วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 487

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 487 ดาราวินาศ (2)

“มนุษย์ต้อยต่ำช่างโง่เขลาเสียจริงๆ หากเจ้าทำเป็นไม่เคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งวิ่งหนี ข้าคงไม่คิดจะหยุดเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกหาที่ตายด้วยตัวเอง.... ก็ได้ ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก เช่นนั้นข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ เจ้าคือมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด การฆ่าเจ้าคงไม่ทำให้พลังของข้าแปดเปื้อน”

มือคู่หนึ่งยกขึ้นมาช้าๆ หันฝ่ามือไปทางร่างของเย่หวูเฉิน แสงสีทองสว่างวาบออกมาทันที.... แม้นี่เป็นเพียงมือคู่หนึ่ง ทว่าในสายตาของเย่หวูเฉินราวกับเห็นตัวเองเล็กจ้อยในฝ่ามือนี้ สองฝ่ามือราวกับปกคลุมฟ้า ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้ร่างเขา ตราบใดที่รวบมือลง เขาย่อมถูกฝ่ามือนั้นบีบแหลกเป็นชิ้นๆ....

เวลานี้เย่หวูเฉินหลับตาลง ร่างทั้งหมดหยุดสั่น ฟันที่ขบแน่นคลายออก ประกายเกลียดชังในแววตายังกลายเป็นอ่อนโยน เสียงสนั่นปั่นป่วนกลับกลายเป็นเงียบงันในเวลานี้

จะเอาชนะด้วยวิธีใด.... ในเมื่อนี่คือพลังของขุนพลศักดิ์สิทธิ์แห่งเทวะ....

ศรตามจิตโลหิตดำ และ ทลายสวรรค์แดนฟ้าถูกมันรับไว้ด้วยมือเดียว แม้เคยได้ยินเรื่องสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์แห่งเทวะจากเสี่ยวโม่มานานแล้ว แต่วันนี้เขาพบว่าตัวเองประเมินพลังของพวกมันต่ำเกินไป ความห่างชั้นของมนุษย์และเทพห่างไกลกันสุดกู่เกินไป คำกล่าวที่ว่ามนุษย์ย่อมต่ำต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพนี้ไม่ผิดเลย ยอดฝีมือสูงสุดของมนุษย์กับยอดฝีมือสูงสุดของเทวะ ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่า ยอดฝีมือสูงสุดของทวีปเทียนเฉินเมื่ออยู่ต่อหน้าขุนพลศักดิ์สิทธิ์แห่งเทวะ ล้วนอ่อนแอไม่ต่างจากทารกหัดคลาน

มีวิธีใดเอาชนะมันได้ ข้าไม่ต้องการให้มันพรากหนิงเสวี่ยกับทงซินไปจากข้า....

ศรตามจิตโลหิตดำ และทลายสวรรค์แดนฟ้า ถูกมันหยุดไว้ได้อย่างง่ายดาย เขาไม่เหลือสิ่งใดให้ดิ้นรนต่อหน้ามันอีก.... ต่อให้มีพลังไร้สิ้นสุดของวารี แต่ความรุนแรงของมันไม่อาจคุกคามเย่หมิงได้เลยแม้แต่น้อย

เสวี่ยเอ๋อร์.... ทงซิน.... พี่หญิง.... โหรวโหรว.... ฮวงเอ๋อร์.... จื่อเมิ่ง.... เสี่ยวโม่.... มารเสน่ห์.... หนานเอ๋อร์.... ซือเฉิน....

บอกข้าที ข้าควรทำยังไง.... เพราะพวกเจ้า ข้าจึงตายไม่ได้ แต่ข้าไม่อาจปล่อยให้มันพรากเสวี่ยเอ๋อร์กับทงซิน....

ไม่ได้เด็ดขาด!!!!

ถ้าอย่างนั้น....

ร่างกายข้า....

ชีวิตข้า....

