วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 446

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 446 ผลึกมังกร

มังกรตัวเล็กงดงามอย่างมาก ร่างกายเล็กยิ่งกว่าเต่าดำน้อย ขาทั้งสี่สั้นป้อม ร่างกายยังไม่พัฒนาเต็มที่ บนหัวยังไม่มีเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของอสูรมังกรม่วง ร่างของมันเป็นสีม่วงอ่อน เปล่งแสงสีม่วงจางๆ หลังจากฟักตัวอยู่ในไข่มานานกว่าหมื่นปีและเฉียดขอบเหวแห่งความตาย ในที่สุดมันก็ได้ลืมตาออกมาดูโลก

หัวเล็กๆส่ายไปมาเล็กน้อย ดวงตาเล็กๆกลิ้งมองโลกหล้าหลากสีสันอันประหลาด ไม่นานนักมันมองเห็นเท้าคู่หนึ่ง จากนั้นไล่สายตามองขึ้นไปด้านบน ในที่สุดมันก็เห็นใบหน้าของเย่หวูเฉินได้ชัดเจน ดวงตาเล็กๆเปล่งประกายประหลาดออกมาทันที ราวกับว่ามีสิ่งส่องแสงสุกใสในนั้น เย่หวูเฉินฉายรอยยิ้มบนใบหน้า ลอยร่างขึ้นจากอสูรมังกรม่วง ลดระดับลงไปยืนอยู่ข้างเต่าดำน้อย

โฮก....

โฮก....

โฮก....

อสูรมังกรม่วงส่งเสียงคำราม เวลานี้เสียงคำรามไร้ความโกรธเกรี้ยว ไม่ได้ทุ้มต่ำหรือดุดัน สัมผัสได้รางๆว่ามันกำลังสะอื้นไห้ รู้สึกยินดีที่ได้เห็นชีวิตน้อยๆ

มังกรน้อยอยู่ในกรงเล็บอสูรมังกรม่วง ร่างของมันมีขนาดเล็กจ้อย เล็กเสียยิ่งกว่าเล็บของอสูรมังกรม่วง ไม่ทราบใช้เวลากี่ปีมันถึงจะโตเป็นอสูรมังกรม่วงได้อย่างแม่ของมัน แม่ของมันไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเพศเมีย เนื่องจากการสืบพันธุ์ของมันไม่ได้อาศัยการผสมพันธุ์ แต่เป็นการอาศัยพลัง

“อสูรมังกรม่วง พวกเราเสียใจที่ทำร้ายเจ้า เป็นพวกเราที่ไม่ยุติธรรมต่อเจ้าก่อน ได้แต่หวังว่าเจ้าจะลืมความบาดหมางที่ผ่านมา กลับไปยังที่ที่เจ้าสมควรอยู่” เย่หวูเฉินกล่าว สีหน้าของอสูรมังกรม่วงในยามนี้กำลังบอกเขาว่า ความโกรธและความเกลียดชังได้เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นความตื่นเต้นยินดี ถึงแม้อสูรมังกรม่วงจะพ่ายแพ้ต่อเต่าดำน้อย สูญเสียพลังไปจำนวนมาก ทว่าไม่ได้ร้ายแรง ไม่มีบาดแผลใดที่สาหัส หากได้พักสักครู่หนึ่ง มันสามารถพาอสูรมังกรม่วงตัวน้อยกลับไปยังตอนใต้ของดินแดนสาบสูญ

ดินแดนสาบสูญถูกทำลายอย่างหนัก จากที่มองด้วยสายตา หลังการต่อสู้อย่างดุเดือดร่วมชั่วโมงของอสูรมังกรม่วงและเต่าดำน้อย พื้นที่ขนาดใหญ่ในตอนเหนือของดินแดนสาบสูญถูกทำลายย่อยยับ ต้นไม้พืชพันธุ์นับไม่ถ้วนพินาศยับ ชีวิตจำนวนมากถูกสังหาร ผืนดินทางตอนเหนือของดินแดนสาบสูญถูกทำลายไปมากกว่าหนึ่งในสาม

อสูรมังกรม่วงส่งเสียงครางออกปากเบาๆ ยกลำคอขึ้นปรารถนาจะลุกขึ้นยืน ทว่าเวลานี้เอง อสูรมังกรม่วงตัวน้อยที่ยืนอยู่บนอุ้งเท้าของมันได้กระโดดขึ้นสูงฉับพลัน ส่งเสียงเล็กบางลิ่วร่างตรงมายังเย่หวูเฉิน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพลังของมันยังงอกง่อยเกินไป มันลอยมาได้ครึ่งทางกลางอากาศ ร่างก็พลันเสียการทรงตัวและร่วงลง เย่หวูเฉินยื่นมือขวาส่งสายลมอ่อนโยนเข้าประคองร่างมังกรน้อยให้ตกลงพื้นช้าๆ

