วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 454

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 454 เทียนฟงร่วงหล่น

ทว่าอย่างไรที่แห่งนี้ก็มีการคุ้มกันหนาแน่นตลอดปี ข่าวการบุกรุกของศัตรูถูกตะโกนออกไปทันใด ฉับพลันนั้นราตรีกลายเป็นโกลาหล อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การจลาจลธรรมดา เพียงไม่นานเสียงกู่ร้องสะเทือนปฐพีได้ดังมาจากใจกลางเมือง ทหารนับแสนออกมาจากอุโมงค์ เสียงกู่ร้องท่วมผืนราตรีที่เงียบสงบของเมืองเทียนฟง

กองทัพทั้งสี่ทิศ เหนือ-ใต้-ออก-ตก กู่ร้องก้องฟ้าขานรับทันที และดาหน้าตรงไปยังราชวังเทียนฟง

เมืองเทียนฟงเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เผชิญรับกองทัพเทียนหลงที่ราวกับร่วงตกจากฟ้า ทหารประจำเมืองเทียนฟงจำนวนมากคิดว่าตนฝันไป ทหารเทียนหลงทำลายแนวป้องกันของเมืองเทียนฟงที่ไม่ทันตั้งตัวจนย่อยยับ เหนือ-ใต้-ออก-ตก ทั้งสี่ทิศถูกคร่ากุมจนหมดสิ้น ยามนี้กองทหารกำลังทะลักไปยังราชวังเทียนฟง

“ตูม” ประตูหน้าราชวังเกิดเสียงระเบิดขึ้นต่อเนื่อง ประตูแน่นหนาถูกอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าปัดเป่า กองทหารเทียนหลงหลั่งไหลสู่เมืองเทียนฟงดุจคลื่นน้ำ ศัตรูทั้งหมดไม่ทันป้องกัน ยังคิดว่าตนอยู่ในความฝัน ในส่วนของทหารเทียนหลง กระทั่งบางคนที่มีขวัญกล้าเล็กจ้อยยังมุ่งสังหาร.... เบื้องหน้าของพวกเขา คือศูนย์กลางเมืองหลวงแห่งต้าฟง อาณาจักรที่คอยรุกรานพวกเขานับร้อยๆปี บัดนี้พวกเขากำลังรุดสู่สถานที่นั้นดุจฝันไป หอกดาบในมือตวัดวาด.... นี่คือเรื่องยิ่งใหญ่นำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล หลายร้อยปีต่อจากนี้ กลุ่มทหารเทียนหลงที่บุกมาที่นี่จะกลายเป็นตำนาน!

การจู่โจมยามราตรีครั้งนี้ ทหารแห่งเทียนหลงบุกเข้ามามากเป็นประวัติการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย ประดุจเหล็กแหลมคมกล้า เสียบแทงหัวใจของอาณาจักรต้าฟง

เมืองเทียนฟงในคืนมืดพลันสว่างแจ่มจ้าด้วยแสงไฟ ราตรีเงียบสงัดกลับกลายเป็นคืนสับสนทั้งแผ่นผืน

เสียงสงครามที่อุบัติได้ปลุกฟงเลี่ยตื่นขึ้นจากภวังค์ มันลุกพรวดนั่งบนเตียง มีเงาหนึ่งตื่นตระหนกรุดเข้ามา ฟงเลี่ยยังไม่ทันเอ่ยถาม องครักษ์ก็ตะโกนเสียงสั่น “ฝ่าบาท....องค์จักรพรรดิ! กองทัพเทียนหลงบุกเข้ามา.... ทั่วเมืองเต็มไปด้วยทหารเทียนหลง.... เต็มไปหมดทั้งเมือง!!”

“อะไร.... อะไรนะ!?” ฟงเลี่ยพลันตระหนักถึงบางอย่าง มันกระโดดลงจากเตียง คว้าคอเสื้อองครักษ์ถามด้วยความตกใจไม่อยากเชื่อ “พวกมันมาจากไหน? เทียนหลงอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ เห็นอยู่ชัดๆว่าพวกมันไม่มีทางเข้ามาได้แม้แต่ครึ่งก้าว หรือว่าพวกมันมีปีกบินเข้ามา!”

“พะยะค่ะ.... บินเข้ามา พวกมันต้องบินเข้ามาแน่ๆ....” เงามากมายที่วูบไหวรุกเข้ามาในราชวังทำให้องครักษ์ตกใจ ยามนี้มันกล่าวคำละล่ำละลัก ไม่ทราบว่ากี่คนในราชวังที่สวดภาวนาด้วยความกลัว หากนี่เป็นเพียงฝันร้าย เช่นนั้นได้โปรดรีบตื่นขึ้น....

หากนี่ไม่ใช่ฝันร้าย เช่นนั้นทหารเทียนหลงหลั่งไหลมาจากไหน หรือว่าพวกมันจะบินเข้ามาจริงๆ....

