วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 341

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 341 จิตใจปั่นป่วน

“ยังมีอีกคนที่จะช่วยเขา” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว

“เล่งหยา....ฮี่ ฮี่ โลกนี้ไร้สิ่งใดเป็นที่สุด คิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในปีนั้น จะทำให้ทายาทแห่งเทพกระบี่และทายาทของฟงเฉาหยางกลายเป็นสหายกัน ต้าหนิวไร้เพื่อนฝูงมาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เจ้าตื่นขึ้นมา เจ้าก็เป็นสหายคนแรกของเขา และเล่งหยาคือสหายคนที่สอง แม้พวกเขามีอุปนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาก็ยึดมั่นในความถูกต้อง สามปีที่ฝึกฝนร่วมกัน มิตรภาพจึงฝังลึกลงกระดูก หากฟงเฉาหยางยังอยู่บนโลกนี้ เขาจะต้องรู้สึกยินดีเป็นแน่” ฉู่ชางหมิงกล่าวอย่างสงบ

“โอ้? อุบัติเหตุในอดีต? หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับกำเนิดของเล่งหยา? เห็นว่าเทพสงครามฟงเฉาหยางชอบอยู่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่หนุ่ม เรื่องนี้จึงค่อนข้างแปลกพิกล” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างสนอกสนใจ

ฉู่ชางหมิงมองเย่หวูเฉินอย่างสงสัย แปลกใจที่เขาไม่ทราบกำเนิดของเล่งหยา เขาค่อยๆกล่าว “23 ปีก่อน หลังจากที่พวกเราร่วมมือกันต่อสู้กับสตรีเทพพิโรธเสร็จแล้ว เสวี่ยหนี่แห่งชางหลานได้ท้าพนันกับฟงเฉาหยาง และเดิมพันว่าหากฟงเฉาหยางชนะ นางจะยอมเป็นข้ารับใช้ราชตระกูลต้าฟงเป็นเวลา 20 ปี แต่หากว่าเสวี่ยหนี่ชนะ เช่นนั้นในเวลา 20 ปี อาณาจักรต้าฟงจะต้องไม่รุกรานอาณาจักรชางหลาน ฟงเฉาหยางตอนแรกก็ไม่คิดรับคำ ทว่าเรื่องที่นางเสนอพนันกันก็คือ....ฟงเฉาหยางจะมีทายาทหรือไม่”

“พนันว่าจะมีทายาทหรือไม่? ที่แท้ก็พนันกันไว้น่าสนใจ แต่ดูเหมือนเสวี่ยหนี่จะเป็นฝ่ายชนะพนันสินะ” เย่หวูเฉินกล่าวขณะขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นถามอย่างสงสัย “แล้วเหตุใดเสวี่ยหนี่ถึงพนันเช่นนั้น? หรือนางมีวิธีประหลาดที่สามารถทำให้ฟงเฉาหยางให้กำเนิดทายาท?”

“ถูกต้อง” ฉู่ชางหมิงพยักหน้าและกล่าว “ฟงเฉาหยางตั้งสัตย์สาบานไว้ในครั้งอดีต เพียงปรารถนาปกป้องราชตระกูลต้าฟงไปตลอดชีวิต ไม่ต้องการไขว้เขวกับเรื่องอื่นใด ไม่คิดที่จะมีทายาท จึงแน่นอนว่าเขาไม่กลัวการเดิมพันนี้กับเสวี่ยหนี่ ทว่าเขาประมาทเสวี่ยหนี่เกินไป.... ทุกรุ่นจะมีเสวี่ยหนี่เพียงหนึ่งคน ไม่เพียงสืบทอดพลังหิมะและน้ำแข็งอันน่าตะลึง ทว่ายังมีทักษะการแพทย์ที่สูงล้ำ เสวี่ยหนี่ทุกรุ่นคู่ควรที่จะเรียกว่าแพทย์เทวะ เป็นแพทย์อันดับหนึ่งในใต้หล้า ทว่าในขณะเดียวกัน เมื่อปรุงยารักษาได้เหนือล้ำ ฝีมือทางยาพิษจึงสูงส่งเช่นเดียงกัน พิษแต่ละอย่างที่เสวี่ยหนี่สร้างขึ้น ถือได้ว่าไร้ที่เปรียบในโลก ทว่าหัวใจของเสวี่ยหนี่นั้นเหมือนหิมะและน้ำแข็ง ไม่มีความคิดชั่วร้ายใดๆและไม่คิดใช้พิษในทางเลวร้าย ดังนั้นผู้คนทั่วไปจึงไม่รู้ ทว่าหลังจากที่ยอมรับการเดิมพัน เสวี่ยหนี่ก็วางพิษใส่ฟงเฉาหยาง.... เป็นพิษไร้สีไร้กลิ่น ที่เสวี่ยหนี่เรียกมันว่า ‘พิษกำหนัดอันดับหนึ่ง’”

