วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 473

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 473 ในคืนสมบูรณ์แบบ (1)

เพียงประตูถูกเปิด หนิงเสวี่ยก็โยนตัวเองเข้ามาโดยไม่พูดจา แววตาดุจน้ำระริกพร่ามัว ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าการแต่งงานคือสิ่งใด พี่ชายนางมีภรรยา มีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ดังนั้นนับจากนี้ต่อไป เขาจะไม่อาจนอนกับนางได้อีก....


“มืดแล้ว มาเถอะ ได้เวลาพักผ่อนแล้ว” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างอ่อนโยน พร้อมกับอุ้มหนิงเสวี่ยขึ้น

เขาอาบน้ำให้หนิงเสวี่ยเหมือนเช่นทุกครั้ง หลังจากทำร่างกายให้แห้งก็อุ้มขึ้นวางบนเตียง จากนั้นห่มผ้าให้ ปล่อยให้นางนอนพิงกาย นางดูตื่นตระหนกหากยังค่อยๆหลับตาลง เขาเพิ่งนอนได้ไม่ทันไรทงซินก็เริ่มหาว นางดีดชุดออกขดตัวซุกอยู่อีกด้านของข้างกาย หนิงเสวี่ยขี้เซามาก นางหลับไปอย่างรวดเร็ว ทงซินฟื้นฟูพลังด้วยความเร็วที่น่าตระหนก เวลาหลับนอนยังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปเพียงไม่นาน นางก็หลับไหลไปอีกคน

หลังจากสงบเงียบเป็นเวลานาน เย่หวูเฉินเอื้อมมือลูบแก้มของสาวน้อยทั้งสอง จากนั้นเปิดผ้าห่มและลุกออกจากเตียงเงียบๆ

 “ท่านพ่อ”

เสี่ยวโม่ที่แสร้งหลับได้ลืมตาขึ้น ส่งเสียงเรียกเขาแผ่วเบา

เย่หวูเฉินช่วยห่มผ้าให้นาง จากนั้นกระซิบด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวโม่ พักผ่อนได้แล้ว”

“จากนี้ไป ข้ายังนอนกับท่านพ่อได้อยู่หรือเปล่า?” นางถามด้วยสีหน้ากังวล

“ได้สิ แต่ว่า” เย่หวูเฉินก้มศีรษะลงและกล่าวนุ่มนวล “พรุ่งนี้เจ้าลองไปอยู่กับพี่หญิงโหรวโหรว กับพี่หญิงฮวงเอ๋อร์ของเจ้า จากนั้นลองแอบถามดู ตราบใดที่เสี่ยวโม่เชื่อฟังพอ พวกนางย่อมตอบตกลง”

“.....อื้ม!” เสี่ยวโม่ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าหนักพร้อมกับคลายหัวคิ้วออก

ฮั่วฉุ่ยโหรวนั่งรอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ในห้องหอสว่างด้วยแสงเทียนแดง แสงจันทร์ส่องลอดร่องม่าน ฉาบไล้เข้ามาบางๆ สะท้อนเครื่องประดับของร่างที่อยู่บนเตียง ในที่สุดประตูก็ถูกผลักเปิด เวลานี้อาศัยเพียงแสงสว่างจากเปลวเทียน ก็เพียงพอเห็นร่างนั้นก้าวเข้ามาได้ชัดเจน ฮั่วฉุ่ยโหรวที่นั่งอยู่ตัวสั่นเล็กน้อย ทั้งดีใจและตื่นเต้นในขณะเดียวกัน

เย่หวูเฉินเดินเข้ามาอย่างนุ่มนวล นั่งลงข้างๆฮั่วฉุ่ยโหรว กุมมือนางไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกข้างโอบไหล่ กอดนางไว้อย่างรักใคร่ จากนั้นถอดมงกุฎหงส์และม่านทองคำออก ทันในนั้น ใบหน้าเอียงอายของฮั่วฉุ่ยโหรวได้ปรากฎต่อสายตาของเย่หวูเฉิน ดวงหน้าดุจหยกฉาบทาแสงจันทร์เป็นสีขาวนวลงาม การกระทำของเย่หวูเฉินทำให้นางเอียงอาย แก้มสองข้างเรื่อเป็นสีชมพู ดูละมุนบอบบางอย่างมาก ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย ตาพร่าดุจน้ำ นุ่มนวลเหนือสามัญสำนึกใดๆ เย่หวูเฉินลูบเส้นผมนางอย่างแผ่วเบา และเอ่ย “โหรวโหรว ทำให้เจ้าต้องรอนานแล้ว”

