วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 387

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 387 วังสตรีหิมะเยือกแข็ง (1)

“ลงไปเล่นกันเถอะ ที่นี่หนาวเย็นอย่างมาก ย่อมไม่มีใครรบกวนพวกเรา ข้าเองก็ไม่ได้เล่นหิมะมานานแล้ว”

ใบหน้าของเสี่ยวโม่เผยรอยยิ้มแห่งความสุข หัวเราะร่าอย่างพอใจ นางนำเย่หวูเฉินลอยลงพื้นช้าๆ ขณะเท้าแตะลงก็จมลึกในหิมะหนา ที่นี่มีหิมะตกตลอดปี ภายใต้หิมะก็ยังคงเป็นชั้นหิมะ

“ว้าว! หิมะทั้งนั้น นุ่มดีจัง....” เสี่ยวโม่ส่งเสียงน่ารักอ่อนหวาน ทันใดนั้นนางก็ล้มลงบนพื้นหิมะ หัวเราะเบิกบานปล่อยให้ร่างจมลงไป เพลิดเพลินกับความเย็นที่นุ่มนวล

เสี่ยวโม่เกลือกกลิ้งบนพื้นหิมะ ทิ้งรอยของร่างบางไว้บนแผ่นผืน บ่อยครั้งที่ยื่นมือขึ้นรับเกล็ดหิมะที่โปรยลงมา บางทีก็ตกลงบนศีรษะ เบิกบานราวได้อาบหิมะ ที่นี่เงียบงัน กระทั่งสายลมยังโชยมาน้อยครั้ง เสียงหัวเราะของสาวน้อยจึงเติมเต็มเหนือเสียงอื่นใด เวลานี้ เสี่ยวโม่ไม่กังวลถึงอนาคต ในโลกอันไร้สิ่งรบกวน มีบุคคลที่นางงมงายอยู่เคียงข้าง

เย่หวูเฉินฟังเสียงหัวเราะของนาง มุมปากไม่อาจอดได้นอกจากยิ้ม ในใจครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ‘เสวี่ยเอ๋อร์ชอบสีขาว นางจะต้องชื่นชอบที่นี่มากแน่’

สายลมอ่อนโยนพุ่งมายังใบหน้า เย่หวูเฉินไม่เบี่ยงหลบ ปล่อยให้หิมะก้อนเล็กๆกระทบใบหน้า ในหูได้ยินเสียงเอาแต่ใจของเสี่ยวโม่ดังมา “ท่านพ่อ มาเล่นกันเถอะ!”

เย่หวูเฉินโกยหิมะขึ้นมาปั้น จากนั้นที่ด้านข้างของสายตา เขาก็เหวี่ยงมือออกไป ก้อนหิมะที่เพิ่งปั้นไว้พุ่งไปที่ด้านข้าง

เอ๋ง~!

เสียงร้องน่าสงสารดังขึ้น หมาป่าหิมะร่างขาวที่ย่องเข้ามาถูกก้อนหิมะเขวี้ยงใส่ หมาป่าหิมะตัวโตกลับกระเด็นเกลือกกลิ้งไปไกล มันลุกขึ้นยืนขาสั่น จากนั้นวิ่งหนีหายลับตาไปในโลกสีขาว

ครึ่งวันและหนึ่งคืนตลอดการบิน พลังของเย่หวูเฉินฟื้นคืนมาได้ราวเจ็ดถึงแปดส่วน แม้ว่าดวงตาของเขาไม่อาจมองเห็น แต่การฟังอันว่องไวทำให้เขารับรู้ถึงหมาป่าหิมะที่เข้ามาใกล้ จากนั้นจึงใช้พลังหวูเฉินบรรจุลงในก้อนหิมะแล้วขว้างใส่มัน

“ฮี่! ท่านพ่อเก่งกาจจริงๆ ขนาดมองไม่เห็นก็ยังขว้างถูกอย่างแม่นยำ”

