วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 467

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 467 คืนกลับ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ในใจของเย่หวูเฉินได้ยินเสียงหัวเราะพออกพอใจของมุกเรืองปฐพี “ยอดเยี่ยม.... ดีจริงๆที่เจ้ามาที่นี่ ในที่สุดข้าก็ได้ยุติความเดียวดายชั่วนิรันดร์ ได้ออกไปกับเจ้าพบกับโลกภายนอก แต่ว่า.... ข้าไม่อาจควบคุมพลังของข้าได้ ก่อนที่จะออกไป เจ้าต้องกลืนกินพลังของข้าที่รั่วไหลอย่างที่พูดไว้ ไม่อย่างนั้นหากเจ้านำข้าออกไป ที่ใดที่ไปเยือนย่อมมีแต่กลายเป็นหายนะ”

“ข้าเข้าใจ นี่เป็นเหตุผลหลักที่ข้ามาที่นี่ โอ แต่ท่านไม่คิดที่จะมอบพลังทั้งหมดให้ข้าสินะ” เย่หวูเฉินกล่าวติดตลกอยู่ครึ่งหนึ่ง

หากมุกเรืองปฐพีเต็มใจมอบพลังทั้งหมดของมันให้กับเย่หวูเฉินเช่นเดียวกับมุกจิตวารี เช่นนั้นหายนะทั้งหมดย่อมถูกกำจัด แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดที่จะทำเช่นนั้น เย่หวูเฉินก็ไม่คิดว่ามันจะทำแบบนั้นเช่นกัน ตอนนั้นมุกจิตวารีไม่เพียงรู้สึกยินดี แต่มันยังปรารถนาถึงการดับสูญของตัวเอง.... ขณะที่มุกเรืองปฐพีนั้นมีพลังอันแข็งแกร่งสุด สติของมันยังเติบโตมากกว่า มันไม่คิดทำลายห้วงสติตัวเองง่ายๆเหมือนเช่นมุกจิตวารี

“เจ้าจะนำข้าออกไปได้ในวันหนึ่ง ข้าจะรอจนถึงวันที่เจ้ามีพลังพอขจัดพลังรั่วไหลของข้าได้โดยสมบูรณ์ แต่ข้าจะไม่มอบพลังทั้งหมดให้กับเจ้าง่ายๆ เจ้าได้รับพลังจากการเสียสละของมุกจิตวารี เพราะนั่นคือความปรารถนาของมัน แต่ข้าไม่ได้มีความปรารถนาเช่นนั้น” ในใจของเย่หวูเฉิน มุกเรืองปฐพีได้ให้คำตอบตามตรง

“อืม!” เย่หวูเฉินผงกศีรษะ มองดูรากกำเนิดพายุทรายที่อยู่ในมือ ในวันที่พายุทรายถูกกำจัด จะเป็นวันที่ผู้คนแห่งต้าฟงยอมรับโดยสมบูรณ์ ไม่เพียงผู้คนจะไม่ขัดขืนต่อจักรพรรดิมาร กลับกันยังจะมองจักรพรรดิมารเป็นดุจเทพ จะไม่มีผู้ใดล่วงละเมิด.... เพราะจักรพรรดิมารทำได้แม้กระทั่งควบคุมธรรมชาติ!

“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้สาเหตุ แต่เจ้าราวกับว่าไม่เกรงกลัวต่อพลังธาตุปฐพี.... ทว่าไม่เกรงกลัวมิได้หมายถึงเจ้าจะสามารถดูดกลืนพลังของข้าได้ เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไร”

“จริงอยู่ที่ข้าทำไม่ได้” เย่หวูเฉินกล่าวยอมรับ เขาไม่กลัวพลังธาตุทั้งห้า รวมทั้งพลังมรณะ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาสามารถดูดซับพลังเหล่านั้นได้ การตื่นขึ้นของพลังอัคคีเป็นเพราะได้รับถ่ายทอดจากมังกรเพลิงฟ้า พลังวารีได้รับจากมุกจิตวารี ขณะที่พลังวายุ.... ตอนนั้นเขาสูญสิ้นพลังทั้งหมด ร่างกายว่างเปล่า เมื่อนั่งอยู่ในอาณาวายุต้องห้ามธาตุแห่งวายุจึงค่อยๆไหลซึมเข้าสู่ร่าง ไร้พลังใดเป็นปราการกางกั้น.... หากตัวเขาในตอนนี้เข้าไปในอาณาวายุต้องห้าม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือเขาเพียงแค่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่จะไม่อาจดูดซับพลังของมันได้

“แต่มีสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ที่มันสามารถทำได้” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างมั่นใจ มืออีกข้างล้วงลงจับเต่าดำน้อยที่อยู่ในเอวออกมา

