วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 489

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 489 แยกจาก (1)

ท่านพี่

ท่านพี่....

ท่านพี่........

นั่นใคร? ใครกำลังเรียกข้า?

น้ำเสียงไพเราะมาก.... เจ้าของเสียงนี้จะต้องงดงามยิ่ง

เสียงนี้ เห็นได้ชัดว่าข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เหตุใดถึงได้รู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก เสียงเรียกของนาง ความรู้สึกนี้ เหตุใดได้ถึงคล้าย....

เสวี่ยเอ๋อร์ของข้า

สติของข้าตื่นขึ้น.... ข้ายังไม่ตายหรอกหรือ? เหตุใดข้าจึงยังมีชีวิตอยู่อีก....

มีบางอย่างกำลังหยดลงบนใบหน้าข้า เป็นสิ่งที่อบอุ่นอย่างมาก มันกำลังไหลซึมลงสู่ปาก.... รสชาตินี้ หรือจะเป็นน้ำตา?

ทำไมร่างของข้าถึงอุ่นขึ้น พลังชีวิตของข้าถูกเผาผลาญจนหมดสิ้นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดมันถึงได้ฟื้นฟูรวดเร็วเช่นนี้.... สติของข้ายังชัดเจนขึ้น ความรู้สึกว่างเปล่าได้หายไป แขนขาทั้งสี่ข้างกำลังฟื้นคืนความรู้สึก โลหิตกลับมาไหลเวียน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น

ช้าก่อน! นี่มัน.... พลังชีวิต! พลังแห่งชีวิตที่ข้าแสวงหามาโดยตลอด!

ใครกัน เป็นใครถึงได้มีพลังชีวิตที่บริสุทธิ์และทรงพลังถึงเพียงนี้!

ท่านพี่.....

ท่านพี่.....

ภายในห้วงสติ ประสาทการได้ยินเริ่มกระจ่างชัด ขนตาของเย่หวูเฉินค่อยๆขยับ ในที่สุดเขาลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น ภาพตรงหน้าเป็นแสงขาวบริสุทธิ์ครอบคลุม เป็นแสงขาวที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง ไม่ทำให้เขารู้สึกพร่าแสงแม้แต่น้อย

“ท่านพี่” เห็นเขาตื่นขึ้นในที่สุด นางนั่งอยู่บนพื้น กอดร่างส่วนบนของเขาไว้ในอก ปีกขาวบริสุทธิ์สองข้างสยายจากหลังม้วนปกคลุมไว้ตรงหน้า ร่างของเขาถูกกอดไว้แน่นในอ้อมแขน น้ำตาบริสุทธิ์แห่งพลังชีวิตหยดกระทบบนใบหน้าของเขา

เย่หวูเฉินมองดูด้วยสายตาพร่ามัว ใบหน้านั้นอยู่ห่างเพียงเอื้อมมือ.... ราวกับว่า เขากำลังมองนางฟ้าที่แท้จริง

นางงดงามอย่างมาก....

ไม่สิ บางทีการใช้คำว่า ‘งดงามอย่างมาก’ ของมนุษย์อาจทำให้นางมัวหมอง แม้เย่หวูเฉินจะมีพรสวรรค์โดดเด่นเพียงใด หรือมีความรู้สูงส่งแค่ไหน ยามนี้เขากลับไม่อาจสรรหาถ้อยคำเพื่อบรรยายความงามนี้ได้ นางงามเกินจินตนาการของมนุษย์ งดงามดุจภาพมายาที่ไม่มีอยู่จริง

นี่คือโลกสีขาว นางมีเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์ สวมใส่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ชุดของนางช่างดูคุ้นเคย เป็นสีขาวอันไร้มนทิล ทว่ามันใหญ่กว่าชุดที่เขารู้จัก ด้านหลังนางมีปีกสองข้างสีขาวบริสุทธิ์.... นางฟ้า เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสองคำนี้

“เจ้าคือ.... เสวี่ยเอ๋อร์?”

