วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 470

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 470 งานสมรสครั้งใหญ่ (1)

เย่หวูเฉินขี่ม้าออกจากประตูหน้าของตระกูลเย่ กลายเป็นดุจจุดศูนย์กลางของสายตาโดยรอบ เมื่อเขาออกมาก็พลันพบว่าทั่วเมืองเทียนหลงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากงานแต่งของเขา

พรมแดงยาวเหยียดปูลาดจากตระกูลเย่ ทอดยาวลดเลี้ยวไปจนถึงตระกูลฮั่ว อีกผืนหนึ่งแยกไปทางราชวังที่ห่างออกไปหลายลี้ ตระกูลเย่ , ตระกูลฮั่ว รวมทั้งราชวังแม้มีระยะทางไม่ไกลกันมากนัก แต่ท้องถนนแห่งเมืองเทียนหลงยามนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คน นี่อาจครั้งแรกในชีวิตที่เห็นคนมากมายขนาดนี้ สองข้างทางของพรมแดง ทุกสองสามก้าวจะต้องมีเด็กยืนถือตระกร้าดอกไม้สวยงาม เด็กชายและเด็กหญิงยืนเรียงรายแยกกันสองฝั่ง ขนาดส่วนสูงลดหลั่นกันไม่มากนัก แต่งกายสะอาดสะอ้านและสวยงาม เด็กชายอยู่ในชุดโบราณลายคลื่นน้ำ เด็กหญิงอยู่ในชุดสีอ่อนรูปดอกไม้และก้อนเมฆ บนศีรษะทัดแต่งด้วยปิ่นและเครื่องประดับงดงาม ยืนเรียงรายตลอดเส้นทางน่าดูเป็นอย่างมาก.... อาจกล่าวได้ว่าเด็กเล็กและเด็กโตเหล่านี้คือเด็กทั้งหมดในเมืองเทียนหลง! ราวกับฝูงชนบนท้องถนนถูกผ่าออกด้วยผืนพรมแดง ไม่มีผู้ใดกล้าสัมผัสพรมแดงแม้แต่น้อย

การปรากฎตัวของเย่หวูเฉิน พลันทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองปลื้มปิติ ในสายตาผู้คนล้วนยินดี ทั่วเมืองเต็มไปด้วยแสงสว่างรุ่งโรจน์จากโคมแดง ริ้วธงแดงปลิวไสว เสียงแห่งความสุขสันต์ก้องทะยานขึ้นฟ้า เกี้ยวอันหรูหราค่อยๆเคลื่อนไปบนถนนหลักของเมืองหลวง มองไปไกลๆเห็นแต่เพียงผู้คนอัดแน่นเป็นแผ่นผืนในเมืองเทียนหลง มีชีวิตชีวาจนไม่อาจบรรยาย แม้เย่หวูเฉินได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อนำม้าออกจากประตูตระกูลเย่ ก็ต้องตะลึงกับคลื่นฝูงชนที่แต่งกายงดงามละลานตา.... ไร้ข้อสงสัยเลยว่า นี่คือการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดแห่งเมืองเทียนหลง หรือกระทั่งของทวีปเทียนเฉิน นี่คืองานสมรสที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุด เพราะผู้ตระเตรียมงานครั้งนี้มิได้มีเพียงตระกูลเย่และราชตระกูลแห่งเทียนหลงเท่านั้น แต่ยังรวมกระทั่งสำนักจักรพรรดิใต้ , สำนักจักรพรรดิเหนือ , อาณาจักรคุยชุย , อาณาจักรชางหลาน และเหล่าตระกูลชั้นสูง พวกเขาพยายามอย่างยิ่งไม่ให้เย่หวูเฉินขัดเคืองใจใดๆ ขุมกำลังสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉินจึงร่วมแรงแข็งขัน ด้วยทรัพยากรของขุมกำลังเหล่านี้ งานสมรสครั้งใหญ่จึงยิ่งใหญ่อลังการจนผู้คนแทบไม่เชื่อสายตา

“ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?” เย่หวูเฉินมองไปเบื้องหน้า รำพึงในใจอย่างอดไม่ได้

