วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 455

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 455 ขัดขวาง

เวลาผ่านไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด อีกสิบห้านาทีจะถึงยามเที่ยง หอคอยที่ประตูเมืองมองเห็นผืนทหารมาแต่ไกล ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้ง

สำนักมารบอกทหารต้าฟงด้วยวิธีเดียวกัน กองทัพนับล้านจึงเร่งรุดมาถึงยามเที่ยง ทว่าถึงแม้จะรีบร้อนมาที่นี่เพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าเมืองเทียนฟงถูกยึดไปแล้ว

ประตูเมืองเทียนฟงถูกปิดไว้แน่นหนา เย่หนู่ยืนอยู่เหนือกำแพงเมือง จับจ้องดวงตาไปยังที่ไกล กองทัพต้าฟงในสายตายิ่งมายิ่งเข้าใกล้ แผ่แรงกดดันอันน่าพรั่นพรึง ประเภทพร้อมทำลายล้าง

“พวกมันมาแล้ว.... พวกเราจะส่งปีกสองข้างออกไปเมื่อไหร่?” เย่เว่ยถามอยู่ข้างๆ

เย่หนู่เหลือบมองไปด้านขวา จากนั้นเหลือบมองไปด้านซ้ายอีกครั้ง “รอก่อน มีบางอย่างดูคล้ายไม่ถูกต้อง”

เย่เว่ยจ้องมองและพยักหน้าหนัก “ใช่แล้ว ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเช่นกัน”

ความรู้สึกนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนเหตุผล แต่เป็นสัมผัสสงครามที่ผ่านการรบมาโชกโชน เย่หนู่ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วนในชีวิต เขามั่นใจในความรู้สึกอันรางเลือนนี้ เขาจ้องมองไปเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน เสาะหาต้นตอของความรู้สึกประหลาด

กองทัพต้าฟงเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงกีบเท้าของทหารม้าทัพหน้าดังมาสู่หู ด้านหลังเป็นทหารราบเต็มทั่วบริเวณ ไร้ช่องว่างแม้แต่น้อย บนธงที่โบกสะบัดมองเห็นเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่ได้ชัดเจนว่า ‘ฟง’ และ ‘เยว่’

ในที่สุด กองทัพนับล้านก็มาถึงเมืองเทียนฟง แม่ทัพเยว่หานตงนำอยู่เบื้องหน้าขบวนทัพ ดวงตาประดับด้วยความภาคภูมิ สายตากราดเกรี้ยวจดจ้องที่กำแพงเมือง ทหารเทียนหลงที่เรียงแถวอยู่บนกำแพงนั้นทำให้หัวใจดิ่งวูบ เมืองเทียนฟงตกอยู่ในมือศัตรูแล้ว.... ทหารเทียนหลงเหล่านี้โผล่มาจากไหน!

“แม่ทัพเยว่ นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน สบายดีไหม?” เย่เว่ยฉีกยิ้มบนใบหน้า ขณะกล่าวทักทาย

เยว่หานตงกัดฟันกล่าวเสียงทะมึน “พวกเจ้าใช้วิธีใดกันแน่!”

พวกเขาตั้งทัพอยู่ที่ชายแดนอาณาจักรต้าฟงและอาณาจักรเทียนหลง ตราบใดที่กองทัพเทียนหลงข้ามชายแดนมาพวกเขาจะรู้ทันที ก่อนหน้าวานนี้กองทัพเทียนหลงยังคงอยู่ในฝั่งนั้น ทว่าวันนี้กลับปรากฎตัวอยู่ที่เมืองเทียนฟง ลอบโจมตีเมืองเทียนฟงในยามราตรี.... หรือพวกมันได้รับการช่วยเหลือจากภูติผีและทวยเทพ!?

“ถามได้ดี แม้ข้าไม่อาจบอกเจ้าได้ทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือพวกเราไม่ได้ชนะด้วยกำลังทัพ ทว่าอย่างไรชนะก็คือชนะ เมืองหลวงของต้าฟงตกเป็นของพวกเราอาณาจักรเทียนหลงแล้ว แม่ทัพเยว่ เจ้าต้องการยอมแพ้หรือต้องการกอบกู้?”

