วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 461

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 461 มุกเซียนปฐพี

ยิ่งมุ่งหน้าสู่ทางทิศตะวันตก บ้านเรือนที่อยู่อาศัยยิ่งบางตา จนกระทั่งมองไม่เห็นผู้คนอีก ทว่าสัตว์อสูรมิได้สูญพันธุ์ไปเพราะเรื่องนี้ ท่ามกลางฝุ่นทรายบ้าคลั่ง บางครั้งจะเห็นโขยงงูยักษ์สีน้ำตาล นี่เป็นสิ่งบ่งบอดว่าพวกมันเป็นสัตว์อสูรธาตุปฐพี พวกมันย่อมชื่นชอบสภาพในที่แห่งนี้

เย่หวูเฉินบินด้วยความเร็วสูงลิ่ว เพียงเวลาครึ่งวันได้ระยะทางเท่ากับคนทั่วไปเดินทางข้ามภูเขาและแม่น้ำตลอดวันคืนต่อเนื่องหลายวัน ภาพตรงหน้ายามนี้เป็นแผ่นผืนสีเหลืองไปทั่วทุกแห่งหน

พายุทราย ในอากาศแทบทุกตารางนิ้วคือพายุทราย เข้มข้นและปั่นป่วนเกิดคาดคิด ยามมองตรงไปหน้า นอกจากสีเหลืองของทรายแล้วล้วนไม่เห็นสิ่งใด หากคนธรรมดามายืนอยู่ ณ ตรงนี้ อย่าว่าแต่จะลืมตาเลย เพียงไม่กี่อึดใจร่างกายย่อมย่อยยับภายใต้พายุทรายคลั่ง....

ผืนปฐพีสุดขั้ว.... ดินแดนสุดขั้วแห่งปฐพี!

แต่ทว่าหลังจากที่เย่หวูเฉินบินต่อไปได้อีกเพียงเล็กน้อย เขาก็พลันพบว่าตนเองเข้าใจผิดพลาด

พายุทรายที่บดบังยังคงทวีความเข้นข้นและน่ากลัวขึ้น ต้นกำเนิดพลังปฐพีที่สัมผัสได้ยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ หากทันใดนั้นเอง เย่หวูเฉินต้องตกตะลึงไม่ทันตั้งตัว ฉับพลันเขาหลุดออกจากขอบเขตพายุทราย สภาพอากาศตรงหน้ากระจ่างชัด ไม่มีฝุ่นทรายแม้แต่น้อย

ที่เบื้องหลังฝุ่นทรายยังคงม้วนพัดอย่างบ้าคลั่ง ราวกับมีปราการไร้ตัวตนขวางกั้นไว้ แยกโลกอันสงบนิ่งและโลกแห่งพายุทรายบ้าคลั่งออกจากกัน

ไม่ใช่ เย่หวูเฉินพลันตระหนักได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่โลกอันสงบนิ่ง หากแต่เป็นโลกที่น่ากลัวยิ่งกว่า....

แรงโน้มถ่วง.... รุนแรงนับสิบๆเท่าของแรงโน้มถ่วงธรรมดา!

ด้านหลังของเขาเสียงโหยหวนยังคงดังอยู่ ด้านหน้ากลับกลายเป็นผืนทรายเงียบสงัดกว้างขวางไร้ขอบเขต ราวกับว่าทรายนี้อ่อนนุ่มอย่างยิ่ง หากเหยียบลงไปมันจะจมลง และลึกพอจะดูดกลืนสรรพสิ่งที่เหยียบย่ำจนหมดสิ้น ที่แห่งนี้ไม่มีพายุทราย มิใช่เพราะมันไร้พลังปฐพีเรืองอำนาจ หากเพราะมีแรงโน้มถ่วงอันน่ากลัว ฝุ่นทรายในที่นี้จึงถูกกดไว้โดยสิ้นเชิง ไม่อาจลอยฟุ้งขึ้นมาได้

แรงโน้มถ่วง คือรูปแบบพลังพิเศษของพลังธาตุปฐพี เป็นวิธียับยั้งของปฐพีที่น่ากลัวสูงสุด หากเย่หวูเฉินไม่มีภูมิต้านทานต่อธาตุปฐพี เมื่อเขาหลุดเข้ามาในที่นี้ย่อมถูกแรงดึงดูดนับสิบๆเท่ากดร่างลง จมลงสู่ก้นบึ้งทะเลทรายไร้ขอบเขต

สนามแรงโน้มถ่วงอันน่ากลัวและทะเลทรายไร้ขอบเขต นี่คือดินแดนปฐพีสุดขั้วที่มุกเรืองปฐพีสร้างขึ้น! นั่นยังหมายความว่ามุกเรืองปฐพีย่อมซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในทะเลทรายไร้ขอบเขตแห่งนี้ ซึ่งสถานที่อันเป็นไปได้มากที่สุดย่อมคือจุดใจกลาง

