วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 445

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 445 ลูกมังกร

หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว เย่หวูเฉินได้ลอยร่างขึ้นสู่อากาศ มองไปยังทิศใต้ห่างไกล ด้วยสายตาของเขาสามารถมองเห็นอสูรมังกรม่วงและเต่าดำน้อยเพียงเลือนราง ภายใต้การโจมตีของเต่าดำน้อย อสูรมังกรม่วงล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงโหยหวนในปากยิ่งมายิ่งอ่อนแอ

แผ่นดินยุบตัวลง เต่าดำน้อยหายไปจากพื้นกะทันหัน เวลานี้มีกลุ่มแสงสีน้ำตาลปกคลุมพื้นที่รัศมี 3,000 เมตร มีเสียง ‘ครืนๆ’ ในพื้นที่ที่ถูกแสงปกคลุม ไม่เพียงเท่านั้น นอกพื้นที่ของแสงปกคลุม แผ่นดินยังเริ่มแยกตัว ร่องเหวไร้ก้นแตกลามออกอย่างรวดเร็ว ขยายออกไปนับสิบลี้

นี่คือเวทย์ต้องห้ามที่ทรงพลังสูงสุดของเต่าดำน้อย เป็นครั้งแรกที่มันใช้ออกมา แม้นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของมัน แต่ทักษะทุกอย่างล้วนถูกส่งผ่านจากเต่าดำแต่ละรุ่น แม้มันไร้ความทรงจำของเต่าดำรุ่นก่อน หากยังคงสามารถใช้ออกได้ตามสัญชาตญาณ มันเกิดมาเพื่อต่อสู้และปกป้อง และที่มันต่อสู้ก็เพื่อปกป้อง

อสูรมังกรม่วงล้มลงในที่สุด และล้มลงเพราะพลังเวทย์ต้องห้ามอันทรงพลังของเต่าดำน้อย พลังของมันทำให้พื้นที่หลายสิบตารางกิโลเมตรของดินแดนสาบสูญพังทลาย ทำให้อสูรมังกรม่วงยอมแพ้เลิกดิ้นรนในที่สุด เย่หวูเฉินทราบดีว่ามิใช่เพราะพลังของมันห่างไกลจากเต่าดำวัยเยาว์ เหตุผลที่มันพ่ายแพ้รวดเร็วเช่นนี้ เพราะหัวใจของมันถูกแบ่งไปที่บางสิ่ง และสิ่งนั้นอยู่ในกรงเล็บข้างซ้ายของมัน

กรงเล็บมังกรกุมอยู่ตรงอกซ้ายไม่ขยับไปไหน แม้แต่ยามที่ถูกเต่าดำน้อยโจมตี เย่หวูเฉินมองเห็นประกายแสงสีม่วงที่อุ้งเท้าซ้ายของมันลึกล้ำเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจปกป้องตรงนั้น

มันปกป้องบางอย่าง เย่หวูเฉินพยายามหลายครั้งแต่ไม่อาจมองเห็นว่ามันคือสิ่งใด ไม่ว่าเต่าดำน้อยจะโจมตีมันหนักหน่วงเพียงใด มันไม่เคยปล่อยกรงเล็บซ้ายของมันออก นั่นย่อมเป็นบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของมัน

ภายใต้พลังเวทย์ต้องห้ามของเต่าดำน้อย มันล้มลงไม่ใช่เพราะมันไม่อาจต่อต้าน แต่เป็นเพราะมันกลัวว่าสิ่งที่มันปกป้องจะได้รับอันตราย มันจึงใช้พลังสูงสุดป้องกันสิ่งที่อยู่ในอุ้งเท้า พลังป้องกันตัวเองจึงลดลงมากกว่าครึ่งและถูกโจมตีอย่างรุนแรง

“พอก่อน”

เสียงของเย่หวูเฉินส่งไปไกลเพื่อหยุดเต่าดำน้อยที่กำลังจะโจมตีซ้ำ ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่เขาจะลอยลงจากฟ้าและหยุดร่างอยู่ที่ข้างเต่าดำน้อย

อสูรมังกรม่วงขยับตัวเล็กน้อย ปากมังกรอ้าพะงับพะงาบส่งเสียงเจ็บปวดลอยออกมา มันไม่ลุกขึ้นยืนอีก เย่หวูเฉินกล่าวกับมัน “พวกเราไม่ต้องการทำร้ายเจ้า แต่พวกเราไร้ทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องหยุดเจ้า เจ้าไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา มีความฉลาดอย่างยิ่ง เจ้าสมควรรู้ว่าเมื่อเข้าไปถึงดินแดนของมนุษย์ ย่อมสร้างหายนะครั้งใหญ่”