“....ไม่เลย.... รอประเดี๋ยวเดียวเอง....” มือเล็กๆของฮั่วฉุ่ยโหรวถูกเย่หวูเฉินกุมจับ สัมผัสความอบอุ่นที่แผ่เข้ามาในมือเป็นช่วงๆ ราวกับจะสื่อถึงหัวใจโดยตรง ทันใดนั้นใบหน้างดงามพลันแดงก่ำ หัวใจเต้นกระหน่ำรัวเร็ว ก้มศีรษะลงหลีกเลี่ยงสายตา สองคนในห้องเดียวกัน กลิ่นหอมของร่างนางโชยเข้าจมูกของเย่หวูเฉิน ขณะที่ฮั่วฉุ่ยโหรวสัมผัสถึงกลิ่นของชายชาตรี ความรู้สึกประหลาดเอ่อท้นขึ้นในใจ ใบหน้าร้อนผ่าว ขาเรียวชิดกันแน่น บิดร่างไปมาเล็กน้อย นางไม่ได้ปล่อยมือแต่บีบแน่นขึ้น เขาบีบมือตอบรับอย่างอ่อนโยน จากนั้นส่งยิ้มให้และเชยคางขึ้น โน้มกายลงประทับจูบลงช้าๆ

ฮั่วฉุ่ยโหรวหลับตาลงด้วยความอาย หัวใจเต้นรัวเร็วเป็นกวางถูกล่า ริมฝีปากเชอร์รี่ร้อนผ่าวตรงสัมผัส กลิ่นอายของชายชาตรีซึมซ่านสู่ปากและจมูก ฮั่วฉุ่ยโหรวหน้าแดงก่ำเป็นผลทับทิม หญิงสาวบริสุทธิ์บอบบางแทบละลายด้วยจูบของเย่หวูเฉิน แม้มิใช่ครั้งแรกที่สัมผัสรสจูบ ทว่ายามนี้คือฉากในคืนแต่งงาน ทุกสิ่งสวยงามดุจความฝันทำให้นางมัวเมา

เสร็จจากประทับจูบแรก ลมหายใจของฮั่วฉุ่ยโหรวพลันปั่นป่วน ก้มหัวลงเล็กน้อยในอ้อมแขนของเขา ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าแดงผ่าวเป็นเชอร์รี่ไม่จางคลาย เย่หวูเฉินก้มศีรษะลง มองติดตรึงด้วยความรักใคร่ กล่าวถ้อยคำอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็น “โหรวโหรว ข้าจะรักเจ้าชั่วชีวิต ไม่มีวันทำให้เจ้าเสียใจ”

ในอดีต เขาพบฮั่วฉุ่ยโหรวครั้งแรกในงานประลองของราชวิทยาลัยเทียนหลง เพียงปราดตาแรกที่พบก็เกิดความรู้สึกราวกับถูกนางพิชิตลง จากสีหน้าและแววตานั้น เขาได้เห็นสตรีที่นุ่มนวลดุจสายน้ำ อ่อนโยนจนเขาไม่อาจหักห้ามใจให้หลงใหล นับแต่วินาทีนั้น เขาได้ตัดสินใจนำนางมาอยู่ข้างกาย ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ไม่ว่านางจะเป็นของใครก็ช่าง

ในวันนั้น เขาฉวยโอกาสระหว่างการแข่งสั่นคลอนหัวใจนาง ทำให้นางคอยมองด้วยความสงสัย ประทับเงาไว้อย่างล้ำลึกในหัวใจ หลายวันผ่านไปเขาลอบเข้าไปในห้องของนาง คร่ากุมหัวใจนางไว้โดยสมบูรณ์ ฮั่วฉุ่ยโหรวเป็นสตรีที่หากมอบหัวใจให้บุรุษใดแล้ว นางจะไม่เปลี่ยนใจไปจนชั่วชีวิต นี่คือความงมงายของนาง ดังนั้น เมื่อข่าวการตายของเย่หวูเฉินมาถึง นางจึงทำให้ทั้งเมืองได้รู้ว่า ชั่วชีวิตนี้นางคือคนของตระกูลเย่เท่านั้น ไม่มีวันแต่งงานกับใครอีก หากบีบบังคับนาง นางขอสู้ยอมตายเสียดีกว่า

