วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 449

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 449 กวาดล้าง

ซ้ายขวาของเย่ฮุยเต็มไปด้วยโลหิต กระบี่ยาวในมือแตกหัก รองขุนพลใต้บัญชาเสี่ยงชีวิตเข้าปกป้อง ผู้คนล้มตายร่วงระนาว พวกเขาไร้ความหวังที่จะฝ่าออกไป หลังจากปะทะได้ช่วงหนึ่ง ทหารนับหมื่นที่เย่ฮุยนำมาเหลืออยู่ราวเจ็ดในสิบส่วน เขาถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า ดวงตาแดงก่ำดุจสีเลือด ดุจอสูรสิ้นหวังที่ต้องการสังหารเหยื่ออย่างบ้าคลั่ง ในปากส่งเสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยว

เวลานี้เอง ทางปีกซ้ายขวาพลันมีเสียงดังขึ้น เป็นเสียงตะโกนกู่ก้องดังเข้ามาใกล้ ในที่ไกลๆมองเห็นริ้วธงปักด้วยตัวอักษร ‘ชูเกอ’ และ ‘หลง’

“กำลังเสริม! กำลังเสริมมาช่วยแล้ว! ท่านขุนพล พวกเราปลอดภัยแล้ว!” รองขุนพลของเย่ฮุยส่งเสียงแหบพร่า ตะโกนคำอย่างมีความหวัง ดุจรุ่งอรุณฉายสู่ร่างอันเหือดแห้งให้กลับมามีพลัง คนรีบคว้ากระบี่ยาวขึ้นจากพื้น เข่นฆ่าศัตรูที่ดาหน้าเข้ามา

กองทัพอาณาจักรต้าฟงราวกับเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีกำลังเสริมส่งมาช่วยกองทัพเมืองอวิ๋นหัว ทว่าตำแหน่งที่เข้ามากลับต่างไปจากที่พวกมันคาดไว้โดยสิ้นเชิง.... กำลังเสริมไม่ได้พุ่งตรงมาจากเมือง แต่กลับอ้อมเข้าทางปีกสองข้าง ทำให้พวกมันคาดไม่ถึงและไม่ทันตั้งตัว พวกมันไม่เข้าใจว่าทัพทั้งสองกระจายอยู่สองทิศตั้งแต่เมื่อใด

จากสถานที่ไกลธงเหล่านั้นโบกสะบัด กองทัพต้าฟงตะโกนกู่ร้องทันที พวกมันแปรขบวนทัพอย่างรวดเร็ว ทว่าเพียงกำลังปรับกลยุทธ์ เมืองอวิ๋นหัวก็โบกธงสองผืน ส่งสัญญาณให้กองทัพเทียนหลงเปลี่ยนทิศทางฉับพลัน เลี้ยวเข้าโจมตีทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทำลายรูปทัพที่พวกมันเพิ่งแปรขบวน ทว่านี่ไม่ใช่เพื่อการสังหาร แต่เป็นการทำลายแนวป้องกัน ปีกทั้งสองข้างเร่งเท้าเข้าสู่ตำแหน่ง กองทัพอาณาจักรต้าฟงแตกออกจนเสียรูปขบวน สร้างความแตกตื่นอย่างมาก เมื่อตำแหน่งหนึ่งสับสน ตำแหน่งที่เหลือย่อมปั่นป่วนตาม พลังของกองทัพต้าฟงค่อยๆลดลงอย่างเงียบงัน ถูกกองทัพเทียนหลงบุกทะลวงจนเข้าถึงร่างของเย่ฮุย ปีกทั้งสองข้างรวมทัพเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว

เมืองอวิ๋นหัวโบกธงสีทองส่งสัญญาณถอนทัพกลับ กองทัพเทียนหลงเลิกพัวพันกับกองทัพต้าฟงและถอนกำลังกลับอย่างรวดเร็ว ทัพนับหมื่นของเย่ฮุยเหลืออยู่ไม่กี่พันคน หัวใจเจ็บปวดทรมาน ยามนี้มือซ้ายเหวี่ยงสังหารด้วยความเกลียด กองทัพเทียนหลงตีฝ่าวงล้อมอันหนาแน่นออกไป เร่งรุดกลับสู่เมืองอวิ๋นหัว ด้านหลังมีกองทัพต้าฟงไล่ตามมาไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงตะโกนโห่ร้องน่าตกใจ