จิตวิญญาณข้า....

ศรัทธาของข้า....

ทุกสิ่งในตัวข้า....

ภูเขา....

ต้นไม้....

ผืนดิน....

ทะเล....

อากาศ....

สายลม....

เปลวไฟ....

ทุกสรรพสิ่ง....

โปรดอย่าได้กังวลในกายข้า อย่าได้กังวลถึงชีวิตข้า ต่อให้ร่างกายข้าระเบิดออกกลายเป็นจุณ ก็ล้วนไม่นับเป็นอย่างไร....

ได้โปรด.... จงเปลี่ยนเป็นพลังของข้าให้หมดสิ้น!!

“เจ้านาย!!” ท่ามกลางโลกหล้าที่พลันเงียบสงบ หนานเอ๋อร์ส่งเสียงตะโกนอย่างแตกตื่น

แสงทองกลุ่มหนึ่งจากเย่หมิงพุ่งเข้าห่อคลุมร่างของเย่หวูเฉิน ทว่าชั่วขณะที่หนานเอ๋อร์ส่งเสียง สีหน้าของเย่หมิงพลันกลับกลาย.... เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่หาได้ยากยิ่ง หรือกระทั่งไม่เคยปรากฎมาก่อน เย่หมิงถอนพลังออกจากตัวของเย่หวูเฉินทันที

โลกหล้ากลายเป็นเงียบสงบในพริบตา.... ทว่าหลังจากความสงบนั้น ฉับพลันกลายเป็นสายลมกระหน่ำสุดขั้ว

สายลมกระหน่ำมาจากทุกทิศ ลมตะวันตก ลมตะวันออก ลมใต้ ลมเหนือ.... ทว่านี่ไม่ใช่เพียงสายลมธรรมดา มันแฝงมาด้วยพลังธรรมชาติไร้สิ้นสุด สายลมพุ่งมาจากทุกทิศโดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือ.... เย่หวูเฉิน!

ดวงตาของเขายังปิดอยู่ ริ้วผ้าที่ขาดวิ่นยิ่งขาดออก เส้นผมและขนทั่วร่างลุกชี้ชูชัน ทุกตารางนิ้วบนผิวร่างราวกับถูกพลังมหาศาลซัดให้กระเพื่อม ทะเลทรายใต้ร่างถูกลมพัดตลบ ม้วนกลายเป็นระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน

“นี่.... นี่มัน....” เย่หมิงมองลงไปเบื้องล่างด้วยความตื่นตะลึง ใช่ เขาเชื่อว่านี่คือการดูดซับพลัง ทว่าในฐานะขุนพลศักดิ์สิทธิ์แห่งเทวะเขาไม่เคยพบเคยเห็นการดูดซับพลังที่อัศจรรย์ปานนี้ ต่อให้คนผู้หนึ่งสละชีวิตตัวเองเพื่อมอบพลังให้อีกคน ก็ยังไม่อาจรวดเร็วถึงเพียงนี้ ยิ่งกว่านั้น พลังเหล่านี้ที่ทะลักมา มีพลังวารี พลังปฐี พลังวายุ และพลังอัคคีที่ล้วนบริสุทธิ์.... พลังธรรมชาติทุกอย่างที่จินตนาการได้ กำลังไหลบ่าเข้าสู่ร่างของเย่หวูเฉินโดยไม่สูญเปล่าแม้แต่น้อย

วิธีดูดซับพลังของเขาทำให้เทพแทบไม่อาจทำใจเชื่อ ความเร็วและปริมาณเพียงนี้ กระทั่งเย่หมิงยังไม่อาจทนรับได้.... ทว่ามนุษย์ผู้นี้กลับทนไหว สิบวินาทีผ่านไป ร่างกายของมนุษย์กลับยังไม่ระเบิดออก!

เจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ร่างกายใกล้จะแตกออก.... นี่คือความรู้สึกของเย่หวูเฉิน

ทว่าหลังจากความเจ็บปวด เขาพลันไร้ความรู้สึกอีก ในโลกว่างเปล่าเหลืออยู่เพียงความเชื่อเดียว.... นั่นคือเอาชนะเย่หมิง!

เขาเลือกสละทิ้งทุกอย่างในท้ายที่สุด

พลังที่รวมตัวได้คุกคามเย่หมิงอย่างใหญ่หลวง สุดท้ายเย่หมิงไม่อาจทนดูเฉยได้อีก ร่างกายเคลื่อนขยับ หมัดทองคำได้พุ่งกระแทกใส่อกของเย่หวูเฉิน....

ตูม!

ห้วงมิติบิดผันเป็นเวลายาวนาน ทว่าร่างของเย่หวูเฉิน.... กลับไม่ขยับแม้แต่นิดน้อย ยังคงลอยนิ่งอยู่ที่จุดเดิม ในความเงียบงัน ใบหน้าซีดขาวไร้วี่แววเจ็บปวดแม้แต่น้อย

เย่หมิงถอนมือกลับ มองที่หมัดของตัวเองอย่างเงียบงัน กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ถึงกับทนรับพลังสองในสิบส่วนของข้าได้ มนุษย์ผู้นี้.... เริ่มทำให้ข้าสนใจบ้างแล้ว เฮอะ สามารถทำให้กระบี่หนานฮวงและคันศรเป่ยตี้ยอมรับเป็นนาย ไหนเลยจะธรรมดาได้”

“แต่ว่า.... หากเจ้าคิดว่าเพียงเท่านี้จะสามารถเอาชนะข้าเย่หมิงได้ เจ้าก็นับว่าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว.... ต่อให้เจ้าใช้พลังทั้งหมดที่รวบรวมไว้อยู่ในร่าง ก็ไม่อาจทำอันใดต่อข้าได้!”

ด้วยศักดิ์ศรีแห่งเทพ ทำให้เขาหยุดโจมตีเย่หวูเฉิน ขยับร่างถอยออกมา ยกสองแขนขึ้นกอดอก มองเย่หวูเฉินที่รวบรวมพลังอย่างเงียบงัน สีหน้าท่าทางสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพลังอันแกร่งกล้า ทำให้เขาหยิ่งผยองเมื่ออยู่ต่อหน้ามนุษย์ รอดูว่าเย่หวูเฉินจะไปได้ไกลสักแค่ไหน

“ท่านพี่....” หนิงเสวี่ยเสียงสั่นสะอื้น เอ่ยเรียกเขาอย่างแผ่วเบา ภายใต้ม่านพลังทองคำที่ล้อมไว้ ทำให้นางไม่รู้สึกถึงกระแสอากาศที่ปั่นป่วน แต่นางทราบดีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายเขา นางภาวนาให้ความหวังของนางบรรลุผล ให้เขาเอาชนะเย่หมิงได้ และกลับบ้านพร้อมกัน ไม่ต้องพบพานกับคนชั่วผู้นี้อีกตลอดกาล

ต่อให้เย่หวูเฉินเผาผลาญพลังชีวิตของตนจนหมดสิ้น เขาก็ไม่อาจดูดซับพลังทั้งหมดของทวีปเทียนเฉินได้ กระทั่งหนึ่งในร้อยก็ไม่มีทาง หลังผ่านไปครึ่งนาที พลังธรรมชาติที่ทะลักเข้ามาก็ชะลอตัวลง ในที่สุดเย่หวูเฉินก็ลืมตาขึ้นช้าๆ.... แววตาไม่ได้หม่นมัวเหมือนคนตายใดๆ

คันศรบาปวิบัติกลายเป็นแสงโลหิตพุ่งกลับสู่หน้าผากของเย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินใช้สองมือจับด้ามกระบี่ ชูกระบี่ตัดดาราขึ้นฟ้า ท่วงท่าเชื่องช้าและแข็งขัดอย่างยิ่ง ราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกสายเชิดดึงไว้

