วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 374

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 374 โล่สังหารเทพ

แรงกดดันจากหอกที่พุ่งไปยังฉุ่ยหยุนหลันน่ากลัวอย่างมาก กล่าวได้ว่าจนถึงตอนนี้นี่เป็นการโจมตีที่แรงสุดของเจวี๋ยเทียน แม้ว่าหอกจะบินเข้าใส่ฉุ่ยหยุนหลันอย่างเห็นได้ชัด ทว่าทุกคนกลับรู้สึกราวกับมันพุ่งเข้าใส่ลำคอตนเอง ม่านตาหดและขยายด้วยความกลัว.... พวกเขาไม่สงสัยเลยว่า หากฉุ่ยหยุนหลันที่มีพลังเทวะถูกหอกนี้เข้า เขาย่อมดับดิ้นโดยไร้ข้อกังขา ทว่าฉุ่ยหยุนหลันเข้าจู่โจมโดยไม่รั้งพลัง ฉะนั้นไหนเลยเขาจะหลบหอกที่พุ่งเข้ามาเร็วรุดได้....

ฉับพลันนั้นราวกับเวลาเคลื่อนช้าลง ทุกสายตาจับจ้องที่เจวี๋ยเทียน มองอย่างสิ้นหวังยังหอกยาวที่ล้อมด้วยสายฟ้าสีม่วง มันพุ่งเข้าหาฉุ่ยหยุนหลันที่บินตรงเข้ามา.... ปลายหอกแทงถูกอกโดยไม่ถูกหยุดยั้งใดๆ.... ในขณะเดียวกัน สองหมัดของฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานถูกคว้าไว้ในมือของเจวี๋ยเทียนที่แค่นเสียงเย็นเหยียดหยัน เกิดเสียงแตกจากมือสองข้างของฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานที่ถูกบีบแน่น ราวกับมันบีบไม้ผุๆอยู่ หลังจากที่เจวี๋ยเทียนทำลายมือของทั้งสองลง ฉับพลันกลับมีกลิ่นอายอันตรายพุ่งเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูงลิ่ว เจวี๋ยเทียนหันศีรษะไปมอง ก็เห็นเป็นปลายหอกหมุนควงขยายใหญ่ขึ้นในดวงตา จากนั้นมันปักเข้าที่อก

เจวี๋ยเทียนปล่อยมือสองข้างที่รับมือฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานไว้ออกทันที ปากพ่นหมอกโลหิตออกมากลุ่มหนึ่ง ร่างใหญ่โตราวใบไม้ร่วงปลิวตามกระแสลมแรง ในเวลานี้เอง ในหูของผู้คนได้ยินเสียงตะโกนลั่น “พันไว้!”

ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้สะดุ้งขึ้นราวกับตื่นจากฝัน พลังหยกวารีโคจรอย่างรวดเร็ว ร่างของเจวี๋ยเทียนถูกพันไว้ในค่ายกลอลม่านหยกวารีอย่างแน่นหนา มันเพิ่งบอบช้ำจึงยังไม่ทันรวมพลัง และไม่อาจขยับเคลื่อนในช่วงเวลาสั้นๆ ไร้โอกาสให้หลบหนี ในมือของฉุ่ยหยุนหลันปรากฎแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหนึ่งเมตร ดูราวกับแผ่นน้ำแข็งสีฟ้าบางที่แข็งดุจเหล็ก ฉุ่ยหยุนหลันจับแผ่นน้ำแข็งไว้ในมือมั่นอย่างไร้อารมณ์ ฉับพลันมันเปล่งแสงเรืองรองบดบังแผ่นฟ้า

โลกหล้าเปลี่ยนสีในทันที แสงฟ้าสว่างจ้าทั่วหล้าในยามนี้ มันบดบังสีอื่นจนเลือนลง ผืนแผ่นดินเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ทุกสิ่งที่เห็นถูกปกคลุมโดยสมบูรณ์ มีเพียงเส้นขอบเท่านั้นที่มองเห็นในโลกสีฟ้านี้

แหล่งกำเนิดของแสงฟ้ามาจากแผ่นน้ำแข็งที่ปลดปล่อยพลังขึ้นสู่ฟ้า พลังลำแสงตัดอากาศ ทำลายมิติ พุ่งเข้าใส่เจวี๋ยเทียนที่สูญเสียการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ.... เสียงร้องลั่นดังสนั่นในหูผู้คน แต่ละคนสั่นสะท้านจนแทบเป็นลม

