วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 482

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 482 ความสงบครั้งสุดท้าย (3)

ราตรีได้ผ่านพ้น

ยังคงมีดาวอีกสองสามดวงที่ไม่ถูกแสงอรุณบดบัง เย่หวูเฉินตื่นแต่เช้าในวันนี้ เสี่ยวโม่มักลืมตาตื่นและมองเขาอย่างงัวเงียอยู่เป็นประจำ จากนั้นจึงหลับตาลงและนอนต่อ ช่วงเช้าในตระกูลเย่สงบอย่างมาก เย่หวูเฉินค่อยๆลุกออกจากเตียง สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ แหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกล

กลุ่มแสงขาวปรากฎขึ้นบนไหล่ของเย่หวูเฉิน ไม่มีการเรียกของเย่หวูเฉิน เซียงเซียงออกมานั่งอยู่บนไหล่เขาด้วยตัวเอง ผมขาวปลิวไสว เท้าคางไว้บนมือสองข้าง อากาศโดยรอบหอมหวนจนผู้คนแทบเมามาย

เย่หวูเฉินชำเลืองแลไปด้านข้าง มองร่างของนางและยิ้มอ่อนโยน “เซียงเซียง เจ้าเองก็รู้สึกเหมือนกันใช่มั้ย?”

เซียงเซียงมองเขาด้วยแววตากระจ่างใสดุจแก้วผลึก นางส่ายศีรษะช้าๆ

เซียงเซียงรู้สึกถึงความกังวลของเย่หวูเฉินในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ หัวใจของเขายิ่งร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ

เซียงเซียงไม่พูดกับเขาเป็นเวลานานแล้ว ราวกับว่านางลืมวิธีพูดเหมือนทงซินตั้งแต่บรรลุพลังเทวะ และด้วยเหตุผลบางอย่าง นับตั้งแต่หกเดือนก่อนที่นางช่วยเหลือเย่หวูเฉินโดยการปรากฎกายในร่างสาวน้อยขนาดธรรมดา นางก็ไม่เคยกลับสู่ร่างนั้นอีกเลย นางอยู่ในร่างสาวน้อยขนาดพกพาเท่านั้น เย่หวูเฉินทราบดีว่านางกลัวเขากระทำการ ‘ฝ่าฝืน’ ต่อนาง.... บางที นางคงเข้าใจถึงเสน่ห์ร้ายกาจของตัวเองเป็นอย่างดี

สามารถทำให้เย่หวูเฉินมองครั้งเดียวและสูญเสียการควบคุมแทบทั้งหมด ในโลกนี้มีเพียงเซียงเซียงเท่านั้น

เรื่องบางอย่างถูกกำหนดให้ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงหลีกเลี่ยงเท่านั้น เมื่อมองยังทวีปเทียนเฉิน กล่าวได้ว่าตอนนี้นี่คือทวีปของเขา แค่เขาเอ่ยปากเพียงคำเดียว ทั่วทั้งทวีปจะสั่นสะเทือนเพราะเขาทันที ด้วยพลังและวิธีการของเขา ทำให้การชำระล้างใช้เวลาไม่นานนัก ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือล้วนมีความหัวใจกลับสู่เส้นทางของบรรพชน ประสานเสียงอย่างสามัคคี กลายเป็นศาสตราคมกล้าที่อยู่ในมือเขา

หากข้างกายของเขาไม่มีหนิงเสวี่ย ไม่มีทงซิน และไม่มีเสี่ยวโม่ เขาคงอยู่ในโลกนี้โดยไร้ความกังวล สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา

แต่ทว่า ด้วยการเปลี่ยนผันของมิติและเวลา รวมถึงการจัดวางของลิขิตฟ้า เขาถูกกำหนดให้ไม่อาจหยุดลงเพียงแค่ที่จุดนี้

บางที นี่คงเป็นโชคชะตา

“เซียงเซียง คนที่เข้าใจข้ามากที่สุด คงมีแต่เจ้าเท่านั้น” เย่หวูเฉินยิ้มบาง พลางยื่นนิ้วไปที่ร่างของเซียงเซียง สัมผัสร่างบอบบางของนางอย่างอ่อนโยน ร่างของเซียงเซียงถอยไปเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นและยิ้มบางให้กับเขา เป็นรอยยิ้มแห่งการปลอบโยน