“นี่คือขีดจำกัดของเจ้าแล้วงั้นรึ?” เย่หมิงประสานแขนกอดอก ดวงตาหรี่ลงและกล่าวคำราบเรียบ “มนุษย์ เจ้านับว่ายอดเยี่ยมมาก ที่ทำให้ข้าตื่นตกใจ แต่ทว่า.... นี่ยังคงนับว่าไม่เท่าไหร่ เจ้าไม่ลังเลเผาผลาญพลังชีวิตของตนเพื่อแลกกับพลังธรรมชาติ ความดื้อรั้นโง่เขลาของเจ้านับว่าน่าอัศจรรย์ นี่สมควรเกิดขอบเขตของมนุษย์แล้ว ตอนนี้เจ้าแทบไม่ต่างจากคนตาย ต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า พลังชีวิตที่ถูกเผาผลาญจนเกือบหมดสิ้น ย่อมทำให้เจ้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะมอบความตายที่ทรงเกียรติให้กับเจ้า.... ทำให้เจ้าตกตายด้วยมือของข้าเย่หมิง เป็นมนุษย์คนแรกที่ข้าสังหารด้วยตัวเอง!”

“ดา....”

ริมฝีปากขาวซีดไร้สีเลือดเปิดขึ้นและปิดลง เสียงแห้งผากแผ่วออกมาหนึ่งพยางค์.... เสียงนี้แปลกแปร่งอย่างมาก หนิงเสวี่ยที่อยู่ใกล้ๆยังแทบไม่เชื่อว่านี่คือเสียงของพี่ชายนาง

“ดา?” เย่หมิงเอ่ยซ้ำอย่างสงสัย

“รา....”

เย่หมิง “.......”

แสงทองคำรุ่งเรืองออก.... ทว่าแสงทองคำครั้งนี้ของกระบี่ตัดดารากลับต่างจากอดีต มันไม่ได้เป็นแสงทองคำบริสุทธิ์ ที่กลางกระบี่กำลังมีไฟลุกขึ้น เพียงพริบตาอัคคีทองคำได้ลุกลามท่วมร่างของเย่หวูเฉิน เปลวอัคคีทองคำร้อนแรงเป็นอย่างมาก ผืนฟ้าและปฐพีอันนิ่งงัน ถูกปกคลุมด้วยแรงกดดันน่าสะพรึงจนแทบหมดสิ้น....

สีหน้าของเย่หมิงกลับกลายอีกครั้ง ครั้งนี้สีหน้าตกตะลึงถึงขีดสุด นี่คืออัคคีทองคำแบบเดียวกัน ทว่าอัคคีทองคำจากกระบี่ตัดดารานั้น เมื่อเทียบกับอัคคีทองคำที่มันสร้างขึ้นแล้วบริสุทธิ์กว่าอย่างยิ่ง ทั้งยังเข้มข้นกว่าหลายเท่า อัคคีนี้กลับทำให้หัวใจมันสั่นไหว.... เย่หมิงกำลังยกฝ่ามือทั้งสองข้าง ทว่าต้องแปลกใจเมื่อพบว่าแขนทั้งสองข้างแข็งทื่อ ราวกับถูกถ่วงไว้ด้วยก้อนเหล็กหนัก ไม่เพียงแค่แขนเท่านั้น ทั่วร่างยังถูกพลังบางอย่างล็อคตรึงไว้ ทำให้ไม่อาจขัดขืน และไม่อาจขยับตัวได้

“นี่มัน.... นี่มัน....” ม่านตาของเย่หมิงหดวูบลงทันที มันเร่งแผ่แสงทองคำรุนแรงขึ้นเพื่อหวังหลุดออกจากพลังที่ล็อคตรึง ในที่สุดมันก็เริ่มบังเกิดความกลัว สองพยางค์ที่แผ่วออกจากปากของเย่หวูเฉิน ในที่สุดมันก็รู้ว่าหมายถึงสิ่งใด

ดาราวินาศ.... กระบวนท่าสูงสุดในตำนานของกระบี่ตัดดารา กล่าวกันว่าสามารถทำลายดวง หนึ่งกระบี่ต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์!

