วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 457

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 457 ตัวจริงของจักรพรรดิมาร

ดวงตามั่นคงและเย็นลึกมองทอดลงมา ประดุจดึงดูดสายตาผู้คนที่จับจ้อง ร่างลักษณะล้วนยอดเยี่ยม ใบหน้าราวกับถูกสวรรค์ปั้นแต่งจนสมบูรณ์ เพียงพอทำให้เหล่าสตรีต้องอิจฉา ทว่ามิได้แผ่ความรู้สึกเหมือนสตรีใดๆ หากส่งกลิ่นอายประหนึ่งผู้กล้าอันเหนือล้ำ

แม้ปลดชุดจักรพรรดิมารออกจากกายแล้ว ยามนี้แม้มิใช่จักรพรรดิมารอีก แต่ความกดดันที่ท่วมทับหัวใจผู้คนยังคงไม่เปลี่ยนไป ยังคงหนักหน่วงดุจเดียวกับจักรพรรดิมาร

เงียบงัน เงียบงันอย่างยิ่ง โลกหล้าไม่เคยเงียบสนิทเช่นนี้มาก่อน สายลมหยุดนิ่ง ฝุ่นผงหยุดฟุ้งปลิว คนนับล้านราวกับหยุดหายใจ เงียบงันจนน่ากลัว สงบเกินจนยากจะหายใจ

เหว่หานตงตะลึงค้าง.... เย่หนู่และเย่เว่ยตื่นตะลึง.... ชูเกอหวูอี้ตะลึงลาน.... ชูเกอเสี่ยวหยูดวงตาเบิกกว้างยืนค้างอยู่ตรงนั้น.... ฟงเลี่ยตัวเกร็งด้วยความกลัว ใบหน้าถอดสี นิ่งงันไม่เคลื่อนไหว....

ในหมู่ผู้คนทั้งหมด ล้วนไม่มีผู้ใดเชื่อสายตาตัวเอง....

จักรพรรดิมาร.... พลังอำนาจล้วนน่าหวาดหวั่น ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า ในโลกนี้คือบุคคลที่น่ากลัวสุด ทรงพลังสูงสุด ห้ามล่วงล้ำมากที่สุด จักรพรรดิแห่งสำนักมารอันลึกลับ กลับกลายเป็น..... บุตรชายตระกูลเย่แห่งอาณาจักรเทียนหลง เย่หวูเฉิน!!

สามปีก่อน เยว่หานตงเคยพบเย่หวูเฉินมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขานำกองทัพกดดันเย่หวูเฉินให้กระโดดลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ วันนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นเย่หวูเฉิน แต่ไม่คิดฝันเลยว่าจะได้พบภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เหลือเชื่อยิ่งกว่าตกหุบเหวปลิดวิญญาณแล้วรอดกลับออกมา บุตรชายตระกูลเย่ผู้มีกายพิการ กลับกลายเป็นจักรพรรดิมารที่สามารถบดบังฟ้าด้วยนิ้วเดียว!

“เฉินเอ๋อร์ เขา.... เขา.... กลายเป็นว่าเขา เป็น....”

เย่หนู่กล่าวคำตะกุกตะกัก น้ำเสียงแทบไม่อาจฟังชัด ทั้งชีวิตเขาผ่านลมฝนและความเป็นตายมานับไม่ถ้วน สติและความคิดไม่เคยปั่นป่วนเหมือนยามนี้.... ถ้อยคำกลายเป็นขาดห้วง.... แววตาสั่นกระเพื่อมรุนแรง โลกหล้าราวกับถล่มลง เขาไม่อาจเชื่อตาตัวเองลง ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่มองเห็นและทุกสิ่งที่ได้ยิน.... ยามที่เย่หวูเฉินเปล่งถ้อยคำเหล่านั้นออกมา ทั้งเขาและเย่เว่ยล้วนตกตะลึงพรึงเพริด

