วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 448

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 448 วางกับดัก

วันนี้ เย่ฮุยได้รับข่าวอันน่าตื่นเต้น

“.....เมืองซีหลูมั่งคงปลอดภัย ขุนพลชราเย่และขุนพลเว่ยหลงบัญชาทัพดุจเทพ ไม่เพียงไม่เพลี้ยงพล้ำใดๆ แต่ยังเป็นฝ่ายเหนือกว่า ก่อนหน้านี้สองชั่วโมง กองทัพอาณาจักรต้าฟงจำนวน 120,000 ถูกส่งไปที่เมืองซีหลู” ทหารผู้หนึ่งกล่าวรายงาน

“ยอดเยี่ยม.... โอ้ ว่าแต่? พวกมันส่งทหารจำนวน 120,000 ไปยังเมืองซีหลู เพื่อสนับสนุนการโจมตีอย่างนั้นรึ?” เย่ฮุยผุดลุกขึ้นยืน ขมวดคิ้วกล่าว

“เรียนท่านขุนพล เป็นเช่นนั้น!” ทหารผู้นั้นกล่าวตอบ

เย่ฮุยก้าวออกมา เดินกลับไปมาช้าๆ จากนั้นกล่าวดังลั่น “ได้ยินว่าธิดาแห่งตระกูลชูเกอ หลายวันมานี้ให้ทหารไปเที่ยวซื้อของในเมือง แต่ละอย่างล้วนมีราคาแพง เป็นความจริงหรือไม่?”

“เรื่องนี้เป็นความจริง ทั้งเมืองล้วนรู้กันทั่ว” ทหารผู้นั้นรีบกล่าวตอบ ชื่อชูเกอเสี่ยวหยูไม่ได้แปลกหูสำหรับเขา

“เฮอะ! ก็แค่เด็กสาวไม่รู้ความ ไม่รู้ว่าขุนพลชราเย่กำลังคิดสิ่งใดอยู่ ไปเรียกนางมาคุยเรื่องสำคัญกับข้าเดี๋ยวนี้”

เมื่อชูเกอเสี่ยวหยูมาถึง เย่ฮุยก็พลันแสดงท่าทีดีใจเหลือล้น เขาหัวเราะกล่าว “ขุนพลปิงหยุน วันก่อนกองทัพอาณาจักรต้าฟงขวัญหนีดีฝ่อเพราะพวกเรา พวกมันจึงประวิงเวลาโจมตีออกไป ตอนนี้ยังเคลื่อนกำลังทัพจำนวน 120,000 ไปยังเมืองซีหลู นี่เป็นโอกาสทองของพวกเราแล้ว ขอเชิญขุนพลปิงหยุนอาศัยโอกาสนี้นำทหาร 30,000 นายและม้า สังหารกองทัพที่ยังเหลืออยู่ หลังจากนั้น ค่อยส่งทัพไปสนับสนุนเมืองซีหลู”

“ข้าทราบเรื่องนี้แล้ว.... ขุนพลเย่ฮุยอย่าพึ่งวู่วาม การเคลื่อนทัพของอาณาจักรต้าฟงในครั้งนี้ไม่ชอบมาพากลอยู่หลายส่วน รอตรวจสอบก่อนแล้วค่อยเคลื่อนไหวก็ยังนับว่าไม่สาย” ชูเกอเสี่ยวหยูส่ายศีรษะ เย่ฮุยส่งคนไปเรียกนางให้มาหา นางก็พอเดาออกแล้วว่าเขาต้องการกระทำสิ่งใด

“ไม่จำเป็น เรื่องนี้เป็นความจริงอย่างแน่แท้ ขุนพลชราเย่บัญชาทัพดุจเทพ กองทัพอาณาจักรต้าฟงส่งทหารไปสนับสนุนย่อมเป็นเรื่องปกติ แล้วอีกอย่าง หน่วยสอดแนมของพวกเรายังรายงานว่าเห็นพวกมันปรับขบวนทัพ!” เย่ฮุยโบกมือขัด

“ผู้นำกองทัพอาณาจักรต้าฟงย่อมไม่ใช่คนโง่เขลา ไหนเลยจะทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่ไว้เบื้องหลัง ไม่มีทาง!”

