วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 476

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 476 บ้าคลั่ง (1)

บนหน้าผากของเล่งหยามีเม็ดเหงื่อผุดพราว เมื่อมากขึ้นจึงไหลรวมกันเป็นสาย ทว่าทันใด ไม่ทราบเป็นเพราะพลังประหลาดใด เหงื่อที่ไหลเป็นสายราวกับระเหยหายไปไร้ร่องรอย ร่างของเล่งหยาสั่นสะท้าน ตั้งแต่เส้นผมเบื้องบนจรดปลายเท้าเบื้องล่าง ทุกอย่างสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว.... ไอสังหารทะลักล้นออกจากร่าง และยิ่งมายิ่งประหลาด มันไม่ใช่ไอสังหารเย็นชาของเล่งหยาที่ฉู่จิงเทียนคุ้นเคย ทว่าเป็นอีกแบบหนึ่ง.... ไอสังหารนี้เย็นเยียบทะมึนจนทำให้เขาต้องสั่นกลัว

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ มีกลุ่มหมอกจางๆลอยขึ้นจากผิวของเขา และเป็น.... หมอกดำ!

“เจ้าหน้าน้ำแข็ง! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า!” ฉู่จิงเทียนตะโกนออกไปในที่สุด เมื่อได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าบิดเบี้ยวของเล่งหยาพลันชะงักชั่วขณะ ดวงตาที่สูญเสียจุดศูนย์รวมเป็นประกายขึ้นมาอยู่วูบหนึ่ง ไอสังหารปั่นป่วนอยู่ชั่วครู่ ทว่าทันใดนั้น ไอสังหารกลับกลายเป็นเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม และน่ากลัวยิ่งขึ้น....

“เร็ว! รีบพานายหญิงกลับเข้าวัง.... ไปเดี๋ยวนี้!” เหยียนต้วนชางตะโกนเสียงกระด้าง เขาเริ่มรู้สึกกังวลใจ.... แม้เขาไม่ทราบสาเหตุของอาการประหลาดที่เกิดขึ้นกับเล่งหยา แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะคลั่งในไม่ช้าเพราะสูญเสียสติและจิตใจ ทำให้เขานึกถึงครั้งที่เล่งหยาใช้เนตรปีศาจสังหารโลหิตเป็นคราแรก หากเทียบกับตอนนั้น ไอสังหารที่แผ่จากร่างเขาในยามนี้รุนแรงและน่ากลัวกว่าไม่รู้กี่เท่า กระทั่งเขายังคิดว่าหัวใจตัวเองกำลังเริ่มสั่นไหว

“อา.... ตกลง ตกลง” เฮยเซียงฟื้นจากความตะลึง รีบหันร่างไปทางด้านหลังและส่งเสียงตะโกน “อย่ามอง รีบพาฝ่าบาทกลับเข้าวังเร็วเข้า!” ขณะที่กล่าวคำ เฮยเซียงก็เร่งฝีเท้าเข้าไปที่เกี้ยวของหลงฮวงเอ๋อร์ เมื่อเกี้ยวเคลื่อนออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หันร่างมองกลับมาทางเล่งหยาอย่างระวัง

“เถี่ยหวาซื่อ กลับไปบอกนายท่านเร็วเข้า ไปเดี๋ยวนี้!”

“ได้” เถี่ยหวาซื่อรับคำทันที เขาไม่กล้าผ่านทางเล่งหยาโดยตรง แต่อ้อมไปทางถนนอีกเส้นหนึ่ง ตรงกลับไปที่ตระกูลเย่ทันที

“อ๊าก” เวลานี้เอง เล่งหยาส่งเสียงทรมานสุดขั้วออกจากปาก ร่างที่สั่นสะท้านเริ่มเคลื่อนไหวในที่สุด มือสองข้างยกขึ้นกุมศีรษะ จากนั้นราวกับสัตว์คลั่งทุบศีรษะของตัวเอง รุนแรงจนฉู่จิงเทียนและอีกหลายคนต้องสะดุ้งตกใจ ด้วยพลังถึงปานนั้น พวกเขากลัวว่าศีรษะของเล่งหยาจะแตกออกเพราะแรงทุบ

“อ๊ากกกกก!”