สามปีก่อน เย่หวูเฉินทำให้เขาภูมิใจและมีความสุข ทว่าหลังจากสังหารเทพแล้ว ‘ตกตาย’ ในอาณาจักรต้าฟงจนกลายเป็นตำนานฝากไว้ เขาได้กลับมาอีกครั้งในสภาพคนพิการ หลานชายยังมีชีวิตถือเป็นความยินดีอันใหญ่หลวง เขาไม่เรียกร้องเย่หวูเฉินให้ต้องบรรลุเรื่องยิ่งใหญ่ใดๆอีก ขอเพียงได้เห็นหลานชายมีชีวิตปลอดภัย.... ทว่าเมื่อเขากลับมา เย่หนู่รู้ว่าเขากำลังทำบางสิ่งอยู่อย่างเงียบงัน.... เย่หนู่ทราบว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา รวมถึงเป้าหมายที่เขามุ่งหวัง..... ดังนั้น เย่หนู่จึงบอกกับเขาว่าจงลงมืออย่าได้กังวล ปู่ของเจ้าจะคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง....

แต่เย่หนู่ย่อมไม่มีวันคาดคิด ว่าสิ่งที่หลานชายกำลังทำอยู่จะยิ่งใหญ่ถึงปานนี้

กวาดล้างสำนักจักรพรรดิใต้ ทำลายสำนักจักรพรรดิเหนือ ชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วหล้า เวลานี้ ไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบจักพรรดิแห่งสำนักมารได้.... ต่อให้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ ก็ล้วนไม่วายถูกสังหาร!

“ท่านพ่อ.... ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร.... แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเฉินเอ๋อร์ของพวกเรา” เย่เว่ยกลับสงบอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเย่หนู่ เขายิ้มขณะกล่าว ไม่ทราบว่านานเพียงใดที่ดวงตาไม่ได้เปียกชื้นและพร่ามัว.... เขาภูมิใจอย่างยิ่ง.... หนึ่งมือปกคลุมฟ้า คนทั่วหล้าต้องเงยหน้ามอง แม้แต่จักรพรรดิยังต้องสยบให้กับบุตรชายเขา สำหรับบิดาแล้ว ยังมีสิ่งใดน่าภาคภูมิใจยิ่งกว่านี้

“ใช่แล้ว.... เขาคือเฉินเอ๋อร์.... ฮี่ ฮี่.... ฮี่ ฮี่.... ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่....” เย่หนู่ยิ้มบาง ความคิดกำลังตีกันปั่นป่วน เขาไม่ทราบว่าเหตุใดจึงหัวเราะเช่นนี้ เป็นการหัวเราะที่ไม่ได้ตั้งใจโดยสิ้นเชิง หัวเราะออกมาโดยไม่อาจอดห้าม

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้.... ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้....

ไม่แปลกใจที่องค์หญิงเฟยฮวงขึ้นครองบัลลังก์ เพราะนางคือคู่หมั้นของเฉินเอ๋อร์

ไม่แปลกใจที่สำนักมารคอยช่วยเหลือ เพราะเฉินเอ๋อร์เป็นหลานชายแท้ๆของเขาเอง

สำนักมารปรากฎตัวขึ้นเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ส่วนเฉินเอ๋อร์กลับบ้านมาเมื่อหกเดือนก่อน..... ที่แท้เขากลับมาก่อนหน้านั้นแล้ว คอยเตรียมการเรื่องสำคัญที่จะสร้างประวัติการณ์ เมื่อเขากลับมาสู่บ้าน นั่นคือเวลาที่เขาพร้อมดำเนินการในสิ่งที่เตรียมไว้