หลายวันหลังจากนั้น หมอหลวงจากวังสามคนได้มายังตระกูลเย่อย่างรีบร้อน พุ่งตรงไปที่สวนหลังของตระกูลเย่ทันที หวังเวิ่นชูหลังจากทานอาหารมื้อเช้าจู่ๆนางก็อาเจียน สีหน้าซีดขาว ฝีเท้ายังโซเซเหมือนจะล้มลง ทำให้ผู้คนตระกูลเย่พากันแตกตื่น เย่เว่ยตะโกนสั่งคนไปที่วังทันที หลงฮวงเอ๋อร์พอได้ยินว่าหวังเวิ่นชูเจ็บป่วยก็ร้อนใจ นางส่งหมอหลวงที่เก่งที่สุดสามคนมาที่ตระกูลเย่ด้วยความเร็วสูงสุด

หลี่อวี้อี เห็นสีหน้าและอาการของหวังเวิ่นชู หัวใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเขาไม่กล้าส่งเสียงใดๆ เขาจับข้อมือนางพร้อมปิดดวงตาชราลง สัมผัสชีพจรอย่างสงบ ทันในนั้นดวงตาชราเปิดขึ้นอย่างฉับพลัน หัวใจไร้ข้อสงสัยอีก เขาลุกขึ้นและหัวเราะ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ขุนพลเย่ ฮูหยินเย่ ขอแสดงความยินดีด้วย ฮูหยินเย่ไม่ได้ป่วยไข้แต่กำลังตั้งครรภ์.... สมแล้วที่เป็นขุนพลเย่ แม้อยู่ในวัยกลางคน หากยังคงร้ายกาจจนพยัคฆ์และมังกรต้องอิจฉา ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ก่อนหน้านี้ หมอหลวงอาวุโสอีกสองคนได้ตรวจสอบด้วย ทว่าพวกเขาไม่มีใครกล้ากล่าวข้อสรุปนี้ออกมา เมื่อได้ยินข้อสรุปของหลี่อวี้อี พวกเขาพลันแสดงความยินดีเป็นเสียงเดียวกัน

หวังเวิ่นชูนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นวางบนท้องน้อยของตัวเอง นางแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง ตะลึงงันด้วยความสุขอันเหลือเชื่ออยู่ครู่ใหญ่ “นี่.... นี่เป็นความจริงเหรอ....”

“จริงแท้อย่างแน่นอน แม้ผู้ชรามีฝีมือแพทย์อันต่ำต้อย แต่เรื่องนี้ไม่เคยสรุปผิดพลาดสักครั้ง” หลี่อวี้อีหัวเราะและกล่าวต่อ “ผู้ชราจะรีบกลับไปเตรียมยาบำรุงชั้นเลิศที่สุดโดยเร็ว อายุของฮูหยินเย่ค่อนข้างมากแล้ว หลังจากนี้โปรดอย่าขยับกายมากนัก เมื่อถึงเดือนแปด ตระกูลเย่สมควรมีสมาชิกคนใหม่ ตาแก่อย่างพวกเราขอตั้งตารอคอยเพื่อดื่มฉลอง!”

“นี่.... อ่า.... ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่าน” หวังเวิ่นชูปิติยินดีจนคล้ายกล่าวคำผิดๆถูกๆ นางลุกขึ้นและนั่งลงอย่างระวังอีกครั้งด้วยการประคองจากเย่เว่ย เขาตื่นเต้นจนไม่ทราบสมควรทำยังไง เย่เว่ยพยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและยินดี เขาดีใจเสียยิ่งกว่าหวังเวิ่นชู

“ฮูหยินเย่ ผู้ชรามีอยู่คำถามหนึ่ง หากฮูหยินเย่สะดวกใจโปรดตอบข้อสงสัยของข้า” หลี่อวี้อีโค้งลงกล่าว

“ใต้เท้าหลี่ โปรดถามตามสะดวก”

“สภาพร่างกายของฮูหยินเย่ ผู้ชราทราบดีเมื่อหลายปีก่อน ขออภัยที่ผู้ชราถามตามตรง ฮูหยินเย่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้นับตั้งแต่ปีนั้น ข้ากับหมอหลวงท่านอื่นทุ่มเททุกวิธียังไม่อาจช่วยได้ ไม่ทราบว่าฮูหยินเย่ใช้วิธีใดรักษา.... เป็นฝีมือของหมอเทวดาคนใด?”