เยว่หานตงตะโกนเสียงเย็น “ยอมแพ้งั้นเหรอ? ชั่วชีวิตของข้าเยว่หานตงไม่เคยรู้จักคำนี้! จักรพรรดิของข้าอยู่ไหน!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า พูดได้ดี!” เสียงหัวเราะลั่นดังมาจากด้านบน ปรากฎว่าเสียงนี้เป็นของฟงเลี่ย

ฟงเลี่ยยืนอยู่เหนือกำแพงเมือง มือไม้ถูกมัดไว้ ผมเผ้ารุงรัง ร่างกายยังคงอยู่ในชุดนอน มันมองที่เยว่หานตงและตะโกนกล่าวคำ “ข้าตกอยู่ในกำมือของพวกมัน อย่างไรคงต้องตายอย่างอนาถ ข้าตายได้แต่ห้ามเสียเมืองเทียนฟง ข้าแพ้ได้แต่อาณาจักรต้าฟงจะต้องไม่มีวันพ่ายแพ้! ขุนพลเยว่ และเหล่าทหารกล้าของอาณาจักรต้าฟง จงอย่าได้กลัวสิ่งใด เมื่อข้าตายด้วยมือของพวกมันแล้ว จงกอบกู้เมืองเทียนฟงกลับคืนมาให้ได้.... ให้ข้าได้ตายโดยไม่เสียใจ หากคนตระกูลฟงทั้งหมดตกตาย ขุนพลเยว่.... หลังจากที่กอบกู้เมืองเทียนฟงกลับคืนมาแล้ว เจ้าจงขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิ! ข้าขอเพียงสิ่งเดียว คืออย่าได้เปลี่ยนชื่ออาณาจักร ‘ต้าฟง’ แห่งนี้!!”

“ฝ่าบาท!” เยว่หานตงตะโกนคำ ฟงเลี่ยประกาศมอบบัลลังก์ให้เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิต่อหน้าทหารนับล้าน แสดงเจตนารมณ์อันเด็ดเดี่ยว เสียงตะโกนของเขาปลุกเร้าจิตวิญญาณของทหารต้าฟงให้พลุ่งพล่าน เย่หนู่ปราดตามองฟงเลี่ยและมุ่นคิ้ว เริ่มเสียใจที่พามันมาที่นี่

หลังจากฟงเลี่ยถูกจับตัว มันมักแสดงสีหน้าหวาดกลัวอยู่เสมอ เย่หนู่ต้องการใช้ฟงเลี่ยเป็นตัวประกันข่มขู่ทหารต้าฟง หรือไม่ก็ให้มันโน้มน้าวเหล่าทหาร ไม่นึกเลยว่ามันจะแสดงท่าทีเช่นนี้ ทว่าฟงเลี่ยเป็นถึงจักรพรรดิต้าฟง ไหนเลยมันจะธรรมดาได้

“บุตรแห่งต้าฟง!” เยว่หานตงหันกายและคำรามลั่น “จับศาสตราของพวกเจ้าขึ้นมา เผาผลาญเลือดในกายของพวกเจ้า จักรพรรดิของพวกเรายอมตายดีกว่ายอมแพ้ พวกเรายังต้องรอเหตุผลใด จงใช้ชีวิตและเลือดเนื้อของพวกเจ้า กอบกู้เมืองเทียนฟงของพวกเรากลับคืนมาให้จงได้!....”

คำสั่งโจมตียังไม่ทันถูกสั่ง ฉับพลันเสียงกู่ร้องก็ดังก้องมาจากทางซ้ายและขวา ทันใดนั้นปฐพีสะเทือนเป็นจังหวะดังมาจากที่ไกล ทหารสองทัพใหญ่จากทางทิศใต้และทิศเหนือมุ่งเข้าประชิดกองทัพต้าฟง

“....ช้าก่อน! นั่นไม่ใช่กองทัพของพวกเรา!” เย่เว่ยส่งกองทัพประจำอยู่ทางปีกสองข้างที่นอกเมือง รอคอยโอกาสเพื่อลอบจู่โจมกองทัพต้าฟง ทว่าพวกเขายังไม่ได้ออกคำสั่ง ยิ่งกว่านั้นธงของสองกองทัพนี้เห็นได้ชัดว่า....

“คุยชุยแห่งแดนใต้ ชางหลานแห่งแดนเหนือ.... ทหารและม้าของพวกเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”

เยว่หานตงและเย่เว่ยมองเห็นได้ชัดจากธง ว่าทหารและม้าทัพใหญ่นี้เป็นของใคร ทั้งสองล้วนตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น พวกเขาไม่สมควรปรากฎตัวอยู่ที่นี่!