“หยกจิตกำหนัด?” เมื่อได้ยินว่า ‘พิษกำหนัดอันดับหนึ่ง’ เย่หวูเฉินก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้และกล่าวชื่อนี้ออกมา พิษนี้คือพิษที่เหยียนจื่อเมิ่งเคยถูกวาง ตอนนั้นเสวี่ยเฟยเยี่ยนกล่าวด้วยยิ้มขบขัน ว่าพิษกำหนัดอันดับหนึ่งนี้มีชื่อว่า ‘หยกจิตกำหนัด’

“ฮี่ ฮี่ เจ้ารู้จักพิษชนิดนี้จริงๆ ถูกต้อง มันคือหยกจิตกำหนัด พิษนี้คู่ควรที่จะเรียกว่าพิษกำหนัดอันดับหนึ่ง เพราะกระทั่งฟงเฉาหยางยังไม่อาจต่อต้านอำนาจของมัน สุดท้ายเพราะเพลิงกำหนัดเขาจึงขืนใจสตรีแซ่เล่งแห่งอาณาจักรเทียนหลง จากนั้นจึงให้กำเนิดเล่งหยา ด้วยเหตุนี้ เดิมพันครั้งนั้นฟงเฉาหยางจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้....”

“เดี๋ยวก่อน!!” ราวกับถูกไฟช็อต เย่หวูเฉินผุดลุกขึ้นทันที ทงซินยังตกใจและแหงนศีรษะมอง ฉู่ชางหมิงมองหน้าด้วยความสงสัย จู่ๆเย่หวูเฉินก็มีใบหน้าซีดขาวอย่างยิ่ง หัวใจของเย่หวูเฉินราวกับมีคลื่นโถมกระหน่ำ ทั่วร่างเย็นเยียบเป็นน้ำแข็ง “ท่านปู่ฉู่ หยกจิตกำหนัด.... เป็นพิษที่ทำให้คนตั้งครรภ์ใช่หรือไม่!?”

หยกจิตกำหนัด.... กระทั่งหัวใจดุจหยกยังลุ่มหลง.... กระทั่งหยก....

ฉู่ชางหมิงแปลกใจยิ่งกับอาการของเขา เขาพยักหน้าตอบ “ถูกต้อง หากผู้ที่ถูกพิษหยกจิตกำหนัดเป็นบุรุษ เขาจะให้กำเนิดบุตรชาย หากผู้ที่ถูกพิษเป็นสตรี นางจะให้กำเนิดธิดาโดยไม่มีข้อยกเว้น”


ราวกับถูกอัสนีบาตฟาดจากฟ้า ร่างของเย่หวูเฉินไหวโงนเงน จิตใจกลายเป็นว่างเปล่า

หากบุรุษถูกพิษจะให้กำเนิดบุตรชาย.... ฟงเฉาหยางถูกพิษหยกจิตกำหนัด ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นเล่งหยา

หากสตรีถูกพิษจะให้กำเนิดธิดา.... จื่อเมิ่ง.... สามปีก่อนนางถูกพิษหยกจิตกำหนัด นาง....

หัวใจของเย่หวูเฉินที่สงบเงียบดุจแผ่นน้ำ ฉับพลันปั่นป่วนไร้ที่เปรียบ ราวทะเลราบเรียบที่ถูกพายุฝนโหมกระหน่ำในพริบตา พลังจิตใจไม่เคยโกหกเขา ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจ ว่าเหตุใดเมื่อพี่หญิงเอ่ยคำว่า ‘ลูก’ หัวใจเขาจะปวดร้าวทรมานอยู่ลึกๆ.... จิตใต้สำนึกบอกว่าเขากำลังละเลยบางสิ่ง ในที่สุดเขาก็รู้ว่ามันคือสิ่งใด

เมื่อสตรีถูกพิษหยกจิตกำหนัด นางย่อมให้กำเนิดธิดาแก่บุรุษที่นางมีสัมพันธ์.... เหยียนจื่อเมิ่งพาตัวเองจากไปในอดีต กลับสู่สำนักจักรพรรดิเหนือในฐานะคู่หมั้นนายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือ ตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์นางจะทำอย่างไร หากสำนักจักรพรรดิเหนือพบว่านางตั้งครรภ์แล้ว พวกมันจะจัดการนางด้วยวิธีไหน....