ฝีเท้าถอยทัพของอาณาจักรเทียนหลงรวดเร็วอย่างยิ่ง รวดเร็วจนน่าโมโห ในขณะเดียวกันยังมักมีของร่วงหล่นจากตัว ยิ่งมายิ่งมากขึ้น ตกกระจัดกระจายทั่วบริเวณ ไม่เพียงเฉพาะสิ่งของเล็กใหญ่อันน่าดึงดูดเท่านั้น แต่ยังมีของประดับต้องแสงระยิบระยับ บ้างเป็นอาหารอันโอชา ตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณกว้าง

ฝีเท้าของกองทัพต้าฟงชะงักลงทันที จากนั้นรีบเร่งตรงเข้าไปเก็บของเหล่านั้น บางส่วนกระทั่งต่อสู้แย่งชิงกัน กลุ่มที่นำไปข้างหน้ากลายเป็นโกลาหลทันที เมื่อทัพเบื้องหน้ากลายเป็นสับสน เบื้องหลังจึงเริ่มปั่นป่วน ทันใดนั้นพวกมันหยุดเท้าลง เหยียบย่ำไปบนร่างพวกเดียวกัน ฉับพลันนั้น เหนือเมืองอวิ๋นหัวถ่ายทอดสัญญาณเสียง กองทัพเทียนหลงที่ล่าถอยพลันตะโกนกู่ก้อง หันร่างกลับไปชูอาวุธเข้าฟาดฟันทหารต้าฟงที่กำลังปั่นป่วน กองทัพต้าฟงสับสนอลม่านไม่อาจป้องกันตัวได้ จึงถูกเข่นฆ่าสังหาร เสียงร้องโหยหวนดังระงมก้องฟ้า

สถานการณ์พลิกกลับทันที กองทัพอาณาจักรต้าฟงกลายเป็นฝ่ายล่าถอย หนีตรงไปยังที่ตั้งค่ายทัพ ทว่าเบื้องหน้ากลับกลายเป็นทะเลเพลิงท่วมฟ้า ค่ายทัพยาวเหยียดหลายลี้ลุกโหมเป็นเปลวเพลิง กองทัพอาณาจักรต้าฟงยิ่งแตกตื่น ล่าถอยไปทางทิศตะวันตกไกลขึ้น กองทัพเทียนหลงไล่ตามจากเบื้องหลังไม่ลดละ ส่งเสียงตะโกนโห่ร้องน่าตกใจ

เย่ฮุยผู้เหนื่อยล้ากลับถึงเมืองอวิ๋นหัวภายใต้การคุ้มกันในที่สุด เขาทราบดีว่าตนเองไม่มีหน้าปรากฎตัวในที่ใด จึงนิ่งงันอยู่ในห้องรอคอยการลงโทษ ทว่ารอคอยเนิ่นนานชูเกอเสี่ยวหยูกลับไม่เรียกพบเขา สุดท้ายเขาไม่อาจอดทนไปพบชูเกอเสี่ยวหยูด้วยตัวเอง  แต่คำตอบที่เขาได้รับกลับเป็น “ขุนพลปิงหยุนยังไม่มีคำสั่งเรียกพบท่าน หากถึงเวลาแล้ว นางจะเรียกพบท่านเอง”

เย่ฮุยทำได้เพียงจากไปอย่างเงียบงัน

หุบเขาแยกเมฆา เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรต้าฟง ที่นี่เป็นเขตเทือกเขาสูง ทางเดินตรงกลางไม่ได้เป็นเส้นตรง มีความกว้างมากกว่า 30 เมตร เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง และไม่ค่อยมีคนทั่วไปใช้สัญจรเท่าใดนัก มันจึงเต็มไปด้วยหญ้าแห้งสูงประมาณหัวเข่า

กองทัพอาณาจักรต้าฟงเร่งหนีมาจนถึงหุบเขาแยกเมฆา หัวใจผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้ว่าด้านหลังยังคงมีกองทัพเทียนหลงไล่ตามมาไม่ลดละ ทว่าเมื่อกองทัพต้าฟงรุดเข้าสู่หุบเขาแยกเมฆา กองทัพเทียนหลงพลันหยุดไล่ตามทันที คอยปิดกั้นอยู่ที่ปากทางเข้า