เขายื่นมือที่เจ็บปวดและสั่นเทาออกมา ปรารถนาสัมผัสใบหน้านาง ทว่าฉับพลันต้องวางแขนลงช้าๆ การไร้พลังไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่นางในยามนี้งดงามและศักดิ์สิทธิ์เกินไป จนเขาไม่กล้าทำให้นางแปดเปื้อน

นางจับมือเขาและยกขึ้นสัมผัสใบหน้าตัวเอง ทำให้นางรับรู้ถึงความอบอุ่นในร่าง กล่าวคำแผ่วเบาทั้งน้ำตา “ข้าคือเสวี่ยเอ๋อร์ คือเสวี่ยเอ๋อร์ของท่านพี่ ชั่วชีวิตนี้จะเป็นเสวี่ยเอ๋อร์ของท่านพี่ตลอดไป”

เย่หวูเฉินพลันยิ้มอ่อนโยน “เสวี่ยเอ๋อร์ของข้า ที่แท้ก็เป็นนางฟ้า”

“ท่านพี่....” นางกอดเขาไว้แน่น ราวกับคนปรารถนาให้ร่างละลาย อยู่ติดกันตลอดไปไม่แยกจาก จนกว่าจะถึงวันตายไปพร้อมกัน นางเคยถูกกอดในอ้อมอกเขามาตลอด ในที่สุดตอนนี้อ้อมกอดนางก็สามารถเรียกชีวิตของเขาให้กลับมาได้ นางสะอื้นกล่าวคำอย่างนุ่มนวล “ข้าไม่อยากเป็นนางฟ้า.... หากข้าเป็นเพียงเด็กหญิงน่าเกลียดที่ไม่มีอะไรดี.... เช่นนั้นข้าคงได้อยู่ข้างกายท่านพี่ตลอดไป ไม่มีใครมาแยกพวกเราให้จากกันได้”

“เสวี่ยเอ๋อร์....”

เสวี่ยเอ๋อร์ของเขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากเด็กหญิงกลายเป็นนางฟ้าที่แท้จริง รอยแผลเป็นบนใบหน้าได้หายไป ตอนนี้อายุของนางยังพอๆกับเขา นางคือธิดาของเทพจักรพรรดิ คือองค์หญิงไป่เย่แห่งทวีปเทวะ เทพธิดาสูงศักดิ์ที่มนุษย์ทำได้เพียงเงยมอง.... ทว่านางยังคงเป็นเสวี่ยเอ๋อร์ของเขา ยังคงรักใคร่และงมงายในตัวเขา ตราบใดที่สามารถอยู่ข้างกาย ให้นางเป็นเด็กหญิงผู้น่าเกลียดเสียยังดี

ริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางฟ้าประทับลงบนริมฝีปากแห้งผากของเย่หวูเฉิน หนิงเสวี่ยยิ้มทั้งน้ำตา กอดเขาไว้เพื่อสัมผัสความอบอุ่นเป็นครั้งสุดท้าย นางยกศีรษะออก มองยังดวงตาเขา ลูบสัมผัสใบหน้า น้ำตายังคงหลั่งไหลไม่หยุดลง

“ท่านพี่ ข้าต้องไปแล้ว” นางเอ่ยถ้อยคำที่เป็นดุจเข็มทิ่มแทงดวงใจตัวเอง

“เสวี่ยเอ๋อร์....”

“ข้ารู้.... ข้ารู้ว่าท่านพี่ไม่อยากให้ข้าไป แต่พวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว” เทพธิดากำลังร้องไห้ ร้องไห้จนแทบไม่อาจทานทน ปีกขาวเปื้อนน้ำตาเป็นป้านใหญ่ “เย่หมิงแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่อาจต่อต้านเขาได้ หากขัดขืนพวกเราจะไม่มีผลลัพธ์ที่สองอีก เขาจะทำร้ายท่านพี่ของข้าเท่านั้น....”

“เสวี่ยเอ๋อร์.... เสวี่ยเอ๋อร์....”

เจ็บปวด , เสียใจ และชิงชัง.... ชิงชังต่อตนเอง ราวกับคมมีดนับพันกรีดลึกลงในดวงใจ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยประสบมาก่อน

ม่านตาของเย่หวูเฉินเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำใส ในที่สุดมันร่วงไหลออกมาบนใบหน้าอันเย็นเยียบ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลั่งน้ำตา

หนิงเสวี่ยค่อยๆก้มศีรษะลง ดวงหน้าฉายความสูงส่งอย่างไม่อาจหาที่เปรียบ นางจูบลงที่หยดน้ำตาของเขาอย่างอ่อนโยน หัวเราะแผ่วเบาพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหล “ท่านพี่ ท่านเองก็ร้องไห้เป็นเหมือนกัน.... นี่คือครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านพี่ร้องไห้ ท่านพี่เสียน้ำตาครั้งแรกให้กับข้า.... ข้ารู้สึก.... ดีใจจริงๆ....”