ก่อนหน้านี้ที่เซียวรั่วยังไม่ได้มอบเต่าดำน้อยให้กับเขา แผนเดิมของเย่หวูเฉินคือตามหามุกเรืองปฐพีเพื่อกำจัดพายุทรายแห่งอาณาจักรต้าฟงทำให้ผู้คนยอมรับ ทว่าตอนนั้นแผนคือการนำมุกเรืองปฐพีไปทิ้งไว้ใต้มหาสมุทร ให้ห่างไกลจากอาณาจักรต้าฟง ส่วนผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับมหาสมุทรนั้นเขาไม่ใส่ใจ เพราะมหาสมุทรมีพื้นที่กว้างใหญ่ ต่อให้มีผลกระทบร้ายแรงย่อมไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับพื้นทวีป....

ทว่าการมาถึงของเต่าดำน้อย ทำให้เขาเลิกล้มความคิดเดิม เขานำมุกเรืองปฐพีจ่อที่ปากของเต่าดำน้อยและกล่าว “กินซะ”

ไม่ต้องรอให้มุกเรืองปฐพีกล่าวตอบ เต่าดำน้อยก็อ้าปากอย่างตื่นเต้น มุกเรืองปฐพีกำลังถูกกลืนกิน.... ทว่าเต่าดำน้อยมีขนาดเล็กเกินไป มุกเรืองปฐพีจึงติดอยู่ที่คอมัน เต่าดำน้อยร่างชะงักค้าง ฉับพลันมันเปล่งแสงสีเหลืองออกจากร่าง แล้วขยายขนาดตัวขึ้นอีกหนึ่งเท่า ทำให้มุกเรืองปฐพีไหลลงสู่ท้องของมันโดยตรง

“....มันจะตายนะ....” มุกเรืองปฐพีไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเย่หวูเฉินอย่างเห็นได้ชัด มันส่งเสียงออกมาหลังจากผ่านไปสองวินาที

“ไม่หรอก” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ

“.......”

หนึ่งวินาที สองวินาที ทีละวินาทีค่อยๆผ่านไป เต่าดำน้อยมีแสงสีเหลืองจางๆคลุมร่างอยู่ในเวลานี้ ไร้ความผิดปกติใดๆ ดวงตากระจ่างใสเป็นประกาย จ้องมองที่หน้าของเย่หวูเฉิน หากมันพูดได้ตอนนี้มันคงถามว่า “มีอีกไหม?”

“นี่มัน..... นี่มันเป็นไปไม่ได้!” มุกเรืองปฐพีส่งเสียงออกมาในที่สุด กล่าวคำตะกุกตะกักด้วยความตะลึงลาน

เย่หวูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “ถูกต้อง ที่จริงแล้วเป็นไปไม่ได้ นอกจากท่านจะยินยอมเท่านั้น มิฉะนั้น ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดที่กลืนมุกเรืองปฐพีลงไปย่อมถูกทำลายจากภายในออกมาภายนอก กระทั่งข้าที่ไม่เกรงกลัวต่อพลังปฐพียังไม่อาจ.... ทว่ามันคือสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ เพราะว่า.... ท่านครองพลังปฐพีสูงสุดของโกลาหล ส่วนมันมีอำนาจควบคุมพลังปฐพีขั้นสูงสุด แม้ตอนนี้พลังยังอ่อนแอเพราะมันเพิ่งยังเล็ก แต่ในโลกนี้ไม่มีพลังปฐพีใดที่มันไม่อาจควบคุมได้ พลังปฐพีที่บ้าคลั่งของท่านไม่เพียงไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อมัน กลับกันมันยังสามารถดูดซับได้โดยง่าย เปลี่ยนให้เป็นพลังของตัวเอง ท่านคือมุกปฐพีที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนมันคืออสูรปฐพีที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน”

“....มันชื่ออะไร!?”

“เต่าดำ”

อสูรผู้ครองอำนาจแห่งธาตุปฐพีสูงสุด ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า – เต่าดำ!

“เต่าดำ?”

มันตกใจว่าเหตุใดตัวมันถึงไม่รู้จักชื่อนี้มาก่อน

เป็นไปไม่ได้ที่มันจะรู้จัก เพราะเต่าดำไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของโลกนี้ หากแต่เป็นของโลกอื่นที่ห่างไกลจนไม่อาจจินตนาการถึง

“ถูกต้อง มันคือเต่าดำ เป็นชื่อดั้งเดิมของมัน ไม่ใช่ที่ข้าตั้งขึ้น ท่านคงอยากทราบที่มาของมันมาก ทว่าเรื่องนี้ข้าไม่อาจบอกกับท่านได้” เย่หวูเฉินหยุดคำครู่หนึ่งและกล่าวต่อ “ไม่เพียงร่างของมันสามารถดูดกลืนพลังที่รั่วไหลของท่านได้อย่างรวดเร็ว แต่มันยังสามารถกักเก็บพลังของท่านไว้ในร่างได้อย่างสมบูรณ์....”