ทุกลักษณะในตัวนาง ล้วนเป็นคุณสมบัติของภรรยาที่ยอดเยี่ยม นางเรียนรู้ทุกอย่างที่ภรรยาที่ดีพึงกระทำ ตัวอย่างอีกข้อหนึ่งก็คือ นางรอคอยเย่หวูเฉินอยู่ในห้องหอเป็นเวลานานมาก แม้งานแต่งสงบลงนานแล้ว แต่เขากลับเพิ่งเข้ามา ทว่านางมีเพียงความดีใจ ไม่มีการบ่นว่าใดๆแม้แต่น้อย

ได้ฟังถ้อยคำสั้นๆของเย่หวูเฉิน ใบหน้าของฮั่วฉุ่ยโหรวยิ่งแดงผ่าว หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง ท่วมท้นด้วยความดีใจ ริมฝีปากยังคงจำสัมผัสจูบที่เขาประทับไว้ ฮั่วฉุ่ยโหรวร่างกายอ่อนระทวย แทบไม่อาจยกขึ้นแม้กระทั่งศีรษะ ใบหน้าร้อนรุ่มดุจไฟลน “สามี....” ฮั่วฉุ่ยโหรวเอ่ยปากในที่สุด เปล่งเสียงอันแผ่วเบา “ชีวิตนี้ได้แต่งงานกับสามี นับเป็นวาสนาสูงสุดของข้าแล้ว ข้าไม่เรียกร้องสิ่งใดอีก.... ชีวิตนี้ขออยู่เพียงเพื่อสามี ตายเพียงเพื่อสามี ต่อให้สามีทำไม่ดีต่อข้า หัวใจของข้าก็จะเทิดทูนแต่สามีเท่านั้น....”

ฮั่วฉุ่ยโหรวกล่าวความรู้สึกในใจออกมาอย่างกล้าหาญ หัวใจราวกับกวางน้อยกระโดดโลดไปรอบๆ แก้มสองข้างแดงผ่าวขึ้นพร้อมกัน ศีรษะเล็กๆก้มต่ำลง ได้ฟังเสียงกระซิบของนางแล้ว เย่หวูเฉินแววตากระเพื่อมไหว หัวใจอบอวลด้วยความอบอุ่น มองฮั่วฉุ่ยโหรวด้วยรอยยิ้มงมงาย เอ็นดูอย่างจับใจ ในอกเอ่อล้นด้วยความรักใคร่ เขาเคลื่อนมือขึ้นลูบใบหน้านาง จูบริมฝีปากอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง ต่อให้ใช้ถ้อยคำวิจิตรพิศดารเพียงใด ก็ไม่อาจบรรยายความงามอันน่าหลงใหลของนางได้

ฮั่วฉุ่ยโหรวแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนของเย่หวูเฉิน นางจูบตอบด้วยความอาย กลิ่นอายบุรุษทำให้นางไร้ซึ่งพลัง ร่างอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน จูบดูดดื่มทำให้ร่างกายและลมหายใจร้อนรุ่ม นางค่อยๆลืมว่าตัวเองอยู่ที่ใด ลืมว่าตัวเองเป็นใคร ค่อยๆลืมความเอียงอายของสตรี จดจำได้เพียงอ้อมกอดอันเร่าร้อนที่ไม่ปล่อยให้นางหลุดรอดออกไป เย่หวูเฉินจูบอย่างร้อนแรง ดูดลิ้นและฟันขาวของนาง ลิ้มรสอันหอมหวานเย้ายวน ความอบอุ่นแผ่ลามในหัวใจของฮั่วฉุ่ยโหรวอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่ทราบว่าตั้งแต่ตอนไหน ดวงตานางกำลังหลั่งน้ำตาแห่งความสุขช้าๆ นางกอดสามีของตนเองไว้แน่น นี่คือบุรุษที่จะอยู่ร่วมกับนางไปจนชั่วชีวิต.... ประทับจูบตราตรึงไว้ตลอดไป

การเคลื่อนไหวของเย่หวูเฉินค่อยๆแผ่วเบาลง ฮั่วฉุ่ยโหรวที่ถูกจูบหอบหายใจราวกับขาดอากาศ เขินอายไม่กล้ากล่าวคำ สองข้างแก้มปรากฎลักยิ้มจางๆ เย่หวูเฉินอดไม่ได้และจุมพิตลงแผ่วเบา นางส่งเสียง “อืม” พร้อมพริ้มตาลง ทันใดนั้น นางรู้สึกถึงฝ่ามือที่ไล้ไปเรื่อยบนแผ่นหลัง ประสาทพลันหดเกร็งทันที นางอดไม่ได้และส่งเสียงอันเมามาย “สามี....”