หลังจากหวังเวิ่นชูให้กำเนิดบุตรชายคือเย่หวูเฉินในอดีต นางก็ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก หมอหลวงแห่งราชสำนักเทียนหลงทุ่มเททุกวิธีเพื่อรักษานาง ทว่าไม่อาจช่วยนางให้กลับมาตั้งครรค์ได้ วันนี้เมื่อเห็นนางกลับมาตั้งครรภ์อีกครั้ง ความสงสัยในใจจึงท่วมท้นไม่อาจปล่อยวาง หวังเวิ่นชูอายุได้ราว 40 ปี จู่ๆกลับตั้งท้องได้จึงน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

หวังเวิ่นชูยิ้มกว้างให้เย่เว่ย นางกล่าว “เป็นเฉินเอ๋อร์ที่ช่วยรักษาข้าเมื่อหลายเดือนก่อน ไม่คิดเลยว่าจะได้ผลรวดเร็วถึงเพียงนี้....”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หลี่อวี้อีพลันเข้าใจ เขาถอนหายใจยาว “นายน้อยเย่คือบุตรแห่งสวรรค์ เป็นตัวตนทรงอำนาจไร้สิ้นสุดในตำนาน ไม่แปลกใจเลย ไม่แปลกใจเลย....”

สี่ปีก่อน เขาเคยยกย่องเย่หวูเฉินมาแล้ว ทว่าคราวนี้ คำยกย่องของเขาไม่ได้เรียบง่ายเหมือนคราวนั้น อาศัยทักษะการแพทย์เพียงอย่างเดียว ก็ยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาแล้ว

เมื่อข่าวดีถูกถ่ายทอด เย่หนู่พลันหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ไม่ทราบเขาเอ่ยคำว่า ‘ประเสริฐ’ ไปแล้วกี่ครั้ง เดือนนี้คนใช้ในตระกูลเย่ยังได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ทั่วตระกูลเย่ล้วนชื่นบาน ข่าวนี้ยังแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในโลก ด้วยสถานะและเกียรติภูมิของตระกูลเย่ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนถูกจับจ้องจากทั่วโลก ผ่านไปเพียงชั่วเวลาหนึ่ง ของขวัญมากมายได้หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ สมบัติล้ำค่าได้กองเป็นภูเขาในตระกูลเย่ ตระกูลเย่ในยามนี้ไม่เหมือนกับอดีตอีกต่อไป เย่หนู่และเย่เว่ยกำลังวางแผนขยับขยายตระกูลเย่ให้ใหญ่ขึ้น

เย่เว่ยเข้ามาในสวนของเย่หวูเฉิน มองเห็นเขายืนอยู่ริมสระบัว ดวงตาไร้ระลอกมองตรงไปเบื้องหน้า ราวกับว่าไม่ตระหนักถึงเย่เว่ยที่เดินใกล้เข้ามา เย่เว่ยหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบงันเป็นเวลานาน ในที่สุดเย่เว่ยก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน เขากล่าวออกมาเพียงคำสั้นๆ

“ขอบคุณ”

สายตาจับจ้องที่แผ่นหลังของเย่หวูเฉิน ถ้อยคำเรียบง่ายนี้มีความหมายมากมายอยู่ในนั้น อีกทั้ง ถ้อยคำนี้ยังมีเพียงพวกเขาที่เข้าใจ

เย่หวูเฉินหันกายมาช้าๆ ค่อยๆเผยรอยยิ้มบาง “พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน และจะเป็นตลอดไป คำๆนี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวก็ได้”

เย่เว่ยตอบรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันร่างและเตรียมออกไป