เย่หวูเฉินหันศีรษะมองไปทางทิศตะวันออก พายุทรายที่นั่นสมควรเริ่มสงบลงช้าๆแล้ว

ที่ใต้เท้าเริ่มมีเสียงทรายสีเหลืองคลายตัวออก เมื่อไร้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วง ผืนทรายกว้างขวางก็เริ่มฟุ้งพัดไปกับสายลม และนี่ย่อมหมายถึงพลังของมุกเรืองปฐพีถูกกักไว้ในตัวเต่าดำน้อย จนไร้อิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

แสงสีเหลืองบนร่างของเต่าดำน้อยยิ่งมายิ่งเข้มข้น มันเรืองรองจนปกคลุมทั่วร่าง กระทั่งแสงสีเหลืองกลายเป็นรัศมีทรงกลมมันจึงหยุดขยายออก มันเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังที่อยู่ในกาย มันนิ่งงันไม่ไหวติง มุ่งสมาธิควบคุมการดูดซับพลังให้กลายเป็นของตัวเอง

ทว่าทันใดนั้น เย่หวูเฉินต้องมุ่นคิ้วฉับพลัน เนื่องจากฝุ่นทรายที่ฟุ้งพัดได้หยุดลง สายลมที่โชยมาได้หายไปด้วย อากาศโดยรอบเริ่มหนาแน่นด้วยธาตุปฐพีอันแรงกล้า สนามแรงโน้มถ่วงที่เพิ่งหายไปได้กลับมาอีกครั้ง

เขามองเต่าดำน้อยที่อยู่ในมือ มันยังคงนิ่งงันเหมือนตอนแรก แสงสีเหลืองยังคงสว่างเรืองรอง อยู่ในสภาวะสมดุล ไม่เข้มข้นขึ้นหรือเจือจางลง

“เฮอ เฮอ มนุษย์เอ๋ย เจ้าคาดผิดเสียแล้ว.... ร่างเล็กๆนี้สามารถบรรลุได้ถึงระดับนี้ หากมันเติบโตขึ้น ข้าคงเชื่อถ้อยคำที่เจ้ากล่าว ไม่มีพลังปฐพีใดในโลกนี้ที่มันไม่อาจควบคุม.... แต่ตอนนี้มันยังเด็กนัก พลังของมันยังไม่เติบโตเต็มที่ แม้พลังของข้าจะไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อร่างกายมัน แต่มันถึงขีดจำกัดที่จะควบคุมพลังปฐพีที่รั่วไหลออกมาแล้ว.... และเมื่อเกินขีดจำกัดของมัน พลังของข้าย่อมรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก”

เย่หวูเฉินหรี่ตาลง สัมผัสถึงพลังธาตุที่เข้มข้นขึ้นโดยรอบอย่างระวัง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยิ้มกล่าว “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!”

เย่หวูเฉินลอยร่างลงจากกลางอากาศ ปลายเท้าแตะสัมผัสบนผืนทราย ย่อร่างกายส่วนล่างลง วางเต่าดำน้อยลงบนผืนทะเลทราย เต่าดำน้อยส่งเสียงออกมาในที่สุด มันยื่นคอมองเขาด้วยความสงสัย

“เต่าดำน้อย เจ้าคงชอบที่นี่มาก.... ดังนั้นจงอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว อยู่ที่นี่เจ้าจะสามารถดูดซับพลังปฐพีที่เจ้าเพิ่งกินลงไปได้ อีกทั้งที่นี่ยังเหมาะเป็นสถานที่เติบโตของเจ้ามากที่สุด.... หลังจากที่เจ้าดูดกลืนพลังที่อยู่ในร่างจนหมดสิ้นแล้ว วันนั้นค่อยกลับไปหาข้า”

เต่าดำน้อยมองเย่หวูเฉินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหดหัวกลับเข้าไปในกระดอง ตะกุยร่างให้จมลงไปใต้ทะเลทรายช้าๆ จนกระทั่งหายไปไร้ร่องรอย

“.....แบบนี้เอง กลายเป็นว่าเพราะการดูดซับพลังในร่างของมัน ทำให้ผลกระทบจากพลังรั่วไหลลดระยะลงอย่างมาก เกรงว่าพ้นระยะร้อยลี้ไปคงไม่มีผลแล้ว พลังปฐพีอันบ้าคลั่งได้สูญเสียรากกำเนิดของมันไป ดังนั้นมันย่อมค่อยๆคลายลง.... ในที่สุดข้าก็วางใจได้เสียที” มุกเรืองปฐพีกล่าวคำด้วยความพอใจ