เล่งหยาทุบศีรษะตัวเองได้ไม่นานนัก ในที่สุดเขาก็หยุดลง ศีรษะค่อยๆยกเงยขึ้น เวลานี้พวกเขามองเห็นคู่ดวงตาแดงก่ำดุจสีเลือด

“เนตรปีศาจสังหารโลหิต!” ฉู่จิงเทียน และ เหยียนต้วนชางส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน ในใจแผ่พุ่งความกลัวอันเย็นเยียบ.... เนตรปีศาจสังหารโลหิตจะปรากฎขึ้นยามที่สิ้นหวังและเกลียดชังถึงขีดสุดเท่านั้น เล่งหยาไม่ได้ถูกทำร้ายใดๆ อีกทั้งที่นี่ไม่ได้มีคนอื่น เหตุใดเขาถึง....

ฉับพลันปราณมืดแผ่ทะลักออกมาอย่างหนาแน่น พริบตาเดียวมันเข้าห่อหุ้มร่างของเขาไว้ทั้งหมด ปราณมืดส่วนเกินค่อยๆลอยขึ้นสู่อากาศ เมื่อพวกเขาเงยขึ้นมองบนฟ้า ม่านตาก็ต้องหดลีบลง ภาพบนฟ้าทำให้พวกเขาพรั่นพรึง.... ท้องฟ้าเหนือร่างเล่งหยา กลุ่มปราณมืดได้รวมตัวกันปรากฎเป็นรูป.... ใบหน้าปีศาจที่กำลังยิ้มหยัน!

เล่งหยาเคลื่อนขยับ กระบี่คร่าสายลมถูกกุมไว้ในมือแน่น เขาเหมือนกับคนบ้าและพุ่งมาเบื้องหน้าฉับพลัน รวดเร็วประดุจสายฟ้า เงาของหมอกดำที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ค่อยๆสลายไปช้าๆ....

ทิศที่เล่งหยาพุ่งเข้าใส่พอดีเป็นเหยียนต้วนชาง เมื่อเล่งหยาเห็นร่างขวางกั้นอยู่เบื้องหน้า แววตาก็วาบประกายโลหิต กระบี่คร่าสายลมตวัดเป็นเส้นสีเขียว ส่งพลังสังหารไปตรงหน้า เหยียนต้วนชางพลันประสาทหดวูบ คมกระบี่สีเขียวทำให้เขาเย็นวาบขึ้นในใจ ฝ่ามือที่ผลักออกหมายต่อต้านถูกดึงกลับทันที เขาเบี่ยงร่างหลบ เล่งหยาจู่โจมถูกอากาศว่าง เขาไม่สนใจโจมตีเหยียนต้วนชางอีก หากกลับนำปราณมืดพุ่งไปเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่ง.... ไม่ทราบว่ามุ่งไปที่จุดใด

เหยียนต้วนชางที่เพิ่งเบี่ยงหลบหัวใจพลันหดวูบทันที เขารีบทะยานร่างไล่กวดตามหลังเล่งหยาพร้อมตะโกนลั่น “คุ้มกันนายหญิง!!”

เล่งหยาสูญเสียเหตุผลไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด เขาพุ่งตรงไปอย่างบ้าคลั่ง และที่เบื้องหน้าเยื้องไปทางขวา เป็นเกี้ยวหงส์ของหลงฮวงเอ๋อร์

ฟึ่บ.....