“เชื่อหรือเปล่าว่า ข้ายังสามารถขว้างให้โดนเสี่ยวโม่?” ว่าแล้วเย่หวูเฉินก็ปั้นหิมะขึ้นมาอีกก้อนหนึ่ง

“งั้นท่านพ่อมาแข่งกันมั้ย? ถ้าขว้างถูกถือว่าเสี่ยวโม่แพ้ แต่ถ้าขว้างไม่ถูก ก็ถือว่าท่านพ่อแพ้” เสี่ยวโม่ยิ้มกล่าว

“หากชนะแล้วจะได้สิ่งใดเป็นรางวัล?”

“ฮี่! ข้ายังไม่บอกท่านพ่อหรอก.... มาๆ เอาเลย เร็วเข้า!” เสี่ยวโม่ส่งเสียงตะโกน กระโดดหยองแหยงบนหิมะ โบกมือให้เย่หวูเฉินด้วยรอยยิ้ม เย่หวูเฉินพอปั้นหิมะเสร็จก็กำไว้และชูขึ้น “ได้เลย แต่ตกลงกันก่อน ว่าให้หลบเอาเท่านั้น ห้ามใช้พลังใดๆ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเสี่ยวโม่เป็นฝ่ายแพ้”

“ฮึ่ม ไม่ต้องอาศัยอย่างอื่น ท่านพ่อก็ขว้างข้าไม่โดนแล้ว” เสี่ยวโม่เชิดจมูกน้อยๆขึ้น กล่าวคำคล้ายขัดเคืองเล็กน้อย

“ถ้างั้นก็.... ระวัง” เย่หวูเฉินชูมือขึ้น แล้วขว้างออกไปทันที ก้อนหิมะพุ่งไปด้วยความเร็วน่าตระหนก มันบินไปยังตำแหน่งของเสี่ยวโม่

“ฮี่!” เสี่ยวโม่เลิกคิ้วบางพระจันทร์ขึ้น ฝีเท้าขยับออกด้านข้างอย่างผ่อนคลาย ทว่าทันใดนั้น ก้อนหิมะที่บินมาก็แยกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งพุ่งไปทางซ้าย อีกครึ่งพุ่งไปยังจุดที่เสี่ยวโม่กำลังยืนอยู่

ฟิ้ว.... หิมะขาวพุ่งผ่านหูของเสี่ยวโม่ นางเพียงเอียงร่างหลบอีกครั้งสบายๆ แม้หิมะจะแยกออกเป็นสองก้อน แต่ก็ยังคงไม่ถูกนาง

“ไม่เอาน่า ท่านพ่อ!” เสี่ยวโม่โบกมือน้อยๆยียวน ส่งเสียงยั่วโมโหเขา

หิมะก้อนใหม่พุ่งเข้าใส่เสี่ยวโม่ แม้ว่าเย่หวูเฉินมองไม่เห็นสิ่งใด แต่เขาก็สามารถระบุตำแหน่งนางได้ถูกต้อง อาศัยจากเสียงและกลิ่นอาย หลังจากขว้างหิมะออกไป เย่หวูเฉินก็โกยหิมะขึ้นในมือซ้ายแล้วขว้างต่อทันที หิมะสองก้อนพุ่งไปยังเสี่ยวโม่และดักทางนาง

สองเสียง ฟุ่บ ฟุ่บ พุ่งผ่าน ล้มเหลวสิ้นเชิงเหมือนครั้งก่อน

“มาเลยๆ เอาอีกๆ ท่านพ่ออย่าแพ้ลูกสาวสิ” เสี่ยวโม่ยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข ขณะยั่วโมโห นางยังขยับเท้าเข้ามาข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง ย่นระยะห่างจากนางกับเย่หวูเฉินด้วยตัวเอง