เย่หวูเฉินพยักหน้า หัวใจผ่อนคลายในที่ด เขามาที่นี่และได้พบกับมุกเรืองปฐพี ทว่าทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ กระทั่งเฉียดผ่านความตายโดยไม่รู้ตัว.... หากไม่ใช่เพราะซือเฉินและเซียงเซียง.... บางทีเขาคงเหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้ว

ด้วยการมีอยู่ของเต่าดำน้อย พลังที่รั่วไหลของมุกเรืองปฐพีจึงไร้ความน่ากลัวในที่สุด พายุทรายซึ่งปกคลุมพื้นที่หนึ่งในสี่ของทวีปเทียนเฉินได้ลดระยะรัศมีจนเหลือพื้นที่เพียงเล็กน้อย บ้านเรือนของชาวต้าฟงจะพ้นจากผลกระทบของพายุทราย ทว่าด้วยพลังแกร่งกล้าของมุกเรืองปฐพี เต่าดำน้อยจึงต้องขุดลงไปให้ลึกที่สุดเพื่อระงับพลังรั่วไหล ไม่สงสัยเลยว่าจะต้องใช้เวลานาน เพียงหนึ่งหรือสองวันย่อมไม่อาจทำสำเร็จได้

เป้าหมายที่มายังสถานที่นี้บรรลุลงในที่สุด หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันอันใดอีก พายุทรายคลั่งย่อมหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน พลังของเต่าดำน้อยย่อมเติบโตขึ้นอย่างเร็วรุด นี่เป็นการขว้างหินหนึ่งก้อนได้นกสองตัว แม้ว่าเขาต้องประสบเหตุการณ์พลิกผันอันสาหัส ทว่าสุดท้ายทุกอย่างก็จบลงด้วยดี

“อีกอย่างหนึ่ง ข้าจะกลับมาเยือนที่นี่บ่อยๆ” เย่หวูเฉินกล่าว

“โอ้?”

“เนื่องจากพลังธาตุที่ท่านปลดปล่อยออกมา จึงทำให้จิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพีของที่นี่เข้มข้นอย่างมาก สำหรับข้าแล้วที่นี่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นสถานที่เพิ่มพลัง” เย่หวูเฉินตอบโดยไม่ปิดบัง การเพิ่มพลังหวูเฉินต้องอาศัยจิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพี เช่นเดียวกับตอนนั้นที่เขาเดินทางออกจากเมืองเทียนหลงไปยังภูเขาไฟเทียนเม่ย ตามหาดินแดนสุดขั้วเพื่ออาศัยจิตปราณในการเพิ่มพลัง ที่แห่งนี้มีธาตุปฐพีอันหนาแน่น ดังนั้นจิตปราณของที่นี่จึงเข้มข้นกว่าที่อื่นๆนับสิบๆเท่า

“เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนจากไปนัก”

“เพราะอีกไม่กี่วันนับจากนี้ จะเป็นวันแต่งงานของข้า” มุมปากของเย่หวูเฉินโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม หันร่างมองไปยังทิศตะวันออกห่างไกล หมดสติไปนานเกินไปทำให้นานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน เสวี่ยเอ๋อร์และทงซิน จะต้องกังวลมากจนซูบผอม.... โหรวโหรวและพี่หญิง รวมทั้งฮวงเอ๋อร์จะต้องเป็นห่วงมาก ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านปู่จะต้องรอคอยด้วยตาละห้อย.... ไม่ทราบว่าโหรวโหรวจะสวมชุดเจ้าสาวรอคอยอย่างไม่อาจอดทนหรือไม่.....

นับวันดูแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วันนับจากที่หวังเวิ่นชูกำหนดไว้

“วันแต่งงาน.... เฮ่อ เฮ่อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้....” มุกเรืองปฐพีส่งเสียงแผ่วเบาอารมณ์ดี

แสงขาวสว่างขึ้นคลุมร่างของเย่หวูเฉิน นำเขาออกไปจากดินแดนแห่งทรายเหลืองทุกแห่งหน

“นายแห่งจิ้งจอกมังกร.... หรือนั่นจะเป็นพลังที่จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือได้ทำนายไว้ – จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?”

หลังจากที่เย่หวูเฉินจากไป มุกเรืองปฐพีที่เงียบงันอยู่ครู่นานได้เปล่งเสียงอันเปี่ยมความรู้สึกออกมา จากนั้นมันไม่กล่าวคำอีก ที่แห่งนี้มีอีกหนึ่งชีวิตเพิ่มขึ้นมา เป็นเต่าดำที่กำลังเติบโตเร็วรุดอยู่ในความเงียบงัน

----

----



<<<PREV    .    NEXT>>>