สีหน้าของเย่ฮุยแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เริ่มกลายเป็นไม่น่าดู “ขุนพลปิงหยุนจะบอกว่าข้าเป็นคนโง่อย่างนั้นรึ?”

ชูเกอเสี่ยวหยูมุ่นคิ้วลง แววตากลายเป็นเย็นเยียบ “ขุนพลเย่ฮุยเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

สีหน้าของเย่ฮุยแปรเปลี่ยนอีกครั้ง คราวนี้กล่าวอย่างสงบ “แม้ขุนพลปิงหยุนจะคิดเช่นนั้นก็ตาม แต่อย่างไรโปรดให้ข้ายืมทหารจำนวน 30,000 นาย.... ให้ข้าได้นำทัพออกไปจัดการ หากว่าพ่ายแพ้ ข้ายินดีให้ถูกบั่นหัว!”

“ไม่ได้!” ชูเกอเสี่ยวหยูปฏิเสธเสียงหนัก

“เฮอะ!” เย่ฮุยหัวร้อนทันที ไม่เพียงชูเกอเสี่ยวหยูจะเป็นสตรี แต่อายุยังน้อยกว่าเขาเกินครึ่งรอบ ในสมองและหัวใจจึงขัดข้องอยู่ตลอดเวลา ยามนี้เขาแค่นเสียงหนัก “กลัวข้าแย่งความดีความชอบอย่างนั้นสิ?”

“........” ชูเกอเสี่ยวหยูข่มระงับความโกรธ กล่าวคำให้เป็นปกติมากที่สุด “อาณาจักรต้าฟงเคลื่อนทัพครั้งนี้มีหลายส่วนที่ผิดปกติ พวกเราไม่อาจลงมือวู่วาม หลังจากนี้สามวัน พวกเราค่อยตัดสินใจอีกครั้งเป็นอย่างไร?”

“ผายลม! โอกาสเช่นนี้พันปีจะมีสักครั้ง หากพลาดไปแล้วย่อมยากจะหาได้อีก กองทัพต้าฟงเคลื่อนที่รวดเร็วมาก มัวแต่ขี้ขลาดก็เท่ากับรอความตาย เจ้ามันก็แค่เด็กสาว จะรู้เรื่องอันใด!”

ถ้อยคำหยาบคายของเย่ฮุยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นแม้แต่น้อย ชูเกอเสี่ยวหยูหรี่ดวงตาคู่งามลง นำตราทองคำออกมาจากแขนเสื้อ บนตรานั้นสลักตัวอักษรไว้สี่คำ ขุนพลปิงหยุนจ้องมองเย่ฮุยที่ใบหน้ากลายเป็นแข็งค้าง นางกล่าวคำไม่เร่งรีบและชัดเจน “ถึงอย่างไรท่านก็นับว่าเป็นคนของตระกูลเย่ เรื่องอื่นๆข้ายังพอทน แต่หากท่านอาศัยความเป็นอาวุโสของตนเองลงมือโดยพลการละก็ จะต้องถูกกุดหัว!”

ชูเกอเสี่ยวหยูหันร่างและก้าวออกไป ทิ้งเย่ฮุยให้ยืนทื่ออยู่เบื้องหลัง นางได้ให้ความเคารพต่อเย่ฮุยในฐานะคนของตระกูลเย่ ยิ่งกว่านั้นยังอดทนต่อเขาในฐานะอาวุโส ทว่านางเกิดมาไม่ใช่คนยอมใคร ด้วยอุปนิสัยของคุณหนูชูเกอยิ่งไม่มีทางยอมให้ผู้ใดรังแกง่ายๆโดยไม่ตอบโต้ แม้นางอดกลั้นมาแล้วทุกวิธี แต่นางทราบดีว่าเย่ฮุยย่อมไม่ฟังคำของนาง.... ดังนั้นในเมื่อไม่อาจหยุดได้ เช่นนั้นนางก็ต้องเตรียมพร้อม