กองทัพทั้งสองไม่ได้โจมตีในทันที แต่หยุดระยะขนาบกองทัพต้าฟงด้านเหนือและด้านใต้อย่างเป็นระเบียบ กองทัพต้าฟงตกอยู่ในความตระหนก บรรยากาศกลับกลายในทันที

เยว่หานตงมองไปรอบๆ หัวใจกระสับกระส่าย ตะโกนคำออกไปอีกครั้ง “ที่แท้ก็แบบนี้ แต่ถึงอย่างไร พวกเจ้าคิดหรือว่าลำพังแค่นี้จะหยุดบุตรแห่งต้าฟงได้!”

“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ งั้นรวมจักรพรรดิผู้นี้ด้วยอีกคน”

มีคนไม่มากนักที่เคยได้ยินเสียงนี้ แต่ทว่า ไม่ว่าผู้ใดที่ได้ยินเสียงนี้ต้องสีหน้ากลับกลาย ฟงเลี่ยที่ถูกมัดไว้และเพิ่งกล่าวคำอย่างหาญกล้า พอได้ยินเสียงนี้ก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สีหน้าตื่นตระหนกอย่างไม่อาจปิดบัง

เมื่อเจ้าของเสียงร่วงลงจากฟ้าปรากฎกาย กองทัพต้าฟงล้วนหัวใจแตกตื่น

ชุดสีเงิน หน้ากากเงิน ผ้าคลุมสีเงิน.... นี่คือจักรพรรดิมาร! ผู้ทำลายล้างสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ นายแห่งสำนักมารที่ครองพลังเหนือจินตนา บุคคลที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า ตัวตนที่ทั้งโลกไม่อาจกระตุ้นยั่ว 

นี่คือบุคคลตัวลำพัง สามารถทำให้ทหารนับล้านกดดันจนไม่อาจบรรยาย ความรู้สึกรึงรัดหนักหน่วง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ถูกกลืนกิน อึดอัดจนยากจะหายใจ ร่างกายสั่นสะท้าน.... ด้วยความกลัว

ด้วยคนเพียงผู้เดียว!

“นั่นเป็น.... จักรพรรดิมารในตำนานเหรอ?” ชูเกอเสี่ยวหยูอ้าปากกว้าง ตะลึงมองร่างที่ลอยสูงอยู่บนฟ้า ประหนึ่งเทพที่อยู่เหนือผู้คนธรรมดา บางทีทั่วทวีปเทียนเฉินอาจไม่มีใครรู้ชื่อของจักรพรรดิมาร ตั้งแต่มันปรากฎตัวจนถึงตอนนี้ ชื่อเสียงของมันขจรขจายยิ่ง ทรงพลัง น่ากลัว และลึกลับ.... กลายเป็นตัวตนดุจเทพไปแล้ว ทุกคนล้วนอยากเห็นกับตาตัวเอง ทว่าด้วยชื่อเสียงของมัน ผู้คนจึงกลัวว่าจะได้พบในขณะเดียวกัน

เย่หนู่และเย่เว่ยได้เห็นจักรพรรดิมารเป็นครั้งแรกเช่นกัน พวกเขามองหน้ากันด้วยหัวใจไหวกระเพื่อม เหตุใดจักรพรรดิมารจึงปรากฎกายด้วยตัวเอง.... มีสิ่งใดซ่อนอยู่เบื้องหลังกันแน่?

ทว่าทันทีที่จักรพรรดิมารปรากฎกาย ฟงเลี่ยที่หวาดกลัวอยู่พอนึกถึงคำที่เพิ่งตะโกนออกไปก็ยิ่งหน้าซีด.... ในที่สุดก็เข้าใจว่าจักรพรรดิมารเล่นลูกไม้กับมัน ใช้มันเป็นเบี้ยหมากบนกระดานเท่านั้น.... จักรพรรดิมารให้มันเคลื่อนทัพบุกอาณาจักรเทียนหลง แท้จริงคือเพื่อให้เทียนหลงพิชิตต้าฟง!

แววตาหม่นลงราวกับถ่านไฟมอด ในเมื่อผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้ก่อนโดยสำนักมาร โลกนี้ยังมีผู้ใดที่สามารถต่อต้าน.... กองทัพหนึ่งล้านหรือจะต้านทานได้.... มันรู้ว่าไม่มีทาง.... สถานการณ์ไร้หนทางพลิกกลับ แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่เข้าใจก็คือ มันไปทันเป็นศัตรูกับจักรพรรดิมารตอนไหน เหตุใดจักรพรรดิมารถึงทำกับมันเช่นนี้.... มันทะเยอทะยานหวังพิชิตโลก จักรพรรดิมารกลับทำให้มันพ่ายแพ้ ทำลายอาณาจักรและเชื้อตระกูล นี่เป็นหายนะโหดเหี้ยมสูงสุดสำหรับมัน

“จักรพรรดิ....มาร!!” สีหน้าของเยว่หานตงแปรเปลี่ยนกลับกลาย หลังจากตะลึงก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความโกรธ มันกัดฟันคำราม “เจ้า.... เอาลูกสาวของข้าไปไว้ไหน!!”

