วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 463

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 463 พรากจากจิตวิญญาณ

พลังของฉลามปีศาจดำสร้างความปั่นป่วนต่อท้องทะเล ทำให้เย่หวูเฉินต้องกลั่นหายใจโดยตรง เขาขบฟันแน่น ขณะที่ฉลามปีศาจดำพุ่งเข้ามาใกล้ เขาก็หายตัวไปในฉับพลัน แสงขาวสว่างวาบขึ้นที่เบื้องหลังของฉลาม พร้อมกับมือขวาของคนที่เหยียดยื่นออกอย่างรวดเร็ว

แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก....

น้ำทะเลควบแน่นอย่างรวดเร็ว เย่หวูเฉินโคจรพลังวารีขยายออกในระดับสูงสุด น้ำทะเลตรงหน้ากลายน้ำแข็งในชั่วเวลาสั้นๆ ฉลามปีศาจดำถูกแช่ในน้ำแข็งและหยุดเคลื่อนไหวทันที มันติดอยู่ในนั้น

เย่หวูเฉินถอนมือกลับ ทว่าน้ำแข็งกลับระเบิดออกอย่างฉับพลัน มีเสียงคำรามเสียดแก้วหู เย่หวูเฉินถูกแรงระเบิดของน้ำแข็งอัดถอยหลังไปหลายสิบเมตร ฉลามปีศาจดำหันกายมาอย่างโกรธเกรี้ยว อ้าปากกว้างดุจถ้ำพุ่งเข้าหา ฟันบนและฟันล่างยาวคมกล้าดูน่ากลัวอย่างยิ่ง.....

เวลานี้ที่เย่หวูเฉินสัมผัสได้มิใช่แรงกระแทก หากแต่เป็นแรงดึงดูดที่เหนือกว่าแรงอัดเมื่อครู่ เย่หวูเฉินราวกับฝุ่นผงที่ถูกพัดโดยสายลม ปลิวเข้าไปในปากขนาดใหญ่ของฉลามปีศาจดำ จากนั้นฉลามยักษ์ได้ปิดปากลงทันที

ฉลามปีศาจดำเขมือบเป้าหมายเป็นอันสำเร็จ ทะเลโดยรอบค่อยๆกลับคืนสู่ความสงบ ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างมหึมาของฉลามปีศาจดำพลันชะงักค้าง พ่นเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด

หากมันเพียงเคลื่อนร่างว่ายน้ำ ทะเลคงเป็นแค่คลื่นกระเพื่อม ทว่าในเวลานี้ มันดิ้นร่างเร่าอย่างบ้าคลั่ง.... พื้นสมุทรราวกับเกิดแผ่นดินไหว เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่อยู่รอบนอกสัมผัสได้ถึงอันตราย ต่างรีบเผ่นหนีด้วยความโกลาหล เหนือผิวทะเลที่อยู่เบื้องบน ตอนนี้เริ่มเกิดคลื่นปั่นป่วนรุนแรง

ทว่ายังดี เนื่องจากฉลามปีศาจดำไม่ได้บ้าคลั่งนานนัก เพียงไม่กี่สิบอึดใจร่างของมันก็ยิ่งแข็งค้าง ในที่สุดมันก็หยุดนิ่งลง จมลงสู่พื้นทะเล ไร้การเคลื่อนไหว ผิวของมันปรากฎชั้นน้ำแข็ง จากนั้นทะเลโดยรอบกลายเป็นน้ำแข็งลามออกไปอย่างรวดเร็ว

ติ้ง!

แสงรัศมีสีโลหิตแหวกออกจากร่างฉลามฉับพลัน ทะลวงร่างมันจนเป็นรูใหญ่ เย่หวูเฉินลิ่วร่างออกมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มหยันมองยังร่างขนาดยักษ์

แม้พลังของมันจะแกร่งกล้า แต่เย่หวูเฉินสามารถใช้พลังวารีไร้สิ้นสุดผสานพลังเคลื่อนย้ายในพริบตาของเซียงเซียงเอาชนะมันได้ไม่ยากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่าอันตรายมาก ด้วยพลังและขนาดของมัน หากถูกปะทะเข้าโดยตรงสักครั้งย่อมเพียงพอที่จะดับไปครึ่งชีวิต.... ทว่ายังดีที่ฉลามปีศาจดำมอบโอกาสอันดีเยี่ยม เขาปล่อยให้ฉลามปีศาจดำดูดร่างของเขาเข้าไปในปากมัน จากนั้นค่อยๆแช่แข็งอวัยวะภายในของมันโดยใช้พลังน้ำแข็ง ด้วยพลังของฉลามปีศาจดำ หากเย่หวูเฉินหวังแช่แข็งทั้งมันทั้งร่างย่อมใช้เวลานาน ทว่าไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใด มันย่อมไม่อาจต่อต้านพลังที่โจมตีอยู่ในร่าง.... มีเพียงแค่เขาจะมองไม่เห็นเวลาที่มันบ้าคลั่งไปทั่ว ดังนั้น นับตั้งแต่ราชันทะเลตะวันตกกลืนเย่หวูเฉินลงไป ชะตาของมันก็ถูกกำหนดให้ตกตายอย่างง่ายดายด้วยมือของเย่หวูเฉิน

