วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 474

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 474 ในคืนสมบูรณ์แบบ (2)

เย่หวูเฉินเคลื่อนแขนนางออกอย่างนุ่มนวล มืออีกข้างใช้เทคนิคประหลาดปลดผ้าแดงที่พันอกไว้อย่างแน่นหนา ในพริบตา อกอวบอิ่มคู่หนึ่งก็เด้งออกมา กระเพื่อมอย่างนุ่มนวล ทับทิมสองเม็ดสดใสสั่นไหวดุจลูกตุ้ม พอหน้าอกโล่งเย็น ฮั่วฉุ่ยโหรวก็อุทานอย่างตกใจ ปิดดวงตาสองข้างไว้แน่น ผิวขาวบอบบางกลายเป็นสีแดงด้วยความอาย เย่หวูเฉินพลันอารมณ์พลุ่งพล่าน ลมหายใจค่อยๆเดือดระอุ มือข้างหนึ่งเคลื่อนขึ้นสู่อกงาม บีบเค้นอย่างตะกละตะกลาม มืออีกข้างลูบเอวลื่น ลามลงด้านล่างอย่างเงียบงัน ฉับพลันเพิ่มความเร็วขึ้น สอดฝ่ามือเข้าสู่กางเกงชั้นในผืนเดียวที่เหลืออยู่ ตรงเข้าสู่สถานที่เบื้องลึก กอบกุมแดนลี้ลับของหญิงสาว ลูบคลึงบางเบาเพื่อปลุกกระตุ้น

ฮั่วฉุ่ยโหรวดวงตาสั่นไหวในทันที ปากเล็กๆเปิดออก ออกแรงหนีบขาหยกสองข้างเพื่อปิดช่องว่าง หอบหายใจปนเสียงครางอันไม่อาจปิดบัง เสียงครางหลั่งไหลออกจากปากอย่างต่อเนื่อง

กระตุ้นเร้ายาวนาน จนหญิงสาวที่บิดตัวเริ่มเกิดอารมณ์ร่วม เย่หวูเฉินถอนมือชุ่มฉ่ำออกมา วางลงบนอกของฮั่วฉุ่ยโหรว ตอนนี้ความอายเริ่มหายไป ผ้าชิ้นสุดท้ายถูกสลัดออก เย่หวูเฉินค่อยๆแทรกขาตัวเองระหว่างขานาง แนบหน้าอกทับร่างบอบบางนางไว้ ฮั่วฉุ่ยโหรวลืมตาขึ้นด้วยความกังวล มองเขาอย่างงมงาย มือเล็กๆจับแขนเขาไว้แน่น หน้าท้องแบนราบแนบประชิดติดกัน รอคอยให้ถึงชั่วเวลาอันน่าละอาย

บ่วงลึกลับถูกเจาะทำลาย ฮั่วฉุ่ยโหรวร้องสะดุ้งเฮือก ความเจ็บปวดซึมแทรกมาตามกาย เจ็บปวดเสียดใจจนร่างสะท้าน เรียวขาหยกรัดเอวเย่หวูเฉินไว้แน่นโดยไม่ทันรู้ตัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยประสบความเจ็บปวดอันน่ากลัวนี้.... น้ำตานางไหลร่วงออกมา ออกแรงกอดบุรุษของนางไว้ นี่ไม่ใช่เพียงแค่น้ำตาแห่งความเจ็บปวด หากยังเป็นน้ำตาแห่งความสุขด้วยเช่นกัน....

..................

..................

พระจันทร์แจ่มชัดตัดแสงดารา บุปผาถึงยามเบ่งบานสะพรั่ง ฮั่วฉุ่ยโหรวกลายเป็นหญิงสาวโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งถูกการเฆี่ยนตีอันรุนแรง เพียงไม่นานมีเสียงครวญครางดุจสัตว์ตัวน้อยๆบาดเจ็บ ไร้เรี่ยวแรงหดลีบร่างกายอยู่ในอ้อมอกของเย่หวูเฉิน ถัดจากร่างเป็นรอยแดงแต้มไว้ไร้ราคี เย่หวูเฉินกอดนางไว้เป็นเวลาเนิ่นนาน หลังจากนางตกสู่ห้วงนินทราแล้ว เขาก็ประคองนางวางบนเตียงอย่างนุ่มนวล ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ จากนั้นสวมชุดแต่งกายและออกไปอย่างเงียบงัน