หลังจากนิ่งงันอยู่ชั่วสั้นๆ เย่หวูเฉินก็เริ่มบินรุดไปเบื้องหน้าต่อ แรงโน้มถ่วงของที่นี่ไร้ผลกระทบใดๆต่อเย่หวูเฉิน รวมทั้งไร้ผลกระทบใดๆต่อเต่าดำ ตรงกันข้าม ดวงตาเล็กๆของเต่าดำน้อยกำลังเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับสนามแรงดึงดูดปฐพีของที่นี่

หากพบมุกเรืองปฐพี เขาจะทำการกำจัดพายุทรายให้สิ้นสุดด้วยวิธีที่กำหนดไว้แล้วในใจ และจากนั้นทุกอย่างก็เป็นอันจบลง

อาณาจักรต้าฟงก็จะกลายเป็นของอาณาจักรเทียนหลงโดยสมบูรณ์....

แต่เดิมทวีปเทียนเฉินมีขุมกำลังแกร่งกล้าที่สุดอยู่สองกลุ่ม ได้แก่สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ ทว่าทั้งสองขุมกำลังล้วนถูกควบคุมอยู่ใต้บัญชาเขา จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเทียนหลงคือสตรีของเขา อาณาจักรคุยชุยและอาณาจักรชางหลานก็ล้วนถูกควบคุมโดยเขาเช่นกัน นามจักรพรรดิมารของเขาได้กลายเป็นที่ตะลึงโลก ไม่มีผู้ใดกล้ากระตุ้นยั่ว หลังจากวานนี้ที่เขาได้เปิดเผยตัวตนแท้จริงของจักรพรรดิมาร ตัวเขาเย่หวูเฉินก็ไม่มีใครอาจหาญกล้าก้าวล่วงอีก

จัดการกับทุกความเป็นไปได้ที่อาจกลายเป็นต้นตอของภัยคุกคามต่อคนของตน ควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในกำมือ เขาบรรลุทุกอย่างเพียงในชั่วเวลาสั้นๆ เป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ ไม่มีใครสงสัยในอำนาจของจักรพรรดิมารในทวีปเทียนเฉิน ตัวตนสูงสุดที่ทุกคนในทวีปต้องรู้จัก และทำได้เพียงแหงนหน้ามองขึ้นไป

ทวีปเทียนเฉินตกอยู่ในมือเขา ไม่มีสิ่งใดสร้างความกังวลให้เขาได้อีก.... แต่ทว่า.....

แรงกดดันสูงสุดที่ท่วมทับมายังเขาไม่ใช่มาจากทวีปเทียนเฉิน หากแต่เป็นทวีปเทวะ รวมถึง.... ทวีปปีศาจ ดังนั้นเขาต้องจบเรื่องราวในทวีปเทียนเฉินให้รวดเร็วที่สุด และเตรียมรับมือกับหายนะแท้จริงที่ใกล้จะมาถึงในครั้งต่อไป

ทวีปเทวะสร้างความยากเย็นต่อหนิงเสวี่ยและทงซินมาแล้วสองครั้ง แต่ละครั้งน่าสะพรึงยิ่ง ครั้งต่อไปยังมีแนวโน้มว่าจะน่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า หรือกระทั่งถึงสิบเท่า ทวยเทพอย่างไรก็มิใช่ตัวตนที่มนุษย์สามารถต่อต้าน หากเขาถอดใจจากหนิงเสวี่ยและทงซิน ยอมปล่อยให้พวกมันพาตัวพวกนางกลับไปยังทวีปเทวะ เขาก็จะยังคงเป็นราชันแห่งทวีปเทียนเฉิน ทว่าเขาย่อมไม่มีวันทำเช่นนั้น นี่คือการยืนกรานที่จะไม่มีวันเปลี่ยน เขาไม่เคยเสียใจที่ได้พบกับหนิงเสวี่ยและทงซิน

หากแต่เสี่ยวโม่ที่กลายเป็น ‘ลูกสาว’ ของเขา.... นางถูกทวีปปีศาจทอดทิ้งจริงๆหรือ?

ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น....

เสี่ยวโม่รักพ่อแม่ของนางมาก หากไม่ได้รักไหนเลยจะกลายเป็นเกลียดชังและสังหาร.... และการที่นางรักพ่อแม่อย่างมาก นั่นหมายถึงพ่อแม่ของนางปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดียิ่ง ย่อมไม่มีทางทอดทิ้งลูกสาวของตัวเองไว้ที่อีกโลกหนึ่งโดยไม่ออกตามหาเช่นนี้ อีกทั้งในเมื่อรู้ว่ามุกเซียนโกลาหลทั้งสี่กระจายอยู่ในทวีปเทียนเฉิน ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อลูกสาว เหตุใดจึงไม่คิดส่งกองทัพปีศาจมารุกรานทวีปเทียนเฉินอีกครั้ง?