แต่ละฝ่ายอยู่ห่างกันไม่มากนัก เย่หวูเฉินเลือกยืนในมุมที่สามารถมองลอดเข้าไปภายในกรงเล็บด้านซ้ายของมัน ขณะที่อสูรมังกรม่วงพยายามบิดตัว ในที่สุดเย่หวูเฉินก็มองเห็นเจ้าสิ่งนั้นปราดหนึ่ง ฉับพลันนั้น เย่หวูเฉินพลันเข้าใจทุกอย่างทันที

มันเป็นไข่สีม่วง ขนาดเล็กอย่างมาก มีขนาดประมาณสองกำปั้นของผู้ใหญ่ เป็นขนาดที่เล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของอสูรมังกรม่วง ทำให้ก่อนหน้านี้เย่หวูเฉินมองไม่เห็นมัน หากสิ่งที่ต้องสนใจคือเปลือกไข่ใบนี้เต็มไปด้วยรอยร้าว....

เย่หวูเฉินเข้าใจทันทีว่าพวกตนได้ทำร้ายสิ่งหวงห้ามสูงสุดของอสูรมังกรม่วง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม อสูรผู้สงบเงียบมาตลอดหลายปีถึงได้วิ่งออกจากรังในดินแดนสาบสูญ ตอนนี้เมื่อมองดูแล้ว นี่เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

แม้ว่าขนาดจะต่างกันอย่างมาก แตกต่างจนน่าขบขัน แต่สามารถทำให้มันเอาชีวิตเข้าปกป้องโดยไม่ลังเล นี่ย่อมเป็นลูกของมันที่ยังไม่ฟักตัวออกมา ทว่าไข่ใบนี้กลับมีรอยแตกร้าวเพราะ....

เย่หวูเฉินเดินตรงไปข้างหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “อสูรมังกรม่วง ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นพวกเราที่ไม่ยุติธรรมกับเจ้า การฟักตัวของลูกเจ้า คือความหวังที่เจ้ารอคอยมาตลอดหลายปี ทว่าตอนนี้เจ้ากลับทำได้เพียงมองดูชีวิตน้อยๆในเปลือกไข่ที่ปริแตก.... นี่นับว่าเป็นฝันร้าย จากคลื่นแรงระเบิดที่ส่งไปถึง ปกติด้วยพลังของเจ้า เมื่อมีภัยคุกคามเข้ามาใกล้เจ้าย่อมตระหนักถึงมันทันที ทว่าการระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่บางสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงไร้กลิ่นอายให้รับรู้ล่วงหน้า ทำให้เจ้าไม่ทันตระหนักและไร้เวลาเตรียมการ คลื่นระเบิดที่แผ่ไปถึงแม้ว่าจะอ่อนพลังลงอย่างมาก ทว่าชีวิตที่ใกล้กำเนิดย่อมอยู่ในสภาพเปราะบาง ไข่มังกรแตกร้าวหลังจากถูกคลื่นของแรงระเบิด หลังจากนั้นมันก็ไร้การเคลื่อนไหว”

อสูรมังกรม่วงคำรามเบาๆออกมาคราหนึ่ง เสียงของมันอ่อนแออย่างมาก ไม่ทราบว่ามันต้องการพูดอะไรกับเย่หวูเฉิน แต่หัวใจของมันตกตะลึง.... เพราะเย่หวูเฉินพูดถึงต้นตอสาเหตุที่มันเดือดดาลได้แทบไม่ผิดเพี้ยน

“เจ้าได้แต่มองดูลูกของตนเอง ที่สมควรได้เกิดออกมาโดยไม่อาจทำอันใด ในโลกยังมีสิ่งใดโหดร้ายยิ่งกว่านี้ เจ้าตื่นตระหนก , โกรธเกรี้ยว และสิ้นหวัง.... ดังนั้น เจ้าจึงพาลูกที่ไม่อาจลืมตาดูโลกได้อีก วิ่งออกจากรัง เหยียบย่ำทำลายเพื่อตอบโต้”

สัตว์อสูรยิ่งระดับสูงเพียงใด การสืบเผ่าพันธุ์ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลายาวนาน ด้วยพลังของอสูรมังกรม่วง การจะให้กำเนิดลูกอีกครั้งไม่ทราบต้องใช้เวลาเพียงใด บางทีอาจหมื่นปี อาจแสนปี หรือกระทั่งอาจล้านปี.... แม้แต่เต่าดำน้อยที่เซียวรั่วพูดไว้ วัยเด็กของมันยังใช้ระยะยาวนานถึง 30 ล้านปี