สิ่งที่นางต้องการมากที่สุด คือการบัญชากองทัพของตัวเองได้อย่างอิสระเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะในสงคราม และไม่มีใครคอยสอดมือเข้ามายุ่งแม้กระทั่งพ่อของนางเอง นางเคยชินกับความเสรี คุ้นชินกับการทำตามใจ ไม่ปรารถนาให้ใครคอยบงการ หรือคอยต่อต้านนาง ดังนั้นเมื่อนางยืนอยู่ในสนามรบ นางจึงยังมีอุปนิสัยดั้งเดิมเช่นนี้ เป็นสัญชาตญาณที่นางไม่อาจเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเมื่อใด นางยังคงเป็นหญิงสาวผู้ยืนกราน เหมือนกับตอนนั้นที่นางตะโกนว่า “วันหนึ่ง ท่านจะต้องขอข้าแต่งงาน”

ตราทองคำนั้น ปรากฎว่าเป็น ‘ตราราชวงศ์เทียนหลง’ สัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของจักรพรรดิ เหล่าขุนนางและทหารเมื่อเห็นต้องทำตามบัญชา ไม่ว่านางจะทำผิดพลาดร้ายแรงเพียงใด ย่อมไม่มีใครลงโทษนางได้ นอกจากจักรพรรดิเท่านั้น

“ท่านขุนพล” รองขุนพลที่อยู่ด้านหลังเย่ฮุยก้าวออกมา เอ่ยถามอย่างระวัง

“โอกาสดีเช่นนี้จะพลาดได้อย่างไร รอให้ข้าได้รับชัยชนะก่อน ข้าจะขอดูว่าเด็กสาวไม่รู้ความผู้นี้ยังจะกล้าอวดดีกับข้าหรือไม่ พวกเราไป!”

ประตูเมืองอวิ๋นหัวเปิดออกกว้าง เย่ฮุยอยู่เบื้องหน้า นำทหารและม้าจำนวน 14,000 ออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการสังหารศัตรูโดยตรง เมื่อไม่มีคำสั่งจากชูเกอเสี่ยวหยู ทหารใต้บัญชานางย่อมไม่ไปกับเขา ชูเกอเสี่ยวหยูยืนอยู่บนหอคอย มองดูเขาออกไปอย่างเงียบงัน จากนั้นเดินกลับลงมาช้าๆ สักพักหนึ่งรองขุนพลใต้บัญชานางได้ออกมาอยู่เบื้องหน้า หลังจากรับคำสั่งนางแล้วก็ออกไป

ค่ายทัพของอาณาจักรต้าฟงทอดยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร ทว่าส่วนใหญ่กลับว่างเปล่า ทหารนับแสนตอนนี้เหลืออยู่เพียง 20,000 ทว่าความไม่ชอบมาพากลก็คือ แม้ทหารต้าฟงจะเคลื่อนทัพออกไปแล้ว แต่กระโจมที่พักกลับทิ้งไว้ไม่นำไปด้วย

ในที่ไกลๆมีเสียงกึกก้องและเสียงเกือกม้าดังสนั่น ทัพต้าฟงที่สงบอยู่พลันแตกตื่นทันที ต่างคว้าหอกดาบจัดขบวนเป็นพัลวัน กองทัพเมืองอวิ๋นหัวเข้าปะทะโรมรันกับทัพต้าฟง แนวป้องกันอันหนาแน่นของต้าฟงถูกฉีกเป็นริ้วๆ เพิ่มความแตกตื่นโกลาหลให้กับพวกมัน เย่ฮุยถือกระบี่ยาว ตวัดวาดพร้อมคำราม โลหิตสาดสายนับไม่ถ้วน

เฮ!