ทั่วผืนทวีปเทียนเฉิน แต่ละมุมสามารถมองเห็นแสงฟ้าพุ่งขึ้นนภาในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรเทียนหลง มันตั้งฉากกับเส้นขอบฟ้า และไม่ได้หายไปทันที แต่คงอยู่อย่างต่อเนื่อง แสงฟ้าเชื่อมจากนภาสู่ผืนดิน เหล่ายอดฝีมือแห่งมหาทวีปต่างเผยสีหน้าตื่นตะลึง

“พลังหยกวารี คิดไม่ถึงว่าสำนักจักรพรรดิใต้จะถูกบีบคั้นให้ต้องใช้โล่หยกวารีสังหารเทพ” เหยียนต้วนหุนยืนอยู่เหนือหลังคา จ้องมองไปยังสถานที่ห่างไกลที่ปรากฎเส้นสีฟ้า หัวคิ้วมุ่นชิดกันแน่น เขาจะไม่รู้จักพลังหยกวารีของสำนักจักรพรรดิใต้ได้อย่างไร เช่นเดียวกับโล่หยกวารีสังหารเทพของสำนักจักรพรรดิใต้ ในการต่อสู้ของสองสำนักตลอดหลายพันปี แม้ว่าไม่ปรากฎผลแพ้ชนะ ทว่ากลยุทธและไพ่ในมือล้วนรู้จักแทบทั้งหมด นี่ยังเป็นเหตุผลที่ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าแตะต้องล้ำเส้นสุดท้ายต่อกัน

“ดูเหมือนสำนักจักรพรรดิใต้กำลังเผชิญกับศัตรูน่าหวาดหวั่นบางอย่าง หรือว่าจะเป็นสำนักมาร?” เหยียนเทียนอ้าวที่อยู่ใกล้ๆแหงนศีรษะขึ้น ใบหน้าตกตะลึงไม่ต่างกัน

“สำนักมาร? เฮอะ.... หากสำนักจักรพรรดิใต้คิดกำจัดสำนักมารจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว การใช้วิธีนี้ย่อมเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คิดว่าจักรพรรดิมารจะบ้าพอยั่วยุสำนักจักรพรรดิใต้ด้วยตนเอง ในความเห็นของข้า นี่ดูเหมือนแผนการที่จักรพรรดิมารวางไว้....เดี๋ยวนะ!” สีหน้าของเหยียนต้วนหุนกลับกลายทันที น้ำเสียงยังแฝงแววสั่นสะท้านอย่างคาดไม่ถึง “ไม่ใช่แล้ว.... นี่เป็นพลังของโล่หยกวารีสังหารเทพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่วิถีของมันกลับยิงเป็นเส้นตรงขึ้นฟ้า.... พูดอีกอย่างก็คือ สำนักจักรพรรดิใต้กำลังใช้โล่หยกวารีสังหารเทพเพื่อจู่โจมคนเพียงผู้เดียว!”

เหยียนเทียนอ้าวดวงตาเบิกกว้างฉับพลัน คนทั้งสองหันหน้ามามองกัน จากนั้นหันศีรษะมองไปยังลำแสงสีฟ้าที่ค่อยๆจางลง ในใจเกิดคลื่นกระเพื่อมแตกตื่นเป็นเวลานานไม่อาจสงบลง

คนเพียงผู้เดียว.... แท้จริงแล้วเป็นใครกันที่สามารถบีบคั้นสำนักจักรพรรดิใต้ได้ถึงระดับนี้!

....................

.....................

ลำแสงสีฟ้าจางลง โลกหล้าโดยรอบกลับคืนสู่สภาพสีปกติ ทว่าโล่หยกวารีสังหารเทพในมือของฉุ่ยหยุนหลันยามนี้หม่นแสงลง ดูหมองมัวราวกับแผ่นหิน มันร่วงออกจากมือของฉุ่ยหยุนหลันตกลงสู่พื้น วางทอดบนผืนดินใกล้ๆกระจกอีกแผ่นที่มีรอยร้าวบนพื้นผิว

กระจกที่ชื่อว่ากระจกสังสาระหยกวารีคือหนึ่งในสมบัติล้ำค่าสูงสุดของสำนักจักรพรรดิใต้ ฉุ่ยหยุนหลันใส่กระจกแผ่นนี้ไว้ตรงอก และกัดฟันรับการโจมตีของเจวี๋ยเทียนโดยตรง มันสะท้อนพลังกลับอย่างสมบูรณ์.... ทว่าพลังของเจวี๋ยเทียนแกร่งกล้าเกินไป สมบัติล้ำค่าของสำนักจักรพรรดิใต้ที่ไม่ได้ใช้งานมานาน กลับถูกทำลายลงโดยง่าย หากต้องการฟื้นสภาพมันกลับคืน ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลากี่ปีในการบรรจุพลังหยกวารีลงไป