มุมปากของเย่หวูเฉินยกขึ้นเงียบๆ หลังจากที่นิ่งงันอยู่ชั่วขณะ ก้อนหิมะในมือก็ถูกขว้างออกฉับพลัน ปรากฎเป็นเส้นสีขาวพุ่งไป แม้ไม่ได้รวดเร็วมากนัก ทั้งยังเบาหวิวราวกระดาษขาวที่ถูกลมพัด ทว่าเมื่อบินไปได้ครึ่งทางมันก็แตกออกทันที จากหนึ่งแยกออกเป็นหก ก้อนหิมะทั้งหกยังเร็วขึ้นฉับพลัน บินไปเป็นรูปหกเหลี่ยมตรงไปที่เสี่ยวโม่ ในขณะเดียวกัน เย่หวูเฉินก็โกยหิมะขว้างตามไปอีกหลายก้อน ก้อนหนึ่งตรงไปยังจุดที่เสี่ยวโม่ยืนอยู่ ก้อนที่เหลือขว้างไปแบบสุ่ม

ฟุ่บ.... ฟุ่บ.... ฟุ่บ....

มือของเย่หวูเฉินเร็วขึ้นเรื่อยๆ แขนที่เหวี่ยงขว้างปรากฎเป็นเงาที่ไม่อาจมองเห็นชัด ก้อนหิมะบินว่อนราวกระสุนปืนใหญ่ บางลูกพุ่งช้า บางลูกพุ่งเร็ว บางลูกก็แตกออก ทว่าอีกฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม เสี่ยวโม่ในชุดเหลืองอ่อนกำลังร่ายรำไปมาในอากาศปั่นป่วน หลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่องทิ้งเป็นเงา หิมะที่พุ่งกระหน่ำบ้าคลั่งกลับไม่อาจถูกร่างนางแม้แต่ก้อนเดียว

เสียงหัวเราะของเด็กสาวผสานกับก้อนหิมะร่ายรำในอากาศ ราวกับผีเสื้อเหลืองระบำเริงร่าอย่างอิสระ เพลิดเพลินเริงใจไร้ที่เปรียบ ดวงตาของเย่หวูเฉินหรี่ลงขณะมองเบื้องหน้า แม้ว่าไม่อาจมองเห็นนาง แต่จากเสียงที่ได้ยิน ก็ทำให้เห็นภาพนางโลดเต้นปรากฎชัดเจนในสมอง มุมปากเผยรอยยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ จนถึงตอนนี้ เขาขว้างหิมะโดยไม่ได้สนใจว่าจะต้องถูกนางแล้ว

หิมะคว้าขึ้นบนมือ เย่หวูเฉินถอยหลังแล้วขว้างหิมะต่อเนื่องหกขนาด เสวี่ยโม่อุทานเล็กน้อย ร่างเพรียวบนเอวบางบิดหลบหิมะหกก้อนอย่างง่ายดาย ร่างกายไร้ร่องรอยหิมะ แม้นางแสดงกายกรรมเป็นเวลานาน แต่หิมะใต้ร่างกลับไม่ปรากฎรอยเท้าใดๆ

นางหยุดร่างลง ทว่าไม่มีเสียงสายลมพุ่งมาอีก เสี่ยวโม่จ้องมองไปทางเย่หวูเฉิน “ท่านพ่อ.... เอ๋?”

เบื้องหน้าของนางกลายเป็นว่างเปล่า เย่หวูเฉินที่ขว้างหิมะอยู่ตรงนั้นกลับหายตัวไป

บนใบหน้า ฉับพลันมีความเย็นของน้ำแข็งแผ่มาถึง มือคู่หนึ่งกำกลุ่มหิมะแปะบนใบหน้านาง น้ำเสียงที่คุ้นเคยและอ่อนโยนดังที่ข้างหู “เสี่ยวโม่ เจ้าแพ้แล้ว”