เพียงเริ่มได้ไม่ทันไร ทางใต้ก็มีเสียงกู่ก้องพร้อมสังหาร กองทหารขนาดใหญ่เคลื่อนเข้ามาจากทางทิศใต้ โอบล้อมปิดทางหนีของกองทัพเมืองอวิ๋นหัว เหนือริ้วธงปักไว้ด้วยตัวอักษร ‘ฟง’ ขนาดใหญ่

“ไม่ดีแล้ว!” เย่ฮุยหัวใจดิ่งวูบ กองทัพต้าฟงเคลื่อนไปทางเหนือ ทว่าตอนนี้กลับโผล่มาจากทางใต้.... เห็นได้ชัดว่า พวกมันเดินทัพขึ้นเหนือแล้ววนอ้อมกลับลงมาทางใต้ วางเหยื่อล่อไว้แล้วซุ่มรอให้พวกตนมาติดหลุมพราง หากเข้าโจมตีเมืองย่อมสร้างความเสียหายอย่างมากต่อกองทัพต้าฟง ดังนั้นพวกมันจึงชะลอการโจมตีเมืองไว้ และวางแผนล่อปลาอย่างเย่ฮุยให้มาติดอยู่ในร่างแห

กองทัพเมืองอวิ๋นหัวตื่นตระหนกทันที หันไปมองกองทัพต้าฟงที่โอบเข้าประชิด ความพ่ายแพ้ใกล้เข้ามาทีละก้าว สภาพจิตใจของกองทหารเริ่มพังทลาย เมื่อเข้าปะทะทหารกว่าเจ็ดถึงแปดร้อยนายได้ย่อยยับลงทันที เย่ฮุยดวงตาแดงก่ำ บริเวณโดยรอบร่างร่วงเป็นศพเกลื่อนกล่น โลหิตอาบย้อมบนผืนโลก

เวลาผ่านไปพร้อมโลหิตที่อาบชะโลม ดุจเต่าที่จับขังอยู่ในโอ่ง ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย กองทัพเมืองอวิ๋นหัวกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ ไร้ทางให้หนีรอด เย่ฮุยโกรธเกรี้ยวสุดหัวใจไล่ฆ่าสังหาร ทว่าโดยรอบเต็มไปด้วยทหารของศัตรู ไม่อาจมองเห็นทางออก ตอนนี้แทบมองไม่เห็นทหารของฝั่งตัวเอง

สูดหายใจเข้ายาว ตวัดเหวี่ยงกระบี่ยาวในมืออย่างต่อเนื่อง สังหารชีวิตศัตรูที่อยู่โดยรอบ เขารู้ว่าวันนี้หมดหวังที่จะทะลวงออกไป แต่ต่อให้ตกตายก็ต้องลากพวกมันตายตามให้มากที่สุด แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงสาขาย่อยของตระกูลเย่ แต่เมื่อใช้แซ่เย่อันทรงเกียรติแล้ว ยามจะตกตายต้องไม่ทำให้ตระกูลเย่เสียหน้า!

เหนือหอคอยเมืองอวิ๋นหัว ชูเกอเสี่ยวหยูมุ่นคิ้วมองไปยังที่ไกล ที่ตรงนั้นกำลังโกลาหลด้วยสงคราม

“ขุนพลปิงหยุน!” ทหารมียศสองคนของเมืองอวิ๋นหัวรีบเร่งคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าชูเกอเสี่ยวหยู “ขอร้องท่านได้โปรดส่งกองทัพไปช่วยขุนพลเย่ฮุย.... เขาฝ่าฝืนคำสั่งนับว่ามีโทษหนัก แต่ทหารนับหมื่นนายไม่ได้มีความผิด ทหารเหล่านี้ล้วนภักดีต่ออาณาจักรเทียนหลง ได้โปรดส่งทัพไปช่วยเหลือทันที ไม่อย่างนั้น.... ไม่อย่างนั้น ขุนพลเย่ฮุยและพวกเขาจะต้องพินาศหมดสิ้น”

