วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 345

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 345 เจอเส้นฉกวิญญาณอีกครั้ง

เย่หวูเฉินพาเล่งหยาบินขึ้นสูงโดยไม่กล่าวคำ เล่งหยาผู้ประหยัดคำพูดย่อมยากที่จะเอ่ยปากก่อน เย่หวูเฉินครุ่นคิดอย่างกังวลขณะที่บินไป ตรงไปตามทิศทางอย่างเงียบงัน หลังผ่านมาได้ระยะไกล โดยรอบก็กลายเป็นหมอกหนาผืนใหญ่ ราวกับอยู่กลางทะเลไม่เห็นสิ่งใด เย่หวูเฉินตรงไปเบื้องหน้า ใช้ความรู้สึกนำทางสู่จุดหมายอย่างรวดเร็ว

ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ผ่านมานับสิบลี้ ตลอดทางสงบเงียบไร้สิ่งก่อกวน ทว่าเมื่อมาถึงใจกลางหนองน้ำ ทันใดนั้นก็มีเส้นสีดำพุ่งขึ้นมาทันที ราวกับสายฟ้าสีดำที่ทำให้เย่หวูเฉินไม่ทันตั้งตัว

เจ้าเส้นสีดำนี้มีขนาดประมาณนิ้วก้อย มันพุ่งขึ้นจากโคลนด้วยความเร็วยิ่ง ปรากฎราวกับเส้นหมึกดำ มันยาวน้อยกว่าครึ่งเมตร เย่หวูเฉินลอยสูงขึ้นไปนับสิบเมตร มันกลับพุ่งจากหนองน้ำขึ้นมาถึงได้ และกัดเข้าตรงแขนของเย่หวูเฉินจนตื่นจากภวังค์ความคิด แสงสะท้อนจากเขี้ยวขณะที่มันกัดแขน เย่หวูเฉินเห็นรูปร่างมันชัดในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นข้อมูลจาก ‘เนตรวิญญาณ’ เขาก็หยุดบินทันที ยื่นมือราวสายฟ้า จับจุดเจ็ดนิ้วของมันเอาไว้

เทียบกับงูทั่วไปแล้ว มันเป็นงูที่มีขนาดเล็กมาก ทว่าจุดเจ็ดนิ้วก็ยังคงเป็นจุดอ่อนของมัน

เส้นฉกวิญญาณ : อสูรสวรรค์ชั้นสูง สัตว์อสูรประเภทงู เชี่ยวชาญในการปกปิดกลิ่นอาย มีพิษร้ายแรงสุดขั้ว หากผู้ถูกกัดมีพลังต่ำกว่าขอบเขตเทวะ ผู้นั้นจะหมดสติทันทีและตายภายในหนึ่งนาที เพราะความรวดเร็วที่ประดุจสายฟ้า มีคนไม่มากนักที่สามารถหลบพ้นหรือจู่โจมถูกมัน ผู้ที่รู้จักอสูรชนิดนี้เมื่อได้พบเห็นมัน พวกเขาจะรีบออกห่างและหนีให้ไกลทันที จุดอ่อนของมันคือร่างที่เปราะบางอย่างยิ่ง ปัจจุบันในทวีปเทียนเฉินเหลืออสูรชนิดนี้อยู่เพียงตัวเดียว แต่กระนั้นมันก็ยังน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

เส้นฉกวิญญาณ....

นี่คือสัตว์อสูรที่เย่หวูเฉินเคยพบเมื่อครั้งเข้ามายังดินแดนสาบสูญเป็นหนแรก ร่างกายของมันเปราะบางอย่างมาก แทบไม่ต้องใช้พลังใดก็สามารถทำลายมันได้ง่ายดาย แต่เนื่องจากมันมีพิษที่รุนแรง และความเร็วที่ยิ่งยวด มันจึงถูกจัดเป็นอสูรสวรรค์ชั้นสูง เย่หวูเฉินยังคงจดจำอสูรวิญญาณตัวนั้นได้ดี หลังจากที่มันถูกฉกเข้าครั้งหนึ่ง เพียงสิบอึดใจมันก็กลายเป็นซากไร้ชีวิตสีดำ

ฟับ....