นางต้องถูกบังคับให้ทำลายลูกสาวของพวกตน ทิ้งชีวิตน้อยๆไว้เบื้องหลัง.... หรือไม่มารดาและลูกสาวก็คงถูก.... หากนางหนีเพื่อให้กำเนิดลูกสาวแก่เขา.... หัวใจยิ่งมายิ่งปั่นป่วน ยิ่งมายิ่งเจ็บปวด เย่หวูเฉินไม่อาจรับรู้สภาพแวดล้อมรอบกาย โลกของเขายามนี้โกลาหลโดยสมบูรณ์ ไม่อยากคิดก็ไม่อาจอดห้ามความคิดได้ แม้เขาจะมั่นใจว่าเหยียนจื่อเมิ่งต้องหลบหนีจากสำนักจักรพรรดิเหนือเมื่อรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าด้วยพลังอันต่ำต้อยของนาง นางจะหลบหนีสำนักจักรพรรดิเหนือไปที่ใดได้

หลังจากที่ขึ้นมาจากหุบเหวปลิดวิญญาณ เขาก็ใช้ทุกวิธีสืบข่าวของเหยียนจื่อเมิ่ง กระทั่งไม่ลังเลส่งคนลอบเข้าสำนักจักรพรรดิเหนือไปหลายครา ทว่าแม้ด้วยพลังของคนสกุลเหยียน ก็ยังไม่อาจพบเบาะแสใด ราวกับว่าโลกนี้ไม่เคยมีนางปรากฎอยู่.... พอคิดมาถึงตรงนี้ ความกลัวในใจของเย่หวูเฉินก็ขยายวงขึ้น เขากัดฟันแน่นชิดติดกัน ราวกับจะขบฟันให้แหลกลาน

สำนักจักรพรรดิเหนือ.... หากจื่อเมิ่งและลูกสาวข้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งสำนักกลายเป็นหมอกควัน หายสาบสูญไปจากโลกนี้!!

ลูกสาว.... เย่หวูเฉินยกมือขึ้นกุมอกตน สัมผัสหัวใจที่เต้นบ้าคลั่งอย่างทรมาน , เจ็บปวด , สั่นไหว และอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็น กลายเป็นว่าที่ผ่านมาเขาเคยไม่รู้ตัวว่ามีลูกสาว....

เจ้าต้องถือกำเนิดแล้วอย่างแน่นอน เจ้ากำลังรอข้าอยู่ที่ไหนสักแห่ง ใช่แล้ว.... ลูกสาวของข้าเย่หวูเฉิน ไหนเลยจะด่วนจากโลกนี้ไปง่ายๆ....

รอข้าก่อน.... ไม่ว่าเจ้าจะอยู่แห่งใด ต่อให้ต้องเดินทางข้ามโลก ต่อให้ต้องบุกสำนักจักรพรรดิเหนือเพียงลำพัง ข้าก็จะต้องพาเจ้ามาให้ได้!

มีมือเล็กๆนุ่มนวลและอบอุ่นสัมผัสใบหน้า หัวใจที่ปั่นป่วนของเขาพลันสงบเงียบลงทันที เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองมองโลกในแง่ร้าย ไม่อาจปล่อยตัวเองคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอดีต และเขาไม่อาจสูญเสียความสงบ เขากุมมือทงซินที่แตะอยู่บนใบหน้า หันไปหาฉู่ชางหมิงและกล่าวอย่างสงบ “ท่านปู่ฉู่ ข้าต้องไปแล้ว”

ฉู่ชางหมิงสังเกตสีหน้าของเขาอยู่ตลอด ดุจขุนเขาที่คอยมองเย่หวูเฉิน จู่ๆเขาก็สับสนขึ้นฉับพลัน จากนั้นกลับคืนความสงบด้วยความเร็วที่น่าตระหนก ฉู่ชางหมิงพยักหน้าและกล่าว “ไป...”