กองทัพอาณาจักรต้าฟงเข้าไปในหุบเขาได้ไม่ถึงหนึ่งลี้ จากนั้นก็ต้องหยุดเท้าลง เบื้องหน้าเต็มไปด้วยกองฟืนที่ถูกตัดไว้ไม่นานจำนวนมาก กองสูงท่วมนับสิบเมตรขวางกั้นเส้นทางเบื้องหน้า เมฆทะมึนพลันปกคลุมหัวใจกองทัพต้าฟง สิ่งกีดขวางนี้เห็นได้ชัดว่าเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว พวกมันติดกับเทียนหลงอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้ พวกมันอยากรู้จริงๆว่าพวกตนติดกับอาณาจักรเทียนหลงตั้งแต่ตอนไหน

เหนือสองฝั่งของแนวสันเขามีหอกดาบชูขึ้นสะท้อนแสง ใบหน้าหนึ่งขาวเป็นมันวาวยืนอยู่หน้ากลุ่ม มองลงมาจากที่สูง “ในนามของขุนพลปิงหยุน พวกเรารออยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว ตอนนี้จงบันเทิงกับงานเลี้ยงแผดเผาที่พวกเรา ‘เพลิงอัสนีฟ้า’ เตรียมไว้ให้.... ลงมือ!”

สิ้นเสียงตะโกนสั่งของเขา อัสนีลั่นและเพลิงผลาญถูกโยนลงมาจากเบื้องบน ตกลงสู่หุบเขาแยกเมฆา หญ้าแห้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ไม่กี่วินาทีทั้งหุบเขาก็ลุกท่วมด้วยเปลวไฟ พร้อมด้วยเสียงอัสนีลั่นอันเสียดหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เย่ฮุยฝ่าฝืนคำสั่งเคลื่อนทัพโดยพลการโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองติดกับดักที่ชูเกอเสี่ยวหยูตั้งใจวางไว้ ทหารและม้าของอาณาจักรต้าฟงจำนวนมากติดกับดักนี้เช่นเดียวกัน กองทัพต้าฟงถูกล่อลวงให้ถึงคราวจบสิ้น

กองทัพต้าฟงต้องการวางกับดัก ทว่าชูเกอเสี่ยวหยูวางกับดักไว้อีกชั้น โดยมีเย่ฮุยเป็นตัวละครสำคัญ หากเย่ฮุยฉลาดมากกว่านี้ สามารถยับยั้งความโอหังได้มากกว่านี้ ชูเกอเสี่ยวหยูคงไม่อาจเริ่มแผนการนี้ได้

ทางเบื้องหน้าถูกปิดตาย ทางหนีด้านหลังถูกกองทัพเทียนหลงปิดกั้นไว้ หากวิ่งหนีก็ถูกสังหาร ตลอดหุบเขาแยกเมฆาเพลิงลุกท่วมสูงเสียดฟ้าต่อเนื่องเป็นเวลานาน กองทัพต้าฟงวิ่งหนีในกองเพลิงเป็นหนู เหยียบย่ำกันในกองไฟและตกตายทั้งเป็น

ยามค่ำมาถึง ตะวันเคลื่อนลงทางทิศตะวันตก เมื่อท้องฟ้าทางทิศตะวันตกปกคลุมไปด้วยเมฆสีแดง เปลวเพลิงในหุบเขาแยกเมฆาก็ดับวอดลง กองทัพเทียนหลงได้กวาดล้างกองทัพต้าฟงจนย่อยยับ อาณาจักรต้าฟงส่งทหารนับแสนมาเพื่อยึดเมืองอวิ๋นหัว ทว่าถูกกวาดล้างตกตายจนเหี้ยนในวันเดียว เมื่อข่าวแพร่ไปถึง คราแรกเมืองอวิ๋นหัวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง จากนั้นปรบมืออย่างกึกก้อง ในเมืองเต็มไปด้วยความยินดี ยามนี้นามขุนพลปิงหยุนได้ดังก้องไปทั่วเมือง

เย่ฮุยถูกมัดมือและคุกเข่าอยู่ตรงหน้าชูเกอเสี่ยวหยู เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือด ชุดเกราะแตกทำลายหลายจุด ใบหน้ามีบาดแผลมากมาย เมืองอวิ๋นหัวได้รับชัยชนะ กวาดล้างกองทัพต้าฟงจนหมดสิ้น เมื่อเขาได้ยินข่าวนี้ก็อ้าปากค้างเป็นเวลานาน เวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าชูเกอเสี่ยวหยู เขาไม่อาจเปล่งวาจาแม้แต่คำเดียว ศีรษะก้มต่ำลง ไม่เคลื่อนสายตามองยังชูเกอเสี่ยวหยู