ตามมาด้วยเสียงลมกรีด เล่งหยาเพิ่งจะตอบสนองต่อเจ้างูดำตัวเล็กนี้ กระบี่คร่าสายลมกำลังจะตัดครึ่งลำตัวมัน ฉับพลันมันก็ดิ้นรนเพื่อหวังมีชีวิตรอด เย่หวูเฉินกระซิบเสียงเบา “อย่าทำร้ายมัน”

ถูกกัดโดยเส้นฉกวิญญาณ มีเพียงพลังเทวะเท่านั้น ไม่อย่างนั้นร่างกายจะกลายเป็นสีดำและตกตายในไม่กี่อึดใจ เย่หวูเฉินจับจุดอ่อนของมันโดยไร้ความกลัว หลายอึดใจผ่านไปผิวหนังก็ยังไม่เปลี่ยนสี ในที่สุดมันก็เริ่มดิ้นรนอย่างตระหนก

พลังหวูเฉินเคลื่อนโคจร รักษาแผลกัดสองรูที่แขนแทบทันที เย่หวูเฉินจับมันไว้มั่น มุมปากยิ้มหยัน โชคชะตาช่างยอดเยี่ยม เมื่อเขามาที่นี่ครั้งแรกและถูกมันโจมตี ตอนนั้นทงซินมาถึงจนมันเกือบเอาชีวิตไม่รอด มันรีบหนีไปอย่างบ้าคลั่ง สามปีต่อมาเมื่อกลับมายังดินแดนสาบสูญ เขาก็ยังเจอเจ้าเส้นฉกวิญญาณโจมตีอีกครั้ง ทั้งที่มันเหลือเพียงตัวเดียวในทวีปเทียนเฉิน สิ่งที่ต่างจากคราวก่อนก็คือ ตอนนั้นมันพลาดแต่ตอนนี้มันทำสำเร็จ ทว่าอย่างไรมันก็เสร็จอยู่ในมือเขาอยู่ดี

ลักษณะเฉพาะของเส้นฉกวิญญาณ : มีพิษร้ายแรงไร้ที่เปรียบ รวดเร็วดุจสายฟ้า.... ชอบรังแกผู้อ่อนแอ หวาดกลัวผู้เข้มแข็งจนเหนียมเป็นกระต่าย

ในดินแดนสาบสูญ เป้าหมายที่หลบการจู่โจมของมันได้มีน้อยยิ่ง เมื่อใดที่ถูกมันกัด ย่อมหมายถึงความตายอย่างน่าอนาถ ดังนั้น แม้ว่าเจ้าเส้นฉกวิญญาณมีร่างกายที่อ่อนแอ ทว่าทุกแห่งที่มันไปเยือน เหล่าอสูรวิญญาณและอสูรสวรรค์จะถอยห่างออกไป มีกระทั่งที่วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง หากนี่เป็นครั้งแรกที่มันถูกเหยื่อของตัวเองล่อลวง อสูรสวรรค์มีสติปัญญาที่ฉลาด มันรู้ถึงสภาพอ่อนแอของร่างกายตัวเอง รู้ว่าคนที่ไม่เกรงกลัวพิษของมันย่อมไม่ใช่คนธรรมดา และรู้ว่าหากเขาออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็สามารถขยี้ร่างของมันและเอาชีวิตได้

ดวงตาเล็กๆของเจ้าเส้นฉกวิญญาณฉายแววตระหนกที่แทบไม่อาจสังเกต ปากงูของมันอ้าส่งเสียง “ฟ่อ ฟ่อ” เย่หวูเฉินเพียงมองและไม่กล่าวคำใด เขาค่อยเพิ่มแรงบีบขึ้นทีละน้อย แม้สามารถพรากชีวิตมันได้ในทันที แต่เขาต้องการให้มันค่อยๆหวาดกลัวขึ้น จนกระทั่งทำลายปราการจิตใจของมันลง

เจ้างูบิดร่างทุรนทุราย แต่ละส่วนสั่นกระตุกอย่างรุนแรง เย่หวูเฉินยังคงนิ่งงัน มีเพียงมือที่บีบแน่นขึ้นช้าๆ

ความตายเริ่มใกล้มาเยือนขึ้นเรื่อยๆ เจ้าเส้นฉกวิญญาณดิ้นรนจนอ่อนแรง ปากงูอ้ากว้างจนยากจะหุบ ดวงตาตื่นตระหนกสองข้างกลายเป็นหม่นลง ร่างของมันฉับพลันกลายเป็นอ่อนปวกเปียก มีเพียงหางเล็กๆที่แกว่งไกวเล็กน้อย ในดวงตาฉายแวววิงวอนดุจผู้ต่ำต้อย