ห้องหอของหลงฮวงเอ๋อร์อยู่ถัดไปอีกห้องหนึ่ง มีเพียงชั้นผนังบางๆกั้นไว้

ประตูถูกผลักเปิด กลิ่นของหญิงสาวคนใหม่โชยเข้าจมูก ภายในห้องหอที่รออยู่อย่างสงบคือจักรพรรดินีคนแรกแห่งอาณาจักรเทียนหลง ผู้มีพระชนม์มายุเพียง 16 ปีครึ่ง เย่หวูเฉินเข้ามาตามกลิ่นหลังจากเปิดประตู ก้าวเท้าแผ่วเบาไปที่ข้างหญิงสาวที่รอคอยอยู่เนิ่นนาน แม้ฝีเท้าจะเบาบางมาก ทว่าหญิงสาวกลับเหมือนไม่เห็นเขา ไม่มีการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น

“ฮวงเอ๋อร์ เจ้าโกรธเหรอ?” เย่หวูเฉินถอดมงกุฎหงส์ของนางออก ชื่นชมใบหน้าอันงดงามละเอียดอ่อน เขาทราบดีว่ามงกุฎหงส์นี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก ใส่ไว้ตลอดวันย่อมเหน็ดเหนื่อยมาก ดังนั้นเมื่อเข้าไปหาฮั่วฉุ่ยโหรวและหลงฮวงเอ๋อร์ สิ่งแรกที่เขากระทำจึงเป็นการปลดมันออก ริมฝีปากสีชมพู , จมูกหยก และดวงตากระจ่าง ทุกอย่างล้วนงดงามเหนือที่เปรียบ ริมฝีปากนางยกขึ้นเล็กน้อย เผยความขัดเคืองใจของหญิงสาวผู้เป็นจักรพรรดินี

เย่หวูเฉินโอบไหล่บอบบางของนางไว้ กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้เป็นคืนแต่งงานของพวกเรา เจ้าอย่าโกรธเคืองเลย พรุ่งนี้ข้าจะชดเชยให้ ตกลงมั้ย?”

หลงฮวงเอ๋อร์เบือนหน้าออก เหลือบมองหางตา ทว่าทันใดกลับหลุดหัวเราะ ‘พรวด’ ออกมา นางโยนตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของเขาในฉับพลัน “ตั้งแต่พวกเราหมั้นกันในวันนั้น ท่านก็ถือเป็นสามีของข้าแล้ว.... ข้าจะโกรธท่านได้อย่างไร พี่หญิงฉุ่ยโหรวถือเป็นพี่สาวคนหนึ่งของข้า แน่นอนข้าต้องให้พี่สาวมาก่อน” นางหยุดเล็กน้อยและถอนหายใจบาง “พี่หญิงฉุ่ยโหรวงมงายท่านอย่างล้ำลึก ทว่าข้าเองไม่ได้รักท่านด้อยไปกว่าพี่สาว.... เมื่อครั้งยังเล็กเสด็จแม่ของข้าตกตาย ตอนนี้เสด็จพ่อของข้าก็ตายไปด้วยอีกคน นอกเหนือจากท่านแล้ว ข้าไม่เหลือผู้ใดที่ห่วงใยข้าแท้จริงอย่างท่านอีก ความสุขที่สุดของข้าคือการได้อยู่กับท่าน ตอนนี้ข้าได้มอบทุกอย่างให้กับท่าน จะมีชีวิตอยู่เพื่อท่านเท่านั้น หากท่านจากข้าไปอีกคน.... ข้าจะ.... ไม่เหลือสิ่งใด.... ไหนเลยข้าจะโกรธท่านหรือต่อว่าท่านได้....”

ในคืนแต่งงานวันนี้ นางได้เปิดเผยความในใจต่อเขาออกมา จากนั้นพลันยิ้มกว้างขึ้น กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่หญิงฉุ่ยโหรวสมควรนอนหลับสนิทแล้ว.... เสียงของนางช่าง.... น่าละอายและน่าฟังนัก”

เมื่อครู่ฮั่วฉุ่ยโหรวคอยกลั้นเสียงอยู่ตลอด ทว่าสุดท้ายเมื่อจิตใจปั่นป่วน นางจึงไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีก ส่งเสียงครวญครางลอยผ่านผนังให้หลงฮวงเอ๋อร์ได้ยินเต็มสองรูหู นางฟังด้วยใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้มือนางเลื้อยขึ้นบนลำคอเขา ดวงตากระจ่างสั่นไหวเล็กน้อย นางกล่าวกระซิบเสียงเบา “สามีข้า.... โปรดช่วยทำให้ข้าเหมือนกับพี่สาว.... ทำให้ข้าส่งเสียงรัญจวนชวนฟัง....”