“เฮอะ!” ฟงเลี่ยปล่อยองครักษ์ลง สวมชุดลวกๆวิ่งไปเปิดประตู พอเห็นภาพด้านนอกก็ต้องสูดอากาศเย็นเยียบ จากนั้นรีบปิดประตูลงกลอนหนาแน่น ถอยหลังออกมาหลายก้าว ร่างกายแทบจะทรุดลง

ไม่แปลกใจที่เสียงตะโกนฆ่าจะดังใกล้เช่นนี้ ไม่แปลกใจที่องครักษ์มีสภาพแตกตื่นอย่างที่เห็น.... ทหารสวมเกราะของอาณาจักรเทียนหลง กำลังโจมตีกระจายอยู่ทั่ว ณ ตอนนี้

นี่คือใจกลางของราชวัง เป็นถึงวังประทับของจักรพรรดิ!!

บุกเข้ามาถึงที่นี่ได้ เห็นได้ชัดว่า.... ทั้งราชวังถูกยึดไว้จนเกือบหมดสิ้นแล้ว

“ใครก็ได้ ใครก็ได้มาที่นี่ที.... ใครก็ได้รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!”

ฟงเลี่ยตะโกนเสียงสั่น ทว่านอกจากเสียงตะโกนจากภายนอก ก็ไม่มีผู้ใดตอบกลับ ยอดฝีมือที่คอยคุ้มกันอยู่ลับๆไม่มีใครส่งเสียง เนื่องจากครึ่งหนึ่งเป็นคนของเย่หวูเฉิน ส่วนที่เหลืออีกครึ่งไม่อาจได้ยินเสียงอีกแล้ว

“ผู้อาวุโสฟง ท่านอยู่ไหน.... ผู้อาวุโสฟง รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า มาช่วยข้าเร็วเข้า!”

กระทั่งตอนที่ถูกจักรพรรดิมารข่มขู่คุกคาม ฟงเลี่ยยังไม่เคยหวาดกลัวถึงเพียงนี้ เพราะเงาที่พาดผ่านในปัจจุบัน คือเงาล่มสลายของอาณาจักร ราวกับฝันร้ายที่มาเยือนฉับพลัน ตอนนี้อาณาจักรเทียนหลงกำลังกระแทกประตูเพื่อจะพังเข้ามา หัวใจหวาดผวาจนนึกถึงฟงเฉาหยาง.... หากฟงเฉาหยางยังอยู่ มันย่อมไม่หวั่นกลัวแม้จะมีศัตรูนับหมื่นแสน

“โครม!!”

ประตูวังประทับถูกกระแทกเปิด กระแสลมเย็นเยือกนำกลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามา กองทัพเทียนหลงสังหารองครักษ์จนหมดสิ้น บุกเข้ามาพาดกระบี่นับสิบจ่อไว้ที่คอฟงเลี่ย ฟงเลี่ยมองปลายกระบี่ที่ห่างคอไม่ถึงนิ้ว ร่างกลายเป็นแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นทันที มันคิดว่าการรุกรานอาณาจักรเทียนหลงล้มเหลวอีกครั้งเพราะเกิดเรื่องไม่คาดคิดบางอย่าง แต่ไม่เคยนึกฝันเลยว่ากองทัพเทียนหลงจะบุกมาถึงเมืองหลวงได้ ทว่าวันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว

เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป กะทันหันจนยากจะยอมรับ

กองทัพขนาดใหญ่จำนวน 300,000 บุกจู่โจมยามราตรี ฉีกแนวป้องกันและขวัญกล้าของทหารประจำเมืองเทียนฟงเป็นริ้วๆ ยึดกุมเมืองเทียนฟงในชั่วเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ที่ใต้อุโมงค์ มีแผนผังเมืองเทียนฟงวางอยู่ต่อหน้าเย่หนู่ บอกรายละเอียดต่างๆไว้ชัดเจน กระทั่งตำแหน่งประจำการของทหารทุกจุด ทำให้การบุกราตรีใช้เวลาเพียงไม่นาน ทหารประจำเมืองที่ตื่นขึ้นยังไม่ทันแต่งตัวก็ถูกคลื่นทหารเทียนหลงกวาดล้าง ฆ่าได้ก็ถูกฆ่า ยอมแพ้ได้ก็ยอมแพ้ กองทัพเทียนหลงไม่ยั้งกำลังใดๆตั้งแต่เริ่มจนถึงบัดนี้