เสี่ยวโม่หันขวับมาทันที ไม่ยอมรับพร้อมเชิดจมูกขึ้น นางบุ้ยปาก “ท่านพ่อไร้ยางอายจริงๆ! ท่านใช้ทักษะของจิ้งจอกน้อยตัวนั้น!” นางเดาได้ทันทีว่าที่เย่หวูเฉินปรากฎตัวอย่างไร้ร่องรอยขึ้นที่เบื้องหลังของนางได้นั้น มาจากพลังย้ายตัดมิติของเซียงเซียง

“แต่เสี่ยวโม่ไม่ได้บอกนี่นา ว่าห้ามให้เซียงเซียงช่วย เพราะงั้นวิธีนี้ไม่นับว่าไร้ยางอาย” เย่หวูเฉินเอาก้อนหิมะแปะลงบนใบหน้านางอีกครั้ง ยิ้มแฉ่งขณะมองหน้านางที่เริ่มแดงขึ้น ภายใต้หิมะที่ขาวกระจ่าง ใบหน้านางที่ถูกกวนโมโหช่างดูน่ารัก

แม้ถูกหิมะทาบบนใบหน้า แต่หากสัมผัสกลับมิใช่ความหนาวเย็น นางรู้สึกราวกับว่ามีความอบอุ่นแผ่มาจากฝ่ามือ ทันใดนั้นนางก็เขย่งปลายเท้า ปีนลำคอของเขาทันที นางกัดใบหน้าและทิ้งรอยเขี้ยวไว้ จากนั้นวิ่งหนีออกไป ไม่ยอมให้เขาเห็นสีหน้าของนางในยามนี้

“นี่คือการลงโทษที่ท่านพ่อใช้วิธีไร้ยางอาย และเป็นรางวัลที่ท่านพ่อชนะ”

เสียงของเสี่ยวโม่ลอยมาหลังจากที่วิ่งออกไปไกล เย่หวูเฉินยกมือขึ้นสัมผัสตรงจุดที่นางกัด ท่าทางดูคล้ายเหม่อลอย

ลูกสาวข้า.... เจ้าอยู่แห่งใด.... เจ้ายังคงรอข้าอยู่ใช่มั้ย?

หยอกล้อกับเสี่ยวโม่เป็นเวลานาน ท้องฟ้าตอนนี้สว่างจ้า พวกเขาบินกลับขึ้นสู่ท้องฟ้า มองยังแผ่นผืนสีขาวสุดสายตา เหนือสุดของอาณาจักรชางหลาน คือดินแดนที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนตลอดปี ทุกวี่วันล้วนแต่เป็นเช่นนั้น

“เซียงเซียง ใกล้ถึงหรือยัง?” เย่หวูเฉินตั้งสมาธิและถามเซียงเซียงในใจ เขาไม่อาจมองเห็นบริเวณโดยรอบ ไม่อาจระบุตำแหน่งที่ตั้งอันแน่นอน ทว่าในใจสามารถนึกภาพแผนที่อาณาจักรชางหลานได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะตำแหน่งของวังสตรีหิมะ ที่แห่งนั้นไม่มีมนุษย์ธรรมดาใดรอดชีวิตได้ วังสตรีหิมะเป็นสถานที่โดดเด่นสะดุดตา เขาเป็นเจ้านายของเซียงเซียง ผูกโยงกันด้วยวิญญาณ ดังนั้น เขาจึงสามารถให้เซียงเซียงมองเห็นภาพผ่านทางวิญญาณที่เชื่อมโยง

จากนั้นครู่หนึ่ง ในสมองก็มีเสียงตอบกลับของเซียงเซียง เย่หวูเฉินชี้ไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อย “ผ่านตรงนั้นไปอีกครู่หนึ่ง พวกเราก็จะถึงยังจุดหมาย จะสามาถมองเห็นที่นั่นได้อย่างชัดเจนทันที”