เท้าแตะลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย มังกรน้อยวิ่งต้อยๆมาที่เย่หวูเฉิน พอมาถึงก็วิ่งวนรอบร่างเป็นวง จากนั้นหยุดลงเหยียบขาหน้าสั้นๆสองข้างบนเท้าของเย่หวูเฉิน ดวงตาดำขลับแหงนมองขึ้นข้างบน แววตาทอประกายบางอย่างที่เย่หวูเฉินไม่อาจเข้าใจ

“....เจ้านาย มันคงเห็นท่านเป็นสมาชิกของครอบครัวมัน เพราะตอนที่มันเกิดมา คนแรกที่มันเห็นก็คือท่าน” หนานเอ๋อร์กล่าวคำคล้ายตื่นเต้น ในโลกของสัตว์อสูร สัตว์อสูรส่วนใหญ่มีสัญชาตญาณยึดถือสิ่งมีชีวิตแรกที่พบเห็นเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว

เย่หวูเฉินพูดไม่ออกทันที

อิ้ว.... อิ้ว.... มังกรน้อยกอดรองเท้าของเขา มองขึ้นมาด้วยสายตาคาดหวัง ในปากส่งเสียงเล็กแหลม

โฮก....

เป็นเสียงคำรามของอสูรมังกรม่วง น้ำเสียงแฝงความจนใจ รวมทั้งยังแฝงความสุข ไม่มีความโกรธหรือไม่เต็มใจ ตรงกันข้าม มันกลับวางใจอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้

อสูรมังกรม่วงอ้าปากกว้าง แสงรัศมีสีม่วงค่อยๆเคลื่อนออกมาจากปาก ด้วยการนำพาของพลังลึกลับ มันลอยมายังร่างของอสูรมังกรม่วงตัวน้อย รัศมีสีม่วงส่องสว่างจับตา ทว่ามันขยับออกโดยสัญชาตญาณ เลี่ยงจากเท้าของเย่หวูเฉิน

โฮก....

อสูรมังกรม่วงคำรามอย่างหมดหนทาง มุกสีม่วงล้ำลึกลอยสูงขึ้น หยุดอยู่ตรงหน้าของเย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินยื่นมือออกคว้ามัน รัศมีที่เปล่งออกมาคือสายฟ้าจากธาตุอัสนีเข้มข้น เย่หวูเฉินหลังจากตกใจ เขาก็รู้ว่ามุกเล็กๆเท่าหัวแม่มือเม็ดนี้ อัดแน่นด้วยพลังสายฟ้าสีม่วงสุดขั้ว

นี่มัน....

“เจ้านาย! นี่คือผลึกมังกรของอสูรมังกรม่วง! ผลึกมังกรคือแก่นกำเนิดพลังของมังกร เป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุดที่อยู่ในตัวมังกร ทว่าผลึกมังกรนี้ไม่อาจได้มาโดยวิธีทั่วไป เพราะหากสังหารมังกร ผลึกมังกรย่อมสลายไปด้วย การจะได้ผลึกมังกรมีเพียงต้องให้มังกรสละออกมาเองเท่านั้น เจ้านายรีบกินมันเข้าไปเร็วเข้า แก่นกำเนิดพลังของอสูรมังกรม่วงคือสายฟ้า หลังจากที่เจ้ากินผลึกมังกรลงไปแล้ว ไม่เพียงท่านจะแข็งแกร่งขึ้น บางที.... ไม่สิ พลังสายฟ้าของเจ้านายจะต้องตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์” หนานเอ๋อร์กล่าวคำด้วยความตื่นเต้น ผลึกมังกรเป็นของที่ล้ำค่าอย่างมาก กระทั่งในทวีปเทวะยังนับเป็นสมบัติหายาก เพราะการได้กลืนผลึกมังกรลงไป ถือเป็นการลัดขั้นตอนการเพิ่มพลังอย่างแท้จริง

เย่หวูเฉินขมวดคิ้วและคลายออก “สละแก่นกำเนิดพลัง.... คนที่นำหายนะมาสู่พวกมันคือตัวข้า ต่อให้ข้าเป็นคนช่วยชีวิตมังกรน้อย ก็ไม่ได้ถือว่าข้ามีบุญคุณอะไร ข้าจะป้อนสิ่งนี้ให้กับมังกรน้อย”