อาณาจักรเทียนหลง ตระกูลฮั่ว

รอคอยตลอดช่วงเช้าอย่างกระวนกระวาย ในที่สุดฮั่วฉุ่ยโหรวก็ถูกพี่เลี้ยงสองคนประคองแขนขึ้นสู่เกี้ยว ด้วยความกังวลจึงไม่ทันมองว่าใครส่งแอปเปิ้ลให้ นางก้มศีรษะลงต่ำ ไม่กล้าเงยหน้ามองใครแม้กระทั่งเย่หวูเฉินที่กำลังยิ้มมองมาทางนาง.... ทว่าในขณะเดียวกัน ยามที่กำลังกังวลอยู่นั้น แววตานางพร่าไหวด้วยความสุขที่กำลังเอ่อล้น ในหูได้ยินเสียงฆ้องและกลองกังวาล สุ้มเสียงยินดีดังกระหึ่มรอบทิศ เมื่อนางออกจากตระกูลฮั่วในวันนี้ นางจะกลายเป็นคนของตระกูลเย่ตลอดไป นางไม่ได้ทิ้งบ้านเพราะตระกูลทั้งสองอยู่ห่างกันไม่มากนัก หากนางต้องการย่อมสามารถกลับมาเยี่ยมได้ทันที บิดานางเองก็ย่อมไปเยี่ยมเยือนนางบ่อยๆด้วยเช่นกัน

งานแต่งวันนี้มีเจ้าสาวสองคน ทว่าพวกนางไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินกับเย่หวูเฉินพร้อมกัน หากแต่เป็นสลับกันทีละรอบ หลังจากคนแรกทำพิธีเสร็จแล้วถึงจะเป็นคนที่สอง.... ไม่อย่างนั้นหากสองสตรีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกัน คงเกิดเป็นภาพที่น่าอึดอัดใจไม่ใช่น้อย สิ่งที่ทำให้นางดีใจคือเย่หวูเฉินมารับนางเป็นคนแรก ไม่ใช่หลงฮวงเอ๋อร์

ฮั่วฉุ่ยโหรวกุมแอปเปิ้ลสัญลักษณ์แห่งความสุขไว้ในมือแน่น ในใจอธิษฐาน.... นี่ความสุขสูงสุดของนาง.... เขาเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกที่จะรักนางตลอดไป เมื่อมีเขาอยู่ข้างกายความสุขของนางย่อมคงอยู่ตลอดไป.... ในที่สุด ก็มีเสียงสั่งดังขึ้นว่า “ยกเกี้ยวขึ้นได้” เสียงนี้บ่งบอกว่านางกำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของนางแล้ว

เกี้ยวถูกยกขึ้น เย่หวูเฉินนั่งบนหลังม้านำอยู่เบื้องหน้า ในหูมีทุกสรรพเสียงดังอื้ออึง ทั้งเสียงคน และเสียงประโคมดนตรี ผู้คนล้วนตื่นตากับความอลังการของงานสมรสใหญ่ ทุกคนปรารถนาได้เห็นจักรพรรดิมารและสองเจ้าสาวด้วยตาตัวเอง

เย่หวูเฉินนั่งบนหลังม้าด้วยความองอาจ แววตาลุ่มลึกและกระจ่าง สง่างามดุจเทพ อารมณ์ผ่อนคลายในชุดเจ้าบ่าวสีแดง ผมยาวพริ้วไสวอยู่ด้านหลัง ร่างกายตั้งตรงแผ่กลิ่นอายของจักรพรรดิ หลายส่วนบนใบหน้าเป็นรอยยิ้มสงบ ไม่ทราบมีสตรีเพียงใดที่ถูกพรากจิตใจเพราะรอยยิ้มนี้

ทุกครั้งที่ย่างไปบนพรมแดง เด็กชายและเด็กหญิงที่อยู่ใกล้ๆจะโปรยกลีบดอกไม้หลากสีสัน บางครั้งยังมีละอองน้ำจากกิ่งหลิว ตระกูลเย่กับตระกูลฮั่วอยู่ไม่ไกลกันมากนัก หลังจากผ่านมาหลายหัวมุมถนน เย่หวูเฉินพลันเคลื่อนสายตาออกไปทางด้านข้าง เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่คุ้นเคย ทว่าสายตานั้นไม่ควรปรากฎอยู่ในที่แห่งนี้

เขาพลันพบสายตานั้น เป็นเยว่หานตงที่กำลังมีสีหน้าซับซ้อน ข้างๆเป็นลูกสาวของเขาเยว่ซือฉี เย่หวูเฉินสบตานาง รู้สึกแปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถอนสายตากลับ ในใจสงสัยว่าทั้งสองคนมาที่นี่ทำไม....

ทว่าเยว่ซือฉีสีหน้าปั่นป่วนทันทีที่เขาสบตา คนราวกับถูกไฟช็อตรีบก้มหลบ หัวใจเต้นรัวเร็ว ในใจตะโกนปั่นป่วน : เขาเห็นข้า.... เขาเห็นข้า....