“ลูกสาวของเจ้าสบายดี บางทีอาจสุขสบายจนไม่อยากกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิผู้นี้คิดว่าเจ้าควรห่วงตัวเองก่อนดีกว่า รวมถึงทหารกล้าหนึ่งล้านที่อยู่ข้างหลังเจ้า” จักรพรรดิมารยิ้มบางขณะกล่าว

“เฮอะ.... ไม่แปลกใจที่ทหารเทียนหลงสามารถร่วงหล่นจากฟ้า ไม่แปลกใจที่ทหารและม้าของคุยชุยและชางหลานมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ต่างกัน สำนักมารของพวกเจ้าครองพลังดุจเทพ พลังดุจเทพเช่นนี้มีแต่สำนักมารของเจ้าที่ทำได้” เยว่หานตงพลันเข้าใจทันที จักรพรรดิมารคือตัวแทนสำนักมารผู้ครองพลังไร้สิ้นสุด หากพวกมันสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวจริงๆ เช่นนั้นเรื่องเหลือเชื่อทั้งหมดย่อมกลายเป็นเรื่องธรรมดา.... ทั้งยังเป็นคำอธิบายที่ดีเยี่ยม!

“ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น ในเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือสำนักมารของข้า เจ้ายังคิดต่อต้านอยู่อีกหรือ?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เยว่หานตงหัวเราะลั่น ไม่เกรงกลัวต่อจักรพรรดิมาร เพราะที่มากกว่าคือความเกลียดชังที่ลูกสาวถูกลักพาตัว ไหนเลยเขาจะยอมอ่อนข้อให้ “น่าขำ บุตรแห่งต้าฟงไม่เคยรู้จักกับคำว่า ‘กลัว’!”

“โอ้? ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอมแพ้อย่างนั้นรึ?”

“ไม่มีวัน!” เยว่หานตงใช้เสียงทะมึนต่ำ ตะโกนคำช้าๆอย่างชัดเจน

“ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าก็ตายได้”

เสียงของจักรพรรดิมารพลันกลายเป็นเย็นเยียบถึงขีดสุด มันเคลื่อนมือขวาขึ้นช้าๆ ในพริบตานั้น ผู้คนรู้สึกประดุจตนเองกำลังเผชิญหน้ากับเจตจำนงค์ของสวรรค์

สีสันของท้องฟ้าพลันกลายเป็นสีสันของน้ำแข็ง ผู้คนเงยศีรษะขึ้นเป็นพัลวัน เหนือท้องฟ้าอันห่างไกล ประกายแสงเย็นเยียบจำนวนมหาศาลสะท้อนระยับดุจดารา ปกคลุมไม่อาจเห็นขอบเขต อย่างน้อยก็บดบังทัพทหารและม้าของต้าฟงไว้หมดสิ้น คราแรกผู้คนแววตากระเพื่อม จากนั้นตื่นกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น

น้ำแข็ง.... เป็นแท่งน้ำแข็งดุจลูกศร จำนวนมหาศาลบดบังท่วมฟ้า แต่ละอันสะท้อนแสงเย็นกรีดหัวใจ แผ่กลิ่นอายเย็นเยือกแห่งความตาย ทหารต้าฟงแต่ละคนรู้สึกคล้ายลำคอถูกจ่อด้วยแท่งน้ำแข็งนับไม่ถ้วน คล้ายกับว่าหากขยับร่างกายแม้เล็กน้อย ชีวิตจะถูกพรากไปทันที

ทุกคนได้เป็นสักขีพยานต่อพลังที่ไม่สมควรเป็นของมนุษย์ ไม่ทราบว่านี่เป็นวาสนาหรือคราวเคราะห์

“เทพ.... เทพสวรรค์....” ชูเกอเสี่ยวหยูจ้องตาค้างเอามือปิดปาก ริมฝีปากไม่อาจหุบได้เป็นเวลานาน เพราะนี่คือฉากที่เคยได้ยินเพียงในตำนานเท่านั้น



<<<PREV    .    NEXT>>>