ดังนั้น มันจึงกบดานอยู่ในดินแดนสาบสูญไม่ออกไปไหน เพราะมันต้องคอยปกป้องและรอคอยให้ลูกน้อยถือกำเนิด ทว่าความหวังที่โหยหารอคอยมาตลอดหลายปีกลับมีผลลัพธ์เช่นนี้ ความเจ็บปวดปานนี้สำหรับมัน โหดร้ายยิ่งกว่าพรากชีวิตมันไม่รู้กี่เท่า แม้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่อย่างไรก็นับว่าเขาเป็นคนทำ เป็นตัวเขาที่ทำผิดต่ออสูรมังกรม่วง

มนุษย์ให้กำเนิดบุตรสักคนยังต้องใช้เวลาอุ้มท้องเก้าเดือน กระทั่งแค่นี้ยังนับว่าลำบาก ไม่ต้องกล่าวถึงอสูรมังกรม่วงที่ไม่ทราบต้องใช้เวลารอคอยกี่หมื่นปี กระทั่งหากท่านรู้เวลาที่แน่ชัดคงรู้สึกอยากตายแทน อสูรมังกรม่วงคอยปกป้องอย่างยืนกราน ยอมบาดเจ็บแต่ไม่ยอมให้ไข่มังกรที่แตกร้าวถูกทำลาย ทว่าลูกอันเป็นที่รักของมัน ได้รับความเสียหายมาแล้วเพียงใดย่อมเป็นที่จินตนาการได้

เย่หวูเฉินกล่าว “พลังชีวิตของมังกร ต่อให้เป็นลูกมังกรที่ยังไม่ถือกำเนิดก็ย่อมยากที่จะตกตาย บางที ข้าอาจช่วยชีวิตของมันได้ ช่วยให้มันได้เกิดมาในสภาพครบถ้วน เจ้าลองเชื่อใจข้า มอบลูกของเจ้าให้ข้ารักษาชั่วคราวเป็นอย่างไร?”

อสูรมังกรม่วงบิดร่างรุนแรงสองสามครั้ง กระแสอากาศรุนแรงพัดมาที่เย่หวูเฉิน เต่าดำขยับร่างทันที ป้องกันอยู่เบื้องหน้าเย่หวูเฉิน ปัดป้องพลังอ่อนแอของอสูรมังกรม่วงอย่างหมดจดด้วยกระดองดำ

เย่หวูเฉินส่งสัญญาณให้เต่าดำน้อยอย่างเพิ่งเคลื่อนไหววู่วาม เขาเดินตรงไปข้างหน้าอีกหลายก้าว “ข้าทราบดี ต่อให้เจ้าคิดว่ามันตายแล้ว แต่ลูกยังคงเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสูงสุดยิ่งกว่าชีวิตเจ้า ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์อสูร นี่ย่อมเป็นสัญชาตญาณ เป็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่หากข้าเป็นเจ้า ต่อให้ผู้ที่กล่าวเช่นนี้เป็นศัตรู ข้าก็ย่อมเลือกที่จะเชื่อ ถึงแม้จะมีความหวังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่หากสามารถช่วยชีวิตลูกของเจ้าได้จริงๆ ต่อให้ต้องจ่ายราคาสาหัสข้าก็พร้อมลองดู เจ้าไม่อยากช่วยชีวิตลูกจริงๆหรือ.... ก็ได้ งั้นเอาแบบนี้ เจ้าไม่ต้องมอบลูกของเจ้าให้กับข้า ข้าจะเข้าไปหาเอง เจ้ากุมชีวิตของข้าไว้ในมือได้ หากเจ้าคิดว่าข้าหลอกลวง เจ้าสามารถเอาชีวิตของข้าได้ทันที”

อสูรมังกรม่วงขยับศีรษะขึ้นเล็กน้อย แววตามังกรสาดประกายสีม่วงประหลาด สายตาจับจ้องที่มนุษย์ตัวเล็กๆบนพื้นดิน เสียงคำรามในปากยังคงส่งออกมา ทว่าเห็นได้ชัดว่าเบาลงกว่าก่อนหน้า ทั้งยังผ่อนคลายลง