“ท่านพ่อ.... ท่านพ่อ ข้าตาฝาด.... อ๊าาา! หูข้ายังเพี้ยนไปแล้วด้วย นั่นเขา.... เสียงนั่นก็เสียงเขา.... ข้า.... ข้า....” ชูเกอเสี่ยวหยูจับผ้าตรงอกบีบไว้แน่น ตื่นเต้นจนตัวสั่น เย่หวูเฉินมาที่นี่ สร้างแรงกระทบหนักหนาเกินไปสำหรับนาง มากกว่าสามปีแล้ว ในที่สุดนางก็ได้พบเขาอีกครั้ง หลายเดือนก่อนหน้านี้ เขาส่งคนนำรูปวาดมาให้นาง นางเก็บภาพนั้นอยู่ข้างกาย ไม่ยอมปล่อยห่างจากตัว เพราะนั่นคือสิ่งพิสูจน์ว่าเขาคิดถึงนาง เป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดในชีวิต.... เมื่อมองดูรูปภาพแต่ละครั้ง ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใด นางจะต้องยิ้มโง่งม เพราะภาพนี้บอกกับนางว่า ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขายังคิดถึงนาง.... ในขณะที่นางคอยนับวันที่จะได้พบเขา หวังให้สงครามจบลงโดยเร็ว นางจะได้รีบกลับบ้านด้วยความเร็วสูงสุด และบุกไปที่ประตูบ้านเขา....

วันนี้ นางได้พบเขาอีกครั้งโดยไม่ทันเตรียมตัวใดๆ.... เขาคือจักรพรรดิมาร จักรพรรดิมารผู้ลือลั่นดุจเทพสวรรค์ นอกจากนั้นยังเป็นเขา ที่คอยช่วยเหลือพวกนางมาโดยตลอด


“ลูกรัก” ชูเกออวูอี้ตบไหล่ของเสี่ยวหยู ถอนหายใจบางและกล่าว “เจ้าไม่ได้ตาฝาดไปหรอก ไม่เพียงเจ้าไม่ได้ตาฝาด.... สายตาของเจ้ายังเฉียบแหลมไร้ผู้ใดเทียบในโลกนี้.... เจ้ามีจุดหมายในบุคคลปานนี้ พ่อและแม่เจ้าทั้งชีวิตคงไม่ต้องห่วงพะวงสิ่งใดแล้ว....”

บุตรแห่งตระกูลเย่.... ตัวตนทรงพลังแกร่งกล้าที่สุดในโลกหล้า บุรุษที่ไม่อาจมีใครกระตุ้นยั่ว.... ที่แท้เขาก็คือบุตรชายตระกูลเย่!

จักรพรรดิมารเปิดเผยสถานะต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หมายความว่าเขาไม่คิดปิดบังตัวจริงอีกต่อไป ด้วยสถานะปานนี้ ด้วยสำนักมารที่หนุนอยู่เบื้องหลัง ผู้ใดยังจะกล้าก้าวล่วงตระกูลเย่ ผู้ใดยังจะกล้าล่วงล้ำเย่หวูเฉิน ผู้ใดจะกล้าคิดร้ายต่ออาณาจักรเทียนหลง เพราะนี่คือบุรุษแท้จริงที่พร้อมเหยียบย่ำผู้ใดก็ตามที่คิดล่วงล้ำ กระทั่งสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือยังถูกทำลายโดยง่ายด้วยมือเขา ดังนั้นยังจะมีผู้ใดที่คู่ควรต่อต้าน

เหนือกำแพงเมือง ร่างของฟงเลี่ยอ่อนปวกเปียก ทรุดนั่งเป็นอัมพาตบนพื้นเย็นเชียบ เข้าใจแล้ว เข้าใจทั้งหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่จักรพรรดิมารลงมือต่อมัน ไม่แปลกใจที่ลงมือต่ออาณาจักรต้าฟง.... ที่แท้นี่คือคนที่สังหารฟงเฉาหยางในอดีต ถูกพวกตนบีบคั้นให้ร่วงหล่นลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ และก่อนกระโดดลงไปยังเปล่งคำอันสะท้าน “หากข้าเย่หวูเฉินไม่ตกตาย ข้าจะทำให้พวกเจ้าตระกูลฟง ยิ่งกว่าไม่อาจไถ่ถอน....”