การเคลื่อนไหวบ้าคลั่งของฉลามปีศาจดำได้ทำลายหลายชีวิตโดยรอบ และกลายเป็นความสะดวกสะบายสำหรับเย่หวูเฉิน ที่นี่ไม่มีสัตว์อสูรทะเลใดๆคอยรบกวนเขา อย่างน้อยก็ในเวลาสั้นๆ

ก่อนเข้าไปถึงต้นธุลีเทา เย่หวูเฉินคำนวณตำแหน่งหยุดลงเบื้องหน้ามันราวหนึ่งเมตรกว่า เขายื่นมือออกสัมผัสม่านพลังล่องหนที่กางกั้นไว้ พิจารณาจากลักษณะของมันแล้ว ม่านพลังล่องหนนี้ปกป้องมันอยู่ตรงกลาง ทำให้ต้นธุลีเทาปลอดภัยใต้ทะเลลึกตลอดมาด้วยพลังแกร่งกล้าของมัน

เย่หวูเฉินเก็บมือกลับ ถอยออกมาสองก้าว กลางหน้าผากมีแสงสีทองสว่างวาบ กระบี่ตัดดาราปรากฎขึ้นมือ กระทั่งถูกพลังกระแทกของฉลามปีศาจดำ ม่านพลังล่องหนนี้ก็ไร้ความเสียหายใดๆ ดังนั้นความหวังในการทำลายม่านพลังนี้จึงมีเพียงอาศัย ‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’ ของกระบี่ตัดดาราเท่านั้น หากกระทั่ง ‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’ ยังไม่อาจทำลายม่านพลังนี้ได้ เช่นนั้นเขาคงไม่มีวิธีอื่นอีก....

ดังนั้น กระบี่ตัดดาราจึงสว่างเรืองรองขึ้นในมือเขา เย่หวูเฉินเหวี่ยงกระบี่เป็นวงทองเข้าปะทะม่านพลังล่องหน เกิดเสียง ‘เปรี๊ยะ’ ดังลั่นให้ได้ยิน ม่านพลังพลันกลายเป็นดุจแก้วสีทองที่ร้าวลามออก ฉับพลันมันแตกกระจายกลายเป็นเศษแก้วสีทอง และค่อยๆสลายหายไป

“นี่มัน....”

เย่หวูเฉินยื่นมือส่งสำรวจ คราวนี้ไม่พบสิ่งกีดขวางใดๆอีก สามารถส่งมือผ่านเข้าไปได้โดยตรง.... ม่านพลังล่องหนสลายไปแล้วจริงๆ!

“เจ้านาย มันหายไปแล้ว....” หนานเอ๋อร์กล่าวอย่างประหลาดใจ

“อืม....” เย่หวูเฉินเก็บกระบี่ตัดดารากลับ สายตาตกไปที่ต้นธุลีเทา แล้วกล่าว “พืชต้นนี้ไม่ได้สร้างม่านพลังเพื่อปกป้องตนเอง แต่เป็นจักรพรรดิเหนือที่โยนเมล็ดลงมาในปีนั้นสร้างม่านพลังเพื่อปกป้องมัน พลังของจักรพรรดิเหนือย่อมไม่มีคนธรรมดาทำลายได้ ทว่ากุญแจที่สามารถคลายม่านพลังนี้กลับเป็นกระบี่ตัดดารา”

ศาสตราที่เป็นแก่นชีวิตของจักรพรรดิเหนือคือคันศรบาปวิบัติ ขณะที่จักรพรรดิใต้เป็นศัตรูต่อกันมานับปีไม่ถ้วน หากจักรพรรดิเหนือต้องการทิ้งพืชลึกลับนี้ให้บุคคลผู้สืบทอดคันศรบาปวิบัติ เหตุใดจึงกำหนดให้กระบี่ตัดดาราเป็นกุญแจคลายผลึกมัน? หรือว่าจักรพรรดิเหนือต้องการทิ้งมันไว้ให้ผู้สืบทอดกระบี่ตัดดารา?

ไร้ข้อสงสัยเลยว่า เรื่องนี้ต้องมีเหตุผลพิเศษอยู่

เย่หวูเฉินค่อยๆก้าวเข้าไป ย่อกายส่วนล่างลง ผลธุลีเทาปรากฎชัดขึ้นในสายตา ทว่าดวงตาของเขากลับกลายเป็นพร่าเลือน อารมณ์ประหลาดเริ่มผลักดันให้เขาอยากสัมผัสมัน.... ผลไม้สีเทานี้ ทำให้เย่หวูเฉินอยากเด็ดมันออกโดยไม่ระวังตัว เขายื่นมือตรงไปที่ผลธุลีเทา

มือยื่นไปถึงผลธุลีเทาลูกเล็กๆ ทว่าทันทีที่นิ้วสัมผัสมัน เสียงเยาว์วัยก็พลันดังขึ้นในใจ

“ป๊ะป๋า..... อย่าแตะมัน.....”

