วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 373

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 373 ค่ายกลอลม่านหยกวารี (2)

“ค่ายกลอลม่านหยกวารี?”

เสียงตะโกนลั่นของฉุ่ยเสวียนฟงดังไปทั่วสำนักจักรพรรดิใต้ รวมทั้งดังไปถึงหูของเย่หวูเฉิน เขาทวนคำชื่อนี้ที่เพิ่งเคยได้ยิน จากนั้นเคลื่อนเท้าไปยังผนังชื้น นั่งลงเอาหลังพิง วางทงซินไว้บนตักและกอดนางไว้แน่นอย่างเงียบงัน

เมื่อเห็นเย่หวูเฉินกล่าวคำ ฉุ่ยหยุนเทียนที่ระงับกลิ่นอายก็ระบายลมหายใจออกเงียบๆ เขาเคลื่อนเท้ามานั่งลงถัดจากเย่หวูเฉินอย่างเงียบงัน จากนั้นกล่าวด้วยคิ้วมุ่น “ค่ายกลอลม่านหยกวารีคือหนึ่งในพลังสูงสุดที่สำนักจักรพรรดิใต้สามารถสร้างขึ้นจากพลังหยกวารี เมื่อใดที่ใช้ออก ผู้คนที่สร้างค่ายกลจะถูกหยกวารีเชื่อมโยงร่างจนไม่อาจเคลื่อนไหว ค่ายกลนี้ทรงพลังมาก สามารถรับมือกับพลังระดับสุดขั้ว ทว่าจุดอ่อนข้อใหญ่ของมันก็คือ สามารถสร้างขึ้นจากร่างหยกวารีเพียง 300 ร่างเท่านั้น หากขาดเกินแม้เพียงคนเดียวจะทำให้พลังของมันลดลงขอบเขตใหญ่” เขามุ่นคิ้วลงอีก ถามเสียงต่ำด้วยความตื่นตะลึงในใจที่ยังไม่หาย “ค่ายกลนี้ หากไม่เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ของมัน มันย่อมดักล้อมยอดฝีมือเทวะได้ถึงสามคน แต่คนผู้นั้นกลับสามารถบังคับสำนักจักรพรรดิใต้ให้ใช้ค่ายกลอลม่านหยกวารีออกมาอย่างคาดไม่ถึง จอมราชัน คนผู้นั้นคือ....”

เย่หวูเฉินไม่กล่าวตอบในทันที ทว่าเขามุ่นคิ้วตามคำที่ฉุ่ยหยุนเทียนกล่าว จากนั้นจึงเอ่ยช้าๆ “พูดอีกอย่างก็คือ สิ่งนี้ทำได้เพียงป้องกัน แต่ไร้พลังในการโจมตี.... ดูเหมือนคนพวกนั้นต้องการให้มันสูญเสียหนทางในการหลบหลีกแม้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ต่อให้เป็นเวลาชั่ววินาทีเดียวก็ยังดี ซึ่งนั่นแสดงว่า....” เย่หวูเฉินหยุดเสียงลงชั่วขณะ เงยศีรษะขึ้นแล้วถาม “ฉุ่ยหยุนเทียน สำนักจักรพรรดิใต้ดำรงมานับไม่รู้กี่ปี ไพ่ที่กำไว้ในมือย่อมไม่ใช่ขยะ มันย่อมมีเนื้อแท้ซ่อนอยู่ เจ้าสมควรรู้ว่ามันคือสิ่งใด”

ฉุ่ยหยุนเทียนได้ฟังคำก็ตะลึง สีหน้าเปลี่ยนขณะกล่าว “จอมราชัน ท่านกล่าวได้ถูกต้อง สำนักจักรพรรดิใต้ครอบครองโล่หยกวารีสังหารเทพจำนวนสองใบตั้งแต่ครั้งก่อตั้งสำนัก โล่นี้มีลักษณะไม่หนานักและกระจ่างใสดุจน้ำแข็ง ทว่ามันไร้ประโยชน์ต่อคนอื่น แต่แกร่งกล้าเมื่ออยู่ในมือสำนักจักรพรรดิใต้.... มันสามารถสั่งสมพลังหยกวารีได้ในขอบเขตใหญ่! ดังนั้น ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้แต่ละรุ่นจึงเติมพลังหยกวารีบางส่วนลงไปและตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น พลังที่มันสั่งสมไว้ย่อมไม่มีมนุษย์ธรรมดาใดสามารถจินตนาการได้ โล่หยกวารีสังหารเทพเองก็มีขีดจำกัดเช่นกัน เมื่อ 23 ปีก่อน โล่หยกวารีสังหารเทพได้ถึงจุดอิ่มตัวหลังจากไม่ทราบว่าสั่งสมพลังมากี่ปี เพราะหลายยุคสมัยที่ผ่านมา ไม่ปรากฎสิ่งใดที่บีบคั้นสำนักจักรพรรดิใต้ให้ใช้มันได้ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใช้ออกมันจะทรงพลังเพียงใด ทว่าอย่างน้อย.... หากปล่อยพลังมันลงสู่ผืนดินจากท้องฟ้า มันย่อมทำลายอาณาจักรเทียนหลงได้โดยง่าย!”