นับแต่เขาถูกเหยียบย่ำในอาณาจักรต้าฟงในวันนั้น จุดจบระหว่างเขาและอาณาจักรต้าฟงก็ถูกกำหนดไว้ และสาเหตุของเรื่องทุกอย่างเป็นเพราะรัชทายาทต้าฟง ฟงหลิงลุ่มหลงงมงายในตัวฉุ่ยเหยาแห่งตระกูลเย่ ไม่อย่างนั้นแล้ว เรื่องทุกอย่างคงไม่มีผลลัพธ์เช่นนี้

“ขุนพลเยว่ ด้วยเกียรติแห่งตระกูลเย่ของข้า นี่เพียงพอแล้วหรือยัง?” ใบหน้าของเย่หวูเฉินสงบราบเรียบ น้ำเสียงเบาบางปลุกเยว่หานตงให้ตื่นจากความตกตะลึงสุดขีด ริมฝีปากของมันสั่นระริก ไม่อาจเปล่งวาจาแม้แต่ครึ่งคำ

“หากยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นจงเพิ่มด้วยเกียรติยศทั้งชีวิตของข้าเย่หนู่! หากหลานชายข้าไม่อาจหยุดยั้งพายุทรายต้นตอของปัญหาในอาณาจักรต้าฟง เช่นนั้นโลกหล้าจงหัวเราะเยาะหยันข้าเย่หนู่และตระกูลเย่!” เยว่หานตงยังไม่ทันเอ่ยปาก เย่หนู่เหนือกำแพงก็ส่งเสียงตะโกนลั่น.... เสียงของเขาดังกังวาล ดุจระฆังใบใหญ่ ยามเปล่งวาจาว่า ‘หลานชาย’ ทั้งน้ำเสียง , สีหน้า และท่าทางล้วนระอุด้วยความภูมิใจล้ำลึก เย่หวูเฉินสบสายตากับเย่หนู่ ในแววตาคู่นั้นเขามองเห็นความเชื่อมั่น ปิติยินดีและภาคภูมิใจสูงสุด

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! หากยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นจงเพิ่มนามของข้าคุยหลงจีเข้าไปด้วย! หากจักรพรรดิมารผิดคำสัญญา ข้าคุยหลงจีจะขอยอมเป็นข้าทาสของต้าฟงไปจนชั่วชีวิต ทหารกล้าทั้งหนึ่งล้านสามารถเป็นสักขีพยานได้!”

ในทัพทหารแห่งคุยชุย คนผู้หนึ่งก้าวออกมาเบื้องหน้าอย่างภาคภูมิ เขาสวมมงกุฏสีม่วงทองเหนือศีรษะ แต่งกายในชุดนักรบสีทอง แววตาแห่งบุรุษทรงไว้ซึ่งอำนาจ แผ่บรรยากาศอันน่าเหลือเชื่อ ยิ่งนามที่เอ่ยว่า ‘คุยหลงจี’ ยิ่งทำให้ผู้คนตกใจ เพราะนี่คือนามของจักรพรรดิแห่งคุยชุย กลายเป็นว่าเขาเองก็มาที่นี่.... ยิ่งกว่านั้น ยังเปล่งวาจาสาบานด้วยเงื่อนไขสาหัส รับรองจักรพรรดิมารโดยไม่มีลังเลแม้เพียงนิด....

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..... ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ เช่นนั้นจงรวมข้าด้วยอีกคน..... หากจักรพรรดิมารผิดคำพูด ข้าชางเสี้ยวอวิ๋นขอเป็นทาสรับใช้ต้าฟงด้วยอีกคน กองทัพเกรียงไกรนับล้านสามารถเป็นพยานได้!”

ยังมีอีกหนึ่งเสียงทรนงดังมาจากทางเหนือ ในทัพทหารชางหลานที่ขนาบอยู่ทางทิศเหนือ คนผู้หนึ่งบนศีรษะสวมมงกุฎเงินก้าวออกมา ทั้งร่างสวมใส่ในเกราะเงิน ทั้งหน้าตาและคำพูดทำให้ผู้คนต้องตื่นตระหนกอีกครั้ง.... ชางเสี้ยวอวิ๋น นี่คือนามของจักรพรรดิแห่งชางหลาน!