องครักษ์ที่รั้งอยู่ท้ายสุดถูกกระบี่คร่าสายลมตัดร่างขาดครึ่งขณะหันกายมา นางกำนัลยังไม่ทันส่งเสียงกรีดร้อง เล่งหยาก็พุ่งเข้าไปถึงเกี้ยวแล้ว เป็นจังหวะที่หลงฮวงเอ๋อร์แง้มม่านมองออกมาเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ ทว่าสิ่งแรกที่นางมองเห็น กลับเป็นคู่ดวงตาอันน่าสะพรึง พร้อมประกายสีเขียวที่แทงตรงมายังนาง ใบหน้างดงามถอดสีทันที....

เปรี้ยง!!

พลังแกร่งกล้าอัดใส่แขนของเล่งหยาอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงหูดับ แขนที่แทงกระบี่สะบัดเปลี่ยนทิศชี้ขึ้นฟ้า ร่างถูกแรงกระแทกผงะถอยหลัง เป็นเฮยเซียงกระโดดออกมาจากด้านข้างเข้าขวางไว้ ร่างของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น หากหลงฮวงเอ๋อร์เป็นอะไรไป ต่อให้เขามีร้อยชีวิตก็ไม่อาจชดใช้

ทว่าเล่งหยาผงะถอยไปเพียงครึ่งก้าว ในพริบตานั้นกระบี่คร่าสายลมได้แทงกลับมาดุจสายฟ้า ประหนึ่งอสรพิษพุ่งเข้าใส่เฮยเซียง แววตาประกายโลหิตของเล่งหยายิ่งน่าพรั่นพรึง ดุจสัตว์ป่าคลุ้มคลั่งที่อาละวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว....

เฮยเซียงเหวี่ยงแขนที่หนาเท่าลำตัวของเล่งหยาเข้าต้านรับอย่างหนักหน่วง แต่ทว่า.... ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เล่งหยาล่าถอย  เล่งหยารวดเร็วเกินไป เขาอาศัยมุมอับของแขน แทงกระบี่คร่าสายลมทะลุเสื้อ เคลื่อนตรงสู่ร่างดุจเหล็กกล้าของเฮยเซียง

ม่านตาของเฮยเซียงหดวูบ ภายใต้การปะทะอันเกรี้ยวกราด เขากัดฟันไม่เบี่ยงร่างหลบ เพราะหากเขาหลบเลี่ยงย่อมมีโอกาสเป็นอันตรายต่อหลงฮวงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลัง เขายกสองมือคว้าข้อมือของเล่งหยาที่ถือกระบี่คร่าสายลม บีบข้อมือไว้แน่น และแน่นขึ้น....

“เจ้าหน้าน้ำแข็ง!!”

“เฮยเซียง!”

“เฮยเซียง!”

พวกเขาเห็นคมกระบี่ตรงสู่อกของเฮยเซียง หัวใจของพวกเขาแทบจะปริแตก เหยียนต้วนชางฟาดฝ่ามือจากด้านหลังเล่งหยา เล่งหยาถูกเฮยเซียงบีบข้อมือไว้แน่นจึงไม่อาจขยับออก คู่ดวงตาแดงก่ำตวัดมอง หมอกดำแผ่พุ่งออกจากร่างฉับพลัน กระแทกต้านรับเหยียนต้วนชาง....

เหยียนต้วนชางไม่คิดว่าเล่งหยาจะป้องกันตัวด้วยวิธีนี้ ร่างถูกกระแทกปลิวออกไปโดยตรง หลังจากตีลังกาหลายตลบก็หยุดลงกลางอากาศ เล่งหยากุมกระบี่คร่าสายลมในมือขวาอันสั่นเทา หมอกดำได้กระแทกร่างเฮยเซียงจนผงะออก เล่งหยาไม่มองเฮยเซียงอีกแต่พุ่งไปเบื้องหน้า เมื่อพบสิ่งกีดขวางก็แทงกระบี่คร่าสายลมพร้อมไอปราณสีดำ....