“เย่ฮุย เจ้าคงรู้ความผิดของตัวเองแล้ว!” ชูเกอเสี่ยวหยูขมวดคิ้วหรี่ตาลง กล่าวคำเย็นเยียบ เวลานี้นางไม่รักษามารยาทอันดีต่อเย่ฮุยเหมือนก่อนหน้า

“ข้ารู้ความผิดของตัวเองดี!” เย่ฮุยก้มศีรษะลงต่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง

“ฝ่าฝืนคำสั่งทัพ นำทัพออกไปโดยพลการ ทำให้เมืองอวิ๋นหัวสูญเสียทหารกว่า 9,000 นาย หากไม่ใช่เพราะส่งกำลังเสริมออกไปช่วย เจ้ากับทหารทั้งหมดย่อมตายไปแล้ว ไหนเจ้าลองบอกมา ความผิดของเจ้าสมควรมีโทษเช่นไร!” ชูเกอเสี่ยวหยูกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

เย่ฮุยกัดฟันกล่าว “มีโทษสมควรตาย”

“ผิดแล้ว!” ชูเกอเสี่ยวหยูผุดลุกขึ้นยืน แค่นเสียงบางและกล่าว “ความผิดของเจ้า ต่อให้ตาย 100 ครั้งก็ยังไม่สาสม! ในเมื่อเจ้ารู้ความผิดของตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ จิงเหลย จิงหั่ว ลากเย่ฮุยออกไปกุดหัว แขวนหัวของมันไว้เหนือประตูเมืองเป็นเวลาสามวัน หลังจากนั้นเจ็ดวันถึงค่อยเอามันไปฝัง จัดการได้!”

“ขอรับ!” จิงเหลย และ จิงหั่ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของชูเกอเสี่ยวหยู พวกเขารับคำสั่งและตรงเข้ามาลากร่างของเย่ฮุยทันที

แน่นอนว่าคำสั่งของชูเกอเสี่ยวหยูสร้างความตกตะลึงต่อผู้คนในห้องโถงทันที รองขุนพลของเย่ฮุยและทหารมียศคนอื่นๆของเมืองอวิ๋นหัวต่างเร่งรีบก้าวเท้าออกมาเบื้องหน้า คุกเข่าลงขอความเมตตาให้กับเย่ฮุย

“ขุนพลปิงหยุน แพ้ชนะล้วนเป็นเรื่องธรรมดาในการรบ ไหนเลยขุนพลเย่ฮุยจะต้องตกตายเพราะความพ่ายแพ้ ขอร้องขุนพลปิงหยุนได้โปรดไว้ชีวิตเขา เวลานี้เป็นช่วงสงคราม อย่างน้อยได้โปรดให้ขุนพลเย่ฮุยได้มีโอกาสแก้ตัว” รองขุนพลของเย่ฮุยส่งเสียงละล่ำอย่างหวาดกลัว

“แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาในการรบ ไม่ใช่ความผิดที่พ่ายแพ้” ชูเกอเสี่ยวหยูหยุดครู่หนึ่งและกล่าวต่อ “แต่เย่ฮุยไม่เชื่อฟังคำสั่งตั้งแต่แรก กระทั่งข้าสั่งเด็ดขาดต่อหน้าตราราชวงศ์เทียนหลงอันถือเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ เย่ฮุยกลับยังกระทำการตามอำเภอใจ หากไม่ประหารให้เป็นเยี่ยงอย่าง แล้วคำสั่งทัพจะศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง แล้วพวกเจ้าจะชดใช้กองทัพอาณาจักรเทียนหลงที่ตกตายเพราะมันได้ยังไง!”

“นี่.... แต่ว่าขุนพลเย่ฮุยสร้างความดีความชอบไว้มากมาย ในอดีตเคยติดตามขุนพลชราเย่ กล่าวได้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลเย่ แม้ว่าจะทำความผิดร้ายแรง แต่....”