ฝุ่นควันคละคลุ้งให้เห็นในเส้นสายตา เมื่อสี่กองทัพโอบรอบจากทางทิศใต้ พวกเขาก็ทราบทันทีว่าเย่ฮุยถูกกับดัก นี่เท่ากับเดินลงสู่หลุมพรางด้วยตัวเอง พวกเขาอ้อนวอนชูเกอเสี่ยวหยูให้ส่งทัพออกไปช่วยเหลือ ทว่าชูเกอเสี่ยวหยูเพียงมองสถานที่ไกลอย่างนิ่งงัน ไม่กล่าวแม้สักคำ ไม่ว่าพวกเขาจะคุกเข่าและร้องไห้อย่างเจ็บปวดเพียงใด

ทว่าในขณะนั้นเอง จิงเหลย และ จิงหั่ว ได้เข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขากระซิบเบาๆที่ข้างหูของชูเกอเสี่ยวหยู “ท่านขุนพล ส่งข้อความไปยังทุกตำแหน่งแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว”

“ดีมาก” ชูเกอเสี่ยวหยูพยักหน้า สายตายังคงมองไปยังสงคราม นางกล่าวราบเรียบ “นี่คือรูปขบวนที่แปรผันได้หลากหลายรูปแบบ สามารถโต้กลับพลิกจากรับกลายเป็นรุก เข้าโอบล้อมศัตรูยามไม่ทันตั้งตัว เฮอะ พวกมันวางแผนไว้ก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการกำจัดกองทัพของเย่ฮุยทันที แต่รอให้พวกเราเข้าไปสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ใช้กลยุทธ์นี้ต่อหน้าข้าเท่ากับแส่หาที่ตาย!”

ในอดีต ชูเกอเสี่ยวหยูได้ศึกษากลยุทธ์ของอาณาจักรต้าฟงจนเข้าใจถ่องแท้ ยุทธวิธีคืออาวุธที่ทรงอานุภาพในสงคราม หากใช้ให้ดีย่อมเกิดผลลัพธ์อัศจรรย์ สร้างชัยชนะดุจปาฏิหาริย์ ลดการสูญเสียได้จำนวนมาก ชูเกอเสี่ยวหยูราวกับเกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ ตลอดสามปีนางศึกษายุทธวิธีเป็นส่วนใหญ่ สามารถเข้าใจกฎเกณฑ์ถึงขั้นเหลือเชื่อในเวลาอันสั้น ตราบใดที่ให้เวลานางเพียงพอ นางจะพบจุดอ่อนของทุกยุทธวิธี และหาวิธีรับมือกับมันได้อย่างรวดเร็ว

ทว่ายุทธวิธียังนับเป็นดาบสองคม ด้านดีของมันคือสามารถใช้เป็นอาวุธคมกล้า แต่หากพลาดพลั้งไม่ได้ผลกับศัตรู มันย่อมกลับกลายเป็นหายนะ

“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทัพซ้ายเข้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นโจมตีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แล้ววนอ้อมไปทางทิศตะวันออก ส่วนทัพขวาให้เข้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นโจมตีไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้ววนอ้อมไปทางทิศตะวันออก ดำเนินการทันที!”

“ขอรับ!” จิงเหลย และ จิงหั่ว รับคำสั่งและออกไปอย่างรวดเร็ว คำสั่งสั้นๆของชูเกอเสี่ยวหยูทำให้กลยุทธ์ของต้าฟงถูกปิดตาย ทั้งหมดกลายเป็นไร้ประโยชน์ แต่เห็นได้ชัดว่าการหยุดศัตรูไว้ไม่ได้หมายถึงการทำลายศัตรู กองทัพอาณาจักรต้าฟงมีนับแสน อยู่ในตำแหน่งอันยากจะทำลาย ภารกิจสุดท้ายของทัพซ้ายและทัพขวาที่นางส่งออกไปอย่างเงียบงัน คือการถอนตัวออกจากทางทิศตะวันออก

อย่างไรก็ตาม แผนการแท้จริงคือสิ่งใด นางย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว



<<<PREV    .    NEXT>>>