เย่หวูเฉิน “......”

“โล่หยกวารีสังหารเทพสองใบ....ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่?” เย่หวูเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถาม

“ยังมี.... โซ่ตรวนผนึกปีศาจ ที่สามารถผนึกจิตวิญญาณของโลกหล้า ยังมีกระจกสังสาระหยกวารี ที่เมื่อใส่พลังหยกวารีลงไปจนเพียงพอแล้ว มันสามารถสะท้อนพลังทุกอย่างได้หมดสิ้น ทั้งสองสิ่งนี้คือวัตถุล้ำค่าสูงสุดของสำนักจักรพรรดิใต้ มีเพียงประมุขสำนักเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ใช้ โซ่ตรวนผนึกปีศาจเวลานี้อยู่ในมือของฉุ่ยหยุนหลัน เช่นเดียวกับกระจกสังสาระหยกวารีที่ไม่เคยใช้มาตลอดหลายปีก็อยู่ในมือมันเช่นกัน”

“กระจกสังสาระหยกวารี....” เย่หวูเฉินกล่าวชื่อนี้ทวนอีกครั้งด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“จอมราชัน คนที่อยู่ข้างนอกนั่นแท้จริงแล้วเป็นใคร?” ฉุ่ยหยุนเทียนไม่อาจระงับความสงสัยในใจได้ และถามอีกครั้งเสียงเบา

“คนผู้นั้น.... ไม่ใช่มนุษย์” เย่หวูเฉินกล่าวตอบเพียงสั้นๆ

ฉุ่ยหยุนเทียน “......”

..................

..................

ค่ายกลอลม่านหยกวารีขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นด้วยความเร็วยิ่งยวด ก่อร่างเป็นค่ายกลรบน่าหวาดหวั่น พลังโจมตีของวิชาหยกวารีอ่อนด้อยกว่าวิชาเพลิงวิญญาณแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ทว่าเมื่อกล่าวถึงความสามารถในการสั่งสม มันเหนือล้ำไปห่างไกล ค่ายกลอลม่านหยกวารีนี้คือหนึ่งในกลยุทธที่สำนักจักรพรรดิเหนือรู้จักดีและเกรงกลัว ไม่ต้องกล่าวถึงคนธรรมดา กระทั่งประมุขรุ่นก่อนของสำนักจักรพรรดิเหนือ ยอดฝีมือระดับสูงสุด เหยียนเทียนสงผู้เป็นบิดาของเหยียนต้วนหุนเมื่อติดกับแล้วยังยากที่จะหลบหนี

ขณะที่ค่ายกลก่อร่างขึ้นได้หนึ่งในสิบส่วน เจวี๋ยเทียนที่มองหาเป้าหมายก็ตระหนักถึงแสงสีฟ้าบางเบาขยายออกทุกทิศทาง ฉับพลันนั้นสายตาก็เต็มไปด้วยเส้นแสงสีฟ้า แต่ละเส้นบางมากจนไม่อาจมองเห็นได้โดยบุคคลธรรมดา เจวี๋ยเทียนกวาดสายตามอง จากนั้นจึงพลันทราบว่าเส้นบางเหล่านี้เกิดขึ้นจากร่างผู้คนที่อยู่โดยรอบ หน้า หลัง ซ้าย ขวา.... ทุกทิศทางส่งเข้ามาประสานกัน

สัมผัสรัดรึงส่งผ่านมายังร่าง เป้าหมายสุดท้ายของเส้นสายหยกวารีคือที่ร่างของเขา เวลานี้ มันกำลังสัมผัสร่างของเขาอย่างเงียบงัน

“ลงมือ!”