นางจะไม่มีวันลืม ว่าวันนี้เขาหลั่งน้ำตาหยดแรกเพื่อนาง นี่คือน้ำตาหยดแรกที่เขาหลั่งออกมาในทวีปเทียนเฉิน

“ท่านพี่ อย่าร้องไห้เลย.... ในอดีตท่านพี่เคยพูดไว้ ว่าท่านเชื่อในโชคชะตา ก่อนจะมีพลังพอฝ่าฝืนโชคชะตาได้ ท่านจะเดินตามเส้นทางที่ชะตากำหนดไว้ทีละก้าว ท่านพี่เชื่อมั่นในโชคชะตาของพวกเราหรือเปล่า?.... ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราได้พบกัน โชคชะตาของพวกเราก็ได้ผูกโยงกันไว้ ต่อให้พวกเราแยกจากกันตลอดกาล พวกเราก็ไม่มีวันลืมกัน อย่างไรก็ตาม ข้ารู้ว่าพวกเราจะแยกจากกันชั่วคราวเท่านั้น เพราะท่านพี่ของข้าจะต้องตามหาข้า.... ท่านจะต้องตามหาข้าแน่ๆ.... ท่านพี่ ข้าจะรอคอยท่าน จะรอท่านอยู่ที่ทวีปเทวะ เมื่อใดที่ท่านมีพลังเอาชนะเย่หมิง มีพลังเอาชนะแม่ข้า.... เมื่อนั้นข้ากับท่านพี่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป.... ไม่มีวันแยกจากกันอีก....”

ตอนนี้ หนิงเสวี่ยสะอึกสะอื้นตัวโยน เพื่อรักษาชีวิตของเย่หวูเฉินไว้ นางจึงต้องกลับไปที่ทวีปเทวะพร้อมกับเย่หมิง นางรู้ว่าเขาจะต้องตามไป ไม่ว่าวิธีใดเขาจะต้องไปหานางที่ทวีปเทวะ.... นางไม่ได้ห้ามปรามเขาไม่ให้ไปยังสถานที่อันตรายแห่งนั้น เพราะนางเข้าใจพี่ชายตนเองดี นางรู้ว่าต่อให้ยากลำบากเพียงใด เขาก็จะต้องไปตามหา และพานางกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง.... ดังนั้น นางจะรอคอยเขา.... หากเขาไม่ปรากฎกาย นางจะรอคอยเขาตลอดไป

“ฉะนั้น ท่านพี่ เพื่ออนาคตของพวกเราแล้ว ท่านพี่ต้องแข็งแกร่งขึ้นจนเพียงพอที่จะตามหาข้า ตกลงมั้ย? สัญญากับข้าสิ.... ท่านพี่ เมื่อท่านสามารถเอาชนะเย่หมิงได้ ท่านจึงจะตามหาข้า.... สัญญากับข้านะ....”

โลกสีขาวเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย แรงสั่นค่อยๆเพิ่มมากขึ้น ม่านพลังของแสงศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์กาล เริ่มไม่อาจรักษาสภาพไว้ได้อีก

เย่หวูเฉินไม่กล่าวตอบ เขาเพียงมองโง่งมอยู่ที่นางเท่านั้น ดวงหน้าของหนิงเสวี่ยในยามนี้งดงามยิ่งกว่าเทพธิดาในมายา วาจาที่เอื้อนเอ่ยแต่ละคำที่ข้างหูล้วนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า....

นางยื่นมือออกมาตรงหน้าเย่หวูเฉิน ในมือขาวหิมะมีร่างสีม่วงของเสี่ยวซื่อ นางถือมันไว้อย่างอ่อนโยน “ท่านพี่มอบเสี่ยวซื่อให้กับข้า เพื่อให้มันคอยปกป้อง ดังนั้น ข้าจะเลี้ยงดูมัน ระหว่างที่รอคอยท่านพี่....”