กระบี่คร่าสายลมแทงใกล้ถึงใบหน้าของหลงฮวงเอ๋อร์ แต่ฉับพลันเล่งหยาหันใบหน้าขึ้น มองเฮยเซียงที่ทะยานร่างขึ้นสูงไปแล้วลิ่วลงมา ร่างกำยำแผ่แรงกดดันท่วมทับที่เล่งหยา สองแขนมหึมาเหวี่ยงใส่เล่งหยาพร้อมกัน....

หากเป็นเล่งหยาในยามปกติ เมื่อเผชิญหน้ากับสองแขนของเฮยเซียง เขาแทบจะไร้พลังต่อต้าน ทว่ายามนี้.... มือขวาของเล่งหยาสาดประกายแสงทมิฬ อาศัยช่องว่างระหว่างแขนของเฮยเซียง แทงกระบี่ตรงสู่ร่างของเฮยเซียงอีกครั้ง.... ทว่าครั้งนี้ กระบี่ของเล่งหยาแทงถูกอกซ้ายของเฮยเซียง....

เปรี้ยง!!

เหยียนต้วนชางกวดเข้ามาและฟาดฝ่ามือใส่เล่งหยา เล่งหยาปลิวกระแทกกำแพงข้างถนนที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร กระบี่คร่าสายลมในมือสะท้อนประกายสีเขียวที่อาบย้อมด้วยโลหิต

เหยียนต้วนชางไม่มีเวลามองเฮยเซียง เขาทะยานร่างเข้าหาเล่งหยาต่อ.... เหล่าองครักษ์ฟื้นจากความตะลึงและตอบสนอง แยกออกเป็นสี่ด้านล้อมเกี้ยวของหลงฮวงเอ๋อร์ไว้ สีหน้าซีดขาวอย่างตื่นตระหนก....

“เฮยเซียง!”

“เฮยเซียง!”

เสียงตะโกนแตกตื่นดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เหมือนหัวใจจะฉีกออก บุตรแซ่เหยียนผู้ไม่เคยร้องไห้ บัดนี้กลับกำลังโหยหวน ที่อกซ้าย.... ตรงตำแหน่งหัวใจของเฮยเซียงชุ่มโชกไปด้วยเลือด หัวใจของพวกเขาเจ็บปวดประดุจถูกคมมีดเสียบแทงด้วยตัวเอง

เฮยเซียงกุมอกของตัวเอง หัวเราะ ฮี่ ฮี่ อย่างงมงาย ทว่าหัวเราะได้เพียงสองคำ เขาก็ไอออกมาเป็นเลือดอย่างรุนแรง แขนอันทรงพลังแกร่งกล้าทั้งสองข้างไม่อาจยกขึ้นได้อีก เขาลืมดวงตาที่เริ่มมองไม่เห็นสิ่งใด ส่งเสียงเลือนรางและขาดห้วง “บอกนายท่าน.... เฮยเซียง.... ไร้.... สามารถ....”

กล่าวถ้อยคำสั้นๆยังไม่ทันจบ สีหน้าของเฮยเซียงก็ชะงักค้าง ดวงตาสองข้างถอดประกายสีสัน.... เลือดที่ไหลออกมาตรงอกซ้ายกลายเป็นสีดำ....

“เฮยเซียง!!”

“เฮยเซียง!! เฮยเซียง! ลุกขึ้นมาเลยนะ.... หากยังแกล้งตาย บิดาจะเรียกเจ้าว่าเฮยหมูไปจนชั่วชีวิต!!” ซานลู่จื่อพุ่งไปเขย่าร่างของเฮยเซียง โดยแทบใช้แรงทั้งหมด ดวงตาของเขาพร่ามัว น้ำเสียงสั่นสะท้านแหบพร่า....

“เฮยเซียง.... มารดาเจ้าเถอะ ถ้าเจ้ากล้าตาย ชาติหน้าอย่าเรียกพวกเราว่าพี่น้อง.... เจ้าขี้ขลาด ขยะ เจ้าโง่ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

“เฮยเซียง!!!”