จากสถานที่ไกล ฉุ่ยเสวียนฟงตะโกนส่งเสียง จากนั้นทั้งสามร้อยคนแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ก็ตะโกนตาม ดึงรัดสายใยหยกวารีให้แน่นขึ้นในฉับพลัน โครงข่ายหยกวารีขนาดใหญ่ที่คลุมฟ้า ฉับพลันหดลงเหลือขนาดกลาง กักขังเจวี๋ยเทียนไว้ภายใน ร่างของเขาถูกเส้นสายนับไม่ถ้วนรัดไว้ ทั้งสองขา สองมือ ลำคอ และร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีส่วนใดในร่างที่ไม่ถูกพันไว้

แม้ว่าจะเห็นเป็นแสงสีฟ้าจาง ทว่าแต่ละเส้นแฝงพลังแกร่งกล้าของหยกวารี ยิ่งมันประสานกันการทำลายย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ต้องกล่าวถึงเส้นใยมหาศาลที่ผสานกัน ไม่ว่าผู้นั้นมีความสามารถในการหลบหนีเพียงใด ก็ล้วนไม่ต่างจากถูกพันธนาการไว้ สิ่งแรกที่มันสร้างขึ้นคือการกำจัดการเคลื่อนไหวของผู้คนให้ลดลง ทำให้ยอดฝีมือที่ติดกับไม่อาจใช้พลังได้เต็มที่

เมื่อเห็นมันติดอยู่ตรงกลางไร้การดิ้นรน ทุกผู้คนในสำนักจักรพรรดิใต้ต่างระบายลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ใบหน้าเผยร่องรอยแห่งความสุข พลังของค่ายกลอลม่านหยกวารีไม่มีผู้ใดรู้ชัดยิ่งกว่าพวกตน ทว่าเจวี๋ยเทียนผู้นี้แกร่งกล้าถึงขีดสุด พวกเขาจึงไม่กล้าคิดหวังให้ค่ายกลนี้หยุดมันได้โดยสมบูรณ์ หวังเพียงให้หยุดได้สักหลายวินาทีก็พอใจแล้ว

เมื่อได้ยินคำสั่งของฉุ่ยเสวียนฟง พวกเขาก็เดาออกทันทีว่าเขาคิดทำสิ่งใด รวมทั้ง....ประมุขสำนักฉุ่ยหยุนหลันก็ไม่ได้ออกมาตั้งแต่เริ่มต้น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอจังหวะสำคัญอยู่ในที่ลับ แม้ว่าเขาจะเสียแขนไปข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ายามเผชิญหน้ากับศัตรูน่าหวาดหวั่นเพียงนี้ เขาจะยังปิดตนรักษาตัวได้

เจวี๋ยเทียนกวาดสายตาเย็นเยียบ สัมผัสพลังหยกวารีที่พันรอบกายตน จากนั้นแค่นเสียงต่ำออกจากปาก “ลูกไม้น่าหัวร่อ กลับคิดหวังใช้ดักข้าเจวี๋ยเทียน!”

เจวี๋ยเทียน.... ดังนั้น ทุกผู้คนจึงได้ยินนามนี้ ทั้งหมดจดจำชื่อนี้ไว้ในใจ ทว่าสำหรับคนจำนวนมากในสำนักจักรพรรดิใต้ นี่เป็นชื่อสุดท้ายที่พวกเขาจะได้ยิน

เจวี๋ยเทียนเงยศีรษะขึ้นอย่างไร้อารมณ์ เส้นใยหยกวารีส่วนใหญ่ที่พันร่างอยู่ขาดออกทันที ทว่าฉับพลันนั้น เส้นใยหยกวารีสายใหม่ก็พุ่งเข้ารัดในตำแหน่งเดิม สุดท้าย เจวี๋ยเทียนมุ่นคิ้วเล็กน้อย สีหน้าทะมึนลง พลังเทพถูกโคจร ร่างกายขนาดใหญ่เกร็งกำลังอย่างบ้าคลั่งกลางอากาศ ทันใดนั้น เส้นใยทั้งหมดก็ขาดสะบั้นลงด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อย ยอดฝีมือระดับสูงสุดทั้งสามร้อยคนของสำนักจักรพรรดิใต้ก็พ่ายลง ในเวลาเดียวกันนั้น หอกยาวในมือก็เหวี่ยงออก ปรากฎเงาหอกนับร้อยร่วงลงจากฟ้า แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบตกลงสู่ผืนปฐพี

เกิดการระเบิดเลือนลั่นขึ้นอีกครั้ง ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้หลายสิบถูกเงาหอกแทงร่างตกตายตามกันทันที ทว่าทันใดนั้น คนสำนักจักรพรรดิใต้ที่เตรียมรออยู่ด้านหลังก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว ค่ายกลอลม่านหยกวารีที่เพิ่งพ่ายลงก็ก่อร่างขึ้นอีกครั้ง เส้นใยหยกวารีขึงจากล่างขึ้นสู่ฟ้า ย่อมไม่ง่ายที่จะหลบหนี

“ฮึ่ม!”