“ท่านพ่อ” เย่หวูเฉินหยุดเขาด้วยเสียงเรียก เขามองแผ่นหลังเย่เว่ยและกล่าว “แซ่ของข้าคือเย่ ชื่อของข้าคือหวูเฉิน นี่เป็นชื่อที่ข้าตั้งให้กับตัวเองตอนที่สูญเสียความทรงจำ ดังนั้น ข้าและตระกูลเย่จึงผูกโยงกันด้วยวาสนา ข้าได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่และได้ชื่นชมกับทุกอย่าง ดังนั้น ไม่ว่าภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร ข้าจะไม่มีวันทำสิ่งที่ไม่สมควรต่อตระกูลเย่”

เย่เว่ยหันร่างกลับมา รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งฉายความสุข “ข้ารู้.... เพราะเจ้าเป็นลูกข้า.... และข้าเชื่อว่าเจ้าจะมอบอนาคตที่สมบูรณ์แบบให้กับเหยาเอ๋อร์”

เย่หวูเฉินหัวใจสั่นสะท้าน ทว่าเย่เว่ยกลับเพียงยิ้มบางให้อีกครั้ง จากนั้นเขาหันกายและออกไป

เย่หวูเฉินทราบอยู่แล้วว่าเย่เว่ยมีความสงสัย แต่เขาไม่นึกเลยว่ากระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่ฉุ่ยเหยาจะถูกเย่เว่ยตระหนักทราบด้วย ยามนี้พอนึกย้อนตรองดู ทุกอย่างย่อมทราบได้โดยธรรมชาติ นับแต่เขาสงสัยตัวตนของเย่หวูเฉิน เรื่องราวเดินทางพันลี้ไปอาณาจักรต้าฟงเพื่อชิงตัวนาง หรือประมูลหยกแดงครามสมุทรประจิมต่อหน้าคนจำนวนมาก ทุกอย่างล้วนไม่ใช่ความผูกพันธ์ของพี่น้องธรรมดา แต่เป็น....

ตั้งแต่ทราบว่าตัวเองตั้งครรค์ หวังเวิ่นชูก็วางมือจากเรื่องทุกอย่าง ทุกวันผ่อนคลายร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่กล้าเคลื่อนไหวรวดเร็วหรือทำให้ตนเหนื่อยกายแม้แต่น้อย ตั้งตารอคอยให้ถึงวันที่ลูกน้อยลืมตาดูโลก นางกลายเป็นคนตระกูลเย่ที่ถูกปกป้องระดับสูงสุด ไม่ว่าจะไปแห่งใด สาวใช้และคนคุ้มกันจะคอยติดตาม ในทางลับยังมีคนของสำนักมารที่เย่หวูเฉินจัดไว้

ผ่านไปอีกหลายวัน อาณาจักรต้าฟงอันห่างไกลได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีมาถึง เป็นลายมือของชูเกอเสี่ยวหยู นางแสดงความยินดีต่อตระกูลเย่ที่ตั้งครรค์เป็นสิ่งแรก จากนั้นร่ายยาวว่าเมื่อไหร่เย่หวูเฉินจะแต่งงานพานางกลับไป มีเพียงเย่หวูเฉินแต่งงานกับนางเท่านั้น นางถึงจะกลับไป มิฉะนั้นนางจะขออยู่ที่เมืองเทียนฟงตลอดชีวิต

นี่คือคำตัดสินอันยืนกรานของชูเกอเสี่ยวหยู การตัดสินใจนี้ไม่มีวันหวนกลับ ตั้งแต่ออกจากเมืองเทียนหลงนางก็ไม่เคยกลับบ้านอีก ในระหว่างนี้ ไม่ทราบว่าแม่ของชูเกอเสี่ยวหยูมาเยี่ยมเยือนที่ตระกูลเย่แล้วกี่ครั้ง แต่ละครั้งล้วนถามเข้าประเด็นว่าเมื่อไหร่เย่หวูเฉินจะแต่งงานกับชูเกอเสี่ยวหยู เย่หวูเฉินทำได้เพียงตอบกลับอย่างกำกวมในแต่ละครั้ง



<<<PREV    .    NEXT>>>