นี่เป็น.... เพียงมนุษย์คนหนึ่ง แต่กลับสามารถใช้กระบวนท่าดาราวินาศ! เย่หมิงไม่อยากเชื่อ แต่พลังที่ล็อคตรึงร่างทำให้มันไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ นี่คือกระบวนท่าที่ฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์! คือบางสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถสร้างเงาทะมึนพาดผ่านหัวใจของเทพได้

“วินาศ....”

สี่พยางค์แห้งผาก เอ่ยออกมาจากปากของเย่หวูเฉินอย่างยากเย็น กระบี่ตัดดาราที่ชูสูงค่อยๆเหวี่ยงตัดลงมาพร้อมอัคคีทองคำช้าๆ....

“อ๊า~~” แสงทองคำสว่างฉาบทาใบหน้าของเย่หมิง กระบี่ไม่ทันสัมผัสถูกร่างของมัน อัคคีทองคำก็ห่อหุ้มมันไว้จนหมดสิ้น เย่หมิงส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต....

เพียงพริบตาเดียว โลกหล้าได้เปลี่ยนเป็นสีทองบริสุทธิ์ นอกจากสีทองคำก็ไม่มีสีสันใดๆอีก.... จากนั้น แสงทองคำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนสี แต่ทุกสรรพธาตุที่อยู่ในรัศมีถูกทำลายลงสิ้น สายตาสูญเสียการมองเห็น ไร้สีสันใดๆ ไร้เสียง ไร้กลิ่น ไร้สัมผัส.... ไร้สิ้นทุกอย่าง ทุกสรรพสิ่งกลายเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุดของจักรวาล

แผ่นดินกำลังสะเทือน ผู้คนนับไม่ถ้วนล้มลงกับพื้นอย่างแตกตื่น แผ่นดินไหว ผู้คนล้วนคิดว่าแผ่นดินไหว ยิ่งดินแดนทางทิศตะวันตกของทวีปเทียนเฉินยิ่งสั่นสะเทือนรุนแรง แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผู้คนประคองร่างตัวเองไว้มั่น จับจ้องไปยังท้องฟ้าทิศตะวันตกอย่างโง่งม.... เนื่องจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตกนั้นได้กลายเป็นสีทอง!

เวลานี้ ผู้ที่ไม่อาจอยู่นิ่งได้มากที่สุดคือผู้คนของสำนักจักรพรรดิใต้ พลังและโลหิตของพวกเขากำลังเดือดพล่าน พลังประหลาดที่เพรียกหาทำให้พวกเขาไม่อาจอดห้ามตัวเองให้พุ่งออกจากห้อง จ้องมองไปทางท้องฟ้าสีทองทางทิศตะวันตก นี่คือการสั่นพ้องของพลังที่แฝงอยู่ในสายเลือด รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยปรากฎ

ส่วนคนที่หัวใจบีบรัดมากที่สุดในตอนนี้คือเหยียนเทียนเว่ย , เหยียนต้วนชาง และเหยียนกงลั่ว พวกเขาตื่นตระหนกอย่างยิ่งเพราะรู้ว่านี่คือพลังของกระบี่หนานฮวง!

พลังของผู้มาเยือนทำให้พวกเขาตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม ตอนนี้ในทางทิศตะวันตก.... หรือว่านายท่านกำลังต่อสู้อยู่กับคนผู้นั้น!?

ในร่างของนายท่าน กลับซ่อนพลังฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์ไว้อย่างคาดไม่ถึง!



<<<PREV    .    NEXT>>>