“เฮอะ!” ชูเกอเสี่ยวหยูแค่นเสียงหนักขัดจังหวะ “เป็นคนของตระกูลเย่งั้นเหรอ? บุรุษแห่งตระกูลเย่ล้วนแต่เป็นผู้กล้า แต่คนแซ่เย่ผู้นี้กลับกระทั่งฝ่าฝืนคำสั่งทัพ มันยังคู่ควรเรียกตัวเองว่าคนตระกูลเย่อีกหรือ? หากมีคนเช่นนี้ในตระกูลเย่มากกว่านี้ละก็ ชื่อเสียงในโลกของตระกูลเย่คงถูกทำลายป่นปี้ ขุนพลชราเย่บังคับกฎอย่างเข้มงวด ไม่เคยผ่อนปรนเพราะความลำเอียง อย่าว่าแต่เย่ฮุยเลย ต่อเป็นทายาทของเขา หากทำความผิดใหญ่หลวงย่อมได้รับโทษหนักเช่นเดียวกัน หากขุนพลชราเย่ อยู่ที่นี่ในวันนี้ ย่อมสั่งบั่นหัวมันอยู่ดี”

“แต่ว่า....”

“ลากมันออกไปตัดหัว ผู้ใดขวางอีกให้เอามันไปด้วย!”

คำสั่งเด็ดขาดของชูเกอเสี่ยวหยูแสดงให้เห็นว่านางตั้งใจประหารเย่ฮุยจริงๆ เหล่าคนที่อ้อนวอนพลันลากลมหายใจลึกทันที ไม่มีผู้ใดกล้าอ้อนวอนอีก ชูเกอเสี่ยวหยูในวันนี้ต่างจากชูเกอเสี่ยวหยูที่พวกเขาเคยรู้จัก ชัยชนะอันยิ่งใหญ่และการตัดสินใจอันเด็ดขาด ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันจนแทบไม่อาจหายใจเมื่ออยู่ต่อหน้านาง ในขณะเดียวกันยังรู้สึกชื่นชมอย่างล้ำลึก ไร้ความคิดเหยียดหยามเหมือนก่อนหน้า

เย่ฮุยยกมือขึ้น หยุดคนทั้งสองที่กำลังลากเขา แสดงรอยยิ้มหดหู่พร้อมส่งเสียง “ขุนพลปิงหยุนกล่าวได้ถูกต้อง ข้าไม่มีหน้าเรียกตัวเองว่าคนของตระกูลเย่จริงๆ ถูกบั่นหัวครั้งนี้ ข้ายอมรับด้วยความเต็มใจ.... เพียงแต่ขุนพลปิงหยุนโปรดไขข้อข้องใจอย่างหนึ่งของข้าได้หรือไม่ ข้าจะได้ตายไปโดยไร้ข้อข้องใจ”

“ว่ามา” ชูเกอเสี่ยวหยูนั่งลง กล่าวคำราบเรียบ ดวงตาคู่งามแฝงความภาคภูมิ กระทั่งตัวนางยังคิดว่าตัวเองเริ่มเหมือนขุนพลผู้ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

เย่ฮุยกล่าว “ทหารของกองทัพต้าฟงเคร่งครัดในระเบียบอย่างมาก ทว่าวันนี้พวกมันกลับแย่งชิงสิ่งของที่กองทัพของพวกเราทิ้งไว้.... ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าขุนพลปิงหยุนให้ทหารซื้อของจำนวนมากในเมือง ที่แท้ก็เตรียมการเพื่อวันนี้ ข้าเพียงอยากรู้ว่าขุนพลปิงหยุนอาศัยสิ่งใดจึงรู้ว่าทหารต้าฟงที่เคร่งครัดจะแย่งชิงสิ่งของเหล่านั้นจนเกิดความโกลาหล”

ข้อสงสัยของเย่ฮุยล้วนเป็นข้อสงสัยเดียวกันกับคนส่วนใหญ่ในห้องโถง ด้วยความเคร่งครัดในระเบียบของกองทัพต้าฟง พวกมันไม่ควรเกิดความโกลาหล และชูเกอเสี่ยวหยูเตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวัน เห็นได้ชัดว่านางคาดเดาสถานการณ์วันนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ กองทัพต้าฟงปั่นป่วนเพราะแย่งชิงสิ่งของ จนถูกกองทัพเทียนหลงโต้กลับทำลายย่อยยับ



<<<PREV    .    NEXT>>>