ราตรีนี้ คือคืนเข้าหอของทั้งสอง นางจะมอบทุกอย่างให้กับเขา กอดเขาไว้แน่นเพื่อบอกว่าทุกสิ่งของนางเป็นของเขาทั้งหมด เย่หวูเฉินคล้ายได้ยินเสียงบอกจากลมหายใจ เขาจูบไซร้จากปาก ลามลงลำคอ ผมสยายประที่ปลายจมูก เขาจูบผิวและเส้นผมพร้อมกัน ร่างของฮั่วฉุ่ยโหรวไวต่อสัมผัสมาก เย่หวูเฉินทราบดีว่านางไม่อาจทนต่อการเล้าโลมได้อีก นางอดกลั้นต่อสัมผัสอ่อนโยนที่เย่หวูเฉินส่งมา เพียงไม่ช้าในปากก็ส่งเสียงครางอ่อนโยน “อืม.... สามี....”

แม้เป็นเสียงครางอันบางเบา ทว่าร้ายกาจพอจะพรากวิญญาณของบุรุษ เย่หวูเฉินพอได้ยินก็อารมณ์พลุ่งพล่าน ดูดไซร้ไปตามลำคอ ฮั่วฉุ่ยโหรวร่างกายสั่นเกร็ง คราง “อิ๋ง” ออกมาเบาๆ เย่หวูเฉินจ้องมองดวงตานางที่เปียกชื้น หยุดเคลื่อนไหวและส่งเสียงกระซิบ “โหรวโหรว.... ขอข้าดูเจ้าหน่อยเป็นอย่างไร?”

ฮั่วฉุ่ยโหรวกระพริบตา ร่างบอบบางสั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่กล่าวคำเป็นเวลานาน กัดเม้มริมฝีปากล่างไว้เล็กน้อย ซุกศีรษะเล็กๆไว้ในอกเขา เอ่ยเพียงเสียงแผ่วเบาว่า “สามี....” นางหลับตาลงช้าๆ รอคอยความสุขอันน่าละอายที่จะต้องเกิดขึ้นในคืนนี้....

เย่หวูเฉินเอ็นดูนางจับใจ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เขาตั้งใจมอบค่ำคืนสุดวิเศษให้กับฮั่วฉุ่ยโหรว เวลานี้ เขาลูบลำคอของฮั่วฉุ่ยโหรวอย่างอ่อนโยน จับจ้องดวงตาและปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม ค่อยๆปลดผ้าแดงที่คาดเอวนางออก วางกองไว้ที่ด้านหลัง จากนั้นค่อยๆเปิดชุดแดงลายหงส์ทองทีละน้อย ฮั่วฉุ่ยโหรวร่างสะท้านเมื่อนิ้วเฉี่ยวถูกทรวงอก เย่หวูเฉินเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและระวัง ค่อยๆถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก เผยให้เห็นเสื้อชั้นกลางสีแดง จากนั้นบรรจงถอดเสื้อชั้นกลางออกอีกครั้ง.... แม้ยังคงเหลือชุดชั้นในบดบัง ทว่าผิวขาวงดงามได้เผยออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง สมบูรณ์แบบจนไม่อาจหาใดเทียบ

ฮั่วฉุ่ยโหรวหลับตาแน่น หอบหายใจถี่ ยกมือขึ้นบังทรวงอกด้วยความกลัว คิ้วหลิวเอียงอายอย่างน่าดู เย่หวูเฉินชื่นชมความงามไม่ละวางตา ยิ่งมองความพอใจยิ่งเพิ่มทวี สติแทบหลุดล่อง เขาค่อยๆแกะมือของฮั่วฉุ่ยโหรวที่บังทรวงอกออก เผยผิวละมุนอ่อนนุ่มดุจหิมะ สัมผัสมันลื่นดึงดูดใจไม่อยากปล่อยวาง เย่หวูเฉินเปิดแขนนุ่มนิ่มของฮั่วฉุ่ยโหรวออก หัวใจยิ่งลุ่มหลงหนักขึ้น สัมผัสอบอุ่นที่แผ่จากมือมาทำให้นางค่อยๆผ่อนคลายลง ส่งเสียงครางแผ่วเบา “สามี.... สามี....”


<<<PREV    .    NEXT>>>