“รบกวนท่านช่วยปกป้องเสวี่ยเอ๋อร์และทงซินแทนข้าด้วย” เย่หวูเฉินวางทงซินลงจากอก เขาไม่อยากรอช้าเพียงวินาทีเดียว ชีวิตนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกระวนกระวาย เพราะหัวใจอีกดวงนั้นคือสายเลือดของเขาเย่หวูเฉิน

ทงซินที่ถูกวางลงพื้นยื่นมือออกมาจับชายเสื้อของเขาทันที นางมองหน้าและออกแรงสั่นศีรษะ เย่หวูเฉินย่อกายลง มองตานางและกล่าวอย่างจริงจังที่สุด “ทงซิน ฟังข้าให้ดีนะ อยู่ที่นี่และปกป้องเสวี่ยเอ๋อร์ มีเพียงให้เจ้าอยู่ข้างเสวี่ยเอ๋อร์เท่านั้นข้าถึงจะวางใจ และสามารถไปทำในสิ่งที่ข้าต้องทำ” เขาเผยรอยยิ้มบาง “วางใจเถอะ ครั้งนี้ข้าไปตามหาคน เป็นคนที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้าไม่ได้ไปฆ่าใครดังนั้นจึงไม่มีอันตราย ข้ารู้ว่าเจ้าอยากช่วยข้ามากถูกไหม? เจ้าอยู่ที่นี่คอยปกป้องเสวี่ยเอ๋อร์ก็ช่วยข้าได้มากแล้ว รู้หรือเปล่า?”

ทงซินไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายศีรษะ นางเพียงมองเขาอยู่อย่างนั้น

สำหรับทงซิน ชีวิตของเย่หวูเฉินสำคัญเทียมฟ้า นางจะไม่ยอมปล่อยให้เขาเผชิญอันตรายใด หลายวันก่อน เมื่อเย่หวูเฉินถูกสำนักจักรพรรดิใต้จับตัวไป นางยอมขัดคำสั่งและแอบตามไปเบื้องหลัง เย่หวูเฉินมองตานางอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงแข็งใจกล่าว “ทงซิน หากตอนนี้เจ้าไม่เชื่อฟังข้าอีก ข้าจะโกรธเจ้ามาก.... พลังของเจ้ายังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ จึงยังไม่อาจช่วยข้าได้ ไม่ว่าข้าจะไปแห่งใดก็สามารถหลบหนีได้ทันทีโดยเซียงเซียง แต่หากเจ้าไปด้วยมีแต่จะทำให้ข้ายุ่งยากขึ้น เข้าใจมั้ย?” เขาหยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวคำที่โหดเหี้ยมต่อจิตใจ “หากครั้งนี้เจ้าไม่เชื่อฟัง ต่อไปข้าจะไม่กอดเจ้าอีก”

ทงซินพอได้ยินคำนี้ก็ตระหนก ใบหน้าหิมะเริ่มแตกตื่น เย่หวูเฉินเจ็บปวดในหัวใจ เขากอดนางไว้และกระซิบ “เด็กดี.... ข้าจะรีบกลับมา จะรีบกลับมา”

“อื้ม ข้ากับพี่ทงซินจะเชื่อฟังและรอท่านพี่อยู่ที่นี่ แต่ว่าตกลงกันแล้วนะ ท่านจะต้องรีบกลับมา” ไม่ทราบว่าเมื่อใด ตอนนี้หนิงเสวี่ยยืนอยู่หน้าประตูกระท่อมมุงหลังเล็ก นางกระพริบตาเล็กน้อยไร้ความงัวเงีย และส่งยิ้มมาให้

จุดเปราะบางในหัวใจของเย่หวูเฉินถูกสัมผัสอ่อนโยน เขาจูงมือทงซินแล้วเดินมาหาหนิงเสวี่ย จับมือน้อยๆของพวกนางไว้ด้วยกัน กล่าวคำบางเบาแต่หนักแน่น “ข้า.... จะไปพาพี่หญิงเมิ่งของเจ้ากลับมา ในอีกไม่ช้า....”

เขาจูบหน้าผากของหนิงเสวี่ยและทงซินอย่างแผ่วเบา หันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้ฉู่ชางหมิง จากนั้นเรียกเซียงเซียงออกมาและกล่าวเสียงเบา “ไปอาณาจักรคุยชุยกัน”

แสงขาวแผ่คลุมร่างของเย่หวูเฉินและสาวน้อยขนาดพกพาเซียงเซียง ฉู่ชางหมิงมองตรงตำแหน่งที่เย่หวูเฉินหายตัวไป เนิ่นนานที่เขาไม่อาจกล่าวคำ สีหน้าท่าทางครุ่นคิด หนิงเสวี่ยและทงซินมองค้างอยู่เนิ่นนานเช่นกัน ทันใดนั้นหนิงเสวี่ยก็จับมือทงซินขึ้นมา หัวเราะร่าเริงและกล่าว “พี่ทงซิน มาเร็ว.... ท่านพี่ไปแล้วและเอาผลไม้ที่พวกเราเก็บในวันนั้นไปด้วย พวกเราไปเก็บลูกใหม่กันเถอะ ฮี่ ฮี่”



<<<PREV    .    NEXT>>>