นางยื่นศีรษะเล็กๆขึ้นด้วยตัวเอง ส่งจูบไปที่เย่หวูเฉิน แม้นางสลัดความเจ้าเล่ห์ไร้เหตุผลของตัวเองเมื่อสามปีก่อนทิ้งไปแล้ว แต่นางมิได้เอียงอายเหมือนกับฮั่วฉุ่ยโหรว เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หวูเฉิน นางละทิ้งกิริยาของชนผู้สูงศักดิ์ ทำตัวเหมือนหญิงสาวธรรมดาที่ออดอ้อนเรียกความสนใจจากคนรัก

ริมฝีปากประทับจูบกัน เย่หวูเฉินดูดดื่มริมฝีปากบางดุจกลีบดอกไม้ สัมผัสนุ่มนวลลื่นเป็นมัน รุกล้ำเข้าไปในฟันงามอย่างช่ำชอง ควานหาลิ้นน้อยๆอันหอมหวนยวนใจ สัมผัสรสของเหลวซึมซ่านสู่จิต หลงฮวงเอ๋อร์ร้องเสียงแหลมออกจมูกเล็กน้อย ลำคองามเชิดทระนงมองขึ้นตรง นางตอบสนองด้วยการราดลมหายใจร้อนเร่าบนใบหน้าของเย่หวูเฉิน ร่างกายอ่อนนุ่มยิ่งมายิ่งร้อนรุ่ม แขนงามนวลผ่องกอดร่างเขาไว้แนบชิด เคลิบเคลิ้มไปกับความสุขของชายหญิง

เย่หวูเฉินดูดด่ำกับการจูบหลงฮวงเอ๋อร์ ใช้ร่างอบอุ่นโอบกอดกายนางไว้ หลงฮวงเอ๋อร์ตอบสนองด้วยริมฝีปากนุ่มนวล ความรักที่สั่งสมมายาวนานถูกแสดงออกในยามนี้ หลงฮวงเอ๋อร์ลอบลืมตา มองเขาด้วยรักอันงมงาย ใบหน้าค่อยๆแดงลามไปทั่ว แววตาลุ่มหลงดุจเมามาย

จูบแรกที่เขาประทับไว้คือตอนที่นางอายุ 13 ขวบ ภายในกระท่อมร้างเล็กๆแห่งนั้นนางไม่มีวันลืม ระหว่างสามปีที่เย่หวูเฉินตกตาย นางคิดถึงเขาและเฝ้าฝันถึงจูบในวันนั้นแทบทุกค่ำคืน....

นางออกแรงปลดชุดเขาออก ยื่นมือสอดร่องผ้าสัมผัสอุณภูมิร่างของเขา เย่หวูเฉินเคลื่อนมือลงจากเอวนางช้าๆ พอบีบบั้นท้ายนางก็ส่งเสียง “อ๊า” ออกมาเบาๆ เลิกคิ้วงามด้วยความตระหนก ฟันขาวกัดเม้มริมฝีปาก ลมหายใจอันหนักหน่วงนั้น แผ่กลิ่นหอมบางเบาดุจดอกกล้วยไม้และไอริช ใบหน้าพาดผ่านด้วยสีชมพูจาง มองแล้วชวนยั่วยวนอย่างยิ่ง ดุจกระแสลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดพุ่งขึ้นในกาย ฝ่ามือใหญ่อันซุกซนนวดเฟ้นบั้นท้ายน้อยๆ ในร่างร้อนรุ่มดุจไฟโชน แขนอีกข้างคว้าเอวบางไว้ไม่ให้บิดหนี จมูกนางส่งเสียงครวญโดยไม่รู้ตัว คล้ายขัดขืนและไม่เชิงหยอกเย้า ไฟในร่างเย่หวูเฉินพลันโหมกระพือ ยังไม่ทันปลดชุดเจ้าสาวออก มือข้างหนึ่งก็เคลื่อนจากเอวคว้าเอาอกนุ่มของหญิงสาวไว้ สะกิดนิ้วที่สองจุดปลายที่ชูชันอย่างเย้ายวน หลงฮวงเอ๋อร์ร่างสะท้านรุนแรงขึ้น ลมหายใจยิ่งกลายเป็นหอบกระชั้น

นอกหน้าต่างแสงจันทร์ยิ่งกระจ่าง สว่างแจ่มจ้าจนผู้คนไม่กล้ามองตรงๆ ในห้องหอยังคงสว่างด้วยเทียนแดง เสียงครวญอย่างเจ็บปวดลอยเล็ดออกมา จักรพรรดินีวัย 16 ปีกลายเป็นของเย่หวูเฉินเพียงผู้เดียวในยามนี้ ในขณะถัดมา พระจันทร์งามถูกเมฆดำที่ไม่ทราบเคลื่อนมาตอนไหนลอยเข้าบดบัง ปิดกั้นรัศมีเรืองรองไว้เบื้องหลัง