จากนั้น เย่หวูเฉินตรงไปเบื้องหน้าโดยไร้ความกลัว เมื่อไปถึงร่างของอสูรมังกรม่วงเขาก็ปีนขึ้นไปบนขามัน จากนั้นกระโดดลงไปที่อุ้งเท้าอย่างอ่อนโยน ไข่มังกรถูกป้องอยู่ในกรงเล็บมังกร อสูรมังกรม่วงขยับร่างเล็กน้อย ทว่าไม่ได้โจมตีใส่เย่หวูเฉิน มันกำลังภาวนาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ส่วนเย่หวูเฉินอยู่ในกรงเล็บมังกร ตราบใดที่มันขยับกรงเล็บ ร่างของเขาย่อมถูกฉีกทึ้งอย่างไม่ต้องสงสัย

อสูรมังกรม่วงคลายกรงเล็บออกในที่สุด เย่หวูเฉินพลันโล่งใจ เขาย่อกายลง แตะฝ่ามือลงบนไข่มังกรที่เต็มไปด้วยรอยร้าว มันยังคงอุ่นอยู่ หัวใจของเย่หวูเฉินกระเพื่อมทันที

พลังชีวิตรั่วไหลออกมาจากข้างในช้าๆ ไข่มังกรใบนี้ไม่ทราบถูกฟักมากี่ปี แม้ว่าในสภาพเช่นนี้มันย่อมไม่อาจถูกฟักต่อได้ แต่พลังชีวิตของมันหากจะรั่วไหลจนหมดสิ้นยังคงต้องใช้เวลา ดังนั้นตราบใดที่พลังชีวิตของมันยังไม่หมดลง เขาย่อมสามารถนำมันให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

เย่หวูเฉินหลับตาลง โคจรพลังหวูเฉินขั้นที่ห้าส่งเข้าไปภายใน พลังชีวิตหยุดรั่วไหลออกมาทันที หลังผ่านไปชั่วเวลาสั้นๆ มันก็เริ่มฟื้นฟู

พลังชีวิตของมังกรสูงกว่ามนุษย์อย่างมาก การฟื้นฟูจึงต้องใช้พลังจำนวนมาก เย่หวูเฉินส่งพลังสูงสุดเข้าไปข้างใน รวบรวมสมาธิรักษาชีวิตน้อยๆที่อยู่ในนั้น จากนั้นทีละน้อย เขาเริ่มรู้สึกถึงร่องรอยพลังบางเบาที่อยู่ในนั้น

เย่หวูเฉินลืมตาขึ้น ถอนมือกลับ กรีดนิ้วด้วยคมวายุ บีบเลือดสองหยดลงบนไข่มังกร เลือดของเขาห่างไกลจากเลือดของมนุษย์ แม้ว่ามันคือเลือดของตัวเขาเอง แต่เขายังคงไม่เข้าใจในความลึกลับของมัน ขณะที่เลือดหยดลงไป เขาเห็นร่องรอยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยผ่านรอยแตกเล็กๆนั้น....

แกร็ก....

เลือดของเขา นำพาปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่เขากำลังยื่นมือเพื่อสัมผัสไข่มังกรอีกครั้ง เหนือเปลือกไข่พลันมีเสียงลั่นบางเบา แม้ว่าเสียงนี้จะเบาอย่างมาก แต่ทั้งคนและมังกรที่จดจ่ออยู่ต่างได้ยินชัดเจน ทันใดนั้นเสียงไข่ร้าวดังขึ้นต่อเนื่องอีกหลายครั้ง

แกร็ก.... แกร็ก.... แกร็ก....

กลิ่นอายชีวิตช่างกระตือรือร้น สัมผัสได้ถึงการดิ้นรน ชีวิตที่อยู่ข้างในอยู่ใกล้เย่หวูเฉินอย่างยิ่ง มุมปากของเขาเผยรอยยิ้ม เขาทำสำเร็จแล้ว เป็นความสำเร็จที่เรียบง่าย แน่นอนเขาย่อมไม่แปลกใจเท่าใดนัก ราวกับว่ามันควรเป็นเช่นนี้ เขายืนอยู่บนอุ้งเท้าของอสูรมังกรม่วง รู้สึกได้ถึงร่างกายของมันที่สั่นสะท้าน

แกร็ก....

เสียงลั่นที่ยาวนานที่สุดดังขึ้นอีกครั้ง และจากนั้นเปลือกไข่ด้านที่หันมาทางเย่หวูเฉินได้แตกออก แสงสว่างโปรยพรมเข้าไปในไข่มังกร สิ่งมีชีวิตน้อยๆหดตัวลงเพราะสะดุ้งแสง จากนั้นสุดท้ายมันค่อยๆคลานออกมาช้าๆ



<<<PREV    .    NEXT>>>