เมื่อเยว่ซือฉีเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แผ่นหลังของเย่หวูเฉินก็ได้จากไปไกล สายตานางมองที่เกี้ยวหรูหราปักม่านเป็นรูปหงส์คู่มังกร ท่าทางและหัวใจพลันสลดลง....

เยว่หานตงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลูกสาวอยู่เงียบๆ สุดท้ายเงยหน้าขึ้นถอนหายใจบาง.... หลังจากที่เยว่ซือฉีกลับบ้าน เขาทราบว่านางไม่เพียงไม่ได้รับอันตรายใดๆ กลับกันยังถูกดูแลอย่างดี ไม่ถูกเอาเปรียบใดๆแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากที่กลับมานางได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นางมักเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาค่อยๆทราบเหตุผลว่าทำไม เย่หวูเฉินเป็นบุรุษถึงปานนี้ เมื่อเผชิญหน้าสตรีใดจะไม่หวั่นไหว ก่อนหน้านี้นางถูกเขาลักพาตัวไป นางได้เห็น ได้คลุกคลี และสัมผัสถึงอารมณ์ของเขา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอนางเห็นบุรุษอื่นจึงพบความแตกต่าง ราวกับบุรุษอื่นเป็นปุ๋ยคอกทั้งหมด.... หลังจากได้ยินข่าวงานสมรสครั้งใหญ่ของเขา นางจึงอ้อนวอนขอบิดาให้พานางเดินทางพันลี้มายังเมืองเทียนหลง นางคิดสิ่งใดมีหรือที่บิดานางจะไม่รู้ แม้แต่มารดาของนางเองก็ยังทำได้เพียงทอดถอนใจเช่นเดียวกัน

ขอเพียงแค่....

ระหว่างที่ฮั่วฉุ่ยโหรวกำลังรอคอย ราวกับเวลาผ่านไปเชื่องช้าอย่างมาก ไม่ทราบว่านานเพียงใด นางค่อยๆรู้สึกว่าเกี้ยวกำลังหยุดลง ที่ข้างหูยังคงมีเสียงอื้ออึง ผ้าม่านค่อยๆถูกเปิดขึ้น เสี่ยวอวี้สาวใช้ส่วนตัวกระซิบอย่างอ่อนโยน “คุณหนู....”

เสี่ยวอวี้ยื่นแขนเข้ามา ฮั่วฉุ่ยโหรวจับแขนไว้อย่างนุ่มนวลและประคองตัวลงจากเกี้ยว ทันทีที่นางลงมาถึง สุ้มเสียงที่ดังรอบกายพลันสงบลง ราวกับว่านางได้ยินเสียงหายใจชะงักดังรอบกาย นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย จับชายเสื้อของเสี่ยวอวี้อยู่ใกล้ๆ นางทราบดีถึงรูปโฉมของตัวเอง ยิ่งแต่งชุดหงส์คลุมไหล่ชั้นเลิศในแบบโบราณเป็นชุดเจ้าสาว กระทั่งสาวใช้ที่แต่งตัวให้ในตอนเช้ายังตะลึงโง่งม แม้แต่นางยามมองกระจกยังตกตะลึง ทั้งใบหน้าและเรือนร่าง ทั้งหมดช่าง.... งดงามมากเกินไป!

คุณภาพของชุดล้ำเลิศยิ่งกว่าชุดแต่งงานใดๆของราชวงศ์ ชุดแต่งงานของราชวงศ์จะไม่ใช้ผ้าคลุมเต็มหน้า ขณะที่ชุดของนางผ้าคลุมหน้าเป็นเพียงม่านร้อยสีทองบางๆ ดังนั้น หลังจากที่ฮั่วฉุ่ยโหรวก้าวลงมาจากเกี้ยว ใบหน้าของนางจึงปรากฎให้เห็นรางๆต่อหน้าฝูงชน.... วันนี้แสงอาทิตย์อ่อนโยนเป็นพิเศษ ขับเน้นส่งเสน่ห์ของชุดหงส์คลุมไหล่ชั้นเลิศในแบบโบราณ งดงามระยับจับตา ผู้คนที่มองมาล้วนตกอยู่ในภวังค์ นางสวมมงกุฎหงส์สี่แฉกบนศีรษะ ปลายมวยผมปักไว้ด้วยปิ่นทอง ห้อยประดับด้วยจี้ทองสลัก แขนเสื้อสีแดงปักไว้ด้วยลายหงส์ทอง ผ้าคาดเอวล้วนปักเป็นลายเดียวกัน เป็นลายทองตลอดจนถึงรองเท้า เหยียบย่างแต่ละก้าวล้วนแช่มช้อย ผ้าคลุมศีรษะแดงประดับด้วยพู่ทองและไข่มุก บดบังหน้าผากที่ก้มลง คิ้วดำตัดกับผิวขาวงาม ดวงตากระจ่างใส ริมฝีปากดุจหยก เคลื่อนร่างอย่างแช่มช้า ใบหน้าเอียงอายใต้ม่านทองคลุมหน้ายิ่งขับส่งเสน่ห์นางให้เพิ่มทวีคูณ ดุจดั่งเทพธิดาในหมอกมัว งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์....