คนที่มีพลังหยกวารีจะไม่ถูกพลังของโล่หยกวารีสังหารเทพทำร้ายโดยตรง โล่หยกวารีสังหารเทพปลดปล่อยพลังสะเทือนฟ้า ทว่าพวกเขาไม่รู้สึกถึงความแตกต่างใดๆ ยามนี้เมื่อลืมตามองยังบริเวณรอบๆตัว พวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า.... ทุกสิ่งโดยรอบกลายเป็นผืนว่างเปล่า นอกจากผู้คนที่ยืนอยู่ ในสายตายามนี้ไม่อาจเห็นสิ่งใดที่โผล่พ้นผืนดิน

แม้ว่าพลังทำลายปฐพีนี้จะถูกปล่อยขึ้นฟ้า ทว่าคลื่นพลังสะท้อนยังคงทำลายทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบ

พลังหยกวารีอ่อนจางและหายไป แสงฟ้าในอากาศค่อยๆคลายลง มองขึ้นไปกลายเป็นผืนว่างเปล่า กระทั่งก้อนเมฆยังไม่อาจมองเห็น ราวกับว่ามันถูกทำลายโดยพลัง เจวี๋ยเทียนที่พวกเขาหวาดหวั่นได้หายตัวไป กระทั่งกลิ่นอายแห่งเทพยังไม่อาจสัมผัสได้อีก

ผู้คนแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าแสดงความดีใจราวกับได้เกิดใหม่ พวกเขาส่วนใหญ่ทรุดนั่งลงบนพื้นหอบหายใจ พวกเขาไม่ได้เหน็ดเหนื่อย ทว่ากดดันในสถานการณ์เป็นตายอยู่นานเนิ่น ประสาทสัมผัสที่หดเกร็งจึงผ่อนคลายได้ในที่สุด หมู่ตึกขุนเขาจักรพรรดิใต้ถูกทำลายไปส่วนใหญ่ สำนักจักรพรรดิใต้รับมือศัตรูน่าหวาดหวั่นจึงไม่อาจยั้งมือได้อีก แม้หมู่ตึกขุนเขาจักรพรรดิใต้จะถูกทำลาย แต่ตราบใดที่ผู้คนยังคงอยู่ สำนักจักรพรรดิใต้ก็ยังไม่ถือว่าสูญสิ้น

พวกเขาตื่นเต้นเพียงชั่วขณะหลังหายนะ เมื่อมองไปโดยรอบพวกเขาได้แต่เศร้าใจอย่างไม่อาจอดได้ หายนะ? ถูกต้อง มันคือหายนะสำหรับสำนักจักรพรรดิใต้อย่างไม่ต้องสงสัย หายนะที่เกือบทำให้พวกเขาสูญเสียทุกสิ่ง หากสาเหตุของหายนะนี้กลับเป็นสิ่งที่พวกเขายากจะยอมรับมัน ศัตรูที่พวกเขาไม่เคยประสบมาก่อนซึ่งอาจเป็นเทพจากทวีปเทวะ กลับยกเหตุผลเข้าใจผิดที่พวกตนไม่อาจโต้เถียง พวกเขาไม่เคยได้ยินนามองค์หญิงเฮยเย่มาก่อน ไม่มีใครรู้จักว่านางเป็นใคร ไม่รู้ว่าใครในสำนักจักรพรรดิใต้ที่ทำให้มันเข้าใจผิด จนนำมาสู่หายนะที่เจ็บปวดถึงเพียงนี้

“ท่านประมุข ท่านเป็นยังไงบ้าง?” ฉุ่ยเสวียนฟงก้าวเท้าอย่างเหนื่อยอ่อนมายังฉุ่ยหยุนหลัน เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แขนซ้ายของเขาห้อยหลวม เห็นได้ชัดว่าไม่อาจใช้งานได้อีก มือขวากุมแขนซ้ายที่ดูคล้ายกับมีเลือดไหล แสงฟ้าบางเบาโคจรออกมาเพื่อรักษาบาดแผล

“ข้าไม่เป็นไร” ฉุ่ยหยุนหลันสั่นศีรษะ จากนั้นมองไปยังจุดที่เจวี๋ยเทียนเคยอยู่ สีหน้าราบเรียบไร้คำบรรยาย เขาพึมพำกล่าว “ปีนี้ สมควรเป็นปีแห่งการดำเนินเรื่องใหญ่ คิดไม่ถึงว่าหายนะจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง.... ตอนแรกก็สำนักมาร จากนั้นสตรีเทพพิโรธ และตอนนี้ ทุกสิ่งแทบจะถูกทำลายสิ้น....” เขาถอนหายใจยาว กล่าวคำพึมพำอย่างเลื่อนลอย “กระบี่ตัดดาราปรากฎ คันศรบาปวิบัติปรากฎ บ่งบอกว่าคำสั่งของบรรพชนไม่ใช่เรื่องหลอกลวง.... บรรพชนเคยสั่งสอน ว่าหากฟังคำสวรรค์ย่อมอำนวยพร หากฝ่าฝืนย่อมถูกสวรรค์ลงทันฑ์.... หรือพวกเราจะทำผิดพลาดจริงๆ?”