เวลานี้เอง เย่หวูเฉินแค่นเสียงเย็นและคลายมือขวา แม้ว่ายังจับมันไว้ไม่ให้ไปไหน แต่น้ำหนักที่บีบอยู่ไม่ได้ถึงขั้นจะเอาชีวิตมัน

เจ้าเส้นฉกวิญญาณมีเพียงพิษไว้ป้องกันตน อาจรวมอีกหนึ่งทักษะพิเศษคือการแกล้งตายเพื่อหลบหนี ทว่าเมื่อพิษของมันไม่มีผลใดต่อเย่หวูเฉิน และตอนนี้ยังถูกจับเอาไว้ในมือ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี มันดิ้นรนใกล้ตายจนสุดท้ายเริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง มันฉลาดเลือกก้มหัวงูลงตรงหน้าเขา เป็นการแสดงท่าทางว่าขออภัย แม้ว่าความฉลาดของมันยังไม่อาจเทียบเท่ามนุษย์ แต่ว่าก็ห่างกันไม่มากนักแล้ว

เย่หวูเฉินยกมือซ้ายขึ้นมาพร้อมกล่องเหล็กที่เรียกออกจากแหวนเทพกระบี่ เอามือเปิดฝาออก แล้วยื่นเจ้าเส้นฉกวิญญาณไปที่กล่อง เขาคลายมือและส่งเสียงสั่งมัน “เข้าไป”

เจ้าเส้นฉกวิญญาณเข้าใจเจตนาของเย่หวูเฉินในทันที ทั่วร่างของมันสั่นสะท้าน มันเป็นสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ ในดินแดนสาบสูญไม่มีใครกล้ารบกวนมัน ราชันแห่งอสรพิษต้องมาอยู่ในกล่องเหล็ก กลายเป็นทาสของมนุษย์.... หัวใจมันแทบไม่อาจทานทน และเริ่มเกิดความคิดที่จะหลบหนี ทว่าพอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เกือบตาย ในที่สุดมันก็ต้องระงับความคิดหลบหนีด้วยความกลัว เลื้อยลงไปขดม้วนอยู่ในกล่องเหล็ก ร่างของมันทั้งผอมบางและสั้น พื้นที่เท่ากำปั้นก็เพียงพอให้มันอยู่อย่างสบาย เย่หวูเฉินปิดฝากล่องลง เก็บกลับใส่แหวนเทพกระบี่ แล้วกล่าวกับเล่งหยา “ไปกันเถอะ”

พลังหวูเฉินสามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่าง ความสามารถในการละลายของมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับพลังหยกวารีของสำนักจักรพรรดิใต้ พิษร้ายแรงเพียงใดก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อย

เล่งหยามองเขาทำเรื่องทั้งหมดนี้อย่างเงียบงัน ใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนแต่ต้น มีเพียงในใจที่กระเพื่อมไหว

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เย่หวูเฉินก็กลับมาบินต่อด้วยความเร็วอีกครั้ง เขามองตรงไปเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก จับแขนเล่งหยาและพุ่งขึ้นฟ้า ราวกับศรธนูเพลิงที่พุ่งตรงสู่ฟ้า พริบตาก็สูงเสียดราวกับจะปะทะเข้ากับเมฆ

จากนั้น เย่หวูเฉินก็หยุดบินกลางอากาศ ลอยนิ่งใช้สายตาที่ไม่อาจเรียกว่าเป็นของมนุษย์ปกติ จากอากาศเบื้องบน เขาเห็นฉากทุกอย่างใต้เท้าถนัดตา เบื้องล่างสายตานั้น เป็นบ้านขนาดใหญ่กระจายอยู่รอบรัศมีหลายร้อยเมตร 