“หนึ่งเดียวผู้นี้ขอสาบานด้วยเช่นกัน หากสามีผิดคำสัญญาต่อต้าฟง หนึ่งเดียวผู้นี้จะยอมสละราชบังลังค์ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของสามี”

คราวนี้เป็นเสียงของสตรี เสียงนี้ทำให้ผู้คนแห่งเทียนหลงที่ยังไม่ฟื้นจากความตะลึง พลันคิดว่าตนอยู่ในความฝัน พวกเขาหันศีรษะตามกัน มองไปยังต้นกำเนิดเสียง.... ที่มุมกำแพงเมือง สตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ทราบว่าเมื่อใด คู่ดวงตาดุจหงส์จับจ้องลงไปเบื้องล่าง ปรากฎว่าเป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเทียนหลง.... หลงฮวงเอ๋อร์!

“ฝ่าบาท.... จักรพรรดินี” เย่หนู่และเย่เว่ยตื่นตะลึงอย่างหนัก จักรพรรดินีอยู่ในเมืองนี้หรือไม่ มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้ นางปรากฎตัวฉับพลันประดุจโผล่ออกมาจากอากาศว่าง

หลงฮวงเอ๋อร์ยิ้มให้พวกเขาและพยักหน้า สายตาเคลื่อนมองไปยังเย่หวูเฉินที่ลอยอยู่กลางอากาศ นี่เป็นครั้งแรก แถมยังต่อหน้าคนมากมาย นางเรียกเขาว่า ‘สามี’ ด้วยผู้คนมากมายเพียงนี้เป็นพยาน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองย่อมไม่มีวันถูกตัดขาดอีก ทั่วฟ้าใต้หล้าจะได้รู้ว่า เย่หวูเฉินจักรพรรดิมารผู้นี้ คือสามีเพียงผู้เดียวของจักรพรรดินีแห่งเทียนหลง หลงฮวงเอ๋อร์

เย่หนู่และเย่เว่ยเคลื่อนสายตามองไปที่เย่หวูเฉินบ้างเช่นกัน หัวใจรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง ใช่แล้ว.... จักรพรรดิมารครองอำนาจไร้สิ้นสุด เฉินเอ๋อร์ของพวกเขาก็ครองอำนาจไร้สิ้นสุดเช่นกัน นับแต่นี้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดเรื่องประหลาดอันใด พวกเขาคงไม่ต้องแปลกใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม นี่ยังคงไม่จบสิ้น ราวกับว่าตัวตนสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉินล้วนต้องการปรากฎตัวขึ้นที่นี่ เพื่อร่วมทำลายปราการจิตใจของกองทัพแห่งต้าฟง.....

“ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ฉุ่ยหยุนเทียน ในนามของสำนักจักรพรรดิใต้ ข้าขอรับรองถ้อยคำของจอมราชัน ถ้อยคำของจอมราชันย่อมไม่มีวันพลิกผัน! และเพื่อแจ้งให้โลกหล้าได้รับรู้ สำนักจักรพรรดิใต้ของข้ามิได้ดับสูญไปจริงๆ หากนับแต่นี้ต่อไป จะขอภักดีต่อจอมราชันตลอดกาล ไม่มีวันทรยศ หากวันใดฝ่าฝืน ขอให้ถูกฟ้าดินลงทัณฑ์!”

ตัวคนยังไม่ทันมาถึง น้ำเสียงก็ดังมาก่อน เมื่อสิ้นเสียงจบลง เบื้องขวาของเย่หวูเฉินก็ปรากฎร่างของบุรุษวัยกลางคน รูปร่างหน้าตาสง่างาม อารมณ์เยือกเย็นสุขุม สายตาองอาจมองยังคนนับล้านเบื้องล่าง กล่าวคำสาบานแทนตัวสำนักจักรพรรดิใต้ทั้งหมด มอบความภักดีต่อเย่หวูเฉิน คำสาบานนี้จะกระจายทั่วนับจากวันนี้ไป บอกให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ถึงอีกหนึ่งความจริงที่น่าเหลือเชื่อ



<<<PREV    .    NEXT>>>