ฉุ่ยเสวียนฟงเมื่อได้ยินก็ส่ายศีรษะหนัก กล่าวคำอย่างขึงขัง “ท่านประมุข ท่านอย่าได้คิดเช่นนั้น ในเมื่อฟ้ากำหนดให้สำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเราต้องประสบหายนะ ไหนเลยจะมีทางหลีกเลี่ยงหรือซ่อนตัว สำนักจักรพรรดิใต้ยามนี้มีสิ่งที่ต้องทำ คือนำทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ เรื่องอื่นนั้น....” ฉุ่ยเสวียนฟงลดเสียงลงและกล่าวช้าๆ “พวกเรามีทางหลีกเลี่ยงหรือ?”

ฉุ่ยหยุนหลัน “......”

ฉุ่ยเสวียนฟงหยิบโล่หยกวารีสังหารเทพที่สิ้นพลังขึ้นมาจากพื้น รวมถึงกระจกสังสาระหยกวารีที่แตกร้าว เขากล่าว “โล่นี้มีนามว่า ‘สังหารเทพ’ และชื่อของมันไม่นับว่าไม่เกินเลย ท่านประมุข มันผู้นั้นคือเทพเท้จริง ทว่ายังคงตกตายด้วยน้ำมือพวกเราสำนักจักรรดิใต้ สวรรค์ลงทัณฑ์งั้นรึ? แม้คำนี้จะถูกสืบทอดกันมา ต่อให้เป็นสวรรค์ลงทัณฑ์จริงๆ ตอนนี้พวกเรายังต้องกลัวสิ่งใด?”

“เสวียนฟงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” ฉุ่ยม่านชานเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ร่างกายมีสภาพน่าอนาถเช่นเดียวกัน เขากล่าว “ท่านประมุขโปรดอย่าคิดแบบนั้นอีกเลย สำนักของพวกเราประสบหายนะภัยปานนี้ หมู่ตึกขุนเขาถูกทำลายจนสิ้น.... แต่นั่นยังหมายถึงสำนักจักรพรรดิใต้กำลังจะถูกสร้างขึ้นใหม่ ล้มลงเพื่อที่จะหยัดยืนขึ้น เมื่อเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นลางดีก็ได้”

แหมะ

แหมะ

ของเหลวเย็นเยียบสองหยดร่วงจากอากาศ ตกลงบนหน้าของฉุ่ยม่านชาน ฉุ่ยมานชานเช็ดออกอย่างไม่ใส่ใจ สายตามองดูโดยไม่รู้ตัว เขากลับพบว่าที่นิ้วของตัวเองเป็นสีแดงโลหิต เขาสะดุ้งและเงยศีรษะขึ้นทันที หากรูม่านตากลับต้องหดลีบลงเท่ารูเข็ม

ปึก!

หอกยาวที่ล้อมรอบด้วยสายฟ้าพุ่งลงมาจากอากาศ มันปักเข้าศีรษะของฉุ่ยม่านชานและทะลุลงพื้น ทะลวงผ่านร่างกายและหัวใจที่เยียบเย็น จนเขาสิ้นลมอยู่บนพื้นทันที

ทันใดนั้น ผู้คนต้องหัวใจไหววูบ สิ่งที่พวกเขาตกใจไม่ใช่การตายของฉุ่ยม่านชาน ทว่าเป็นฝันร้ายจากหอกสีม่วง แรงกดดันท่วมทับในอกจนแทบไม่อาจหายใจ เงาทะมึนปรากฎขึ้นในใจของพวกเขา ผู้คนค่อยๆแหงนศีรษะขึ้น รวบรวมความกล้ามองไปยังท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบน

แหมะ.... แหมะ....

โลหิตสีแดงก่ำยังคงหยดลงเป็นจังหวะ ในโลกอันเงียบงัน มีเพียงเสียงหยดของเหลวที่ดังสะท้อน

เจวี๋ยเทียน!



<<<PREV    .    NEXT>>>