เป็นเวลาเนิ่นนาน ในที่สุดพระจันทร์ก็กลับมาฉายแสงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงครางที่ยิ่งมายิ่งน่ากระอักกระอ่วน ผู้ใดได้ฟังย่อมขนลุก หลงฮวงเอ๋อร์ใต้ร่างของเย่หวูเฉินมองดูน่าลุ่มหลง ใบหน้างดงามแดงระเรื่อ อกขาวสั่นกระเพื่อม ขาเรียวบางสองข้างหดคู้ ผ้าปูเตียงยับย่นดุจคลื่นน้ำ

ใต้แรงกระแทกของเย่หวูเฉิน ร่างนางไหวโยกอย่างน่ากลัว ริมฝีปากแดงฉ่ำส่งเสียงครวญ เป็นเสียงขัดเคืองอันทรงเสน่ห์ ราวลูกแมวน้อยตัวหนึ่ง หลงฮวงเอ๋อร์ส่งเสียงอันสัปดน ร่างอ่อนนุ่มเรื่อแดงไปทั่วร่าง ไม่อาจอดห้ามเสียงไว้อยู่ครู่นาน

พระจันทร์เด่นเต็มดวง ค่ำคืนอันแสนเมามัว

เมื่อถึงตีสี่ของวัน ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ตอนนี้ยังเป็นผืนมืดดำ หลงฮวงเอ๋อร์ตื่นขึ้นก่อนเวลาด้วยความระบมจากคืนฝนคลั่ง นางขยับร่างเล็กน้อย สิ่งแรกที่รู้สึกคือความเจ็บปวดที่ยังคงเหลือร่องรอย รวมถึงร่างกายที่สิ้นเรี่ยวแรง

นางพิงร่างกับเย่หวูเฉิน เมื่อเคลื่อนร่างเล็กน้อยเขาจึงตื่นขึ้น นางกระพริบตามองด้วยความอายและสุขใจ เขาเอ่ยถาม “เจ้าจะไปตั้งแต่เช้าเลยหรือ?”

“อื้ม”  หลงฮวงเอ๋อร์ซุกร่างอ่อนนุ่มไว้ในอ้อมแขน ปิดตากึ่งหนึ่งอย่างสะดวกสบาย สัมผัสแนบชิดอันแสนอบอุ่นจะประทับฝังไว้จนวันตาย แม้ว่าวานนี้คือวันแต่งงานของนาง แต่ตำแหน่งจักรพรรดิของนางนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อำนาจสูงสุดที่ได้มามักแลกกับอิสรภาพส่วนใหญ่ที่หายไป “พายุทรายของอาณาจักรต้าฟงเพิ่งสงบลง นี่คือโอกาสอันเลิศในการเร่งพิชิต หลายสิ่งไม่ควรรอช้าแม้แต่วันเดียว ดังนั้น....”

เย่หวูเฉินลูบสัมผัสผิวขาวของนางอย่างรักใคร่ พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ฮวงเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นแล้ว....”

“ข้าโตแล้ว.... และก็แต่งงานแล้วด้วย” หลงฮวงเอ๋อร์ส่งยิ้มหวานให้สามีด้วยความสุข ถูกต้อง นางแต่งงานแล้ว แต่งงานกับคนที่นางรักที่สุด เป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดจะสุขใจยิ่งกว่านี้ ยามนี้เมื่อซุกตัวอยู่ในอ้อมแขน ได้รับสัมผัสอบอุ่นจากกาย นางพลันคิดว่าตัวเองคือหญิงสาวที่มีความสุขที่สุดในโลก ชีวิตนี้ไม่ขอเรียกร้องสิ่งใดอีก

แม้นางอายุเพียง 16 ปี ทว่านางได้กุมอำนาจอันสูงสุด มีสถานะสูงส่งที่สุด เป็นหนึ่งในตัวตนที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก ชีวิตตอนนี้นับว่าสมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง

“ไปเถอะ ฮวงเอ๋อร์ เจ้าเป็นจักรพรรดินีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้.... หากเจ้าชอบความรู้สึกนี้ เจ้าสามารถเป็นจักรพรรดินีได้จนชั่วชีวิต แต่หากเจ้าเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกไม่อยากเป็น เช่นนั้น จะไม่มีใครบังคับเจ้าให้เป็นจักรพรรดินีได้” เย่หวูเฉินกล่าวอ่อนโยน หากในน้ำเสียงบอกความนัยอย่างหนักแน่น

“อื้ม ข้ารู้แล้ว” หลงฮวงเอ๋อร์กล่าวตอบด้วยความสุข



<<<PREV    .    NEXT>>>