เจวี๋ยเทียนแค่นเสียงเย็นและกวาดตามองอีกครั้ง หากยามนี้มันชะงักค้างกลางอากาศและไร้การดิ้นรน ขณะที่ผู้คนเกิดความสงสัย ร่างของมันก็มีสายฟ้าสีม่วงสว่างวาบออกฉับพลัน สายฟ้าแล่นไปตามเส้นใยหยกวารีที่พันร่าง ส่งลงไปยังคนที่อยู่เบื้องล่างแต่ละคน

สายฟ้าลามเลียลงไปเป็นผืนใหญ่ เสียงสายฟ้าประสานเสียงกรีดร้องของผู้คนดุจทำนองเพลง จากนั้นไม่นาน กลิ่นเหม็นไหม้ก็โชยแตะจมูกทุกผู้คน....

ค่ายกลอลม่านหยกวารีทำลายลงสมบูรณ์ มากกว่าสามร้อยคนที่อยู่ในกระบวนค่าย ต่างร่างเป็นอัมพาต เสื้อผ้าทั่วกายไหม้เกรียม ผิวหนังเป็นสีแดงก่ำดุจไฟ ผู้ที่อ่อนแอกว่าร้อยคนตกตายทันที หลายสิบคนกลายเป็นเถ้าเพราะสายฟ้าโดยตรง

พลังแห่งสายฟ้า.... เทพที่มาจากทวีปเทวะผู้นี้ มีพลังสายฟ้าที่น่าครั่นคร้าม!

สั่นสะท้าน ผู้คนตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมอีกครั้ง ทว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น เผชิญหน้ากับศัตรูปานนี้หากไม่สู้ก็ต้องตายเปล่า พวกเขาทำได้เพียงต่อสู้สุดกำลัง.... แม้จะรู้ตัวว่าทันทีที่พุ่งเข้ามาย่อมเท่ากับตาย ทว่าเพื่อรักษาสำนักจักรพรรดิใต้ไว้ พวกเขาต้องยอมเป็นหน่วยพลีชีพ

เกิดช่องว่างขึ้นเพียงชั่วขณะ ผู้คนด้านหลังพุ่งเข้ามาแทนตำแหน่งอีกครั้ง ค่ายกลอลม่านหยกวารีก่อร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานที่ได้รับบาดเจ็บก็วิ่งเข้ามาจากสองทิศทาง กู่ร้องคำรามและโจมตีใส่เจวี๋ยเทียน พวกเขาต้องจู่โจมโดยไม่คิดชีวิต ต้องทำให้มันถูกขังอยู่ในค่ายกลอลม่านหยกวารีแม้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ

ค่ายกลอลม่านหยกวารีไม่กาจกักขังสิ่งมีชีวิตที่มีพลังหยกวารี ร่างของฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชานไม่ถูกขัดขวางด้วยเส้นใยหยกวารีสีฟ้านับไม่ถ้วน พวกเขาเคลื่อนผ่านมันโดยตรง จนดูเหมือนไม่ใช่พลังหยกวารีอันแกร่งกล้า ทว่าเป็นเพียงแสงฟ้าธรรมดาเท่านั้น

ในเวลานี้เอง ท่ามกลางเศษซากปรักหักพัง มีคนอีกผู้หนึ่งพุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศ นำพายุพลังเย็นเยียบโจมตีเข้าใส่เบื้องหน้าของเจวี๋ยเทียน ลักษณะขาวผ่องดุจหยกในชุดยาว แขนขวาขยับเคลื่อน ทว่าที่ตำแหน่งแขนซ้ายนั้นกลับว่างเปล่าไร้แขน

“ท่านประมุข!”

มีเสียงตื่นเต้นตะโกนขึ้นอย่างกังวล ยามนี้สามบุคคลล้อมร่างเจวี๋ยเทียนไว้จากสามทิศ เป็นการประสานโจมตีของยอดฝีมือเทวะทั้งสาม ดวงตาของเจวี๋ยเทียนวาบประกายสีม่วง โดยไร้คำเตือนใดๆ หอกยาวในมือถูกปล่อยออกฉับพลัน มันพุ่งกรีดอากาศไปยังร่างของฉุ่ยหยุนหลัน ทุกแห่งที่หอกพุ่งผ่าน มันจะทิ้งรอยคลื่นตัดผ่านเอาไว้ ในเวลาเดียวกัน เจวี๋ยเทียนยื่นมือซ้ายและมือขวาออกทั้งสองข้าง คว้าไปยังฉุ่ยเสวียนฟงและฉุ่ยม่านชาน พลังหยกวารีที่พันแขนมันไว้ กลับไร้ผลหยุดยั้งใดๆ

“ท่านประมุข!!”

“ท่านประมุขระวัง!”



<<<PREV    .    NEXT>>>