มันอยู่ในดินแดนสาบสูญมานานนับหมื่นปี เพียงเพื่อรอคอยการกำเนิดของมังกรน้อย ร้อยปี , พันปี , หมื่นปี.... เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า มนุษย์อยากมีอายุยืนยาวเพราะอายุขัยของมนุษย์นั้นสั้นเกินไป ชีวิตยังมีสีสันอีกมากให้รอสัมผัส ทว่าสำหรับอสูรมังกรม่วง มันอยู่มานานพอแล้ว มันจึงไม่หวั่นกลัวต่อความตาย ตรงกันข้ามนั่นกลับเป็นการหลุดพ้นของมัน ตอนนี้มังกรน้อยถือกำเนิดออกมาแล้ว ชีวิตของมันไม่มีคู่ ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก สิ่งที่มันทำได้เป็นครั้งสุดท้าย คือมอบแก่นกำเนิดพลังให้กับลูกของมัน ส่งมอบพลังอันแกร่งกล้า

เย่หวูเฉินพลันเข้าใจว่าอสูรมังกรม่วงยินดีเรื่องใด.... มังกรน้อยเข้าใจผิดว่าเขาคือสมาชิกครอบครัว หลังจากที่มันตาย มังกรน้อยจะติดตามเขา และอยู่รอดในดินแดนของมนุษย์ ในโลกนั้นมังกรน้อยจะมีชีวิตที่ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับมัน

“ข้ารู้.... แต่เจ้านาย ท่านคงไม่คิดจะป้อนมันให้มังกรน้อยจริงๆใช่มั้ย? ถ้าเจ้านายกินมัน ท่านจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก อสูรมังกรม่วงตอนนี้ไร้แก่นกำเนิดพลัง ถึงท่านจะกินมันลงไป มันย่อมไม่อาจ.... เจ้านาย....” หนานเอ๋อร์ค่อยๆกล่าวอย่างระวัง

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หนานเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าสิ่งแรกที่เจ้านึกถึงคือเรื่องของข้า สิ่งใดที่ควรเป็นของข้า ย่อมไม่มีใครแย่งได้ แต่สิ่งนี้ไม่ควรเป็นของข้า หากข้าแย่งชิงแก่นกำเนิดพลัง ที่แม่ของมันอุตส่าห์สละชีวิตเพื่อมอบให้กับลูก ชั่วชีวิตนี้ข้าคงไม่อาจสงบใจได้”

เย่หวูเฉินย่อกายลง จับตัวมังกรน้อย จากนั้นจ่อผลึกมังกรไว้ใกล้ๆปากมัน “กินนี่ซะ”

สติปัญญาสืบทอดได้ในมังกร แม้ว่ามังกรน้อยจะยังเล็ก แต่หลังจากการแสดงท่าทางอย่างต่อเนื่อง มันก็เข้าใจถ้อยคำของเย่หวูเฉินได้คร่าวๆ มังกรน้อยอ้าปากงับและกลืนผลึกมังกรลงไป

อสูรมังกรม่วงลดคอลง ส่งเสียงครางต่ำด้วยความยินดี จากนั้นดวงตาก็ปิดลง ไร้ลมหายใจใดๆอีก เย่หวูเฉินไม่แย่งผลึกมังกรเป็นของตนเอง แต่ป้อนให้กับมังกรน้อย แม้เย่หวูเฉินป็นคนที่เกือบพรากชีวิตลูกน้อยของมัน แต่ยามนี้ความบาดหมางไม่พอใจได้สลายไปแล้ว เมื่อมันสูญเสียผลึกมังกร ชีวิตของมันย่อมมาถึงจุดจบ ผลึกมังกรไม่เพียงเป็นแก่นกำเนิดพลัง แต่ยังเป็นแก่นชีวิตของมังกร หากผลึกมังกรถูกแยกออกร่างเป็นเวลานานมันสามารถระเบิดได้ พลังทำลายของมันนับได้ว่าเป็นหายนะ ในช่วงเวลาแห่งความตาย มันจะมอบพลังแกร่งกล้าให้กับคนที่มันต้องการ

ราชันอสูรแดนใต้ในอดีต อยู่รอดมาตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ มีพลังแกร่างกล้าสูงสุด เป็นสัตว์อสูรที่มีชีวิตยาวนานมากที่สุด ได้มาถึงจุดจบลงเพียงเท่านี้

หลังจากกลืนผลึกมังกรลงไป มังกรน้อยไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆให้เห็นชัด มีเพียงดวงตาดำขลับที่สะท้อนแสงสีม่วงจางๆ ผิวสีม่วงยังแข็งแกร่งขึ้นหลายส่วน มังกรน้อยย่อมไม่อาจดูดซับพลังจากผลึกมังกรแห่งอสูรมังกรม่วงได้ทันที เพราะพลังของมันยังไม่พอที่จะทนได้ หากรีบดูดซับมันย่อมตกตาย ทว่าเมื่อผลึกมังกรอยู่ในร่างของมัน พลังของมังกรน้อยจะเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว จนกว่ามันจะดูดซับพลังของผลึกมังกรจนหมดสิ้น

