะสร้างความตายได้เพียงใด ในเวลานี้เอง ช่องว่างระหว่างมนุษย์และเทพได้ปรากฎออกมาอย่างชัดแจ้ง

เบื้องหน้า เบื้องหลัง ด้านข้าง รอบตัวเย่หวูเฉินถูกกั้นด้วยปราการน้ำแข็ง เมื่อใดที่พวกมันแตกออกก็จะมีอันใหม่ปรากฎขึ้นมาแทน ในที่ไกลๆ เขามองเห็นเหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางหลุดพ้นขอบเขตการโจมตีของอสูรมังกรม่วงได้ในที่สุด พวกเขาหอบหายใจ ทันใดนั้น ปราการน้ำแข็งแตกออก เย่หวูเฉินไม่เกรงกลัว เผชิญหน้าดินหินที่บรรจุพลังสายฟ้า พุ่งตรงไปที่อสูรมังกรม่วงด้วยความเร็วสูงสุด

เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางปรับสภาพพลังในสถานที่ไกล ตรงนั้นพวกเขามองเห็นเย่หวูเฉินพุ่งไปอยู่เหนือศีรษะอสูรมังกรม่วง กระบี่ตัดดาราเปล่งแสงสีทองเหวี่ยงใส่กรงเล็บมังกรที่ยกขึ้นกั้น อสูรมังกรม่วงไม่กล้าดูถูกพลังนี้อีกหลังจากได้รับบาดแผล พลังไร้ต้านของมังกรถูกบรรจุลงไป ต้อนรับ ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ที่สามารถสังหารมนุษย์ผู้มีพลังเทวะได้ในกระบี่เดียว

“แยก....ฟ้า....ผ่า....ปฐพี!”

ตูม

กระบี่และกรงเล็บปะทะกัน แสงสีทองปกคลุมทั่ว จุดสัมผัสเกิดรอยแตกของอากาศ! เย่หวูเฉินปลิวไปดุจลูกกระสุนปืนใหญ่ไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร ตกลงพื้นใกล้ๆเหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนหุน ร่างไถลไประยะหนึ่งก่อนทรงตัวไว้อย่างมั่นคง ส่วนกระบี่ตัดดาราปลิวหลุดมือไปไกลทางขวา พร้อมกับเสียงกรีดร้องของหนานเอ๋อร์

เป็นครั้งแรกที่กระบี่ตัดดาราปลิวหลุดออกจากมือ

แขนเสื้อมือขวาเริ่มมีโลหิตซึม อีกทั้งยังขาดวิ่นเป็นริ้วๆ เผยให้เห็นแขนขวาที่เต็มไปด้วยรอยแตก โลหิตหลั่งไหลออกมา พื้นใต้แขนเริ่มกลายเป็นแอ่งอย่างรวดเร็ว 

“นายท่าน!” เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางตกใจอย่างหนัก รีบถลาไปเบื้องหน้า เย่หวูเฉินยกมือขึ้นหยุด “ข้าไม่เป็นไร”

พลังหวูเฉินเคลื่อนโคจร แขนขวาที่บาดเจ็บถูกรักษาอย่างรวดเร็ว กระบี่ตัดดาราที่ปลิวไปทางขวาบินกลับมาสู่มือ เขามองไปยังที่ไกล อสูรมังกรม่วงที่ยกกรงเล็บขึ้นต้านกระบี่ตัดดารา ยามนี้ปรากฎรอยเลือดตื้นๆเช่นเดียวกับที่หางของมัน แต่แทบไม่อาจนับเป็นอันใดเมื่อเทียบกับขนาดร่างกายมหึมาของมัน

นี่คือความต่างชั้นของพลัง คือขอบเขตพลังเหนือเทพ เขากุมศาสตราต้องห้ามในมือ แต่ยังคงสร้างบาดแผลให้มันได้เพียงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ เขาสามารถสร้างบาดแผลร้ายแรงให้แก่เจวี๋ยเทียนจาก ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ทว่าตอนนี้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นมาก ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ที่เขาเหวี่ยงวาดย่อมทรงพลังขึ้นขอบเขตใหญ่ เขาเชื่อว่าหากตอนนั้นเขามีพลังเท่าตอนนี้ เจวี๋ยเทียนคงถูกผ่าครึ่งโดยตรงไปแล้ว

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับขอบเขตพลังเหนือเทพขั้นสูงสุด พลังของเขายังคงนับว่าอ่อนแอ



<<<PREV    .    NEXT>>>