รุ่งอรุณกำลังแตะขอบฟ้า เมืองเทียนฟงถูกเปลี่ยนเจ้าของ จักรพรรดิ ฟงเลี่ยแห่งต้าฟงตกอยู่ในมือของกองทัพเทียนหลง องค์ชายองค์หญิงน้อยใหญ่และเหล่าขุนนางหากไม่ถูกประหารก็ถูกจับกุม ไม่มีเมตตาแม้แต่น้อย ในราชวังไร้องครักษ์ของตนอีก ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยทหารเทียนหลง ทหารประจำเมืองเทียนฟงถูกล้างบาง เหนือกำแพงเมืองยืนตระหง่านอยู่ด้วยทหารเทียนหลงผู้ทรนง เลือดลมสูบฉีดด้วยความตื่นเต้น เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เหนือความคาดหมายไม่ใช่แค่เพียงอาณาจักรต้าฟงที่ไม่ทันตั้งตัว เหล่าทหารที่บุกมาก็เช่นเดียวกัน

เหตุการณ์ครั้งนี้สงบลงเมื่อเย่หนู่และเย่เว่ยเดินเชิดศีรษะเข้าสู่ท้องพระโรงใหญ่ของต้าฟง ความรู้สึกราวกับฝันไปยังคงอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาเยือนแผ่นดินแห่งต้าฟง เป็นครั้งแรกที่เข้ามายังสถานที่นี้ เมื่อสูดหายใจเอาอากาศเข้าสู่ปอด อากาศของอาณาจักรแห่งนี้เจือด้วยกลิ่นทรายจริงๆ

“คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงโดยแท้” เย่หนู่เดินไปที่บัลลังก์ทองคำและถอนหายใจ เขาได้รับข้อความจากสำนักมารมาเมื่อวาน ไม่คิดฝันว่าวันนี้จะยืนอยู่ที่นี่แล้ว

“โลกมนุษย์ไร้สิ่งแน่นอน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน” เย่เว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม หันกายมองยังท้องพระโรง นี่คือที่ประชุมของเหล่าขุนนางนับร้อยและจักรพรรดิแห่งต้าฟง ทว่ายามนี้ ด้านนอกถูกคุ้มกันโดยทหารของเทียนหลง

“ขุนพลชราเย่ ความดีความชอบในวันนี้ สมควรถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ ปรากฎชื่ออยู่ในนั้นตลอดกาล” ชูเกอหวูอี้ถอนหายใจกล่าว

“ฮ่าย” เย่หนู่ถอนหายใจบาง “นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของพวกเรา แต่เป็นของสำนักมาร.... ยิ่งกว่านั้น ยึดเมืองหลวงไว้ ไม่ได้หมายความว่ายึดครองอาณาจักรต้าฟงไว้ได้ทั้งหมด แรงกบฎต่อต้านของอาณาจักรต้าฟง ไหนเลยจะธรรมดา”

“ฮี่ ฮี่ ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกมัน พวกเรายึดเมืองหลวงได้แล้วไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด หากมันมาหนึ่งคนก็ทุบตีหนึ่งคน หากมาหนึ่งโขยงก็ทุบตีทั้งโขยง จนกว่าพวกมันจะเชื่อฟัง” ชูเกอเสี่ยวหยูเชิดจมูกกล่าว หัวใจนางเดือดพล่านด้วยความปิติ ทว่าไม่ใช่เพราะได้ยึดครองเมืองเทียนฟง แต่เป็นเพราะ.... สถานการณ์เหนือคาดที่เกิดขึ้นนี้ หมายถึงนางจะได้กลับบ้านในที่สุด

“ยัยหนู เจ้ามองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” เย่หนู่หัวเราะบาง พลางส่ายศีรษะ “การโจมตีครั้งนี้เรียกได้ว่า ‘หล่นลงจากฟ้า’ จริงๆ กะทันหันจนแนวรับของต้าฟงไม่ทันป้องกัน ทำให้เรายึดกุมเมืองเทียนฟงซึ่งเป็นหัวใจของอาณาจักรต้าฟงไว้ได้ ทว่าในขณะเดียวกัน ‘หล่นลงจากฟ้า’ ยังหมายถึงพวกเราเข้าสู่เมืองเทียนฟงโดยมิได้ผ่านแนวป้องกันที่อยู่รอบนอก.... กล่าวอีกอย่างคือ พวกเรากระโดดข้ามวงล้อมของพวกมันเข้ามาโดยตรง กองทัพต้าฟงที่ล้อมอยู่รอบนอกย่อมพร้อมจู่โจมได้ทุกเมื่อ นั่นย่อมยากสำหรับพวกเราที่จะรักษาเมืองนี้ไว้ได้”