อสูรมังกรม่วงไร้เสียงใดๆอีก เย่หวูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวในที่สุด “เต่าดำน้อย ฝังมันไว้ที่นี่”

ทั่วทั้งร่างมังกร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ เขา กระดูก หรืออวัยวะภายใน ล้วนแต่เป็นสมบัติหายาก ยิ่งมังกรยักษ์ตัวนี้เป็นอสูรเหนือเทพ มูลค่าของมันย่อมไม่อาจประเมินได้ หลังจากที่เย่หวูเฉินตัดสินใจอย่างยากลำบาก ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะฝังมัน

การขุดหลุมโดยใช้พลังปฐพีของเต่าดำนับเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ร่างของมันขยายออก ขาหน้าทั้งสองข้างตะกุยไปที่ดินเบื้องหน้า ทันใดนั้น เกิดเสียงครืนดังขึ้น พื้นดินใต้ร่างอสูรมังกรม่วงยุบตัวลง เพียงสิบอึดใจร่างอสูรมังกรม่วงก็จมอยู่ใต้ดิน เต่าดำตะกุยเท้าอีกครั้ง กรวดดินจำนวนมากไม่ทราบว่ามาจากไหน มันเคลื่อนเข้าถมร่างที่อยู่ใต้ดิน ในที่สุด ผืนดินก็กลายเป็นราบเรียบ อีกทั้งยังแน่นอย่างมาก ไม่มีจุดใดที่อ่อนยวบ ไร้ร่องรอยว่ามันเพิ่งถูกขุด อสูรมังกรม่วงตกตายและถูกฝังร่างอยู่ใต้ผืนดินด้วยประการฉะนี้

“โลกหล้าแปรผันไม่อาจคาดเดา เพียงแค่วันเดียว ก็มีเรื่องผลักผันมากมายเกิดขึ้น” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยอารมณ์ มองผืนดินเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหันร่างจากไป ในเวลาเพียงสั้นๆนี้ การระเบิดสำนักจักรพรรดิเหนือได้ปลุกกระตุ้นอสูรมังกรม่วง จากนั้นเขาได้พบเซียวรั่วและได้รับเต่าดำน้อย ต่อมาเต่าดำน้อยได้แสดงให้เห็นว่าร่างเล็กๆของมันทรงพลังแกร่งกล้าเพียงใด และผลลัพธ์สุดท้ายเรื่องอสูรมังกรม่วง ล้วนเหนือความคาดหมายของเขาอีกครั้ง

เต่าดำน้อยกลับคืนสู่ร่างขนาดฝ่ามือ มันกระโดดกลับเข้ากระเป๋าเสื้ออย่างเชื่อฟัง อสูรมังกรม่วงตัวน้อยติดตามอย่างเร่งรีบ เดินตามเท้าของเย่หวูเฉินอย่างงมงาย เย่หวูเฉินหยุดเท้า อสูรมังกรน้อยก็หยุดเท้า เย่หวูเฉินอดไม่ได้และยิ้มบาง เขาอุ้มมังกรน้อยขึ้นมาแล้วบินขึ้นสู่อากาศ

เมื่อเย่หวูเฉินกลับมาถึงเมืองซื่อชุย ภายในเมืองโกลาหลเป็นแผ่นผืน แม้ว่าการต่อสู้ของเต่าดำน้อยและอสูรมังกรม่วงจะจบลงนานแล้ว แต่ความสับสนวุ่ยวายของที่นี่ยังคงไม่คลายลง ในสายตาที่มองเห็น อาคารบ้านเรือนมากมายพังทลาย บนพื้นเกิดรอยแยกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรอยลึกหรือรอยตื้น ไม่ว่าจะเป็นรอยสั้นหรือรอยยาว การต่อสู้ของพลังเหนือเทพไม่ควรเกิดขึ้นบนผืนทวีปนี้ เพราะมันย่อมนำพาหายนะมาสู่ผู้คนธรรมดาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

หลังจากเล่าเรื่องราวให้เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางฟัง พอทุกอย่างเริ่มสงบลง เซียงเซียงก็ฟื้นคืนพลังเคลื่อนตัดมิติในที่สุด เย่หวูเฉินเรียกเซียงเซียงให้พากลับสู่ตระกูลเย่



<<<PREV    .    NEXT>>>