หนิงเสวี่ยร้องไห้อย่างยาวนาน น้ำตาของนางไม่เคยหยุดไหล หัวใจต้องโศกเศร้าและเจ็บปวดเพียงใด จึงทำให้เทพธิดาต้องหลั่งน้ำตามากถึงเพียงนี้ ชั่วชีวิตนางแทบจะหลั่งน้ำตาเพื่อคนเดียว ทั้งสองคนได้พบพานและพึ่งพิงกันยาวนานนัก.... หลังจากความสุขสันต์ไร้สิ้นสุด สุดท้ายต้องแยกจากอย่างเจ็บปวด หากพบพานเพียงเพื่อแยกจากกัน เหตุใดถึงทำให้พบกันตั้งแต่แรก

แต่แม้จะเจ็บปวดเพียงใด นางก็ไม่เคยเสียใจที่ได้พบเขา.... นางนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรเมื่อไม่มีเขา นางกลัวยิ่งกว่านั้นเมื่อคิดว่า หากไม่ได้พบเขาตั้งแต่แรก ชีวิตของนางจะสูญเปล่าและขาดแคลนเพียงใด

นางก้มศีรษะเล็กๆลงจุมพิตบนใบหน้าเขา ปีกขาวบริสุทธิ์กางออก ในที่สุด นางได้ปล่อยร่างออกจากเขาอย่างนุ่มนวล

“เสวี่ยเอ๋อร์”

ร่างของเสวี่ยเอ๋อร์สั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางมองที่เย่หวูเฉินเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนปิดตาลงด้วยความเจ็บปวด นางกอดทงซินที่สลบไสลจากการทำลายม่านพลังทองคำ ร่างกายจมเข้าสู่แสงขาว หายไปจากสายตาของเย่หวูเฉิน

เย่หวูเฉินมองหนิงเสวี่ยหายไปจากสายตาอย่างโง่งม สายตาค่อยๆเลื่อนลอยไร้จุดรวมศูนย์

ในที่สุด เขาก็สูญเสียหนิงเสวี่ย.... ในที่สุด พวกเขาก็ต้องแยกจาก....

นางคืออีกครึ่งชีวิตของเขา เมื่อไม่มีนาง ต่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ จิตวิญญาณก็เป็นได้เพียงเศษเสี้ยว หัวใจไม่มีวันบริบูรณ์

เจ็บปวด.... เจ็บปวดจนเกินไป เจ็บจนไม่อาจรู้สึกถึงความเจ็บ หัวใจฉีกขาด จิตวิญญาณฉีกขาด.... เลือดทุกหยดที่ไหลเวียนทั่วร่าง ทุกอณูของร่างกาย ล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ร่างกายไร้พลังอย่างเห็นได้ชัด ทว่าริมฝีปากกลับถูกกัดจนเลือดออก เล็บมือทั้งสองข้างกดลึกลงไปในเนื้อจนเลือดไหลซึมออกมา

“เสวี่ยเอ๋อร์.... เสวี่ยเอ๋อร์.... ทงซิน.... ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ฉับพลันนั้นเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวดน่าสังเวช ยามนี้เขาไม่เหมือนจักรพรรดิมารผู้เขย่าทวีปเทียนเฉินให้สั่นกลัว ทว่าเป็นเพียงคนที่สูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตจนไร้จิตวิญญาณ.... มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนเฉินไปเพื่อสิ่งใด มีสถานะและอำนาจสูงสุดไปเพื่ออะไร ในเมื่อเขาไม่อาจปกป้องหนิงเสวี่ยและทงซินได้ ทำได้เพียงมองพวกนางถูกพรากไปอย่างสิ้นหวัง

พรวด.... หมอกโลหิตกลุ่มใหญ่พุ่งออกจากปาก สติของเขาพร่าเลือนอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดอันลึกล้ำ ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีแดงของโลหิต

หลับ.... นั่นสินะ หลับไปเลยก็ดีเหมือนกัน จะได้ลืมทุกอย่างระหว่างที่หลับอยู่ ไม่ต้องแบกรับความเจ็บปวดทรมานนี้อีก หลับ.... หลังจากตื่นขึ้นมา ข้าอาจพบว่านี่เป็นเพียงความฝัน.... เป็นเพียงฝันร้ายที่โหดเหี้ยม

สติล่องลอยสู่ความว่างเปล่า จากนั้นเปลี่ยนขาวโพลน และกลายเป็นมืดมิดในที่สุด



<<<PREV    .    NEXT>>>