ดังนั้น หากมิใช่เป็นเพราะไม่ได้คิดตามหา หากแต่เป็นเพราะไม่อาจ.... ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ที่ทำให้ปีศาจไม่อาจมายังทวีปเทียนเฉินได้ พ่อแม่ของเสี่ยวโม่ย่อมกำลังทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้พบกับลูกสาวของตนเองอีกครั้ง....

ดังนั้น เสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างกายเขา คืออีกหนึ่งต้นตอหายนะที่รอวันระเบิด!

สาวน้อยทั้งสามที่หลับไหลข้างกายเขาเสมอ แท้จริงคือต้นตอของหายนะร้ายแรง ซึ่งแต่ละ ‘คน’ ล้วนนำหายนะที่ไม่อาจต่อต้าน

ฉะนั้น เขาควรป้องกันด้วยวิธีใด....

ระหว่างที่ครุ่นคิดก็บินได้ระยะทางไกล สายตากวาดมองในมุมกว้าง ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยทรายสีเหลืองบริสุทธิ์ ไม่มีสีอื่นเจือปน ราวกับว่าภายใต้สภาพแวดล้อมแบบเดียวนี้ สายตาไม่อาจจำแนกทิศทางได้ เย่หวูเฉินหลับตาลง สัมผัสถึงจุดใจกลางของแหล่งกำเนิดพลังปฐพีอย่างเงียบงัน ทว่ายิ่งตรงไปเบื้องหน้า ต้นตอของแหล่งพลังยิ่งพร่าเลือน เกิดความรู้สึกว่าแต่ละจุดของที่นี่ล้วนเป็นต้นกำเนิดของพลังปฐพี..... พลังของมุกเรืองปฐพีได้ซึมซ่านในทะเลทรายไร้ขอบเขตมานานเกินไป ทำให้ยากต่อการจำแนกออกจากกัน.....

ทันใดนั้น เย่หวูเฉินหยุดร่างกลางอากาศ เนื่องจากเขาได้ยินเสียงหนึ่ง เสียงนี้ทึบและหนักหน่วงอย่างมาก มันไม่ได้ดังก้องอยู่ในหูหากแต่เป็นในหัวใจ เหมือนกับคราวก่อนที่มุกจิตวารีใช้ห้วงสติถ่ายทอดภาษาให้เขาได้ยิน

เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่เข้ามาถึง เจ้ามาที่นี่เพื่อนำข้าออกไปใช่หรือไม่?

เย่หวูเฉินกดหัวคิ้วลง ตอบกลับในห้วงสติเช่นเดียวกัน “ข้าต้องการนำท่านออกไป หากสิ่งที่ข้าหวังไว้มากที่สุดคือท่านสามารถหยุดยั้งพายุทรายคลั่งนับพันๆลี้นี้ได้ ทรายคลั่งได้สร้างหายนะต่อโลกของมวลมนุษย์ หากกล่าวว่าได้นำทุกข์แสนสาหัสมาสู่ผู้คนล้วนไม่เกินจริง ท่านคือหนึ่งในมุกเซียนโกลาหล มุกเซียนย่อมมีสติไม่ไหลไปในทางชั่วร้าย ท่านย่อมไม่ปรารถนาให้พลังตนเองสร้างภัยพิบัติอย่างต่อเนื่องใช่หรือไม่?”

เช่นเดียวกับมุกจิตวารี มุกเรืองปฐพีล้วนมีสติปัญญาไม่ต่างกัน ยิ่งกว่านั้นสติของมุกเรืองปฐพียังเติบโตเต็มที่ยิ่งกว่าสติของมุกจิตวารี พลังของมันราวกับว่าแกร่งกล้ายิ่งกว่ามุกเซียนทั้งสามที่เย่หวูเฉินครอบครองอยู่.... พลังที่รั่วไหลจากมุกจิตวารีทำให้สมุทรอุดรถูกแช่เป็นน้ำแข็ง มุกมังกรอัคคีได้ก่อกำเนิดมังกรเพลิงฟ้า และเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นภูเขาไฟเทียนเม่ย มุกสลายวายุแม้มีพลังรั่วไหลออกมาเพียงเล็กน้อย หากอาณาวายุที่เกิดขึ้นล้วนน่าประหวั่นพรั่นพรึง ทว่าแม้รวมอิทธิพลอำนาจของมุกทั้งสามรวมกัน ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับมุกเรืองปฐพีได้ เพราะผลกระทบของมันคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งในสี่ของทวีปเทียนเฉิน!