“ตรงหน้าของพวกเรา คือสำนักจักรพรรดิเหนือ” เย่หวูเฉินมองไปตรงหน้าและกล่าวอย่างเงียบงัน จากมุมมองที่เขามองเห็น สำนักจักรพรรดิเหนือมีขนาดใหญ่กว่าสำนักจักรพรรดิใต้อยู่เล็กน้อย ทว่าผังการจัดวางและสถาปัตยกรรมกลับเป็นรูปแบบเดียวกัน ในความเรียบง่ายมีความกดดันหนักแน่นอยู่ เมื่อมองดูอย่างละเอียด นอกจากด้านหลังที่เป็นหนองน้ำแล้ว รอบบริเวณบ้านเรือนขนาดใหญ่ของสำนักจักรพรรดิเหนือถูกล้อมด้วยบางสิ่งที่เป็นสีแดงหนาอยู่ พื้นที่สีแดงตรงนั้นสมควรเป็น ‘ผงเพลิงวิญญาณ’ ที่เหยียนกงลั่วพูดถึง มีเพียงพลังเพลิงวิญญาณเท่านั้นถึงจะผ่านมันได้ ด้วยผงเพลิงวิญญาณนี้ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์อสูรย่อมไม่กล้าเข้าใกล้แม้เพียงครึ่งก้าว

เทียบกับสำนักจักรพรรดิใต้ที่ล้อมรอบด้วยหมอกพิษหยกวารี ปราการป้องกันของสำนักจักรพรรดิเหนือถือว่าแข็งแกร่งกว่าอยู่หลายส่วน ทว่ามันมีจุดอ่อนอันเด่นชัดคือไม่อาจป้องกันการเข้ามาทางอากาศเหมือนสำนักจักรพรรดิใต้ แต่ในทวีปเทียนเฉินผู้ที่บินได้จะมีสักกี่คน? ในคนเหล่านั้นจะมีใครบ้างที่บ้าพอยั่วยุสำนักจักรพรรดิเหนือ?

กล่าวโดยสรุปก็คือ การป้องกันของสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือต่างก็มีข้อดีเฉพาะตน ไม่อย่างนั้น ด้วยพลังของพวกเขา ปราการลึกลับเหล่านี้ย่อมไม่อาจต้านทานได้

“รู้หรือไม่ว่าเหตุใดครั้งนี้ข้าถึงพาเจ้ามาด้วย?” เย่หวูเฉินเอ่ยถาม

เล่งหยาสั่นศีรษะ นี่คือสิ่งที่เขาสงสัยแต่ไม่เคยถาม เพราะเย่หวูเฉินอธิบายกับฉู่จิงเทียนด้วยเหตุผลที่ไม่กระจ่าง

ใบหน้าของเย่หวูเฉินกลายเป็นภาคภูมิและกล่าวอย่างจริงจัง “เดิมทีข้าต้องการเข้าไปยังสำนักจักรพรรดิเหนือเพียงลำพัง แม้ว่าข้าตัดสินใจเช่นนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะสำเร็จ สำนักจักรพรรดิเหนืออย่างไรก็ไม่ใช่พวกธรรมดา ทว่า....” เย่หวูเฉินสีหน้าจริงจังขึ้น “พลังของข้าบอกว่าหากงานนี้ขาดเจ้าจะไม่สำเร็จ ในขณะเดียวกัน นี่ถือเป็นประสบการณ์สำหรับเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

เมื่อเย่หวูเฉินตื่นขึ้นจากการหลับไหลนับสิบปี เขามีพลังแห่งธาตุวารี , อัคคี , วายุ , อัสนี , ปฐพี , มรณะ และจิตใจรวมเป็นเจ็ดอย่าง และด้วยการช่วยเหลือของมังกรเพลิงฟ้ารวมถึงมุกสลายวายุ ทำให้พลังอัคคีและพลังวายุตื่นอย่างสมบูรณ์ ธาตุใหญ่อีกห้ายังตื่นขึ้นมาเพียงครึ่งเดียว ทว่าเพียงเท่านี้ พลังจิตใจที่ตื่นขึ้นครึ่งหนึ่งก็ช่วยเขาได้มากแล้ว เขาปรารถนาให้พลังจิตใจตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ตลอดมา มันเป็นพลังที่ลึกลับอย่างยิ่ง.... อย่างน้อย ด้วยทักษะการล่วงรู้อนาคตอันเลือนราง ก็เพียงพอเป็นพลังให้เขาต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์

เผชิญหน้ากับเย่หวูเฉินที่กล่าวคำคลุมเครือ เล่งหยาไม่แปลกใจหรือสับสนใดๆ เขาเพียงพยักหน้าด้วยความหนักแน่น



<<<PREV    .    NEXT>>>