“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น” ชูเกอเสี่ยวหยูกล่าว “เมืองหลวงถูกยึดครอง จักรพรรดิและรัชทายาทตกอยู่ในมือของพวกเรา กองทัพต้าฟงย่อมกลัวตัวประกันถูกทำร้าย พลังของพวกมันย่อมเสื่อมถอยลงอย่างมาก ประการที่สองพวกมันกลายเป็นกลุ่มคนที่ไร้ผู้นำ ยากยิ่งที่จะควบคุม ประการที่สาม....” มุมปากนางยกขึ้นเล็กน้อย กล่าวอย่างลึกลับ “สำนักมารคอยช่วยเหลือพวกเราโดยไม่เก็บงำพลัง ไม่ว่าเป้าหมายแท้จริงของพวกมันคือสิ่งใด แต่ยามนี้สำนักมารหวังให้พวกเรายึดครองอาณาจักรต้าฟงไว้อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นสำนักมารจะต้องเคลื่อนไหว”

“เสี่ยวหยู” ชูเกอหวูอี้กล่าว “เป้าหมายของสำนักมารนั่นแหละที่พวกเราต้องกังวลมากที่สุด ยิ่งกว่านั้น พวกเราไม่สมควรพึ่งพาแต่พลังลึกลับไม่อาจคาดเดานี้”

“ขุนพลชราเย่ จักรพรรดิต้าฟง-ฟงเลี่ย และรัชทายาทฟงหลิงที่ถูกคุมตัวอยู่ต้องการที่จะ....” ทหารเทียนหลงผู้หนึ่งเข้ามาและกล่าวรายงาน

“กักตัวพวกมันเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องพามาหาข้า” เย่หนู่โบกมือ หากพวกเขาบุกเมืองเทียนฟงและจับกุมตัวฟงเลี่ยได้ด้วยฝีมือตัวเอง เช่นนั้นเขาจะพบฟงเลี่ยในฐานะผู้ชนะ แต่วันนี้ชัยชนะที่ได้รับไม่สมควรเป็นของพวกเขา เขาจึงไม่อาจพบฟงเลี่ยในฐานะผู้ชนะได้ นี่เป็นการให้เกรียรติต่อศัตรู และเป็นการเคารพต่อตนเอง

“....ขอรับ!” ทหารผู้นั้นรับคำด้วยความงุนงง และถอยออกไปด้วยความเคารพ

ฟุ่บ!

ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งลงจากฟ้าฉับพลัน ปักลงบนผนัง คนทั้งหลายหันมองกัน เย่เว่ยก้าวออกมาดึงลูกศรออก จากนั้นส่งกระดาษที่มัดมาด้วยให้กับเย่หนู่ เย่หนู่อ่านแล้วเงยศีรษะขึ้น “ข้อความในนี้บอกว่า ก่อนที่พวกเราจะมาถึงเมืองเทียนฟง สำนักมารได้แจ้งข่าวให้เยว่หานตงนำกองทัพต้าฟงจำนวนหนึ่งล้านเร่งกลับมาที่นี่ ยามเที่ยงของวันพรุ่งนี้พวกมันจะมาถึง.... ให้รีบเตรียมการรับมือ”

หนึ่งล้าน?

เย่เว่ยและชูเกอหวูอี้หัวใจกระตุก.... แน่นอนว่าเมื่อเมืองหลวงถูกยึด มีหรือที่พวกมันจะไม่รวบรวมทหารกล้าและม้าจำนวนมากที่สุดรุดกลับมาช่วยเหลือ สถานที่อื่นอาจสูญเสียได้ แต่เมืองหลวงของอาณาจักรย่อมไม่อาจสูญเสีย

ทหารเทียนหลงผู้ไม่ได้พักผ่อนตลอดคืนยังคงอยู่ในอาการตื่นเต้น หลังจากยึดครองเมืองเทียนฟงได้ ภายใต้คำสั่งเด็ดขาด พวกเขาถูกห้ามกระทำการล่วงล้ำประชาชน ผู้คนในเมืองเทียนฟงจึงคลายใจลงในที่สุด ข่าวเรื่องกองทัพศัตรูมุ่งประชิดมิได้ทำให้พวกเขาหวั่นกลัว ต่างล้วนรับคำสั่งเตรียมการรับมือ

ข่าวที่สำนักมารนำมาให้ เย่หนู่และคนอื่นๆล้วนเชื่อถือ แม้ว่าลึกๆพวกเขาไม่ต้องการพึ่งพิงพลังของสำนักมาร แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก นอกจากเตรียมตัวตามข้อความที่แจ้งเตือน กองทัพอาณาจักรต้าฟงเดินทางมาในคืนเดียวกัน มุ่งสู่เมืองเทียนฟงด้วยความเร่งร้อน แน่นอนว่าทหารและม้าย่อมเหน็ดเหนื่อย แต่ทหารเทียนหลงโจมตีเมืองไม่ได้พักผ่อนตลอดคืนเช่นกัน สมควรอ่อนล้าไม่ต่างกัน นี่จึงไม่อาจเรียกว่ารอรับมือศัตรูผู้อ่อนล้า การปะทะย่อมยากลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย



<<<PREV    .    NEXT>>>