เจ้าพูดถูกต้อง ข้าไม่เคยปรารถนาให้พลังตนเองสร้างหายนะต่อชีวิตใด ข้าเองก็โศกเศร้าใหญ่หลวงมานานแล้วเช่นกัน.... การรั่วไหลของพลังอยู่เหนือการควบคุมของข้า ต่อให้ข้าหวังป้องกัน ก็ล้วนไม่อาจทำอันใดได้

“แต่ข้าช่วยท่านได้” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

ช่วยข้า? เจ้าจะช่วยข้าด้วยวิธีใด?

“กลืนกินพลังของท่านที่รั่วไหลออกมาให้หมดสิ้น!” เย่หวูเฉินกล่าวตอบไปเบื้องหน้า

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.....

มุกเรืองปฐพีกำลังหัวเราะ ไม่ทราบว่ากำลังหัวเราะเยาะหยัน หรือหัวเราะผ่อนคลาย

“ข้าดำรงอยู่มานานแสนนาน นานจนกระทั่งไม่ปรากฎเวลาแน่ชัด ข้าถือกำเนิดขึ้นจากใจกลางโกลาหล ภายใต้พลังของโกลาหลที่ล้นหลามมากเกินไป สติของข้าจึงตื่นขึ้นในเวลานั้น ยามนั้นโกลาหลยังไม่ถล่มลง จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือยังคงต่อสู้กันปีแล้วปีเล่า”

เย่หวูเฉิน “........”

มุกเรืองปฐพีถือกำเนิดขึ้นจากใจกลางโกลาหล ดังนั้นพลังของมันจึงแกร่งกล้ายิ่งกว่ามุกเซียนอื่นๆ สติของมันตื่นขึ้นเมื่อเวลาแสนนาน ดำรงมาก่อนกระทั่งการถือกำเนิดของทวีปเทียนเฉิน

“หลังจากนั้น ในที่สุดห้วงโกลาหลได้ถล่มลง ข้าและวายุ , วารี และอัคคีได้ร่วงหล่นลงในดินแดนแห่งนี้ ข้าคอยเฝ้ามองดูโลกนี้วิวัฒนาการและเติบโตขึ้น จากสัตว์อสูรจำนวนมากสู่ยุครุ่งเรืองของมนุษย์.... แต่ทว่า สถานที่ซึ่งข้าได้ตกลงมาได้กลายเป็นผืนทะเลทรายใหญ่สุดในทวีป พลังธาตุปฐพีอันเข้มข้นสูงสุดได้ทำให้ที่นี่กลายเป็นอิ่มตัว ดังนั้น พลังจึงทะลักล้นหลั่งไหลออกไปอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่สัตว์อสูรและมนุษย์กำลังรุ่งเรือง พลังของข้าได้สร้างหายนะร้ายแรงต่อชีวิตเหล่านั้น ถึงแม้ข้ามีสติสัมปชัญญะ หากอย่างไรก็เป็นเพียงมุกเซียนเท่านั้น ไม่มีวันเคลื่อนย้ายตัวเองได้ ไม่อาจควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างแท้จริง วันเวลาอันแสนยาวนาน สติปัญญาของข้ายิ่งเติบโตขึ้น วันเวลาที่ยาวนานเกินไปทำให้ข้าโดดเดี่ยว ปรารถนาให้ใครสักคนนำข้าออกไป ข้าคิดว่า นี่คงเป็นความปรารถนาสูงสุดของเหล่ามุกเซียนที่มีสติปัญญา”

เย่หวูเฉินกลายเป็นเงียบงัน แน่นอนว่า มุกจิตวารีที่มีสติปัญญาเองก็มีความปรารถนาสูงสุดคือถูกนำออกไปจากโลกนิรันดร์อันเหน็บหนาวมิใช่หรือ?

“แต่ทว่า ความปรารถนาอย่างไรก็เป็นเพียงความปรารถนา พลังของพวกเราแกร่งกล้าเกินไป ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในทวีปที่สามารถเข้าใกล้ ดังนั้น ข้าจึงทำได้เพียงรอคอยอยู่ที่นี่ตลอดกาล..... ปีแล้วปีเล่าได้ผ่านพ้น สติปัญญาของข้ายิ่งเติบโตพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ข้าก็เริ่มมองเห็นจุดหมายปลายทางของตัวเองได้กระจ่างชัด มองเห็นอนาคตที่ตัวเองปรารถนา และมองเห็นสิ่งที่ข้าต้องทำ”

เย่หวูเฉิน “..........”



<<<PREV    .    NEXT>>>