ไม่ว่าพวกเขาจะตะโกนดุด่าหรือร่ำร้องเพียงใด.... เฮยเซียงก็ไม่อาจตอบคำพวกเขาได้อีก ชั่วขณะสุดท้ายที่จากไป เขาได้ฝากรอยยิ้มโง่งมไว้ พร้อมถ้อยคำอันเลือนราง....

ใต้หุบเหวปลิดวิญญาณคือโลกอันบริสุทธิ์ มิตรภาพของพวกเขาบริสุทธิ์แน่นแฟ้นไร้มลทิน ตั้งแต่เด็กจนโต ได้ยิ้มและหัวเราะ ได้ฝึกฝนร่วมกัน ได้ล่าด้วยกัน และเล่นด้วยกัน ผูกพันล้ำลึกเกินกว่าพี่น้องธรรมดา เป็นความรักและอาทรที่ไม่อาจหาได้ในโลกมนุษย์ หรือต่อให้มนุษย์ในโลกได้พบเห็น พวกเขาก็ไม่มีทางเข้าใจ

เฮยเซียงตายแล้ว.... เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเผชิญหน้ากับความตายของพี่น้อง เจ็บปวดราวหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยง พวกเขาโศกเศร้าทรมานอย่างล้ำลึก

หลงฮวงเอ๋อร์ก้าวลงจากเกี้ยว เหล่าองครักษ์ต่างตกใจ รีบเข้าห้อมล้อมคุ้มกันนาง หลงฮวงเอ๋อร์มองยังร่างเฮยเซียงที่แน่นิ่งไม่ไหวติง ใต้ร่างเป็นผืนเลือดดำ นางไม่กรีดร้อง ไม่ร้องไห้ ไม่ตกใจ เพียงยกมือขึ้นทาบทรวงอกตัวเอง หลับตาลงช้าๆและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณ เฮยเซียง....”

ฉู่จิงเทียนฝีเท้าชะงักติดขัด แววตาสองข้างดูเลื่อนลอย เขาเข้ามาที่ด้านหลังกลุ่มคนหนุ่มเงียบๆ มองยังร่างเฮยเซียงที่ไร้ลมหายใจ ส่งเสียงอันสั่นเครือ “เฮยเซียง เขา.... เขาตาย....”

ซานลู่จื่อหันขวับมาฉับพลันด้วยร่างอันสั่นเทา คว้าคอเสื้อของฉู่จิงเทียนและตะโกนลั่น “ตาย!? เจ้าพูดว่าใครตาย! เฮยเซียงจะตายได้ยังไง! เขาแค่หลับไปเท่านั้น! แค่หลับเท่านั้น! เขาไม่มีทางตาย! พวกเราพี่น้องอยู่กันที่นี่แล้ว เขาไม่มีทางยอมตายง่ายๆ เจ้าไม่เข้าใจ! เจ้าไม่เข้าใจ!”

เด็กหนุ่มทั้งหลายดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำ สุ้มเสียงแหบพร่า ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ฉู่จิงเทียนได้แต่พยักหน้าอย่างหมดหนทาง รู้สึกไร้พลังอย่างที่ไม่เคยเป็น.... ราวกับว่าหัวใจถูกคมมีดกรีดแทง

เขาหันกายขวับทันที ดีดร่างพุ่งไปยังเหยียนต้วนชางและเล่งหยาที่กำลังต่อสู้กัน กระบี่ชางหมิงแล่นออกจากฝักบินเข้าสู่มือ เขาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเล่งหยาไม่ห่างนัก ชี้กระบี่อันสั่นเทาในมือพร้อมตะโกนอย่างเจ็บปวด “เล่งหยา.... ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้.... ทำไมเจ้าต้องฆ่าเขาด้วย!!”



<<<PREV    .    NEXT>>>