วันนี้คือวันที่นางงดงามที่สุดในชีวิต ความงามของนางทำให้ผู้คนทั้งหมดต้องยอมสยบ ไม่ทราบมีคนเท่าใดกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว ต่างจ้องมองนางโดยไม่อาจละสายตาไปไหน

ฮั่วฉุ่ยโหรวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็พบโซ่ทองตรงหน้าใกล้ๆเท้า นางข้ามโซ่ทองอย่างระวังด้วยการช่วยประคองของเสี่ยวอวี้ จากนั้นแอปเปิ้ลที่ถืออยู่ถูกนำออกไป ในมือคว้าคนโททองมาแทนไว้.... ขั้นตอนพิธีแต่งงานนางได้จดจำไว้จนมั่น ทว่าเวลานี้นางกลับลืมขั้นตอน หยิบคว้าคนโททองมาไว้ในมือ ตอนนี้มือนางสั่นเล็กน้อย ในหูได้ยินเสียงน้ำในนั้นกระฉอก ‘จ๋อมแจ๋ม’ เบาๆ นางไม่ทราบว่าเหตุใดตัวเองถึงคว้าเอาคนโทใบนี้ติดมือมา....

ทันใดนั้น บรรยากาศรอบกายพลันกลับมาดังขึ้น คนโทในมือนางถูกหยิบออกไป แทนที่อีกครั้งด้วยผ้าไหมแดง นางจับไว้แน่น ปล่อยให้คนตรงหน้าจูงนำไป ฝีเท้าดุจปทุมมาลย์บางเบายิ่ง นางตามติดไปช้าๆ รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคือสามีนาง เย่หวูเฉิน

ในที่สุด นางมาถึงธรณีประตูที่ไม่สูงนัก นางก้าวเท้าข้ามเข้าไปในตระกูลเย่ หัวใจเต้นรัวประดุจกวาง

แขกเหรื่อที่อยู่ในตระกูลเย่ล้วนแต่เป็นผู้สูงศักดิ์ พวกเขายืนรอพร้อมแล้ว เมื่อเย่หวูเฉินและฮั่วฉุ่ยโหรวก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามา ลมหายใจของเหล่าบุรุษและสตรีล้วนชะงักขาดห้วง วันนี้ฮั่วฉุ่ยโหรวงดงามดุจเทพธิดาหลุดมาจากภาพวาด งดงามจนผู้คนไม่อาจเคลื่อนสายตา....

มีเพียงจักรพรรดิมารเท่านั้น ที่สามารถชื่นชมสตรีงามล้ำเช่นนี้ได้ และมีเพียงสตรีปานนี้เท่านั้น จึงสามารถคู่ควรกับจักรพรรดิมาร ผู้เป็นตัวตนเด่นล้ำสูงสุดในทุกด้านแห่งทวีปเทียนเฉิน

ฮั่วฉุ่ยโหรวมองที่ปลายเท้าของตัวเอง กำผ้าไหมแดงเดินตามทีละก้าวด้วยความเอียงอาย นับแต่ก้าวเท้าเข้ามาในตระกูลเย่ ไม่ทราบว่าความคิดของนางล่องลอยไปถึงไหน อาจเป็นตอนครั้งแรกที่ได้เจอกัน ถูกเขาลวนลามด้วยความไม่เต็มใจ ประสบความโศกเศร้าตลอดสามปี.... ล่องลอยไปยังอนาคตที่ได้อยู่คู่เคียงกับเขาชั่วชีวิต ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นดุจความฝัน สุขใจจนยากจะบรรยาย สามปีที่โศกเศร้ากับข่าวการตาย นางไม่เคยคาดฝันว่าจะได้มีความสุขเช่นวันนี้



<<<PREV    .    NEXT>>>