ในสายตาปรากฎเพียงโลกโดดเดี่ยว ปราสาทหลังหนึ่งย่อมสังเกตเห็นได้โดยง่าย จากข่าวที่ทราบมาวังสตรีหิมะแท้จริงแล้วสร้างขึ้นจากผลึกน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ไม่ทราบว่ามันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใด สรุปคือมันดำรงอยู่มายาวนานแล้ว ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้โชคดีได้เข้าไปในวังสตรีหิมะ มีจำนวนที่น้อยยิ่ง

วังสตรีหิมะใหญ่โตอย่างมาก แต่กล่าวกันว่ามีคนอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คน และแน่นอนย่อมเป็นสตรี ส่วนเสวี่ยหนี่ย่อมมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นที่เหลือคือสาวใช้ของเสวี่ยหนี่ แม้ว่าจะมีกันเพียงไม่กี่คน แต่วังสตรีหิมะเป็นสถานที่ซึ่งไม่มีใครกล้ายั่วยุ สำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือยังไม่เคยคิดก้าวล่วงล้ำ ในอดีต เหยียนจื่อเมิ่งถูกช่วยเหลือไว้โดยเสวี่ยหนี่ เหยียนต้วนหุนยังไม่ลังเลบอกให้เหยียนซีหมิงเลิกไล่ตาม ตลอดสามปีไม่เคยลงมือต่อวังสตรีหิมะ เนื่องจากหากเป็นสถานที่อื่นในทวีปเทียนเฉิน พวกเขาสามารถไม่กลัวต่อเสวี่ยหนี่ แต่ว่าในดินแดนอันเป็นที่ตั้งของวังสตรีหิมะ ไม่ว่ายอดฝีมือคนใด เมื่อมายังที่แห่งนี้ย่อมถูกบั่นทอนพลังลงมากด้วยความเหน็บหนาว ทำให้ไม่อาจสำแดงพลังที่แท้จริง ยิ่งหากมีพลังอ่อนด้อยยิ่งไม่อาจทนอยู่ได้นาน ในขณะที่คนของวังสตรีหิมะจะอยู่ในสภาพแกร่งกล้าสูงสุด พวกนางไม่เพียงไม่หวั่นกลัวต่อความเหน็บหนาว ตรงกันข้าม กลิ่นอายของหิมะและน้ำแข็งยังช่วยเพิ่มพลังให้พวกนางขึ้นอีกช่วงใหญ่ ในขณะเดียวกัน ทุกเกล็ดหิมะยังเชื่องเชื่อต่อพวกนาง พร้อมที่จะกลายเป็นศาสตราคมกล้า

“หนาวหรือเปล่า?” เย่หวูเฉินกอดเสี่ยวโม่แน่นขึ้น มืออีกข้างหนึ่งแตะบนใบหน้านาง

อุณหภูมิยังคงลดลงต่อเนื่อง ยิ่งขึ้นเหนือไปไกลมากเท่าใด อุณหภูมิยิ่งลดลงอย่างน่ากลัว จนถึงตอนนี้ เขาพบว่าร่างกายของเสี่ยวโม่เริ่มแข็งค้างเป็นบางครั้ง ขณะเดียวกัน นางยังต้องออกแรงโคจรพลังคุ้มร่างเพิ่มขึ้น ต่อต้านความเย็นที่ยิ่งมายิ่งกัดกร่อน พลังของนางด้อยกว่าทงซิน แต่เมื่อเทียบกับเหยียนเทียนเว่ยแล้ว นางยังคงเหนือกว่าอยู่หลายส่วน กระนั้นด้วยพลังของนาง กลับยังไม่อาจต้านทานความเย็นของที่นี่ได้โดยง่าย

“ไม่หนาว” เสี่ยวโม่สั่นศีรษะ ทว่ายังแอบเพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย ลมเย็นโบกพัดเข้ามา ทำให้ร่างของนางเริ่มสั่นเทา คิ้วของนางขมวดมุ่น พลังคุ้มร่างถูกโคจรเพิ่มอีกครั้ง ขับไล่ความหนาวเย็นที่ทำให้ไม่สบายกาย



<<<PREV    .    NEXT>>>