ทว่าเวลานี้เอง ร่างของเย่หวูเฉินพลันแข็งค้าง สายตากลายเป็นชะงักงันและเลื่อนลอย....

ความทรงจำ ราวกับสายน้ำไหลย้อนกลับหลากหลั่งอย่างรวดเร็ว.....

....ไม่กี่วันก่อน เขาได้พบมุกเรืองปฐพีที่นั่น....

....หลายเดือนก่อน เขาไปที่วังสตรีหิมะแห่งอาณาจักรชางหลาน และได้พบกับลูกสาวของตัวเอง ซือเฉิน....

ซือเฉิน.... ความทรงจำค่อยๆไหลย้อนกลับ ในความตื่นตระหนกเขาเริ่มลืมชื่อของซือเฉิน จากนั้นเริ่มลืมการดำรงอยู่ของนาง....

ความทรงจำกำลังไหลย้อนกลับไปเรื่อยๆ เขาไม่อาจควบคุมร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองโดยสิ้นเชิง ราวกับมีบางอย่างกำลังถูกพรากไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบว่าพลังที่ขัดขวางไม่ให้เขาดิ้นรนนั้นมาจากไหน  ไม่ทราบต้องทำอย่างไรถึงจะขัดขืนได้....

....หลายเดือนก่อน เขากลับไปยังตระกูลเย่หลังจากที่ห่างหายไปนานถึงสามปี....

....ย้อนกลับไปอีกเกือบหนึ่งปี เขาอาศัยพลังมิติที่ตื่นขึ้นของเซียงเซียงออกไปจากหุบเหวปลิดวิญญาณ....

เหยียนกงรั่วและเหยียนกงเยว่.... หลายชื่อได้ปรากฎขึ้นในหัวสมอง จากนั้นพร่าเลือนหายไป ไม่อาจจดจำพวกเขาได้อีก....

เกิดอะไรขึ้นกับ.... ความทรงจำของข้า....

ความทรงจำย้อนกลับไปตอนที่เขาตื่นขึ้นในหุบเหวปลิดวิญญาณ ในใจได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของหนิงเสวี่ย....

ความทรงจำไหลย้อนไปอีกสองปี กลับไปยังสามกว่าปีก่อน เสวี่ยเฟยเยี่ยน เหยียนจื่อเมิ่ง และทงซิน....

ทงซิน....

ทง....

.....

สตรีเทพพิโรธ....

แตกตื่นจนแทบสิ้นสติ แตกตื่นนับร้อยเท่าพันเท่า เขากำลังเผชิญหน้าอย่างพรั่นพรึงกับการถูกพรากความทรงจำ....

ความทรงจำไหลย้อนกลับไปเรื่อยๆ.... กลับไปยังครั้งแรกที่เขาเข้าสู่ตระกูลเย่.... กลับไปยังครั้งแรกที่ได้พบกับหนิงเสวี่ย....

เสวี่ยเอ๋อร์.... ไม่นะ! ข้าจะลืมเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้.... เสวี่ยเอ๋อร์! เสวี่ยเอ๋อร์! เสวี่ยเอ๋อร์....

เขาตะโกนชื่อนางหัวใจแทบขาด จากนั้นเริ่มลืมชื่อของเสวี่ยเอ๋อร์ ค่อยๆเริ่มลืมตัวตนของนาง.... ลืมความผูกพันระหว่างทั้งสองคน....

มีเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังลั่นขึ้นในสมอง ราวกับว่ามีบางอย่างระเบิดออก การระเบิดนี้ทำให้สติของเขากระจัดกระจายทันที ในสมองพลันกลายเป็นว่างเปล่า จากนั้นกลายเป็นแผ่นผืนสีดำ....

แววตาของเย่หวูเฉินราวกับไร้ชีวิต ร่างที่ไร้สติค่อยๆลอยขึ้นในน้ำ.... กลุ่มแสงสีเทาแผ่ลามจากปลายนิ้วเข้าคลุมร่าง ทว่าทันใดนั้น แสงขาวกลุ่มหนึ่งได้สว่างออกมาจากร่างของเย่หวูเฉิน กลุ่มแสงสีเทาถูกขับไล่ออกไป และด้วยพลังประหลาดนี้ ทำให้มือขวาของเย่หวูเฉินหลุดออกจากผลธุลีเทา

แสงขาวอีกกลุ่มหนึ่งสว่างขึ้นด้านข้างของเย่หวูเฉิน เป็นสาวน้อยตัวเล็กมากขนาดพกพา นางมองเย่หวูเฉินที่ไร้สุ้มเสียงอย่างหมดหนทาง แววตานางเต็มไปด้วยความกลัว นางกางแขนแผ่แสงขาวเข้าครอบคลุมเย่หวูเฉินและตัวนาง จากนั้นหายไปจากใจกลางทะเลลึกสุดขั้ว

----

----



<<<PREV    .    NEXT>>>